บิดหัวให้หมุนและเอามาเตะเป็นลูกฟุตบอล
เมื่อได้ยินเสียงที่หยิ่งผยองอหังการเช่นนี้ทุกคนต่างก็ตกใจกลัว
พี่ชาย,คุณรู้หรือเปล่าว่ากำลังพูดกับใคร นี่คือสมเด็จพระสันตะปาปาแห่งศาสนจักร , ชายผู้ทรงพลังที่สุดของทั่วทั้งทวีปเสือและทรงอำนาจยิ่งกว่าประธานาธิบดีเชียวนะ ! เขาสามารถตัดสินชีวิตคนนับล้านได้ด้วยการผงกหัวของเขา
ทุกคนต่างมองไปที่ทางเข้าพวกเขาอยากเห็นหน้าชายที่กล้าหาญคนนี้
สิ่งที่พวกเขาได้เห็นก็คือชายวัยกลางคนที่ดูท่าทางเย่อหยิ่งคิ้วของเขาเฉียบคมราวกับกระบี่, ดวงตาของเขาสดใสราวกับดวงดาว ใบหน้าของเขาดูเหมือนกับว่าได้รับการสลักเสลาจากพระผู้เป็นเจ้า มันคมกริบเข้ารูปเท่าที่จะเป็นไปได้ ชายวัยกลางสีหน้าเต็มไปด้วยความทนงตน เหยียดหยามทุกผู้คนและโลกหล้า เขาสวมเสื้อคลุมที่ทำจากหนังเสืออัคคี ทั่วทั้งร่างปลดปล่อยกลิ่นอายกดขี่ผู้คนที่ไร้เทียมทานออกมา
เสืออัคคีนั้นคือสัตว์อสูรที่ทรงพลังมากกว่าสัตว์ร้ายทั่วไปแม้แต่ลอร์ดออกัสตัสแห่งสมาพันธ์เทพนภาก็ยังไม่อาจฆ่าเสืออัคคีได้อย่างง่ายดาย แต่ความจริงที่ว่าชายวัยกลางคนผู้นี้สวมเสื้อคลุมที่ทำจากหนังเสืออัคคีนั้นคือข้อพิสูจน์ของพลังที่น่าเหลือเชื่อของเขา !
แต่สิ่งที่น่าตกตะลึงที่สุดก็คือ…ชายวัยกลางคนผู้นี้ไม่ได้อยู่ในร่างกายหยาบ เขาปรากฏตัวในร่างอวตารเช่นเดียวกับพระสันตะปาปา ซึ่งเป็นร่างที่ก่อตัวขึ้นจากพลังทางจิตวิญญาณของสุดยอดฝีมือชั้นสูง !
ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาพร้อมกับชายอีกคนหนึ่งชายคนที่สองนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือราชันกระบี่หัวเซี่ย,เนี่ยอู๋ซวงนั่นเอง เมื่อเห็นชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆเนี่ยอู๋ซวงดวงตาก็ฉิงเฟิงก็เริ่มมีน้ำตาซึม เขาตัวสั่นเทาและเริ่มร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกตื่นเต้นยินดี
พะ… พ่อ ! ฉิงเฟิงพึมพำ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยรอยน้ำตาที่หลั่งไหลไม่ขาดสาย
พ่อแม่ของฉิงเฟิงหายตัวไปตั้งแต่เขาอายุแปดขวบแต่เขาก็ยังมีความทรงจำเมื่อตอนที่ยังเป็นเด็ก ใบหน้าของพ่อยังคงเหมือนเดิม หล่อเหลา, ดุดัน, อหังการ ไม่สะทกสะท้านต่อทุกคนและทุกสิ่งในโลกหล้า
ซานเย่ข้าจะไปปลดพันธนาการจากม่านพลังให้ฉิงเฟิงก่อน เนี่ยอู๋ซวงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อครั้งก่อนที่เนี่ยอู๋ซวงแยกทางกับฉิงเฟิงเขารั้งอยู่ในทวีปเสือเพื่อค้นหาความลับของถ้ำลึกลับในแดนต้องห้ามของภูเขาคุนหลุน ต่อมาเขาก็พบมันและได้กลับเข้าสู่ดินแดนต้องห้ามอีกครั้ง เนี่ยอู๋ซวงได้พบกับราชันผู้พิชิตหลี่ซานเย่ที่ด้านล่างของหน้าผาเขาถูกขังอยู่ในข่ายอาคมระดับราชาและออกมาไม่ได้
ต่อมาราชันผู้พิชิตก็ใช้วิชาชะตาสวรรค์และรู้ถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายยิ่งยวดต่อชะตาชีวิตของฉิงเฟิงเขาไม่สนใจสถานการณ์ของตัวเองที่ถูกอาคมระดับราชันพันธนาการไว้ เขาได้สร้างอวตารโดยใช้พลังวิญญาณของเขาและส่งมันไปทวีปเสือพร้อมกับเนี่ยอู๋ซวงทันที
เนี่ยอู๋ซวงรู้ดีว่าร่างกายในตอนนี้ของราชันผู้พิชิตเป็นเพียงแค่อวตารเช่นเดียวกับพระสันตะปาปามันไม่สามารถคงอยู่ได้นานนัก เมื่อพลังวิญญาณหมดลงมันก็จะหายไป นี่คือเหตุผลที่เนี่ยอู๋ซวงต้องการช่วยฉิงเฟิงออกมาก่อน
อย่างไรก็ตามราชันผู้พิชิตเพียงแค่โบกมือ เขากล่าวอย่างอหังการว่า
ไม่จำเป็นลูกชายของเราราชันเพียงรังแกผู้อื่นได้ แต่มิอาจถูกรังแกเด็ดขาด ! เขาช่างสมแล้วที่ได้รับการขนานนามว่าราชันผู้พิชิตชายผู้ดุร้ายที่สุดในหัวเซี่ย แต่คำพูดของเขายิ่งน่ากลัวกว่า ทุกคนมองไปที่เขาด้วยความชื่นชม ชายคนนี้ยอมให้ลูกเป็นนักเลงที่รังแกคนอื่นได้ แต่ไม่ยอมให้ลูกถูกผู้อื่นรังแก
หยุดอยู่ตรงนั้นที่นี่คือศาสนวิหาร มันไม่ใช่สถานที่ที่พวกเจ้าจะเผ่นผ่านไปมา อัลบรอนลุกขึ้นยืนและขวางทางราชันผู้พิชิตในทันที
ฮึ่ม
!
ราชันผู้พิชิตแค่นเสียงออกมาอย่างเย็นชาลำแสงสีทองถูกปล่อยออกมาจากดวงตาของเขาด้วยความเร็วอย่างไม่น่าเชื่อและตรงเข้าสู่ร่างกายของอัลบรอน แม้กระทั่งพระสันตะปาปาก็ยังไม่อาจตอบสนองได้ทัน ร่างกายของอัลบรอนได้กลายเป็นหมอกเลือดแล้วหายไปในความว่างเปล่าทันที !
สังหารเพียงการจ้องหน้า !
มันเป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็นการโจมตีที่ทรงพลังขนาดนี้มีบางคนช็อคจนแทบบ้า พวกเขาต่างมองไปด้วยความอึ้งและอ้าปากกว้าง
พวกเขาเคยได้ยินการสังหารด้วยสายตามาก่อนแต่ก็คิดว่ามันเป็นเพียงแค่ตำนานเล่าขวานที่ไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ตอนนี้ทุกคนได้เป็นประจักษ์พยานในการตายของอัลบรอนด้วยการจ้องหน้า พวกเขาต่างก็งงงวย
การสังหารเพียงแววตามันสามารถใช้ได้เพียงผู้ฝึกตนที่ทรงพลังถึงขีดสุดเท่านั้น ยอดฝีมือทั่วไปในขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงนั้นอ่อนแอเกินกว่าจะใช้การโจมตีระดับนี้ได้
ช่างเป็นสายตาที่ทรงพลังอะไรเช่นนี้
ในขณะนี้พระสันตะปาปาเบรุตเริ่มมีสีหน้าเป็นกังวล ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ ไม่ได้มีเพียงแค่พระสันตะปาปาเท่านั้นที่ตกใจออกัสตัสก็ตกใจเช่นกัน อัลบรอนเป็นหนึ่งในสามพระคาร์ดินัลที่ยิ่งใหญ่ของศาสนจักร เขาแข็งแกร่งมาก อีกทั้งยังสวมใส่ ‘เสื้อคลุมแดงแห่งศาสนจักร’ ซึ่งเป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับสูง แต่เขาก็ยังคงกลายเป็นหมอกเลือดจากการโจมตีด้วยสายตาอันยิ่งใหญ่ของราชันผู้พิชิต !
ราชันผู้พิชิตปรากฏตัวอย่างทรงพลังน่าเหลือเชื่อการสังหารด้วยแววตาของเขานั้นราวกับหลุดมาจากเทพนิยาย ทุกคนหวาดกลัวจนหัวหด
สวะโง่เง่า กล้าจับตัวลูกชายของเราราชัน แกมันก็แค่ระดับจิตวิญญาณแท้จริงเท่านั้น ราชันผู้พิชิตกล่าวพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดูถูก
ฟิ้ว!
ราชันผู้พิชิตยิงลำแสงสีทองอันทรงพลังออกมาอีกครั้งแต่คราวนี้เป้าหมายคือม่านแสงวิญญาณของออกัสตัส ด้วยเสียงดังปัง ม่านแสงวิญญาณถูกเป่าเป็นชิ้นๆและเลือนหายไปในความว่างเปล่า
พรวด!
เมื่อม่านแสงวิญญาณแตกสลายออกัสตัสก็พ่นเลือดสดๆออกมามากมาย ใบหน้าของเขาซีดเผือดและร่างกายได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก
เพียงแววตาก็สังหารไปหนึ่ง,เพียงแววตาก็ทำลายม่านแสงวิญญาณโดยที่เจ้าตัวแทบไม่ได้ขยับแม้แต่นิ้วเดียว ทุกคนต่างงงงวย
พะพะ พ่อ… ฉิงเฟิงมีความสุขมากจนไม่อาจพูดออกมาได้ชัดๆ
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เจอหน้ากันมาเป็นสิบๆปีแต่ความผูกพันและสายสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกของพวกเขาเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เขารู้สึกใกล้ชิดกับอวตารในระดับที่ลึกซึ้งถึงกระดูกของเขา
เฟิงน้อยเจ้าจะร้องไห้ทำซากอะไร เราราชันผู้นี้ไม่มีลูกชายที่ร้องไห้เมื่อถูกรังแก มีแต่รังแกพวกมัน ! ราชันผู้พิชิตกล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เขายังคงเจ้ากี้เจ้าการต่อลูกชายของเขาเหมือนเช่นเคย
ฉิงเฟิงเช็ดน้ำตาของเขาและตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า
ใช่ที่ไหนผมแค่ร้องไห้เพราะมีความสุขที่ได้พบพ่อต่างหาก
ราชันผู้พิชิตยื่นมือออกมาแล้วกุมไหล่ทั้งสองข้างของฉิงเฟิงอย่างหนักแน่นเขาจ้องมองฉิงเฟิงหัวจรดเท้า แววตาของเขาดูอบอุ่นขึ้น เขาไม่ได้เห็นหน้าลูกชายมานานกว่า 10 ปีแล้ว จากอดีตเด็กโง่ บัดนี้เติบใหญ่อย่างเข้มแข็งและกลายเป็นชายหนุ่มรูปงามไปเสียแล้ว
เดี๋ยวค่อยคุยไอ้ลูกชาย จงดูพ่อเก็บกวาดขยะรกหูรกตาพวกนี้ ราชันผู้พิชิตกล่าวอย่างดุดันด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
เมื่อได้ยินคำพูดของราชันผู้พิชิตพระสันตะปาปาและออกัสตัสต่างก็เดือดดาล ชายคนนี้กล้าเรียกพวกเขาว่าขยะได้อย่างไร สมเด็จพระสันตะปาปาเป็นผู้ปกครองของทวีปเสือทั้งหมดออกัสตัสเป็นลูกหลานของซุส เทพแห่งเหล่าเทพเจ้าทั้งปวง พวกเขาทั้งคู่ต่างก็ทรงพลังและทรงเกียรติอย่างมากในทวีปเสือ เพียงแค่เสียงฝีเท้าของพวกเขาทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือนยิ่งกว่าแผ่นดินไหวขนาดสิบสองริกเตอร์ แต่พวกเขากลับเป็นขยะในสายตาของราชันผู้พิชิต !
ราชันผู้พิชิตข้ารู้ว่าเจ้าคือเทพสงครามอหังการแห่งหัวเซี่ย แต่ที่นี่คือทวีปเสือ ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมาทำตัวโอหังได้ ออกัสตัสกล่าวอย่างเย้ยหยัน
จงหายไป
!
ราชันผู้พิชิตคำรามอย่างเกรี้ยวกราดเสียงของเขานำมาซึ่งคลื่นพลังอันรุนแรงที่ส่งผลโดยตรงกับร่างกายของออกัสตัส ครืดครืด ครืด ครืด !!!!
ออกัสตัสผงะถอยหลังไปหลายก้าวด้วยใบหน้าซีดเซียวผิดธรรมชาติดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ราชันผู้พิชิตเพียงแค่คำรามออกมาประโยคเดียว แต่พลังงานมหาศาลที่แฝงมาในน้ำเสียงนั้นกลับบีบให้ออกัสตัสต้องถอยรูด
ในเวลานี้ออกัสตัสรู้สึกหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจ
ใช่แล้วความกลัว เขาสงสัยว่าราชันผู้พิชิตบรรลุถึงขอบเขตพลังระดับใดแล้วถึงได้ทรงพลังมากขนาดนี้ มันเป็นไปได้อย่างไรที่เขาสามารถสังหารยอดฝีมือได้ด้วยการจ้องมองราวกับเทพนิยาย มันราวกับว่าเขากลายเป็นเทพ
