ลู่ซวนจี๋จำงูชนิดนี้ได้ตั้งแต่ตอนที่เขาไปปฏิบัติภารกิจกับทีมเขี้ยวหมาป่าในทวีปเสือในเวลานั้นทีมเขี้ยวหมาป่าเกือบจะตกเป็นอาหารของพวกมันเลยทีเดียว
ฉิงเฟิงก็เพิ่งจะนึกออกเขาอดเสียใจต่อการกระทำของตัวเองไม่ได้
เขาหากเขาจำได้เขาคงไว้ชีวิตแทนที่จะฆ่ามัน งูชนิดนี้เต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาท พวกมันจะกรูกันมานับพันตัวเพื่อแก้แค้นให้กับงูเพียงตัวเดียวที่ตายไป
แซ่กๆ…..
เสียงแซ่กๆที่น่ากลัวดังมาจากทั่วทุกมุมชายหาดในขณะที่ผืนทรายเคลื่อนไปทางกลุ่มของฉิงเฟิงทุกคนในทีมต่างยืนระวังหลังให้กันเป็นวงกลม
ฟุ่บฟุ่บ ฟุ่บ !!
งูกว่าหนึ่งหมื่นตัวพุ่งออกมาจากพื้นทรายมุ่งเป้าไปที่พวกเขาด้วยความเกลียดชังในสายตาของพวกมัน
บอสสสสทำไงดีครับ มันมากันเต็มเลย เราทะลวงผ่านไปไม่ได้แน่ๆ
ลู่ซวนจี๋กล่าวด้วยความสยดสยอง
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วเกาะแห่งนี้น่ากลัวกว่าที่คิดและเต็มไปด้วยอันตราย เขาไม่คิดว่าจะเจอปัญหาใหญ่ทันทีที่มาถึง
อย่างไรก็ตามในฝูงงูเกล็ดเพลิงมักจะมีราชาที่คอยสั่งการและจัดการรูปแบบการโจมตีของพวกมัน
ฉิงเฟิงเพ่งมองไปรอบๆแล้วก็ได้เห็นงูเกล็ดเพลิงขนาดยักษ์ตัวหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางงูเกล็ดเพลิงนับพันๆตัวมันมีขนาดใหญ่และสีสันเด่นชัดกว่าตัวอื่นๆ มันคือราชางูเกล็ดเพลิงที่มีขนาดเท่ากับมนุษย์ผู้ชายทั่วๆไปคนหนึ่งเลยทีเดียว นอกจากนี้ที่หน้าผากของมันก็ยังมีลวดลายคล้ายๆมงกุฎอีกด้วย
ใบหน้าของราชางูเกล็ดเพลิงตัวนี้เหมือนมนุษย์มันสามารถแสดงอารมณ์ได้เหมือนมนุษย์อีกด้วย มีการกล่าวกันว่าสัตว์ร้ายบางตัวจะวิวัฒนาการขึ้นหลังจากฝึกฝนเทคนิคการบ่มเพาะพลัง เห็นได้ชัดว่างูตัวนี้ต้องฝึกฝนเทคนิคบางอย่างจนพัฒนารูปร่างและใบหน้าจนเหมือนมนุษย์
ไม่เพียงแค่มนุษย์เท่านั้นที่สามารถฝึกฝนเทคนิคการบ่มเพาะพลังแต่กระทั่งสัตว์และพืชก็สามารถทำได้เช่นกัน
เจ้ามนุษย์บัดซบเจ้ากล้าดียังไงถึงได้ฆ่าสาวกของข้า ราชางูเกล็ดเพลิงพูดออกมาด้วยเสียงดังอย่างไม่คาดฝัน
บะบอส ! งูแม่งวิวัฒนาการจนพูดได้ด้วย ! ลู่ซวนจี๋กล่าวด้วยความหวาดกลัว
ฉิงเฟิงกลอกตาและบอกกับเขาว่า ไม่เห็นจะต้องตกใจ นี่เป็นเรื่องปกติสำหรับสัตว์บ่มเพาะพลัง มันสามารถสื่อสารได้หลังจากฝึกฝนจนถึงระดับหนึ่ง
ลู่ซวนจี๋ลิ้นจุกปากเขาพูดไม่ออกในทันใดและจ้องมองงูเกล็ดเพลิงด้วยความตื่นตระหนก
ลองคิดดูว่ามันจะเป็นความรู้สึกแปลกแค่ไหนหากงูยักษ์เริ่มสื่อสารกับคุณ…
แกเข้าใจผิดแล้วราชางูคนของแกโจมตีพวกฉันก่อน ฉันก็ต้องป้องกันตัวเป็นธรรมดา
มนุษย์ที่น่ารังเกียจมันเป็นเรื่องปกติที่พวกเราจะโจมตีพวกเจ้า เพราะพวกเจ้าบุกรุกถิ่นของพวกเรา, เกาะเพลิงระอุ
เกาะเพลิงระอุไม่ใช่สนามหญ้าของเผ่าพันธุ์ใด,ราชางู ใครบอกว่าเกาะนี้เป็นของพวกแก หากยังมีสมองก็พากันไสหัวไปซะ ฉิงเฟิงแสยะยิ้ม
คนอื่นอาจจะหวาดกลัวจนหัวหดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับฝูงงูนับไม่ถ้วนที่รายล้อมและราชางูที่พูดได้แต่ฉิงเฟิงไม่เป็นเช่นนั้น โลหิตมังกรในร่างของเขาสามารถสะกดข่มอสูรร้ายจำพวกงูได้แทบทุกชนิดเปิดใช้งาน ในอดีตงูดูดเลือดก็ยังยอมจำนนต่อเขาที่นิกายโลหิตสีชาดตอนที่เขาไปช่วยหลินเสวี่ย เจ้ามนุษย์โสมมข้าจะฆ่าพวกเจ้าทั้งหมดในฐานะที่หมิ่นหยามศักดิ์ศรีราชางู !
ราชางูออกคำสั่งให้งูนับพันตัวโจมตีฉิงเฟิงและพรรคพวกทันที
ฉิงเฟิงแสยะยิ้มและเปิดใช้งานโลหิตมังกรในร่างเสียงมังกรคำรามดังขึ้น กลิ่นอายอหังการที่ปกครองเหนือหล้าของมังกรเทวะปรากฏขึ้นบนร่างกายของเขาทันที ส่งผลให้ต่อสัตว์ประหลาดประเภทงูโดยตรง
ฟุ่บฟุ่บ ฟุ่บ …
งูเกล็ดเพลิงที่อยู่ใกล้เขาเริ่มก้มศีรษะลงบนพื้นมันเป็นภาพที่งดงามของงูนับหมื่นตัวที่โค้งคำนับไปยังฉิงเฟิง
ราชางูเกล็ดเพลิงสั่นสะท้านจากส่วนลึกของจิตวิญญาณโดยกลิ่นอายสะกดข่มของโลหิตมังกรมันลดตัวลงบนพื้นและโค้งคำนับฉิงเฟิงเช่นกัน
มันรู้สึกถึงความกลัวตามธรรมชาติจากความลึกของสายเลือดที่มีต่อฉิงเฟิงมันแข็งแกร่งกว่ากลิ่นอายของราชาอสูรเพลิงของเกาะเพลิงระอุเสียอีก
ตัวตนที่มีอำนาจมากที่สุดบนเกาะแห่งนี้ก็คือราชาอสูรเพลิงเธอเป็นผู้หญิงที่ทั้งงดงามและน่าหวาดหวั่น ยามเธออารมณ์ไม่ดีเธอจะฆ่างูโดยไม่กระพริบตา เมื่อก่อนมีงูนับแสนๆตัว แต่ตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่พัน
งูเกล็ดเพลิงเหล่านี้รู้สึกหวาดกลัวต่อฉิงเฟิงยิ่งกว่าราชาอสูรเพลิงเพราะชายหนุ่มคนนี้สามารถฆ่าพวกมันได้ทั้งหมดหากเขาต้องการ พวกมันไม่กล้าขัดขืนเขาอีกต่อไป
บอสครับโคตรเด็ด ! บอสทำให้งูเหล่านี้โค้งคำนับบนพื้นได้ด้วย
ลู่ซวนจี๋มองฉิงเฟิงพร้อมกับชูนิ้วโป้งแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังเกือบจะคุกเข่าต่อหน้าฉิงเฟิงเช่นกันเนื่องจากกลิ่นอายสะกดข่มของโลหิตมังกรที่ฉิงเฟิงปล่อยออกมา
ยังดีที่โลหิตมังกรเทวะมีผลในการปราบสัตว์ปีศาจจำพวกงูแต่หากเป็นสัตว์ประเภทอื่นมันไม่ได้มีผลเท่าใดนัก ไม่ได้มีเพียงแค่ลู่ซวนจี๋เท่านั้นที่คิดเรื่องนี้อลิซ ค้างคาวม่วงและคนอื่นๆต่างก็มองฉิงเฟิงด้วยความชื่นชม บอสของพวกเขาทำให้ประหลาดใจได้อยู่เสมอ
เดิมทีพวกเขาคิดว่าการต่อสู้กับงูเกล็ดเพลิงนับพันๆตัวเหล่านี้เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้และเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้เต็มที่แต่ตอนนี้ราชางูเกล็ดเพลิงพร้อมกับสมุนนับพันต่างก็คุกเข่าให้กับฉิงเฟิงด้วยความเคารพราวกับว่าเขาเป็นราชาของพวกมัน
ราชางูเกล็ดเพลิงฉันจะไว้ชีวิตพวกแกถ้าหากตอบคำถามฉันมาดีๆอย่างซื่อตรง ไม่งั้นฉันจะฆ่าพวกแกทั้งหมด ฉิงเฟิงกล่าวอย่างเย็นชา
ราชางูเกล็ดเพลิงสั่นสะท้านต่อน้ำเสียงของเขาตัวของมันเริ่มสั่นเทาด้วยความกลัว
นะ…นะ.. นายท่าน ข้าน้อยจะบอกทุกอย่างที่ทราบขอรับ เสียงหยิ่งยโสของราชางูเกล็ดเพลิงถูกแทนที่ด้วยความอ่อนโยนและความหวาดกลัว บอกฉันเกี่ยวกับเกาะเพลิงระอุแห่งนี้ที่นี่มีมนุษย์อยู่กี่คนและใครแข็งแกร่งที่สุด
ฉิงเฟิงถามด้วยรอยยิ้ม
เขารู้ว่าเกาะเพลิงระอุเป็นหนึ่งในสิบเกาะที่อันตรายที่สุดของมหาสมุทรแปซิฟิกมันจะต้องอันตรายและน่ากลัวเช่นเดียวกับที่เกาะทมิฬที่ราชาอสูรฉลามคลั่งถูกจองจำเอาไว้และรอความช่วยเหลือจากเขา
ราชางูเกล็ดเงินกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า เรียนนายท่าน บนเกาะนี้มีตัวตนผู้ทรงพลังอยู่สองคน หนึ่งคือมนุษย์แม็กม่า คนผู้นี้สามารถควบคุมแม็กม่าของภูเขาไฟและใช้ชีวิตอยู่ภายใต้แม็กม่า ส่วนอีกหนึ่งคือราชาอสูรเพลิงผู้ที่ทั้งงดงามและโหดเหี้ยมราวกับอสูรกาย เธอเป็นดั่งอสูรที่สับสังหารเหล่าสัตว์อสูรมากมายเป็นว่าเล่น เธอประมือกับมนุษย์แม็กม่าอยู่บ่อยครั้งทีเดียว
มนุษย์แม็กม่า
บนเกาะนี้มีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์แม็กม่าจริงๆหรือนี่ ฉิงเฟิงตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินคำบอกเล่าของราชางูเกล็ดเพลิง
ส่วนอีกชื่อหนึ่งที่มันกล่าวถึง, ราชาอสูรเพลิง ฉิงเฟิงคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยได้ยินมาจากที่ไหนสักแห่ง แต่เขาก็จำไม่ได้ว่ามันอยู่ที่ไหน