ตอนที่ 966 สังหารราชาเสือสีชาด
ฉันทำลายกระบองของแกและฉันก็กำลังจะฆ่าแกอีกด้วย!
ฉิงเฟิงแสยะยิ้มใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง
เมื่อไม่นานนี้ราชาเสือสีชาดได้มองเขาด้วยความเหยียดหยาม แต่ตอนนี้เกมพลิกแล้ว
ฉิงเฟิงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งต่อพลังอันยิ่งใหญ่ที่คาดไม่ถึงของกระบวนท่าที่สองของเพลงกระบี่เพลิงภูเขาไฟด้วยกระบวนท่านี้เขาคิดว่ามันย่อมสามารถฆ่าราชาเสือสีชาดได้อย่างง่ายดายแน่นอน
ด้วยความสามารถที่ไร้ผู้เทียบเคียงในขอบเขตบ่มเพาะเดียวกันฉิงเฟิงยังสามารถท้าทายยอดฝีมือที่มีระดับสูงกว่าได้ด้วยเช่นกัน ความแตกต่างเล็กน้อยระหว่างความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่าย คุณภาพของเคล็ดบ่มเพาะพลังและอาวุธวิญญาณคือกุญแจสู่ชัยชนะ ซึ่งในสองอย่างนี้ฉิงเฟิงเหนือกว่าราชาเสือสีชาดและชัยชนะของเขานั้นเป็นผลลัพธ์ที่คาดเดาได้เป็นธรรมดา
ภูเขาไฟพังทลาย
!
ฉิงเฟิงโห่ร้องเสียงต่ำและใช้ออกด้วยกระบวนท่าที่สองอีกครั้ง
ภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่มีเต็มไปด้วยลาวาพุ่งพรวดขึ้นมาบนท้องฟ้าและกระโจมเข้าใส่ราชาเสือสีชาด
อะอ้ากกกกก !
โดยไม่ทันเตรียมตัวราชาเสือสีชาดเปล่งเสียงกรีดร้องเล็กแหลมในขณะที่เขาถูกโจมตีด้วยลาวาที่พุ่งเข้าปะทะ หากปราศจากเกราะพลังแท้อย่างเช่นจูฮัวกับราชินีอสูรเพลิง เพียงกายเนื้อของเขาไม่เพียงพอในการทานรับลาวาอันร้อนระอุเหล่านี้
เสื้อผ้าของเขาถูกหลอมละลายโดยลาวาซึ่งเผยให้เห็นผิวหนังที่ไหม้เกรียมและปกคลุมไปด้วยแผลพุพองสีดำและหลุมจำนวนนับไม่ถ้วน
ด้วยบาดแผลสาหัส,ราชาเสือสีชาดจึงตัดสินใจหนีในทันที
เขาไม่ใช่คนโง่เขารู้ว่าการวิ่งเป็นหนทางเดียวที่จะอยู่รอดได้จากกระบวนท่าที่ทรงพลังของฉิงเฟิง
คิดจะหนีไปไหนไปตายซะ ! ฉิงเฟิงแสยะยิ้มและสะบัดกระบี่ตัดหัวของราชาเสือสีชาดในทันที
ฉัวะ!
หัวของราชาเสือสีชาดลอยขึ้นไปบนฟ้าตามมาด้วยเลือดที่ฉีกพุ่งจากร่างไร้วิญญาณดวงตาของเขาเบิกกว้างไปด้วยความเสียใจและความหวาดกลัว
ซูม!
ร่างของราชาเสือสีชาดตกลงไปในแม่น้ำแม็กม่าและถูกเผาจนเหลือเพียงโครงกระดูกในพริบตา
ทุกคนโดยรอบต่างมองไปที่ฉิงเฟิงด้วยความกลัว
อื้อหือช่างเป็นวิชาที่น่าทึ่งมาก ร่องรอยของความประหลาดใจปรากฏบนใบหน้าที่มีเสน่ห์ของราชินีอสูรเพลิง
เธอเพียงมองแวบเดียวก็รู้ว่าระดับพลังของราชาเสือสีชาดนั้นสูงกว่าฉิงเฟิงขั้นหนึ่งแต่ผลลัพธ์ที่ออกมากลับน่าประหลาดใจ มันแสดงให้เห็นว่าวิชาบ่มเพาะพลังและอาวุธของเขาเหนือกว่าราชาเสือสีชาด
ฟุ่บฟุ่บ ฟุ่บ !!!
ฉิงเฟิงเหยียดมือออกมาคว้าหยิบผลเพลิงทั้งสามลูกอย่างรวดเร็วจากนั้นก็เขาอัดมนุษย์แม็กม่าที่กรูกันเข้ามาขัดขวางเขาจนกระเด็นด้วยหมัดเดียว ก่อนที่จะเหินร่างไปยังอีกฝั่งของแม่น้ำแม็กม่า
ไม่นะ! มันเอาผลเพลิงทั้งสามผลไปหมดแล้ว ! ใบหน้าของหัวหน้ามนุษย์แม็กม่ามืดครึ้มลงด้วยความวิตกกังวล เพราะผลเพลิงอันล้ำค่านี้จะเก็บเกี่ยวได้ทุกๆร้อยปีเท่านั้น
แต่ด้วยการที่จูฮัวและราชินีอสูรเพลิงต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสฉิงเฟิงจึงกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสถานที่นี้ชั่วคราว
เจ้ามนุษย์มอบผลเพลิงมา ! จูฮัวกล่าวด้วยเสียงเย็นชา
ฮ่าตอนนี้แกบาดเจ็บและไม่ใช่คู่มือของฉันแล้ว เรื่องอะไรฉันจะต้องส่งผลเพลิงไปให้แกด้วยเล่า ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อยและกล่าวอย่างไม่แยแส
ดวงตาที่งดงามของราชินีอสูรเพลิงหันมามองที่เขาและกล่าวว่า หลี่ฉิงเฟิง เจ้าควรจะฉวยโอกาสนี้ฆ่าจูฮัวซะ เพราะเมื่อใดที่มันฟื้นฟูพลังกลับมามันคงจะมาฆ่าเจ้าและชิงผลเพลิงกลับคืน
นังบ้านี่
!
จูฮัวสบถออกมาใบหน้าของเขามืดครึ้มต่อคำพูดของเธอ นังปีศาจคนนี้กลับแนะนำให้ฉิงเฟิงฆ่าเขาตอนที่กำลังอ่อนแอ
หลังจากการพิจารณาครู่หนึ่งฉิงเฟิงก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า
พี่สาวใหญ่คนสวยพูดถูกต้องฉันคงต้องฆ่าแกเพื่อตัดปัญหาในอนาคต
จากนั้นฉิงเฟิงก็เดินไปหาจูฮัวด้วยกระบี่ในมือของเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
ช้าก่อน! เจ้าฆ่าข้าไม่ได้
สหายแกเป็นศัตรูของฉัน ทำไมฉันจะฆ่าแกไม่ได้ล่ะ
ข้าคือหัวหน้าของเหล่าชนเผ่าแม็กม่าและสามารถควบคุมการปะทุของภูเขาไฟได้หากเมื่อใดที่ข้าตายไปภูเขาไฟจะปะทุ ผู้คนและสัตว์บนเกาะนี้จะตายไปด้วย !
จูฮัวกล่าวเตือน
ฉิงเฟิงกล่าวอย่างดูถูกเหยียดหยามว่า ตลกดี แกคิดว่าฉันเป็นเด็กสามขวบหรือไง มุขโกหกตาใสๆแบบนี้เอาไปหลอกคนอื่นเถอะ
เปล่าเขาไม่ได้โกหก หากเขาตายภูเขาไฟจะปะทุขึ้นโดยไม่มีใครสามารถทำนายได้ว่ามันจะรุนแรงระดับไหน
อะไรของเจ๊เนี่ย! ในเมื่อคุณรู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไงแต่คุณก็ยังบอกให้ฉันฆ่ามันเนี่ยนะ ? ฉิงเฟิงมองไปที่ราชินีอสูรเพลิงอย่างงุนงงและคิดว่าเธอกำลังวางแผนอะไรบางอย่าง
เมื่อรู้สึกได้ถึงความไม่พอใจและงุนงงของฉิงเฟิงราชินีอสูรเพลิงจึงกล่าวว่า ข้าเคยได้ยินมาคร่าวๆ เดิมทีข้าก็ยังไม่แน่ใจเท่าใดนัก จนกระทั่งวันนี้เขายืนยันข้อสงสัยของข้าว่ามันคือเรื่องจริง
ฉิงเฟิงกลอกตาและใช้ความคิดถ้าหากเขาฆ่าจูฮัวทุกคนก็จะตายตามไปด้วยจากการระเบิดของภูเขาไฟ
อย่างไรก็ตามฉิงเฟิงไม่อาจนิ่งเฉยจากข้อเท็จจริงที่ว่าถ้าจูฮัวกลับมาแข็งแกร่งดังเดิม เขาต้องออกตามล่าตนเองแน่นอน
จูฮัวฉันฆ่าแกไม่ได้ก็จริงแต่ฉันจะทำลายตันเถียนและการบ่มเพาะพลังของแกแทน
ฉิงเฟิงกล่าวอย่างเย็นชาในขณะที่เขาชี้กระบี่ไปที่จุดตันเถียนของจูฮัว
ใบหน้าของจูฮัวดำเป็นขี้เถ้าด้วยความหวาดกลัวเขาจะกลายเป็นคนพิการหากตันเถียนถูกทำลาย มันเป็นแหล่งสะสมพลังแท้ของผู้ฝึกตนทุกคน ตันเถียนถูกทำลายนั้นเป็นชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย
ละหลี่ฉิงเฟิง, อย่าทำลายตันเถียนของข้า !
ฉันจำเป็นไม่งั้นถ้าแกหายดีแกก็มาตามล่าฉันอยู่ดี
ข้าสาบานว่าจะไม่ฆ่าแกเมื่อข้าหายดี
ง่ายเกินไปแค่คำพูดลอยๆใครก็พูดได้ ถ้าแกไม่อยากให้ฉันทำลายตันเถียน นอกจากสาบานแล้วแกต้องมอบสมบัติของมนุษย์แม็กม่ามาให้ฉัน
เขารู้ว่าเหล่ามนุษย์แม็กม่าต้องมีสมบัติล้ำค่าบางอย่างที่คอยปกป้องพวกเขาจากความร้อนของลาวา
เมื่อจูฮัวมองไปที่กระบี่ที่จ่ออยู่ตรงจุดตันเถียนของเขาสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปด้วยความขัดแย้ง แต่ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้และกล่าวว่า ก็ได้ ข้าจะมอบมุกภูเขาไฟให้เจ้า มันช่วยให้เจ้าสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในแม็กมาโดยไม่ถูกเผา
ไข่มุกภูเขาไฟ
ฉิงเฟิงรู้สึกยินดีเมื่อได้ยินคำพูดของเขาเขามาถึงขั้นแรกของกายาแดนชำระจากการอาบสายฟ้า ซึ่งในการก้าวไปถึงขั้นที่สองเขาจำเป็นต้องหล่อหลอมร่างกายภายในลาวาที่ร้อนระอุ แต่ตอนนี้ด้วยไข่มุกภูเขาไฟของจูฮัว เขาย่อมพบหนทางฝึกฝนในขั้นต่อไป
ฉิงเฟิงรับรู้ถึงความยอดเยี่ยมของการบ่มเพาะกายาแดนชำระที่ได้รับมอบมาจากจักรพรรดิราตรีหากเขาพยายามฝึกฝนต่อไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งเขาอาจจะไปถึงขั้นกายาอมตะก็เป็นได้ เขาแทบอดทนรอที่จะฝึกมันไม่ไหวแล้ว