ตอนที่ 983 วิกฤติของตำหนักโห่วเย่อหวงตี้
ฉิงเฟิงได้กลิ่นเลือดที่โชยออกมาจากตำหนักโห่วเย่อหวงตี้มันเป็นกลิ่นเฉพาะยามมีคนตายหรือบาดเจ็บ
ต้องมีอะไรเกิดขึ้นที่นั่นแน่นอน… การแสดงออกของฉิงเฟิงเปลี่ยนไป เขาคิดคำนวนแล้วว่าต้องมีบางสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้น
กริ๊งงง~
ฉิงเฟิงหยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรหาฉินเซียนจื่อแต่ก็เป็นที่น่าประหลาดใจเพราะไม่มีใครรับสาย
ฉิงเฟิงเดินตรงเข้าไปทางด้านในของตำหนักทันที
…
ในขณะนี้ภายในห้องโถงของตำหนัก
ใบหน้าอันงดงามของฉินเซียนจื่อซีดขาวอย่างน่าใจหายและมีเลือดไหลที่มุมปากของเธอเธอถูกลอบโจมตีและได้รับบาดเจ็บสาหัส ฉินฮาวในฐานะผู้อาวุโสของตำหนัก ท่านกลับสมคบคิดกับศาลากระบี่เพื่อตำแหน่งจ้าวตำหนัก… ท่านทำแบบนี้ได้อย่างไร ! ฉินเซียนจื่อกล่าวถามด้วยความโกรธเกรี้ยว
ฉินเซียนจื่อ,ตำแหน่งจ้าวนิกายสมควรเป็นของข้าแต่แรก แต่อาจารย์กลับลำเอียงและมอบตำแหน่งนี้ให้แก่พ่อของเจ้า ข้าเพียงแค่ทวงสิ่งที่ควรเป็นของข้ากลับคืน !
ฉินฮาวกล่าวอย่างเย็นชาในขณะที่ขมวดคิ้ว
ฉินฮาวท่านพ่อของข้าบาดเจ็บสาหัส เขามีเวลาเหลือแค่หนึ่งเดือนเท่านั้นหากท่านต้องการตำแหน่งจ้าวนิกายเขาจะมอบให้กับท่านแน่นอน แต่ทำไมท่านถึงสมคบคิดกับศาลากระบี่ด้วย พวกมันไม่ได้มีเจตนาดีต่อนิกายของเรา ฉินเซียนจื่อกล่าวในขณะที่มองไปยังสาวกของศาลากระบี่ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ
สาวกของศาลากระบี่ผู้นี้คือชายชราที่มีผมสีขาวโพลนและสวมใส่เสื้อผ้าสีเขียวเขาเป็นผู้อาวุโสสามของศาลากระบี่
ฉินฮาวยิ้มอย่างเย็นชาและกล่าวอย่างดูถูกเหยียดหยามว่า ฉินเซียนจื่อ เจ้าอย่ามาหลอกข้าเสียให้ยาก ! หากพ่อของเจ้าตาย เขาย่อมมอบตำแหน่งจ้าวตำหนักให้เจ้า เขาไม่มีทางมอบให้ข้าหรอก ไม่งั้นข้าจะเดินหมากนี้ทำไม !
เป็นไปดั่งคำพูดที่ว่าอูฐบาดเจ็บก็ยังคงแข็งแรงกว่าม้า ถึงแม้ว่าจ้าวตำหนักโห่วเย่อหวงตี้กำลังจะตาย แต่เขาก็ยังทรงพลังอย่างยิ่ง ดังนั้นฉินฮาวจึงสมรู้ร่วมคิดกับผู้อาวุโสของศาลากระบี่และอาวุโสสามของตำหนักโห่วเย่อหวงตี้เพื่อล้มจ้าวตำแหน่งและอาวุโสสอง จากนั้นก็คุมขังพวกเขาไว้ในคุกใต้ดิน
ส่วนฉินเซียนจื่อเธอพยายามหนีเมื่อรู้แผนสมรู้ร่วมคิดกับคนนอกของฉินฮาว อย่างไรก็ตาม เธอถูกจับและได้รับบาดเจ็บตอนกำลังหลบหนี
ส่วนสาวกคนอื่นๆ ของตำหนัก บางคนยอมเข้าร่วมกับฉินฮาวในการยึดอำนาจเพราะสินบน บางคนที่แข็งข้อก็จับโยนเข้าคุกใต้ดิน
ฉินฮาว,ผู้อาวุโสสามและอาวุโสของศาลากระบี่ได้กินโอสถล้ำค้าของตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ จนตอนนี้พวกเขากลายเป็นยอดฝีมือระดับจิตวิญญาณแท้จริงซึ่งทำให้ไม่มีสาวกคนใดในตำหนักสามารถรับมือพวกเขาได้เลย
ฉินเซียนจื่อจงยอมแพ้ซะแล้วข้าจะให้เจ้ามีศพสมบูรณ์ ฉินฮาวกล่าวอย่างเย็นชาขณะที่เดินไปหาฉินเซียนจื่อ
ฝันไปเถอะข้าไม่มีวันยอมแพ้ ฉินเซียนจื่อกล่าว
ประกายแห่งความเย็นชาปรากฏขึ้นในดวงตาของฉินฮาวเขากล่าวกับอาวุโสสามของตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ที่แปรพักต์ว่า ไปฆ่านางซะ
ฉินฮาวแคร์เรื่องชื่อเสียงของเขาที่สุดหากเขาลงมือฆ่าฉินเซียนจื่อด้วยตัวเองจะเป็นการเสื่อมเสียชื่อเสียง นอกจากนี้ เธอยังเป็นนายหญิงของตำหนักและได้รับความนิยมชมชอบจากเหล่าสาวกเป็นอย่างมาก รวมไปถึงลูกน้องของฉินฮาวเองก็ยังแสดงความชื่นชอบต่อเธอ
ดังนั้นเพื่อเป็นการปกป้องชื่อเสียงของเขาฉินฮาวจึงสั่งให้ผู้อาวุโสสามเป็นคนลงมือฆ่าฉินเซียนจื่อซะ ด้วยวิธีการนี้ หากวันหน้าเกิดอะไรผิดพลาด เขายังสามารถโบ้ยไปให้อาวุโสสามได้
ความลังเลปรากฏบนใบหน้าของผู้อาวุโสสามเมื่อเขาได้ยินคำพูดของฉินฮาวถึงแม้เขาจะเข้าร่วมกับฉินฮาวในการโค่นล้มอำนาจของจ้าวตำหนักคนปัจจุบัน แต่เขาก็ยังลังเลอยู่ไม่น้อยเพราะนายหญิงผู้นี้ได้รับความนิยมชมชอบมากภายในตำหนักโห่วเย่อหวงตี้
อาวุโสสามหากท่านลงมือ ข้าจะแต่งตั้งท่านเป็นรองหัวหน้านิกาย ฉินฮาวเกลี้ยกล่อมหว่านล้อมอาวุโสสาม
รองจ้าวนิกาย
อาวุโสสามรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินข้อเสนอนี้ในตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ รองจ้าวนิกายมีอำนาจเป็นรองเพียงจ้าวนิกายเท่านั้น ด้วยตำแหน่งนี้เขาจะสามารถเข้าถึงโอสถล้ำค่าและทรัพยากรบ่มเพาะมากมายไร้สิ้นสุด
เพื่อตำแหน่งรองจ้าวนิกายที่เย้ายวนอาวุโสสามจึงตัดสินใจได้ในทันที
นายหญิงน้อยอย่าตำหนิข้า หากจะโทษก็ควรโทษพ่อของท่านที่มอบตำแหน่งจ้าวนิกายให้ท่าน จงตายซะ ! อาวุโสสามกล่าวอย่างเย็นชา แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร
ใครกล้าลงมือต่อฉินเซียนจื่อ! ทันใดนั้นเองก็มีเสียงที่หยิ่งผยองดังขึ้น รูปลักษณ์ของหลี่ฉิงเฟิงปรากฏขึ้นต่อหน้าฝูงชน
เจ้าเป็นใครกัน ที่นี่คือตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ ห้ามมิให้คนนอกเข้ามา อาวุโสสามกล่าวด้วยความไม่พอใจ
แกไม่จำเป็นต้องรู้ว่าฉันเป็นใครฉันได้ยินว่าแกต้องการฆ่าฉินเซียนจื่อใช่ไหม เหอะ จะเรียกแกว่าสุนัขก็ยังไม่คู่ควร เพราะสุนัขมันยังหวงและปกป้องเจ้าของ แต่แกมันไม่ใช่ ฉิงเฟิงด่าทออาวุโสสามอย่างเย้ยหยัน ไอ้เด็กปากมอม! เจ้ากล้าเรียกข้าว่าสุนัขได้อย่างไร !
ในฐานะผู้อาวุโสสามของกองกำลังระดับซุปเปอร์เขาเป็นที่เคารพนับถือไปทั่วทุกหนทุกแห่งที่ย่างกราย เป็นธรรมดาที่เขาจะโกรธมากเมื่อได้คำพูดของฉิงเฟิง
สุนัขแก่อย่างแกมารับความตายซะ ฉิงเฟิงกล่าวด้วยความเย่อหยิ่งขณะที่ชี้ไปที่อาวุโสสาม
หมัดเหลืองเจ็ดพิฆาต
!
อาวุโสสามคำรามออกมาทันใดนั้นเขาก็เหวี่ยงกำปั้นขวาไปข้างหน้าและก่อตัวเป็นกลุ่มก้อนพลังงานของหมัดสีเหลืองขนาดยักษ์ที่กระแทกเข้าใส่ฉิงเฟิง
หมัดเหลืองเจ็ดพิฆาตเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะพลังขั้นกลางในตำหนักโห่วเย่อหวงตี้มีเพียงจ้าวนิกายและเหล่าผู้อาวุโสเท่านั้นที่สามารถฝึกฝนเคล็ดวิชานี้ได้ ศิษย์สาวกทั่วไปไม่อาจเข้าถึงเคล็ดความของวิชานี้
เขาได้ฝึกฝนหมัดเหลืองเจ็ดพิฆาตจนเชี่ยวชาญแล้วมันสร้างกำปั้นขนาดยักษ์เจ็ดหมัดขึ้นในพื้นที่ตรงหน้าเขา หมัดเหล่านี้ทรงพลังมากจนสามารถเจาะอากาศเป็นรูโหว่ในขณะที่พุ่งเข้าใส่ฉิงเฟิงจนทำให้เกิดวังวนขึ้นในอากาศ
หมัดทลายนรกานต์
!!
ฉิงเฟิงคำรามกึกก้องในขณะที่ชกหมัดออกไปข้างหน้าแฟนท่อมขุนเขาขนาดมหึมาก่อตัวขึ้นเบื้องหน้าหมัดของเขาและปะทะเข้าใส่หมัดเหลืองเจ็ดพิฆาตของอาวุโสสาม
ตูมมมม
!!
หมัดทั้งเจ็ดของหมัดเหลืองเจ็ดพิฆาตถูกทำลายโดยตรงด้วยหนึ่งหมัดของเพลงหมัดทลายนรกานต์และสลายไปในอากาศ
เห็นได้ว่าหมัดเหลืองเจ็ดพิฆาตนั้นไม่ใช่คู่ต่อกรของเพลงหมัดทลายนรกานต์ซึ่งสิ่งนี้เป็นข้อพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของเคล็ดวิชาที่หลี่ฉิงเฟิงครอบครอง
แกร่ก!
เท่านั้นยังไม่จบหลังจากที่หมัดทลายนรกานต์บดขยี้หมัดทั้งเจ็ดไปแล้ว พลานุภาพของมันยังคงอยู่ มันฉีกผ่านอากาศและร่อนลงบนร่างอาวุโสสามจนซี่โครงหักล้มลงกับพื้นทันที ใบหน้าของเขาซีดเป็นไก่ต้มและมีเลือดไหลออกมาจากปากของเขา
เพียงหมัดเดียวอาวุโสสามของตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ก็แพ้พ่าย !
ในพริบตาทุกคนหันไปมองหลี่ฉิงเฟิงเป็นจุดเดียว ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ พลังอำนาจของชายหนุ่มผู้นี้เกินความคาดหมายของทุกคน
คุณหนูฉินเป็นอะไรหรือเปล่า ข้าไม่เป็นไรทำไมท่านถึงมาที่นี่ได้ ฉินเซียนจื่อกล่าวเบาๆ รอยแดงบางส่วนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ
ฉันมาที่นี่เพื่อทำตามสัญญาปรุงยาอายุวัฒนะที่ช่วยยืดอายุให้กับพ่อของคุณ ระหว่างเดินทางฉันได้กลิ่นคาวเลือดที่นี่ก็เลยรีบมา โชคดีที่มาทันเวลา ฉิงเฟิงอธิบาย
ฉินเซียนจื่อรู้สึกซาบซึ้งเธอไม่คาดคิดว่าหลี่ฉิงเฟิงจะมาทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเธอ และยังมาในช่วงเวลาที่วุ่นวายจนช่วยชีวิตเธอไว้ได้
หลี่ฉิงเฟิงสินะเจ้าคือชายที่แข็งแกร่งที่สุดในยุทธภพหัวเซี่ยยุคนี้ แต่นี่เป็นเรื่องภายในของตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ เจ้าเป็นคนนอก โปรดอย่าได้ยุ่งเกี่ยว เชิญกลับไปเถอะ ฉินฮาวกล่าวอย่างสุภาพพร้อมกับขมวดคิ้ว
ในฐานะผู้อาวุโสของตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ฉินฮาวเคยพบและได้ยินกิติศัพท์ของหลี่ฉิงเฟิงมาก่อน ดังนั้นก็เป็นธรรมดาที่เขาจะตระหนักได้ถึงความแข็งแกร่งของชายหนุ่มผู้นี้ หลี่ฉิงเฟิงล้มคว่ำและพิชิตยอดฝีมือในแวดวงผู้ฝึกยุทธ์โบราณของหัวเซี่ยมานับไม่ถ้วน ฉินฮาวไม่ต้องการเป็นศัตรูกับเขา
ตอนที่ 984 กระบวนท่าที่สาม ภูเขาไฟระเบิด
ฉิงเฟิงมองไปที่ฉินฮาวเล็กน้อยและกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น แกบอกว่าฉันไม่ควรเข้ามายุ่งเรื่องภายในของตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ใช่ไหม แล้วการที่แกไปสมคบคิดกับพวกศาลากระบี่ที่ยืนหัวโด่อยู่นี่คืออะไร ?
การแสดงออกของฉินฮาวเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินคำพูดของฉิงเฟิงเขาเถียงไม่ออกเพราะหลักฐานคาตา เขาสมคบคิดกับคนนอก, ศาลากระบี่
สำหรับเหตุผลว่าทำไมเขาถึงสมคบคิดกับศาลากระบี่ก็คาดเดาได้ไม่ยากเนื่องจากเขาไม่อาจเอาชนะจ้าวตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ได้เพียงลำพัง ดังนั้นเขาจึงต้องอาศัยความช่วยเหลือจากคนนอก
เมื่อศาลากระบี่ถูกพาดพิง,อาวุโสสามแห่งศาลากระบี่จึงกล่าวออกมาด้วยความดูถูกว่า หลี่ฉิงเฟิง เจ้าจงอย่าได้ทะนงตนเกินไป