ตอนที่ 990 หญิงสาวที่ทั้งรักทั้งชังบิดา
ด้วยรอยยิ้มอันแสนขมขื่น,ฮวาเซียนจื่อส่ายหัวและกล่าวว่า ข้าถูกคุมขังอยู่ในห้องเช่นนี้ ท่านมีแผนจะช่วยข้าอย่างไร
ตามฉันมาฉันจะพาคุณออกไป ฉิงเฟิงเดินเข้าหาฮวาเซียนจื่อและกล่าวกับเธอ
ฮวาเซียนจื่อพยักหน้าและยืนขึ้นเธอเดินตามฉิงเฟิงออกไปข้างนอก
เธอรู้ว่าระดับพลังของเธอลดลงไปอยู่ที่ขั้นเหนือสวรรค์ซึ่งทำให้เธออยู่ในอันตรายและไม่อาจปกป้องตัวเองได้ ศิษย์พี่ศิษย์น้องมากมายภายในนิกายต่างก็ไขว่คว้าในฉายา ‘นักบุญหญิง’และต้องการยึดครองฉายานี้ การที่เธอสูญเสียฉายานี้ไปทำให้ชีวิตเธออยู่ในอันตราย…
ฮวาเซียนจื่อยังไม่อยากตายดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงติดตามฉิงเฟิงออกไป แต่ทันทีที่พวกเธอเดินออกจากห้องและมาถึงห้องโถงของตำหนัก พวกเธอก็ถูกล้อมรอบไปด้วยกลุ่มคน
คนกลุ่มนี้คือเหล่าศิษย์สตรีมากกว่า20 คนที่นำโดยสาวงามผมยาวคนหนึ่ง เธอมีใบหน้าที่สดใส ริมฝีปากบาง เธอดูเหมือนจะไม่ได้มีเจตนาดีต่อพวกฉิงเฟิง
ผู้หญิงคนนี้ชื่อมู่หงหลิงเธอเป็นศิษย์พี่ของฮวาเซียนจื่อและยังเป็นศัตรูตัวฉกาจอีกด้วย
ก่อนหน้านี้มู่หงหลิงและฮวาเซียนจื่อเคยประมือกันเพื่อช่วงชิงฉายานักบุญแต่เธอก็พ่ายแพ้ต่อฮวาเซียนจื่อ
แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปเมื่อพลังของฮวาเซียนจื่อถดถอยลงมากเธอมีพลังเหลือเพียงแค่ระดับเหนือสวรรค์และไม่คู่ควรกับตำแหน่งของนักบุญอีกต่อไป
มู่หงหลิงหัวเราะเบาๆและพูดว่า ศิษย์น้อง เจ้าคิดจะไปไหน หนีออกมาจากห้องทำไมกัน ?
มู่หงหลิงเกลียดศิษย์น้องของเธอมาตลอดและพยายามสร้างปัญหาให้เธอเสมอ
ฮวาเซียนจื่อหน้าเปลี่ยนสีและกล่าวว่า ข้าต้องการออกไปจากที่นี่
เจ้าก็รู้ว่าเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ไปไหนการแข่งขันเพื่อตำแหน่งนักบุญหญิงครั้งใหม่กำลังจะเริ่มแล้ว เจ้าไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น มู่หงหลิงกล่าวด้วยใบหน้าเย็นชา
ฉิงเฟิงแทรกถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า การแข่งขันเพื่อตำแหน่งนักบุญหญิงคืออะไร
ฮวาเซียนจื่อหันหน้าไปหาฉิงเฟิงและอธิบายว่า การแข่งขันของนักบุญคือการประลองระหว่างเหล่าศิษย์สาวกในตำหนักร้อยบุปผาเพื่อดูว่าผู้ใดมีพลังและความสามารถมากที่สุด หากสาวกคนใดชนะการต่อสู้ทั้งหมดก็จะได้เป็นนักบุญหญิงคนต่อไปของตำหนัก นอกจากนี้ ผู้พิทักษ์ของสาวกแต่ละคนก็สามารถมีส่วนร่วมในการแข่งขันแทนกันได้
หลังจากได้ยินคำอธิบายเหล่านี้ฉิงเฟิงก็ตระหนักได้ถึงวิธีการบางอย่าง ในเมื่อผู้พิทักษ์หรือพูดง่ายๆว่าพรรคพวกของสาวกก็สามารถเข้าร่วมประลองแทนกันได้ เช่นนั้นเขาก็จะเป็นผู้พิทักษ์ของฮวาเซียนจื่อและลงประลองแทนเธอ เพื่อช่วยเธอในการช่วงชิงตำแหน่งนักบุญหญิงของตำหนักร้อยบุปผากลับคืนมา
หลังจากรู้เรื่องนี้แล้วฉิงเฟิงก็เปลี่ยนแผนในใจอย่างรวดเร็วและกล่าวกับมู่หงหลิงว่า ฉันคือผู้พิทักษ์ของฮวาเซียนจื่อ ฉันจะร่วมประลองแทนเธอเอง
อุ๊บคิกคิกคิก !
มู่หงหลิงรู้สึกขบขันกับสิ่งที่ฉิงเฟิงเพิ่งพูดออกมาเธอกล่าวกับเขาด้วยรอยยิ้มแพรวพราวว่า ผู้พิทักษ์ของตำหนักร้อยบุปผาเราล้วนแต่เป็นสตรีทั้งสิ้น ไม่มีผู้ชาย
ฉิงเฟิงยิ้มบางและกล่าวว่า ช่างหัวมันสิ งั้นฉันจะเป็นผู้พิทักษ์คนแรกของตำหนักร้อยบุปผาที่เป็นผู้ชาย
มู่หงหลิงขมวดคิ้วและมองไปที่ฮวาเซียนจื่อพร้อมกับพูดว่า ศิษย์น้อง เจ้าแน่ใจหรือที่จะให้ชายผู้นี้เป็นผู้พิทักษ์ของเจ้า นี่คงเป็นเรื่องตลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักร้อยบุปผาทีเดียว
ฮวาเซียนจื่อไม่ได้สนใจเรื่องกฏเกณฑ์เหล่านี้เธอตอบมู่หงหลิงด้วยรอยยิ้มว่า ถูกต้อง ข้าต้องการให้หลี่ฉิงเฟิงเป็นผู้พิทักษ์ของข้า และเป็นผู้พิทักษ์ชายคนแรกของตำหนักอีกด้วย
สาวกเหล่านี้ไม่รู้ว่าหลี่ฉิงเฟิงทรงพลังเพียงใดแต่สำหรับฮวาเซียนจื่อที่คลุกคลีกับเขามาพักใหญ่ๆย่อมรู้แน่นอนว่าเขาแข็งแกร่ง หลี่ฉิงเฟิงคือผู้ชนะเลิศในการแข่งขันศิลปะการต่อสู้โบราณแห่งทวีปมังกร ทั่วทั้งทวีปมังกรไม่มีใครต่อกรเขาได้ (หมายถึงในโลกของผู้ฝึกยุทธ์โบราณ ไม่ใช่ผู้ฝึกตน)
เหล่าสาวกหญิงทุกคนที่ล้อมรอบพวกเขาต่างก็หัวเราะเยาะฮวาเซียนจื่อและคิดว่าเธอหวังพึ่งผู้ชายเนื่องจากความสิ้นหวังพวกเธอไม่รู้ว่าหลี่ฉิงเฟิงแข็งแกร่งแค่ไหน เช่นเดียวกับคำพังเพยที่ว่า กบก้นบ่อย่อมไม่รู้ว่าโลกกว้างใหญ่เพียงใด
ด้วยการออกหน้าช่วยเหลือของฉิงเฟิงทำให้ฮวาเซียนจื่อเริ่มรู้สึกมั่นใจมากขึ้นเธอตัดสินใจที่จะไม่หนีออกจากตำหนักร้อยบุปผาอีกแล้ว แต่เธอเลือกที่จะฝากความหวังไว้ที่ฉิงเฟิงแทน เธอคาดหวังว่าเขาจะชนะในการประลองและนำตำแหน่งนักบุญกลับคืนมาให้เธอ
ในเมื่อยืนกรานเช่นนี้ทุกคนก็เริ่มทยอยเดินออกจากห้องโถงและไปที่ลานประลองของตำหนักร้อยบุปผาที่ตั้งอยู่ภายในจัตุรัสกลาง
ลานประลองแห่งนี้มีเวทีที่สูง10 เมตรทำจากหินอ่อนสีขาวอย่างสมบูรณ์ มันทั้งสวยงามและงดงามมาก
ไม่กี่วินาทีต่อมาสาวกหญิงที่ต้องการเข้าร่วมในการแข่งขันก็เริ่มทยอยกันเข้ามา ทุกคนเป็นผู้หญิงที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์และความสามารถมากที่สุดของตำหนักร้อยบุปผา พวกเธอต่างก็โดดเด่นที่สุดจากบรรดาเหล่าสาวกหลายร้อยคน แต่สุดท้ายก็มีเพียงคนเดียวที่จะได้รับตำแหน่งนักบุญ
มีสาวกที่เข้าร่วมการประลองครั้งนี้ทั้งหมดหกคนได้แก่ ฮวาเซียนจื่อ, มู่หงหลิง, จ้าวจื่อรั่ว, หลี่ย้ง, และฮวงซิยี้ พวกเธอทั้งหมดเป็นสาวกของตำหนักร้อยบุปผาและเป็นสาวกที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งหกอันดับ
ถึงแม้ว่าสาวกสตรีทั้งหกคนนี้ของตำหนักร้อยบุปผาจะเป็นที่ชื่นชอบและมีชื่อเสียงมากแต่ในขณะนี้สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ฮวาเซียนจื่อและชายหนุ่มรูปงามที่อยู่ข้างหลังเธอ
เมื่อตกเป็นเป้าสายตาของผู้หญิงจำนวนมากฉิงเฟิงก็ขมวดคิ้วเขารู้สึกกระดากเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายตาที่พวกเธอจ้องมองเขานั้นราวกับว่าเขาเป็นสัตว์หายาก !
เพื่อที่จะขจัดความรู้สึกที่น่าอึดอัดเหล่านี้ไปจากใจฉิงเฟิงจึงเผยอรอยยิ้มอย่างมีเสน่ห์และกล่าวกับทุกคนว่า สาวๆ ถึงแม้ว่าผมจะหล่อเหลา แต่พวกคุณก็ไม่เห็นจะต้องจ้องผมตาเป็นมันขนาดนี้เลย หรือว่า…… พวกคุณตกหลุมรักผมเข้าแล้ว
ผายลม! สารเลวหลงตัวเอง ! หน้าด้าน !
สาวกหญิงทั้งหมดเริ่มสาปแช่งด่าทอฉิงเฟิงด้วยความรังเกียจ
ชายคนนี้ช่างไร้ยางอายข้าไม่เคยพบเจอชายหนุ่มที่อวดดีเช่นนี้มาก่อน
เนื่องจากความกวนประสาทของฉิงเฟิงเหล่าสาวกหญิงทุกคนจึงเบือนหน้าหนีและไม่สนใจเขาอีกต่อไป ซึ่งมันก็ตรงกับเจตนาของเขาอยู่แล้ว
ตัดมาที่สาวกที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งหกพวกเธอกำลังแยกกันอยู่แต่ละจุดในทิศทางที่ต่างกัน พวกเธอจ้องมองกันและกันด้วยความเป็นศัตรู เนื่องจากวันนี้เป็นการประลองครั้งสำคัญ พวกเธอจึงอยากให้อีกฝ่ายตกตาย
วูบ!
เงาร่างสายหนึ่งบินข้ามท้องฟ้าและหยุดลงที่กลางเวทีผู้ที่มาคือหญิงงามวัยกลางคนที่มีใบหน้าแสนจะยั่วยวน ถึงแม้ว่าเธอจะอยู่ในวัย 40 แต่เธอก็ไม่มีริ้วรอยแม้แต่น้อย ผิวของเธอยังคงเรียบเนียนเหมือนหญิงสาววัยรุ่น เห็นได้ชัดว่าเธอต้องกินยามหัศจรรย์บางอย่างเพื่อคงความอ่อนเยาว์
ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากปรมาจารย์สูงสุดของตำหนักร้อยบุปผายอดยุทธของกองกำลังระดับซุปเปอร์
คารวะท่านประมุขจ้าวตำหนัก เหล่าสาวกหญิงรอบๆต่างก็ทักทายเธอด้วยความเคารพ
ในฐานะประมุขแห่งตำหนักร้อยบุปผาทุกคนต่างก็เคารพนับถือเธอ เธอเป็นผู้นำสูงสุดของนิกายและยังเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจอีกด้วย
ในขณะที่ประมุขจ้าวตำหนักทอดสายตามองไปรอบๆด้วยใบหน้าไร้อารมณ์เธอก็ได้เห็นผู้ชายที่ยืนอยู่เคียงข้างฮวาเซียนจื่อ สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปอย่างรุนแรงทันที สีหน้าที่เปลี่ยนไปของเธอไม่ได้เป็นเพราะว่ามีผู้ชายปะปนอยู่ในตำหนักแต่เป็นเพราะว่าใบหน้าของชายหนุ่มคนนี้ช่างคล้ายคลึงกับ’คนๆนั้น’เหลือเกิน
ดวงตาของประมุขกระพริบถี่ความคิดของเธอกำลังล่องลอยเกี่ยวกับเรื่องของราชันผู้พิชิต, หลี่ซานเย่ คุณชายสามแห่งตระกูลหลี่ที่เธอรู้จักเมื่อ 15 ปีก่อน ความสัมพันธ์ของเธอกับชายผู้นั้นเต็มไปด้วยความรักและความเกลียดชัง
ครั้งหนึ่งราชันผู้พิชิตได้ล้มยอดฝีมือทั้งหมดของทั่วทั้ง18 จังหวัดในหัวเซี่ย กวาดถล่มผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนทั่วโลก ผู้คนมากมายต่างยอมสยบต่อความยิ่งใหญ่ของเขา
ประมุขตำหนักร้อยบุปผาเคยเป็นเพื่อนคู่ใจกับราชันผู้พิชิตมาก่อนแต่สุดท้ายเขาก็ทิ้งเธอไปหาผู้หญิงอีกคนหนึ่ง
ยามนี้เมื่อเธอได้เห็นหลี่ฉิงเฟิงประมุขจ้าวตำหนักก็เห็นใบหน้าอันคุ้นเคยของราชันผู้พิชิตซ้อนทับกับเขา