บทที่ 224 – โอเวอร์ลอร์ด (4)
หลังจากนั้นเจ้าสิ่งที่เรียกว่าจอมทำลายก็ได้ปรากฏตัวขึ้นในหลายๆที่ ไม่เพียงแต่แค่ที่ๆเยอึนอยู่เท่านั้น ทีมอื่นๆก็ยังแจ้งมาว่าได้เจอกับจอมทำลาย แม้ว่าทีมของฮวาหยาและไอน่าจะจัดการเจ้าจอมทำลายได้ในทันทีที่เจอ แต่ทีมอื่นๆก็มีปัญหากับจอมทำลายและร้องขอความช่วยเหลือ
เป็นเรื่องปกติที่พวกเราจะค่อยๆมารวมกันและทำให้ในตอนที่ทุกๆคนได้มารวมกันฉันได้ฆ่าจอมทำลายไปแล้ว 4 ตัว
“ฟู่ ฉันสามารถจะรู้สึกได้ถึงมานาที่กำลังสั่นอย่างหนักได้เลย นอกไปจากนี้พวกนายไม่รู้สึกร้อนมากเลยหรอ”
“ร้อนหรอ เอาเถอะ บางทีมันอาจจะออกมาจากกระสุนทุกๆนัดที่นายยิงออกไป…เอ๊ะ”
เพียงแค่หลังจากลีออนได้แสดงความเห็นออกมา ฉันก็ตระหนักได้ว่าอุณหภูมิได้สูงขึ้น เพราะว่าภูติธาตุและผ้าคลุมของฉันมันทำให้ฉันไม่ได้รู้ตัวเลยว่าอากาศมันเปลื่ยนไปจนกระทั่งถึงตอนนี้ ในขณะเดียวกันคนอื่นๆต่างก็ซับเหงื่อของพวกเขา นอกเหนือจากฉันแล้วคนที่ไม่ได้รับผลกระทบอีกก็คือฮวาหยา ไอน่า และเดซี่
“ริยูเธอช่วยระบายความร้อนรอบๆเราหน่อยได้ไหม”
[อื้อ แต่ว่าฉันทำมันไม่ได้ในตอนที่สู้นัก พลังงานความร้อนที่นี่แข็งแกร่งเกินไป]
“ไม่เป็ฯไร”
[เข้าใจแล้ว]
ริยูได้ปล่อยพลังเยือกแข็งออกมาและในที่สุดทุกคนก็สามารถจะหายใจได้สะดวกขึ้น
“ความร้อนมันไม่ได้ผลกับฉันมากนักเพราะฉันเป็นผู้ใช้พลัง แต่ว่านี้มันก็น่าประทับใจมาก”
[ฮีโร่ พวกเราจะต้องรีบก่อนที่มันจะร้อนไปกว่านี้ นี้เป็นสัญญาณว่าราชาได้เคลื่อนทัพของมันแล้ว พวกเราจะต้องจัดการพวกลูกน้องก่อนที่จะเริ่มการต่อสู้จริง]
“เอาล่ะ เร็วเข้าทุกๆคน”
เนื่องจากว่าเราไม่สามารถจะเอาเครื่องบินออกมาที่นี่ได้ทำให้เราทุกคนต้องขึ้นไปบนหลังล็อทเต้ เธอได้กัดฟันแน่นและบ่นออกมา แต่แน่นอนว่าเธอก็ยอมรับในคำขอของฉันหลังจากที่ฉันได้สัญญาจะให้รางวัลกับเธอ
[เพราะพวกเรากำลังรีบ….ฉันจะยอมก็ได้]
“ขอโทษนะล็อทเต้”
อิเลด้าและพลีนก็ยังกลับไปเนื่องจากว่าพวกเธอทั้งคู่ไม่สามารถจะต่อต้านได้แม้แต่การโจมตีเดียวจากราชา พลีนได้กลายเป็นเศร้าใจเพราะเธอไม่สามารถจะช่วยได้อีกแล้วในขณะที่อิเลด้าได้เถียงออกมาว่าเธอต้องการที่จะอยู่ต่อ แต่ด้วยพลังจากพลีนช่วยให้เราได้เรียกคืนฟิลิปปินส์ได้เร็วขึ้นมาก มันจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะปลอบใจเธอ แต่ว่าอิเลด้าก็ไม่ยอมเชื่อ
“นายต้องการพลังของฉัน”
“แต่ว่าอิเลด้า มันอันตรายเกินไป มันเป็นไปได้ที่เธออาจจะตายจากคลื่นกระแทกจากการโจมตีของราชา เธอจะต้องมีเลเวลที่มากขึ้นกว่านี้ ในตอนที่เธอได้มาอยู่ในระดับทองแล้วเธอก็จะสามารถมาร่วมงานกันแบบนี้ได้ใหม่”
“ฉันจะไม่บ่นสักคำหากฉันตาย”
“พวกเราจะลำบากเอาได้นะถ้าเธอตาย พวกเรายังต้องการพลังของเธอในอนาคตอีก ขอร้องละช่วยปล่อยหน้าที่นั้นไว้กับรูเดียก่อนนะ”
“แค่ฉันก็มากพอแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น….ฉันยอมก็ได้ ฉันจะแข็งแกร่งให้มาขึ้นเพื่อที่จะช่วยทุกคนได้”
เมื่อรูเดียได้ก้าวเท้าออกมา อิเลด้าก็ดูเหมือนจะเชื่อใจและยอมถอยกลับไปที่คฤหาสน์พร้อมๆกับพลีนที่อารมณ์ดีขึ้นแล้วหลังจากฉันได้ปลอบเธอ จากนั้นมิเชลก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้มชม
“เธอเป็นผู้หญิงที่ชอบหมกมุ่นกับสิ่งแบบนี้ ฉันได้รู้หลังจากที่ได้ทำความรู้จักกับเธอมากขึ้น เธอจะไม่ลังเลเลยที่จะเสี่ยงชีวิตตัวเองงเพื่อคนอื่น มันสามารถจะพูดได้เลยว่าเธอเป็นคนใจบุญ เพราะว่าความรักคนอื่นที่ยิ่งใหญ่ของเธอมันทำให้แทบจะดูเหมือนว่าเธอไม่ได้รักตัวเองเลย….”
“มิเชลนายดูแลเธอได้ นั่นควรจะเป็นงานของหัวหน้ากิลด์ที่จะดูแลคนในกิลด์ แต่ว่าฉันได้ถูกห้ามไม่ให้คุยเรื่องส่วนตัวกับอิเลด้า”
เพราะแบบนั้นฉันได้ชี้ไปข้างหลังของฉัน รูเดียและฮวาหยากำลังจ้องมาที่มิเชล
“ชินไม่สามารถจะดูแลสมาชิกแต่ละคนแบบส่วนตัวได้นะคุณลุงมิเชล”
ฉันได้หัวเราะออกมาโดยไม่พูดอะไร มิเชลได้วางมือไว้บนไหล่ของฉันด้วยความสงสาร
“ถ้ามันลำบาก… นายก็มาคุยกับฉันได้นะ มันอาจจะน่าอายเล็กน้อยนะ แต่ว่าฉันก็เคยมีประสบการณ์แบบนี้ในตอนยังหนุ่มเหมือนกัน….ฉันรู้ว่านายรู้สึกยังไง”
“มิเชล….”
ฉันรู้สึกเหมือนกับจะร้องออกมา ฉันได้หยักหน้าของฉันเล็กน้อยเพื่อที่จะไม่ให้สาวๆได้รู้
ในตอนนั้นพวกเราก็ได้เข้ามาใกล้ภูเขาไฟแล้ว พื้นดินได้แตกออกและมีไฟพุ่งขึ้นมา ล็อทเต้ก็ยังรู้สึกกังวลมากยิ่งขึ้น
[ฮีโร่ฉันจะเร่งความเร็วขึ้นอีกนะ]
“เข้าใจแล้ว”
ในตอนนั้นเองในที่สุดริยูก็ยอมแพ้ออกมา
[มันยากเกินไปที่จะใช้พลังของฉันคนเดียว]
“ให้ตายสิ”
แม้แต่พลังของริยูก็ยังไม่สามารถเปลื่ยนอุณหภูมิมันได้งั้นหรอ ในตอนที่เธอได้กลับเข้ามาในอาวุธของฉันคนอื่นๆได้รู้สึกทรมานทันที
“นี่มันร้อนไปแล้ว”
“ไอลิน่า หนูทำอะไรได้ไหม”
“หนูผิดเองที่ไม่สามารถใช้พลังแบบละเอียดได้…. แต่ว่าหนูสามารถแช่แข็งได้นะ”
“ไม่เป็นไร”
“มันร้อนเกิดไปแล้ว ฉันควรจะถอดเกราะออกดีไหม”
“มันจะร้อนกว่าเดิมถ้านายทำแบบนั้น แค่ต้องอดทนมันไว้”
ฉันไม่คิดว่ามันมันจะเป็นไปได้ที่สภาพแวดล้อมจะส่งผลต่อสมาชิกรีไวเวิร์ลอย่างรุนแรง ฉันได้ตะโกนออกมาในขณะกัดฟัรแร่ร
“ความร้อนนี้สามารถจะขัดการเคลื่อนไหวได้มาก ในตอนที่เราเผชิญหน้ากับราชา ฉันจะรับมือด้านหน้ากับมันเอง ถ้าหากว่าความร้อนมันถึงจุดที่ไม่สามารถจะทนได้ก็บอกฉันนะ”
“ลูกชาย ร่างกายของพ่อนะไม่ได้อ่อนแอที่จะมาถูกความร้อนระดับนี้จำกัดการเคลื่อนไหวหรอกนะ”
“นั่นก็แค่พ่อเองนะ คนอื่นๆไม่ได้เหมือนพ่อนะ”
บางทีอาจจะมีเพียงแค่เร็นและเลอบิคผู้ท่เป็นมนุษย์สัตว์และมิเชลที่ฝึกฝนดาบมาตลอดชีวิตที่สามารถจะทนได้เหมือนกับพ่อ โชคดีที่ฮวาหยาก็ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเนื่องจากเป็นผู้ใช้พลังไฟ
[ฉันเจอแล้วหนึ่ง]
“ฮีโรอิค สไตรค์”
ในตอนที่จอมทำลายได้เข้ามาในสายตาฉัน ฉันได้ข้างหอกออกไปหยุดมันในทันที ทุกๆคนก็ยังได้สาดการโจมตีระยะไกลออกไปและฆ่ามัน ยังไงก็ตามข้างหน้าก็มีจอมทำลายนับสิบที่กำลังเดินขบวนมาหาพวกเรา
“ให้ตายสิ ล็อทเต้เธอพอจะรู้ไหมว่าพวกมันมีกี่ตัว”
[จากสิ่งที่ฉันได้เห็นมาจนถึงตอนี้มีกว่าพัน นอกจากนี้ยังมีอีกหลายตัวที่แข็งแกร่งกว่าจอมทำลายอีกด้วย]
“ว้าว….”
ฉันแทบจะหมดหวังไป มอนสเตอร์ระดับ SSS+ เป็นพันและมอนสเตอร์ที่มีระดับสูงกว่านั้นอีกหรอ ราชาของพวกนั้นก็น่ากังวลเหมือนกัน ฉันได้เผลอถอนหายใจออกมา
[ฮีโรพวกเราจะต้องลดจำนวนมันในตอนนี้ กองทัพของราชาจะขยายขนาดเมื่อเวลาผ่านไป ในตอนนี้ที่เรามาอยู่ที่นี่แล้ว พวกเราจะถอยกลับไม่ได้]
“ใช่แล้ว พวกเรากลับไปไม่ได้แล้ว”
[มันเป็นเรื่องดีที่เราได้ฆ่ามอนสเตอร์เป็นจำนวนมากไปก่อนแล้ว…. แม่มดตัดสินใจได้ฉลาด]
คำพูดของล็อทเต้ทำให้ฉันสังหรณ์ได้ถึงบางอย่าง
“นั่นมันเป็นกองทัพที่มาจากมอนสเตอร์หรอ ทำไมพวกมันจะต้องเรียกมอนสเตอร์ที่อยู่ในฟิลิปปินส์ทั้งหมดไปที่ภูเขาไฟด้วย”
[นั่นมันเป็นเหตุผลที่ทำให้ราชาลาวาน่ากลัว ยิ่งเขาสู้มากเท่าไหร่กองทัพของเขาก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น]
“นี้เป็นแบบอย่างสำหรับเนรโครแมนเซอร์ ฉันจะต้องจดเอาไว้”
เดซี่ได้พูดออกมาในขณะที่ปรบมืออย่างชื่นชม จากนั้นฉันได้เขกหัวเธอในขณะที่ฮวาหยาก็กัดฟันแน่น
“าฉันรู้มาก่อน ฉันก็น่าจะรวบรวมกองทัพและมาโจมตีมันก่อนแล้ว”
“ใครกันจะรู้ว่าราชาลาวาจะมาอยู่ที่นี่ล่ะ เธอทำดีที่สุดแล้วฮวาหยา…. ไม่จำเป็นต้องโทษตัวเองหรอกน่า”
ฉันได้กระชับหอกแน่น เมื่อมองไปที่จอมทำลายที่เริ่มจะปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับเพลิง ฉันได้ตะโกนขึ้น
“ริยูแสดงรูปธรรมออกมาได้ ได้เวลาแสดงพลังแล้ว”
[เข้าใจแล้ว]
ริยูได้เปลื่ยนร่ามาเป็นหญิงสาวหมาป่า เร็นได้ร้องออกมาอย่าเหม่อลอยลืมสถานการณ์ในปัจจุบัน
“สะ สวย”
“อึก”
เร็น เลอบิค หยุดเล่นกันได้แล้ว เตรียมต่อสู้ ตอนนี้พวกเรากำลังลดระดับลงไปแล้ว”
“ขะ เข้าใจแล้วเจ้าชาย”
ฉันได้จ้องไปที่เร็นกับเลอบิคและตะโกนออกมา
“ทุกๆครั้งที่นายโดนโจมตีในวันนี้ ฉันก็จะยืดระยะเวลาทุบตีของนายขึ้นหนึ่งวัน เลอบิคเธอก็จะได้ลิ้มรสการฝึกนั้นเหมือนกันหากเธอไม่ระวัง คนอื่นๆทุกคนเตรียมสู้เอาไว้ พวกเราจะต้องทำลายกองทัพของมันก่อนที่ราชาจะมาถึง”
“ได้เลย”
“เข้าใจแล้ว”
“หนูจะปกป้องพ่อ”
ล็อทเต้ได้พุ่งลงไปเหมือนกับลูกธนู ริยูได้ลดความร้อนในเส้นทางที่เราผ่านและเธอได้พุ่งเข้าไปกวาดจอมทำลาย กรงเล็บของเธอได้ถูกหุ่มด้วยพลังน้ำแข็งในตอนที่เธอฟาดใส่จอมทำลาย จอมทำลายได้ถูกทำลายโดยที่ไม่มีโอกาสได้สวนกลับแม้แต่นิด….เอ๊ะ
“อาวุธของเธอแปลกไปนี่ แต่ว่าการเคลื่อนไหวของเธอเหมือนกับคังชินมาก”
“ว่าแล้วทำไมการเคลื่อนไหวของเธอถึงคุ้นเคยมาก มันเป็นการเคลื่อนไหวของตระกูลเรา พุ่งไปอย่างระมัดระวังลและโหดร้ายโดยไม่มองไปรอบๆในขณะที่ไม่โดนโจมตีแม้แต่ครั้งเดียว”
“อย่าพูดว่าโหดร้ายสิ”
[ภูติธาตุจะเอาพื้นฐานมาจากเจ้านาย พวกเราก็ควรจะไปได้แล้วนายท่าน]
ฉันให้ไพก้าเข้ามาในหอกของฉันแทนที่ริยู ในวันนี้ฉันไม่สามารถจะใช้เพลิงโกลาหลและถ้าหากฉันใช้ริยูไม่ได้ ไพก้าก็เป็นตัวเลือกที่สองที่ดีสุดในตอนนี้ ตอนนี้โอกาสนั้นก็มาถึงแล้ว ฉันรู้สึกเศร้าเล็กน้อยที่ฉันได้ใช้ความพิโรธของเทพแห่งท้องฟ้าแล้วในวันนี้ ในตอนนั้นเองไพก้าก็ได้บอกออกมาราวกับอ่านใจฉันได้
[ไว้ใจฉันได้เลยนายท่าน ฉันจะแสดงสายฟ้าที่ตัดได้แม้กระทั่งเพลิงให้ดูเอง]
“ขอบคุณนะไพก้า ฉันไว้ใจเธอ”
[อื้อ]
ในตอนนั้นเองฉันก็รู้สึกได้ว่าการเชื่อมโยงระหว่างฉันกับไพก้าได้ลึกซึ้งขึ้น ฉันได้ให้ล็อทเต้ลงไปบนพื้นด้วยรอยยิ้ม เมื่อทุกๆคนรวมไปถึงซัคคิวบิได้ถึงพื้นแล้ว ฉันได้กลับไปบนหลังล็อทเต้ไปพุ่งออกไป ฮวาหยาได้ตะโกนขึ้นมา
“ชินระวังตัวด้วย”
“ไม่ต้องห่วงหอรก แทนที่จะทำแบบนั้นทุกคนก็อย่าตายนัก ตราบใดที่ไม่มีใครตายพวกเราจะไม่เป็นไร”
ฉันได้มองไปที่รูเดียผู้ที่มีอิลิกเซอร์มากกว่า 20 ขวด ในตอนที่เหตุการณ์ดันเจี้ยนปรากฏขึ้นบนโลกจำนวนมาก เธอได้เอาอิลิกเซอร์ทั้งหมดไปแล้ว
เมื่อรู้ในสิ่งที่ฉันต้องการสื่อ รูเดียได้ถอนหายใจออกมา
“ฉันอยากจะใช้มันเพื่อชินเท่านั้น….แต่ว่ามันคงไม่มีทางเลือกล่ะนะ”
“หุหุ รูเดียถ้าเธออยากจะให้ชินรัก เธอก็จะต้องแสดงความเห็ฯใจคนอื่นด้วยนะ”
“อย่าเรียกฉันว่ารูเดีย ฮวาหยา มัสติฟอร์ด”
มันดูเหมือนว่าทุกๆอย่างจะลงด้วยแล้ว ฉันได้ยิ้มบางๆและพุ่งออกไป ภูเขาไฟที่อยู่ไกลออกไปดูเหมือนจะปล่อยมานาออกมาตามการปะทุ ความร้อนนี่มันทำให้แม้แต่ฉันยังต้องขมวดคิ้ว ล็อทเต้ได้ตะโกนออกมาเหมือนกับจะกรีดร้อง
[ตัวตนของมอนสเตอร์ในบริเวณนั้นหายไป ทหารที่เป็นพิเศษได้เกิดขึ้นมาแล้ว]
“ให้ตายสิ พวกนั้นมันเลวร้ายยิ่งกว่าจอมทำลายอีกสินะ… ล็อทเต้เร่งความเร็วขึ้นอีก”
[เข้าใจแล้ว]
“สามีที่รักรับนี่ไว้”
ในตอนที่พวกเราพุ่งเข้าไปใกล้จอมทำลายก็ได้มีบอลคริสตัลลอยมาหาพวกเรา ในตอนที่ฉันคว้าอย่างเร่งรีบ ฉันก็ได้เห็นวัตถุทรงกลมสีชมพูดำ แน่นอนว่ามันไม่ใช่ของตกแต่งธรรมดา ลูกบอลขนาดเล็กนี้มีมานาบรรจุอยู่อย่างมหาศาล
ฉันได้เอียงหัวอย่างสับสนและมองไปที่ลิโคไรท์ที่กำลังยิ้มให้ฉัน
“มันทำมาจากส่วนหนึ่งของมานาทั้งหมดที่ถูกรวบรวมโดยหน่วยต่อสู้นะ มันรวมความรักของเราเอาไว้ ดังนั้นก็ใช้มันในตอนที่คุณต้องการสามีที่รัก”
“แต่ว่าลิโคไรท์ นี้มันเป็นของซัคคิวบิ….”
“ถ้าหากว่าสามีที่รักตายไปมันก็ไม่สำคัญว่าเราจะได้ความแข็งแกร่งมามากแค่ไหน ฉันหวังแค่ว่าจะเป็นประโยชน์กับสามี”
“…ขอบคุณ”
“หุหุ”
ฉันคิดว่าเธอจะโม้มากกว่านี้ซะอีกแต่เธอเพิงแค่หัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะบินกลับไป วงเวทย์จำนวนนับสิบได้ปรากฏขึ้นรอบๆตัวเธอและยิงเวทย์ลงไปใส่จอมทำลายที่อยู่ข้างล่าง ทุกๆการโจมตีนั้นทรงพลังมากพอที่จะทำให้ฉันสั่นได้เลย การได้ลิโคไรท์มาเป็นประโยชน์กับฉันอย่างมหาศาล
“ฉันจะแพ้ริยูหรือลิโคไรท์ไม่ได้”
ฉันได้เก็บบอลคริสตัลลงไปหลังจากได้ยืนยันถึงมัน บอลคริสตัลนี้ได้เก็บมานาเอาไว้มากกว่ามานาของฉันถึงสามเท่า หากมันระเบิดออกมามันสามารถจะทำลายประเทศหนึ่งได้อย่างง่ายๆเลย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งนี้จะช่วยฉันได้อย่างมหาศาล
[ฮีโร่ นับจากนี้ฉันจะพุ่งออกไปเต็มที่แล้วนะ]
“เธอจะบอกให้ฉันฆ่าพวกมันทั้งหมดในทีเดียวสินะ เข้าใจล่ะ ฉันจะแสดงให้เห็นเองว่าราชันย์วายุพิโรธคืออะไร”
ร่างกายของฉันได้ส่องแสงออกมาครู่หนึ่งและพลังสายลมกับสายฟ้าได้เข้ามาหาฉัน ชาราน่าที่อยู่ในร่างกายของฉันกับไพก้าที่อยู่ในหอกได้อุทานออกมา
[นายท่านยอดมาก]
[หุหุ นายท่านยอดเยี่มที่สุด]
“นี้มันเพิ่งจะเริ่มเท่านั้น พวกเธอจะต้องควบคุมพลังนี้”
ล็อทเต้ได้พุ่งออกไป ปลายทางของเธอคือจอมทำลายตัวใหม่ที่เพิ่งจะปรากฏออกมาจากพื้นดินและเต็มไปด้วยลาวา
“ตายซะ”
[ซ้ายยยยย]
หอกของฉันได้แทงออกไปด้วยการโจมตีที่เต็มไปด้วยพลังที่รุนแรง
[ติดคริติคอล]
ลมและสายฟ้าได้โหมกระหน่ำทันที การพุ่งของล็อทเต้ยังไม่ได้หยุดลง จากหลุมที่ฉันได้เจาะไว้ทำให้ลาวาไหลออกมาเหมือนกับเลือด จอมทำลายได้ล้มลงไปในทันที มันได้ตายไปแล้ว
“พวกแกทั้งหมด….มาสู้กับฉันนี่ พวกทหารกระจอกแบบแก ฉันจะจัดการพวกแกทั้งหมดเอง”
[คุณได้ใช้ทักษะยั่วยุ ศัตรูทั้งหมดในพื้นที่จะคงความเกลียดชังกับคุณจนถึงขีดสุด เพียงรอดออกมาโดยที่เอาชนะพวกนั้น คุณก็จะได้สร้างความสำเร็จขึ้นอีกอย่าง]
จอมทำลายได้เดินเข้ามาจากด้านหน้า อย่างที่ล็อทเต้ได้บอกมาได้มีจอมทำลาบนับพันปรากฏตัวออกมาจากที่มุมของพื้น พวกมันได้จ้องมาทางฉันและวิ่งเข้ามา ฉันได้กลืนน้ำลายลงไปและตะโกนออกมาด้วยความเครียด
“ไปกันเลย”
ราชันย์วายุพิโรธจะไม่มีทางหยุดลงจนกว่าพวกมันจะตาย ด้วยพลังของวิญญาณสัมบูรณ์ฉันจะทำให้มันเป็นไปได้ สอง สาม สี่….
[ก๊าซซซซซซซซซ]
ล็อทเต้ได้พุ่งไปข้างหน้าเรื่อยๆโดยที่จะทิ้งยักษ์ที่ถูกเจาะและระเบิดออกมาไว้เบื้องหลัง วังวนพายุและสายฟ้าได้ห่อหุ้มร่างกายของฉันตัดผ่านอากาศไปราวกับเป็นการทิ้งร่องรอยแห่งการทำลายล้าง มันไม่ใช่แค่ฉันเท่านั้น แต่สมาชิกรีไวเวิร์ลคนอื่นๆก็ยังพุ่งเข้ามาคู่ไปกับฉัน ซัคคิวบิเกือบสองร้อนตนได้ยิงเวทย์ออกมาโดยไม่หยุดพักในขณะที่เสียงคำรามแห่งการต่อสู้ของจอมทำลายได้ดังสนั่น
สงความระหว่างรีไวเวิร์ลและกองทัพของราชาลาวาได้เริ่มขึ้นแล้ว