Infinite Competitive Dungeon Society – ตอนที่ 224

ตอนที่ 224

บทที่ 224 – โอเวอร์ลอร์ด (4)

หลังจากนั้นเจ้าสิ่งที่เรียกว่าจอมทำลายก็ได้ปรากฏตัวขึ้นในหลายๆที่ ไม่เพียงแต่แค่ที่ๆเยอึนอยู่เท่านั้น ทีมอื่นๆก็ยังแจ้งมาว่าได้เจอกับจอมทำลาย แม้ว่าทีมของฮวาหยาและไอน่าจะจัดการเจ้าจอมทำลายได้ในทันทีที่เจอ แต่ทีมอื่นๆก็มีปัญหากับจอมทำลายและร้องขอความช่วยเหลือ

เป็นเรื่องปกติที่พวกเราจะค่อยๆมารวมกันและทำให้ในตอนที่ทุกๆคนได้มารวมกันฉันได้ฆ่าจอมทำลายไปแล้ว 4 ตัว

“ฟู่ ฉันสามารถจะรู้สึกได้ถึงมานาที่กำลังสั่นอย่างหนักได้เลย นอกไปจากนี้พวกนายไม่รู้สึกร้อนมากเลยหรอ”

“ร้อนหรอ เอาเถอะ บางทีมันอาจจะออกมาจากกระสุนทุกๆนัดที่นายยิงออกไป…เอ๊ะ”

เพียงแค่หลังจากลีออนได้แสดงความเห็นออกมา ฉันก็ตระหนักได้ว่าอุณหภูมิได้สูงขึ้น เพราะว่าภูติธาตุและผ้าคลุมของฉันมันทำให้ฉันไม่ได้รู้ตัวเลยว่าอากาศมันเปลื่ยนไปจนกระทั่งถึงตอนนี้ ในขณะเดียวกันคนอื่นๆต่างก็ซับเหงื่อของพวกเขา นอกเหนือจากฉันแล้วคนที่ไม่ได้รับผลกระทบอีกก็คือฮวาหยา ไอน่า และเดซี่

“ริยูเธอช่วยระบายความร้อนรอบๆเราหน่อยได้ไหม”

[อื้อ แต่ว่าฉันทำมันไม่ได้ในตอนที่สู้นัก พลังงานความร้อนที่นี่แข็งแกร่งเกินไป]

“ไม่เป็ฯไร”

[เข้าใจแล้ว]

ริยูได้ปล่อยพลังเยือกแข็งออกมาและในที่สุดทุกคนก็สามารถจะหายใจได้สะดวกขึ้น

“ความร้อนมันไม่ได้ผลกับฉันมากนักเพราะฉันเป็นผู้ใช้พลัง แต่ว่านี้มันก็น่าประทับใจมาก”

[ฮีโร่ พวกเราจะต้องรีบก่อนที่มันจะร้อนไปกว่านี้ นี้เป็นสัญญาณว่าราชาได้เคลื่อนทัพของมันแล้ว พวกเราจะต้องจัดการพวกลูกน้องก่อนที่จะเริ่มการต่อสู้จริง]

“เอาล่ะ เร็วเข้าทุกๆคน”

เนื่องจากว่าเราไม่สามารถจะเอาเครื่องบินออกมาที่นี่ได้ทำให้เราทุกคนต้องขึ้นไปบนหลังล็อทเต้ เธอได้กัดฟันแน่นและบ่นออกมา แต่แน่นอนว่าเธอก็ยอมรับในคำขอของฉันหลังจากที่ฉันได้สัญญาจะให้รางวัลกับเธอ

[เพราะพวกเรากำลังรีบ….ฉันจะยอมก็ได้]

“ขอโทษนะล็อทเต้”

อิเลด้าและพลีนก็ยังกลับไปเนื่องจากว่าพวกเธอทั้งคู่ไม่สามารถจะต่อต้านได้แม้แต่การโจมตีเดียวจากราชา พลีนได้กลายเป็นเศร้าใจเพราะเธอไม่สามารถจะช่วยได้อีกแล้วในขณะที่อิเลด้าได้เถียงออกมาว่าเธอต้องการที่จะอยู่ต่อ แต่ด้วยพลังจากพลีนช่วยให้เราได้เรียกคืนฟิลิปปินส์ได้เร็วขึ้นมาก มันจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะปลอบใจเธอ แต่ว่าอิเลด้าก็ไม่ยอมเชื่อ

“นายต้องการพลังของฉัน”

“แต่ว่าอิเลด้า มันอันตรายเกินไป มันเป็นไปได้ที่เธออาจจะตายจากคลื่นกระแทกจากการโจมตีของราชา เธอจะต้องมีเลเวลที่มากขึ้นกว่านี้ ในตอนที่เธอได้มาอยู่ในระดับทองแล้วเธอก็จะสามารถมาร่วมงานกันแบบนี้ได้ใหม่”

“ฉันจะไม่บ่นสักคำหากฉันตาย”

“พวกเราจะลำบากเอาได้นะถ้าเธอตาย พวกเรายังต้องการพลังของเธอในอนาคตอีก ขอร้องละช่วยปล่อยหน้าที่นั้นไว้กับรูเดียก่อนนะ”

“แค่ฉันก็มากพอแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้น….ฉันยอมก็ได้ ฉันจะแข็งแกร่งให้มาขึ้นเพื่อที่จะช่วยทุกคนได้”

เมื่อรูเดียได้ก้าวเท้าออกมา อิเลด้าก็ดูเหมือนจะเชื่อใจและยอมถอยกลับไปที่คฤหาสน์พร้อมๆกับพลีนที่อารมณ์ดีขึ้นแล้วหลังจากฉันได้ปลอบเธอ จากนั้นมิเชลก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้มชม

“เธอเป็นผู้หญิงที่ชอบหมกมุ่นกับสิ่งแบบนี้ ฉันได้รู้หลังจากที่ได้ทำความรู้จักกับเธอมากขึ้น เธอจะไม่ลังเลเลยที่จะเสี่ยงชีวิตตัวเองงเพื่อคนอื่น มันสามารถจะพูดได้เลยว่าเธอเป็นคนใจบุญ เพราะว่าความรักคนอื่นที่ยิ่งใหญ่ของเธอมันทำให้แทบจะดูเหมือนว่าเธอไม่ได้รักตัวเองเลย….”

“มิเชลนายดูแลเธอได้ นั่นควรจะเป็นงานของหัวหน้ากิลด์ที่จะดูแลคนในกิลด์ แต่ว่าฉันได้ถูกห้ามไม่ให้คุยเรื่องส่วนตัวกับอิเลด้า”

เพราะแบบนั้นฉันได้ชี้ไปข้างหลังของฉัน รูเดียและฮวาหยากำลังจ้องมาที่มิเชล

“ชินไม่สามารถจะดูแลสมาชิกแต่ละคนแบบส่วนตัวได้นะคุณลุงมิเชล”

ฉันได้หัวเราะออกมาโดยไม่พูดอะไร มิเชลได้วางมือไว้บนไหล่ของฉันด้วยความสงสาร

“ถ้ามันลำบาก… นายก็มาคุยกับฉันได้นะ มันอาจจะน่าอายเล็กน้อยนะ แต่ว่าฉันก็เคยมีประสบการณ์แบบนี้ในตอนยังหนุ่มเหมือนกัน….ฉันรู้ว่านายรู้สึกยังไง”

“มิเชล….”

ฉันรู้สึกเหมือนกับจะร้องออกมา ฉันได้หยักหน้าของฉันเล็กน้อยเพื่อที่จะไม่ให้สาวๆได้รู้

ในตอนนั้นพวกเราก็ได้เข้ามาใกล้ภูเขาไฟแล้ว พื้นดินได้แตกออกและมีไฟพุ่งขึ้นมา ล็อทเต้ก็ยังรู้สึกกังวลมากยิ่งขึ้น

[ฮีโร่ฉันจะเร่งความเร็วขึ้นอีกนะ]

“เข้าใจแล้ว”

ในตอนนั้นเองในที่สุดริยูก็ยอมแพ้ออกมา

[มันยากเกินไปที่จะใช้พลังของฉันคนเดียว]

“ให้ตายสิ”

แม้แต่พลังของริยูก็ยังไม่สามารถเปลื่ยนอุณหภูมิมันได้งั้นหรอ ในตอนที่เธอได้กลับเข้ามาในอาวุธของฉันคนอื่นๆได้รู้สึกทรมานทันที

“นี่มันร้อนไปแล้ว”

“ไอลิน่า หนูทำอะไรได้ไหม”

“หนูผิดเองที่ไม่สามารถใช้พลังแบบละเอียดได้…. แต่ว่าหนูสามารถแช่แข็งได้นะ”

“ไม่เป็นไร”

“มันร้อนเกิดไปแล้ว ฉันควรจะถอดเกราะออกดีไหม”

“มันจะร้อนกว่าเดิมถ้านายทำแบบนั้น แค่ต้องอดทนมันไว้”

ฉันไม่คิดว่ามันมันจะเป็นไปได้ที่สภาพแวดล้อมจะส่งผลต่อสมาชิกรีไวเวิร์ลอย่างรุนแรง ฉันได้ตะโกนออกมาในขณะกัดฟัรแร่ร

“ความร้อนนี้สามารถจะขัดการเคลื่อนไหวได้มาก ในตอนที่เราเผชิญหน้ากับราชา ฉันจะรับมือด้านหน้ากับมันเอง ถ้าหากว่าความร้อนมันถึงจุดที่ไม่สามารถจะทนได้ก็บอกฉันนะ”

“ลูกชาย ร่างกายของพ่อนะไม่ได้อ่อนแอที่จะมาถูกความร้อนระดับนี้จำกัดการเคลื่อนไหวหรอกนะ”

“นั่นก็แค่พ่อเองนะ คนอื่นๆไม่ได้เหมือนพ่อนะ”

บางทีอาจจะมีเพียงแค่เร็นและเลอบิคผู้ท่เป็นมนุษย์สัตว์และมิเชลที่ฝึกฝนดาบมาตลอดชีวิตที่สามารถจะทนได้เหมือนกับพ่อ โชคดีที่ฮวาหยาก็ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเนื่องจากเป็นผู้ใช้พลังไฟ

[ฉันเจอแล้วหนึ่ง]

“ฮีโรอิค สไตรค์”

ในตอนที่จอมทำลายได้เข้ามาในสายตาฉัน ฉันได้ข้างหอกออกไปหยุดมันในทันที ทุกๆคนก็ยังได้สาดการโจมตีระยะไกลออกไปและฆ่ามัน ยังไงก็ตามข้างหน้าก็มีจอมทำลายนับสิบที่กำลังเดินขบวนมาหาพวกเรา

“ให้ตายสิ ล็อทเต้เธอพอจะรู้ไหมว่าพวกมันมีกี่ตัว”

[จากสิ่งที่ฉันได้เห็นมาจนถึงตอนี้มีกว่าพัน นอกจากนี้ยังมีอีกหลายตัวที่แข็งแกร่งกว่าจอมทำลายอีกด้วย]

“ว้าว….”

ฉันแทบจะหมดหวังไป มอนสเตอร์ระดับ SSS+ เป็นพันและมอนสเตอร์ที่มีระดับสูงกว่านั้นอีกหรอ ราชาของพวกนั้นก็น่ากังวลเหมือนกัน ฉันได้เผลอถอนหายใจออกมา

[ฮีโรพวกเราจะต้องลดจำนวนมันในตอนนี้ กองทัพของราชาจะขยายขนาดเมื่อเวลาผ่านไป ในตอนนี้ที่เรามาอยู่ที่นี่แล้ว พวกเราจะถอยกลับไม่ได้]

“ใช่แล้ว พวกเรากลับไปไม่ได้แล้ว”

[มันเป็นเรื่องดีที่เราได้ฆ่ามอนสเตอร์เป็นจำนวนมากไปก่อนแล้ว…. แม่มดตัดสินใจได้ฉลาด]

คำพูดของล็อทเต้ทำให้ฉันสังหรณ์ได้ถึงบางอย่าง

“นั่นมันเป็นกองทัพที่มาจากมอนสเตอร์หรอ ทำไมพวกมันจะต้องเรียกมอนสเตอร์ที่อยู่ในฟิลิปปินส์ทั้งหมดไปที่ภูเขาไฟด้วย”

[นั่นมันเป็นเหตุผลที่ทำให้ราชาลาวาน่ากลัว ยิ่งเขาสู้มากเท่าไหร่กองทัพของเขาก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น]

“นี้เป็นแบบอย่างสำหรับเนรโครแมนเซอร์ ฉันจะต้องจดเอาไว้”

เดซี่ได้พูดออกมาในขณะที่ปรบมืออย่างชื่นชม จากนั้นฉันได้เขกหัวเธอในขณะที่ฮวาหยาก็กัดฟันแน่น

“าฉันรู้มาก่อน ฉันก็น่าจะรวบรวมกองทัพและมาโจมตีมันก่อนแล้ว”

“ใครกันจะรู้ว่าราชาลาวาจะมาอยู่ที่นี่ล่ะ เธอทำดีที่สุดแล้วฮวาหยา…. ไม่จำเป็นต้องโทษตัวเองหรอกน่า”

ฉันได้กระชับหอกแน่น เมื่อมองไปที่จอมทำลายที่เริ่มจะปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับเพลิง ฉันได้ตะโกนขึ้น

“ริยูแสดงรูปธรรมออกมาได้ ได้เวลาแสดงพลังแล้ว”

[เข้าใจแล้ว]

ริยูได้เปลื่ยนร่ามาเป็นหญิงสาวหมาป่า เร็นได้ร้องออกมาอย่าเหม่อลอยลืมสถานการณ์ในปัจจุบัน

“สะ สวย”

“อึก”

เร็น เลอบิค หยุดเล่นกันได้แล้ว เตรียมต่อสู้ ตอนนี้พวกเรากำลังลดระดับลงไปแล้ว”

“ขะ เข้าใจแล้วเจ้าชาย”

ฉันได้จ้องไปที่เร็นกับเลอบิคและตะโกนออกมา

“ทุกๆครั้งที่นายโดนโจมตีในวันนี้ ฉันก็จะยืดระยะเวลาทุบตีของนายขึ้นหนึ่งวัน เลอบิคเธอก็จะได้ลิ้มรสการฝึกนั้นเหมือนกันหากเธอไม่ระวัง คนอื่นๆทุกคนเตรียมสู้เอาไว้ พวกเราจะต้องทำลายกองทัพของมันก่อนที่ราชาจะมาถึง”

“ได้เลย”

“เข้าใจแล้ว”

“หนูจะปกป้องพ่อ”

ล็อทเต้ได้พุ่งลงไปเหมือนกับลูกธนู ริยูได้ลดความร้อนในเส้นทางที่เราผ่านและเธอได้พุ่งเข้าไปกวาดจอมทำลาย กรงเล็บของเธอได้ถูกหุ่มด้วยพลังน้ำแข็งในตอนที่เธอฟาดใส่จอมทำลาย จอมทำลายได้ถูกทำลายโดยที่ไม่มีโอกาสได้สวนกลับแม้แต่นิด….เอ๊ะ

“อาวุธของเธอแปลกไปนี่ แต่ว่าการเคลื่อนไหวของเธอเหมือนกับคังชินมาก”

“ว่าแล้วทำไมการเคลื่อนไหวของเธอถึงคุ้นเคยมาก มันเป็นการเคลื่อนไหวของตระกูลเรา พุ่งไปอย่างระมัดระวังลและโหดร้ายโดยไม่มองไปรอบๆในขณะที่ไม่โดนโจมตีแม้แต่ครั้งเดียว”

“อย่าพูดว่าโหดร้ายสิ”

[ภูติธาตุจะเอาพื้นฐานมาจากเจ้านาย พวกเราก็ควรจะไปได้แล้วนายท่าน]

ฉันให้ไพก้าเข้ามาในหอกของฉันแทนที่ริยู ในวันนี้ฉันไม่สามารถจะใช้เพลิงโกลาหลและถ้าหากฉันใช้ริยูไม่ได้ ไพก้าก็เป็นตัวเลือกที่สองที่ดีสุดในตอนนี้ ตอนนี้โอกาสนั้นก็มาถึงแล้ว ฉันรู้สึกเศร้าเล็กน้อยที่ฉันได้ใช้ความพิโรธของเทพแห่งท้องฟ้าแล้วในวันนี้ ในตอนนั้นเองไพก้าก็ได้บอกออกมาราวกับอ่านใจฉันได้

[ไว้ใจฉันได้เลยนายท่าน ฉันจะแสดงสายฟ้าที่ตัดได้แม้กระทั่งเพลิงให้ดูเอง]

“ขอบคุณนะไพก้า ฉันไว้ใจเธอ”

[อื้อ]

ในตอนนั้นเองฉันก็รู้สึกได้ว่าการเชื่อมโยงระหว่างฉันกับไพก้าได้ลึกซึ้งขึ้น ฉันได้ให้ล็อทเต้ลงไปบนพื้นด้วยรอยยิ้ม เมื่อทุกๆคนรวมไปถึงซัคคิวบิได้ถึงพื้นแล้ว ฉันได้กลับไปบนหลังล็อทเต้ไปพุ่งออกไป ฮวาหยาได้ตะโกนขึ้นมา

“ชินระวังตัวด้วย”

“ไม่ต้องห่วงหอรก แทนที่จะทำแบบนั้นทุกคนก็อย่าตายนัก ตราบใดที่ไม่มีใครตายพวกเราจะไม่เป็นไร”

ฉันได้มองไปที่รูเดียผู้ที่มีอิลิกเซอร์มากกว่า 20 ขวด ในตอนที่เหตุการณ์ดันเจี้ยนปรากฏขึ้นบนโลกจำนวนมาก เธอได้เอาอิลิกเซอร์ทั้งหมดไปแล้ว

เมื่อรู้ในสิ่งที่ฉันต้องการสื่อ รูเดียได้ถอนหายใจออกมา

“ฉันอยากจะใช้มันเพื่อชินเท่านั้น….แต่ว่ามันคงไม่มีทางเลือกล่ะนะ”

“หุหุ รูเดียถ้าเธออยากจะให้ชินรัก เธอก็จะต้องแสดงความเห็ฯใจคนอื่นด้วยนะ”

“อย่าเรียกฉันว่ารูเดีย ฮวาหยา มัสติฟอร์ด”

มันดูเหมือนว่าทุกๆอย่างจะลงด้วยแล้ว ฉันได้ยิ้มบางๆและพุ่งออกไป ภูเขาไฟที่อยู่ไกลออกไปดูเหมือนจะปล่อยมานาออกมาตามการปะทุ ความร้อนนี่มันทำให้แม้แต่ฉันยังต้องขมวดคิ้ว ล็อทเต้ได้ตะโกนออกมาเหมือนกับจะกรีดร้อง

[ตัวตนของมอนสเตอร์ในบริเวณนั้นหายไป ทหารที่เป็นพิเศษได้เกิดขึ้นมาแล้ว]

“ให้ตายสิ พวกนั้นมันเลวร้ายยิ่งกว่าจอมทำลายอีกสินะ… ล็อทเต้เร่งความเร็วขึ้นอีก”

[เข้าใจแล้ว]

“สามีที่รักรับนี่ไว้”

ในตอนที่พวกเราพุ่งเข้าไปใกล้จอมทำลายก็ได้มีบอลคริสตัลลอยมาหาพวกเรา ในตอนที่ฉันคว้าอย่างเร่งรีบ ฉันก็ได้เห็นวัตถุทรงกลมสีชมพูดำ แน่นอนว่ามันไม่ใช่ของตกแต่งธรรมดา ลูกบอลขนาดเล็กนี้มีมานาบรรจุอยู่อย่างมหาศาล

ฉันได้เอียงหัวอย่างสับสนและมองไปที่ลิโคไรท์ที่กำลังยิ้มให้ฉัน

“มันทำมาจากส่วนหนึ่งของมานาทั้งหมดที่ถูกรวบรวมโดยหน่วยต่อสู้นะ มันรวมความรักของเราเอาไว้ ดังนั้นก็ใช้มันในตอนที่คุณต้องการสามีที่รัก”

“แต่ว่าลิโคไรท์ นี้มันเป็นของซัคคิวบิ….”

“ถ้าหากว่าสามีที่รักตายไปมันก็ไม่สำคัญว่าเราจะได้ความแข็งแกร่งมามากแค่ไหน ฉันหวังแค่ว่าจะเป็นประโยชน์กับสามี”

“…ขอบคุณ”

“หุหุ”

ฉันคิดว่าเธอจะโม้มากกว่านี้ซะอีกแต่เธอเพิงแค่หัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะบินกลับไป วงเวทย์จำนวนนับสิบได้ปรากฏขึ้นรอบๆตัวเธอและยิงเวทย์ลงไปใส่จอมทำลายที่อยู่ข้างล่าง ทุกๆการโจมตีนั้นทรงพลังมากพอที่จะทำให้ฉันสั่นได้เลย การได้ลิโคไรท์มาเป็นประโยชน์กับฉันอย่างมหาศาล

“ฉันจะแพ้ริยูหรือลิโคไรท์ไม่ได้”

ฉันได้เก็บบอลคริสตัลลงไปหลังจากได้ยืนยันถึงมัน บอลคริสตัลนี้ได้เก็บมานาเอาไว้มากกว่ามานาของฉันถึงสามเท่า หากมันระเบิดออกมามันสามารถจะทำลายประเทศหนึ่งได้อย่างง่ายๆเลย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งนี้จะช่วยฉันได้อย่างมหาศาล

[ฮีโร่ นับจากนี้ฉันจะพุ่งออกไปเต็มที่แล้วนะ]

“เธอจะบอกให้ฉันฆ่าพวกมันทั้งหมดในทีเดียวสินะ เข้าใจล่ะ ฉันจะแสดงให้เห็นเองว่าราชันย์วายุพิโรธคืออะไร”

ร่างกายของฉันได้ส่องแสงออกมาครู่หนึ่งและพลังสายลมกับสายฟ้าได้เข้ามาหาฉัน ชาราน่าที่อยู่ในร่างกายของฉันกับไพก้าที่อยู่ในหอกได้อุทานออกมา

[นายท่านยอดมาก]

[หุหุ นายท่านยอดเยี่มที่สุด]

“นี้มันเพิ่งจะเริ่มเท่านั้น พวกเธอจะต้องควบคุมพลังนี้”

ล็อทเต้ได้พุ่งออกไป ปลายทางของเธอคือจอมทำลายตัวใหม่ที่เพิ่งจะปรากฏออกมาจากพื้นดินและเต็มไปด้วยลาวา

“ตายซะ”

[ซ้ายยยยย]

หอกของฉันได้แทงออกไปด้วยการโจมตีที่เต็มไปด้วยพลังที่รุนแรง

[ติดคริติคอล]

ลมและสายฟ้าได้โหมกระหน่ำทันที การพุ่งของล็อทเต้ยังไม่ได้หยุดลง จากหลุมที่ฉันได้เจาะไว้ทำให้ลาวาไหลออกมาเหมือนกับเลือด จอมทำลายได้ล้มลงไปในทันที มันได้ตายไปแล้ว

“พวกแกทั้งหมด….มาสู้กับฉันนี่ พวกทหารกระจอกแบบแก ฉันจะจัดการพวกแกทั้งหมดเอง”

[คุณได้ใช้ทักษะยั่วยุ ศัตรูทั้งหมดในพื้นที่จะคงความเกลียดชังกับคุณจนถึงขีดสุด เพียงรอดออกมาโดยที่เอาชนะพวกนั้น คุณก็จะได้สร้างความสำเร็จขึ้นอีกอย่าง]

จอมทำลายได้เดินเข้ามาจากด้านหน้า อย่างที่ล็อทเต้ได้บอกมาได้มีจอมทำลาบนับพันปรากฏตัวออกมาจากที่มุมของพื้น พวกมันได้จ้องมาทางฉันและวิ่งเข้ามา ฉันได้กลืนน้ำลายลงไปและตะโกนออกมาด้วยความเครียด

“ไปกันเลย”

ราชันย์วายุพิโรธจะไม่มีทางหยุดลงจนกว่าพวกมันจะตาย ด้วยพลังของวิญญาณสัมบูรณ์ฉันจะทำให้มันเป็นไปได้ สอง สาม สี่….

[ก๊าซซซซซซซซซ]

ล็อทเต้ได้พุ่งไปข้างหน้าเรื่อยๆโดยที่จะทิ้งยักษ์ที่ถูกเจาะและระเบิดออกมาไว้เบื้องหลัง วังวนพายุและสายฟ้าได้ห่อหุ้มร่างกายของฉันตัดผ่านอากาศไปราวกับเป็นการทิ้งร่องรอยแห่งการทำลายล้าง มันไม่ใช่แค่ฉันเท่านั้น แต่สมาชิกรีไวเวิร์ลคนอื่นๆก็ยังพุ่งเข้ามาคู่ไปกับฉัน ซัคคิวบิเกือบสองร้อนตนได้ยิงเวทย์ออกมาโดยไม่หยุดพักในขณะที่เสียงคำรามแห่งการต่อสู้ของจอมทำลายได้ดังสนั่น

สงความระหว่างรีไวเวิร์ลและกองทัพของราชาลาวาได้เริ่มขึ้นแล้ว

Infinite Competitive Dungeon Society

Infinite Competitive Dungeon Society

Status: Ongoing

เหตุการณ์ดวงจันทร์แฝดคือจุดเริ่มต้นชองการเปลื่ยนแปลงทุกอย่าง

เพราะการปรากฏตัวของมอนสเตอร์และดันเจี้ยนในสังคมยุคใหม่ และผู้ที่ใช้ความสามารถของเขาต่อสู้กับมัน โลกได้กำลังเผชิญหน้ากับประวัติศาสตร์ครั้งใหม่

นี่คือกำเนิดขึ้นของแหล่งพลังงานชนิดใหม่ๆ และอาชีพดั้งเดิมมากมายได้หดหายไป

สามัญสำนึกปกติได้ถูกเปลื่ยนแปลงไปและจินตนาการได้กลายมาเป็นความจริง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท