Infinite Competitive Dungeon Society – ตอนที่ 277

ตอนที่ 277

บทที่ 277 – ฤดูที่สาม (2)

พูดตามตรงแล้วฉันไม่อยากจะอยู่ทวีปอเดียวอีกต่อไปแล้วฉันอยากจะทําธุระที่นี่ให้มันเสร็จๆเร็วๆและกลับไป

ฉันได้บอกกับพอลว่าฮีโร่ได้เสียพลังไปและถ่ายพลังของโลกไปให้เอลลอส หากฉันประกาศเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ออกไปสู่สาธารณะก็จะเกิดแต่เรื่องขวัญกําลังใจที่ลดต่ําลง มันจะเป็นการดีที่สุดที่จะไม่บอกกับใคเลยแต่ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าฉันจําเป็นจะต้องบอกพอล

“มันเป็นแบบนั้นจริงๆสินะ…”

หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วเอลลอสได้แสดงท่าทางที่เคร่งขรึมขึ้นมาอย่างไม่เข้ากับบุคลิกของเขา ฉันได้จับคอของเขาและสั่นทันที

“มันเป็นแบบนั้นจริงๆงั้นยหรอ? นายรู้อะไรแบบนี้อยู่แล้ว!?”

“ไม่ ไม่เลย! มันก็แค่ ตั้งแต่ที่เอลลอสได้เสียบาเรลล่าไป เขาก็ทําอะไรหลายๆอย่างโดยที่ไม่ได้มาคุยกับฉันเลย เขาได้เสียเสียงหัวเราะตามปกติไปและเขาก็ยังแข็งแกร่งขึ้นแม้ว่าจะไม่ได้เข้าไปในดันเจี้ยนเลย…. นอกจากนี้ฉันก็ยังคุยกับเขาเหมือนแต่ก่อนไม่ได้อีกด้วยก็อย่างนี้แหละ”

แน่นอน มันเป็นการยากที่จะสงสัยใครสักคนเพียงเพราะแค่นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนๆนั้นเป็นคนที่ใกล้ชิดฉันได้ยอมรับในคําอธิบายของพอลและปล่อยตัวเขาไป หลังจากไอแห้งๆออกมา ฉันก็พูดต่อไป

“ยังไงก็ตามตอนนี้ฉันมีพลังของโลกอยู่”

“อ่า..”

พอลได้แสดงความกังวลออกมา ถ้าหากว่าฉันอยู่ในตําแหน่งเดียวกันกับเขาฉันก็คงจะโยนตัวฉันในตอนนี้เข้าไปในคุกจนกว่าที่ฉันจะแยกพลังของโลกออกมาแน่นอน นี่มันคือความสําคัญของพลังของโลก เพียงแต่ว่าที่พอลไม่ทํามันก็เพราะว่าไม่มีใครที่แข็งแกร่งพอที่จะหยุดฉันได้

ในที่แล้วเขาก็พูดออกมาอย่างระมัดระวัง

“เฮ้ คังชิน”

”เราจําเป็นจะต้องเลือกฮีโร่คนใหม่จากทวีปของนาย ฉันจะถ่ายโอนพลังไปให้กับเขา”

” อ่า”

เขาได้เริ่มแสดงความโล่งอกออกมาแล้ว จากนั้นจู่ๆมันก็หายไป ฉันไม่รู้ว่าใครกันที่ให้เขาอยู่ในตําแหน่งของเจ้าชายรัชทายาทกัน แต่ว่าคนๆนั้นจะต้องปรารถนาให้จักรพรรดิพินาจแน่ๆเลย

“ฮีโร่คนใหม่หรอ? ใครล่ะ?”

“อ่า ฉันได้ตัดสินใจไปแล้ว ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกน่า”

” นายตัดสินใจไปแล้ว? แต่ว่าคนในทวีปนี้นายรู้จักแค่ฉันกับเอลลอสนี่!”

“ใช่แล้ว ฉันยังไม่อยากจะทําให้คนที่ฉันไม่รู้จักเป็นฮีโร่อีกด้วย นั่นเป็นเหตุผลให้ฉันเลือกคนที่ฉันรู้จักไง”

” เอ๊ะ?”

เขาได้เอียงหัวงง กระพริบตาสองสามครั้ง จากนั้นก็เบิกตากว้าง

“ฉะ ฉันหรอ!?”

“ใช่แล้ว!”

“นายต้องการให้ฉันกลายเป็นฮีโร่งั้นหรอ? บ้าไปแล้ว!”

“ไม่ต้องห่วงน่า นายอาจจะไม่รู้นะแต่ว่านายไม่มีสิทธิ์ที่จะมาปฏิเสธ

ฉันได้ยิ้มให้กับพอลที่กําลังส่ายหัวไปมาอย่างรุนแรง

“คงจะต้องใช้เวลาสักพักหนึ่งถ่ายโอนพลังของฮีโร่ นั่นมันก็หมายความว่าฉันจะต้องพาคนๆนั้นไปโลกด้วย และฉันไม่มีทางจะพาคนที่ฉันไม่รู้จักไปโลกแน่”

“ฉันขอปฏิเสธ! ฉันไม่ต้องการมัน ฉันทําไม่ได้”

“ถ้างั้นนายอยากจะให้ฉันกลับไปที่โลกพร้อมกับพลังนี้หรอ?”

“มีอัศวินที่ยอดเยี่ยมอยู่คนนึง! ฉันจะแนะนําเธอให้นายฟังเดี๋ยวนี้เลย”

“ไปเก็บของซะ”

” แต่ว่าเธอเป็นอัศวินสาวที่สวยมากเลยนะ”

“ฉันไม่สน ไม่เก็บของ

พอลดูจะบ้าไปแล้ว เขาได้พึมพัมเรื่องไร้สาระกับตัวเองก็จะก้มหน้าลงและพูดออกมา

“ฉันทําไม่ได้ ฉันอ่อนแอเกินไป”

“ฉันเห็นด้วยที่ว่านายอ่อนแอ แต่ว่ามนุษย์ไม่มีใครที่แข็งแกร่งตั้งแต่เกิดหรอก”

ฉันได้จับไหล่ของเขาเอาไว้และพูดอย่างจริงจัง

“มีบางอย่างที่ฉันได้เตรียทเอาไว้ให้กับนายด้วย”

“นาย? เตรียมให้ฉัน?”

“ใช่แล้ว”

ฉันได้ประกาศออกไปอย่างเคร่งขรึม

“ฉันเรียกมันว่าขั้นตอนการทุบตี”

เพราะแบบนี้ฉันจึงได้ลากพอลกลับไปที่โลกกับฉัน และเพื่อความปลอดภัยของประชาชนในทวีปอเดียสฉันจึงได้จัดการกวาดล้างพวกผู้บุกรุกในระหว่างที่รอให้พอลเตรียมตัวให้พร้อม

ถึงแม้ว่าความหนานแน่นของมานาในทวีปจะลดลงไปแต่ว่ามานาในชั้นบรรยากาศก็ยังอยู่ข้างฉันให้ฉันสามารถจะใช้มันกําจัดผู้บุกรุกจํานวนมากได้

“เพราะแบบนี้นายคงไม่ต้องห่วงอะไรไปซักพักแล้ว หัวหน้าของพวกนั้นก็ตายไปแล้วและฉันก็น่าจะฆ่าคนของพวกนั้นไปประมาณ 10% แล้วด้วยมั้ง”

“นายกําลังจะบอกว่านายกําจัดพวกมัน 1096 ภายในวันเดียว?”

“ไม่ แน่นอนสิว่าไม่ 100% นี้คือรวมเอาตัวที่ฉันฆ่าในระหว่างทางที่ไปเทือกเขาเพรูต้าด้วย”

พอลได้อ้าปากออกมาอย่างตกตะลึง

“นายมันไม่ใช่มนุษย์”

“ไม่นานมานี้ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”

ไม่ว่ายังไงก็ตามแล้วหลังจากนั้นฉันก็ได้กลับมาที่โลกพร้อมกับพอลจากนั้นฉันก็ได้หาเอเลนี่เพื่อรายงานถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ฉันไม่ได้ไปที่สวนแฟรี่แต่ตรงไปที่ทํางานของกิลด์ไร้หุบเขาเลยเอเลนี้ได้บอกให้เขาคุยกันที่นั่น

ในตอนที่เธอได้รู้ว่าฮีโร่ได้ตายไปแล้วเธอก็ยังไม่สามารถจะซ่อนความตกใจเอาไว้ได้

“เครื่องมือเวทย์ของพวกนั้นเหนือกว่าทักษะของฉันอีกงั้นหรอ? ฉันคิดว่าฉันมั่นใจว่าเขายังมีชีวิตอยู่”

“พวกนั้นมีวิธีที่จะหลอกระบบดันเจี้ยน ดังนั้นการที่มันทําได้แบบนี้จึงไม่มีอะไรที่เกินเลยไปซักนิด”

“ฮ่าาา เทียน…”

เอเลนี่ได้ก้มหัวลงและพึมพัมเบาๆถึงชื่อที่น่าจะเป็นชื่อของฮีโร่ พอหรือยังนะ? ไม่นานนักเธอก็เงยหน้าขึ้นมาพูดต่อ

“ยังไงก็ตามคุณก็ทําภารกิจนี้ได้สมบูรณ์แบบมาก ฉันมั่นใจได้เลยว่าคุณจะต้องได้รับรางวัล MVP”

” แต่ว่าฉันช่วยเขาไม่ได้นะ”

” แต่ว่าคุณก็พยายามแล้ว คุณได้ทําทุกๆสิ่งที่คุณทําได้ในทวีปอีเดียสไปแล้ว ฉันมั่นใจได้เลยว่าเทียนจะต้องรู้สึกขอบคุณคุณเหมือนกัน”

ตอนนี้ฉันหมดหมดคําพูดไปและทําเพียงแค่ยืนขึ้นเงียบๆ เอเลนี้ได้หัวเราะออกมาและยื่นออกมาวางบนหัวของฉัน

“นายเป็นฮีโร่ที่ยอดเยีม นายทําให้ฉันนึกถึงตัวเองในตอนที่เป็นฮีโร่”

“…ขอบคุณสําหรับคําชมนะ”

“แต่ว่าในฐานะผู้ชายแล้วคุณยังดีไม่พอ ฉันอยากจะไปหาหลินซะแล้วสิ”

” ขอโทษนะ แต่ว่าฉันไม่เห็นว่าเรื่องนั้นมันจะน่าเสียใจเลย”

เธอได้ขมวดคิ้วขึ้นกับคําตอบของฉันและหยิบเอาลูกปัดเล็กๆออกมาจากช่องเก็บของของเธอบนลูกปัดพวกนี้มีรูนแปลกๆสลักเอาไว้ซึ่งปล่อยออร่าที่ดูจะลึกลับออกมา

“นี้คืออะไรนะ?”

“อืมม มันตอบยากนิดหน่อยนะ จริงสิ ฉันจะบอกให้ฟังว่ามันถูกสร้างขึ้นมายังไงดีกว่า ในตอนที่ฉันได้โอนพลังของโลกไปให้ฮีโร่ที่สืบทอดในทวีปของฉันไปแล้ว ฉันก็ได้ใช้พลังของโลกนิดๆหน่อยๆที่เหลืออยู่ในร่างมาสร้างมันขึ้น มันก็น่าจะเป็นเครื่องมือเวทย์เหมือนกัน”

“ไม่ใช่ว่าเธอจะมีปัญหาแน่ถ้าหากว่ามีคนรู้หรอ?”

“ก็ไม่มีใครรู้นี่ดังนั้นก็ไม่เป็นไร ดังนั้นสิ่งนี้ก็คือ…”

เธอได้สารภาพเรื่องอาชญากรรมของเธอออกมาโดยไม่สนใจและพูดต่อไป”

“มันจะช่วยฟื้นยกระดับพลังของวัตถขึ้นไปสู่ระดับต่อไป ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายมันยังไงเหมือนกันเพราะแม้แต่ลอร์ดก็ยังตั้งชื่อไอเทมนี้ไม่ได้”

“มันเป็นหินตีบวกสินะ”

หินตีบวก?”

“ไม่มีอะไรหรอก”

ฉันได้เอาลูกปัดมาจากเธอและประเมินดูมันอย่างที่คิดเลยมันได้เต็มไปด้วยเครื่องหมายคําถา มเหมือนกับในตอนที่ฉันได้เรเดียนมาฉันรู้สึกตกใจมากที่เอเลนี่เป็นคนประดิษย์ไอเทมแบบนี้แม้ว่าจะเป็นพลังของโลกก็ตามแต่การทําให้มันกลายเป็นไอเทมที่เหลือกว่าพลังของเชอริฟิน่าได้นี่มัน… ฉันได้มองเธอในมุมมองที่ต่างไปจากเดิมทันที

“หุหุ นายรู้สึกขอบคุณใช่ไหมล่ะ?”

“ใช่แล้ว ขอบคุณนะดูเหมือนว่ามันจะเป็นของที่คุ้มค่ากับการที่ฉันต้องไปเสี่ยงชีวิต

ฉันไม่ได้เยาะเย้ยเลย มันเป็นรางวัลที่เหนือไปกว่าจินตนาการของฉันจริงๆ ในตอนที่ฉันได้รับหินตีบวกนี่ฉันได้มีความคิดที่จะใช้มันอยู่ในหัวมากมายฉันสามารถจะใช้มันกับตัวเองได้หรือป่าวนะ? ถ้าหากว่าไม่ได้แล้วฉันควรจะใช้มันกับอะไรดีล่ะ? หอกโกลาหล?ชุดเกราะความปรารถนาที่ดํามืดหอกโกลาหลก็ยังสามารถจะพัฒนาตัวมันเองได้อยู่แล้วแต่นี่เป็นทางเดียวที่จะพัฒนาเกราะ

“ถ้างั้นก็นี่เป็นรางวัลนนะ บ้ายบาย ฉันจะต้องรีบไปหาหลินแล้ว”

“อ่า ฉันไปด้วย ฉันก็มีเรื่องที่จะถามหลินเหมือนกัน”

ในตอนนั้นเอง เอเลนี่ก็นิ่วหน้าใสฉันทันที

“โอ้? เอเลนี่เธอซ่อนอะไรแบบนี้ไว้ด้วยหรอ?”

หลินได้ยิ้มขึ้นมาและมองไปทางเอเลนี่

“ฉันไม่คิดว่าเธอจะทําอะไรแบบนี้เลยนะ”

“ฉันไม่ได้อยู่ให้ความสําคัญกับวัตถุประสงค์ไปตลอดหรอกน่า ในตอนนั้นฉันควบคุมพลังของตัวเองได้ไม่ค่อยดี”

“เอาเถอะ เรื่องนี้มันก็ได้กลายมาเป็นเรื่องดีกับเจ้าหนูนี่ แล้วนายบอกว่านายต้องการจะเสริมพลังของเกราะความปรารถที่ดํามืดด้วยเจ้าสิ่งนั้นสินะ?”

“ใช่แล้ว”

ฉันได้ส่งหินตีบวกกับเกราะความปรารถนาที่ดํามีดออกไปให้กับเขา เขาได้รับเอาหินตีบวกไป และมองสํารวจดูเล็กน้อยจากนั้นก็ส่ายหัวออกมา

“ฉันไม่คิดว่าแค่เจ้านี่มันจะพอนะ”

” หมายความว่าฉันจะต้องทําอะไรที่พิเศษเพื่อที่จะทํามันงั้นหรอ?”

ประมาณนั้น”

ฉันได้มองไปที่หลินอย่างงงๆ จากนั้นก็หันไปมองเอเลนี่ เธอได้สายมือของเธอทันที

” อะ อะไร? ฉันไม่ได้ตั้งเงื่อนไขพิเศษอะไรขึ้นซักหน่อย?”

“สิ่งที่เอเลนี่สร้างขึ้นเป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมพลัง ไม่สิ วิวัฒนาการวัตถุจริงๆ แต่ว่ามันก็ไม่ได้ใช้ได้กับทุกอย่าง มันดูเหมือนว่าจําเป็นจะต้องมีเงื่อนไขที่ซับซ้อนอยู่ด้วยเหมือนกันฉันสามารถจะพอดูออกได้ถึงสิ่งที่จะผ่านเงื่อนไขนั่น อยากแรกวัตถุที่นายจะใช้มันจะต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสมซึ่งเกราะความปรารถนาที่ดํามืดแทบจะไม่ผ่านมันมา”

“แล้วอย่างที่สองล่ะ?”

“อย่างที่สองก็ความไม่แน่นอน มันก็เหมือนๆกับหอกโกลาหลของนายแต่ว่าจะต่างไปเล็กน้อยเกราะความปรารถนาที่ดํามืดนี้จะต้องผ่านการต่อสู้มาจํานวนมากและสร้างบันทึกการป้องกันการโจมตีทุกชนิด ตามที่พูดไปเกราะนี้จะต้องมีความทรงจําจํานวนมาก เครื่องมือเวทย์นี้มันจะยกระดับของวัตถุนั้นขึ้นจากประสบการณ์การต่อสู้ของวัตถุนั้นๆและเจ้าของของมัน

“มันฟังดูซับซ้อนนะ แต่ว่าทั้งหมดนั่นมันหมายถึง EXP สินะ”

“อืมม?”

“เรื่องบนโลกฉันนะ”

ฉันได้รับเอาเกราะและเครื่องมือเวทย์นั่นคืนมา

“ฉันได้ทําการปรับแต่งเกราะของนายเล็กน้อย เมื่อถึงเวลามันจะเรืองแสงออกมาเอง นายกแค่ต้องเอาเครื่องมือเวทย์นั่นทุบไปที่เกราะแรงๆ เอาให้แรงเหมือนกับว่านายจะต้องการพังมันนะ”

“โอ้ อย่างที่คาดหวังจากหลินเลย”

“ใช่แล้ว ฉันสุดยอดอยู่แล้ว ยังไงก็เถอะนายทําภารกิจทหารรับจ้างต่างมิติได้เยี่ยมมากรีบๆพาผู้ใช้ปืนมาหาฉันได้แล้ว อ่า ดีใจที่ได้เจอนะเอเลนี่”

จากนั้นเขาก็ได้ไล่ฉันออกมาและทําแบบเดียวกันนี้กับเอเลนี่ เอเลนี้ได้ขมวดคิ้วและตะโกนออกมา

“อ๊าา ฉันมาหาหลินนะ! ฉันต้องการให้หลินปลอบฉัน!”

“โลก้าตั้งท้องอยู่เลย ฉันจะไปมัวมีเวลาอยู่กับผู้หญิงคนนี้ในระหว่างนั้นได้ยังไง”

“แต่ว่าฉันจะตายถ้าหลินไม่อยู่นะ”

ในตอนนั้นเอง หลินก็ได้ทําหน้าเบื่อหน่ายมากๆและพ่นควันออกมา

“ถ้างั้นเธอจะอยู่ดื่มชาก็ได้ แต่ฉันจะพูดไว้ก่อนเลยนะว่าฉันไม่คิดจะเอามือไปยุ่งกับเธอ”

“อื้อ!”

“นั่นมันก็หมายความว่าเธอก็ห้ามมาแตะฉันนะ”

“ หา?”

” หรือไม่เธอก็ไปได้”

“ไม่ ฉันล้อเล่น ฉันแค่ล้อเล่น”

เธอชอบหลินมากขนาดนี้เลยหรอ? ฉันได้ยิ้มแห้งๆและจากไปอย่างรวดเร็ว จู่ๆฉันก็อยากจะไปเจอกับโรเล็ตต้า แต่ว่าในตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา ฉันยังมีบางสิ่งที่จะต้องมอบให้กับคนๆนึงให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

“หิว”

ในตอนที่ฉันได้กลับมาที่สวนมาเรียน่า เดซี่ก็กําลังนอนเหยียดอยู่เหมือนอย่างเคย ฉันได้ยิ้มแห้งๆและถามออกไป

” เธอเคลียร์ชั้นที่ 16 มาตั้งแต่เมื่อไหร่นะ?”

“สองชั่วโมง ก่อน ในตอนนั้นฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย ฉันกําลังหิวโหย”

“รอเดี๋ยวนะ ฉันจะทําอะไรซักอย่างให้กิน แล้วก็นี่”

ฉันได้หยิบเอากําไรมังกรที่หลินทําไว้ให้และส่งมาให้เธอ ในตอนที่เธอได้รับมันมา เธอก็จ้องมองไปที่ข้อมือของฉัน ฉันได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มแห้งๆ

“ฉันได้ดูดซับของฉันไปหมดแล้ว เธอก็อาจจะต้องดูดซับมันไปเหมือนกัน”

“ดูดซับ..? ชิ”

เดซี่ได้ส่งเสียงที่ฉันไม่รู้ว่าทําไมออกมาและเธอได้ใส่กําไลลงไปในทันที เธอได้ใส่มันไปเร็วจนฉันเตือนเธอไม่ทัน

ความเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นทันที เดซี่ได้หล่นมาจากเก้าอี้และกลิ้งตัวไปกับพื้นโดยไม่พูดอะไรมันจะดีกว่าหากเธอพูดอะไรบ้าง การเงียบแบบนี้มันน่ากลัว

เมื่อได้เห็นเดซี่กลิ้งกับพื้นไปทั่วฉันได้เกิดความคิดที่จะมัดเธอเอาไว้ จู่ๆเดซี่ก็เด้งตัวขึ้นมาเธอได้พยายามอย่างเต็มที่ที่จะรักษาความนิ่งสงบเอาไว้ แต่ว่าน้ําตาของเธอได้ไหลออกมาอย่างชัดเจนมันดูเหมือนจะเจ็บมา

“นายหลอกฉัน”

“เธอใส่ก่อนที่ฉันจะได้พูดอะไรซักอีก”

” คังชินผิด”

“ใช่ ใช่ ฉันผิดเอง”

“ลงโทษ ทําอาหารอร่อยๆให้ฉัน”

“ถ้ามันเป็นราเม็งล่ะก็ได้แน่นอน”

ฉันได้พูดด้วยรอยยิ้มทําให้เดซี่หยักหน้าอย่างรวดเร็ว

“นับจากนี้ไปคังชินคือพ่อครัวราเม็งของฉันตลอดไป”

“…ตลอดไป?”

” ตลอดไป”

เพราะแบบนี้ดูเหมือนว่าขั้นตอนการทุบตีของพอลก็คงจะต้องรอสักพักหนึ่ง

Infinite Competitive Dungeon Society

Infinite Competitive Dungeon Society

Status: Ongoing

เหตุการณ์ดวงจันทร์แฝดคือจุดเริ่มต้นชองการเปลื่ยนแปลงทุกอย่าง

เพราะการปรากฏตัวของมอนสเตอร์และดันเจี้ยนในสังคมยุคใหม่ และผู้ที่ใช้ความสามารถของเขาต่อสู้กับมัน โลกได้กำลังเผชิญหน้ากับประวัติศาสตร์ครั้งใหม่

นี่คือกำเนิดขึ้นของแหล่งพลังงานชนิดใหม่ๆ และอาชีพดั้งเดิมมากมายได้หดหายไป

สามัญสำนึกปกติได้ถูกเปลื่ยนแปลงไปและจินตนาการได้กลายมาเป็นความจริง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท