Infinite Competitive Dungeon Society – ตอนที่ 311

ตอนที่ 311
บทที่ 311 – ทะลวงผ่าน (4)
ในตอนที่หุ่นยนต์ที่ดอร์ตควบคุมอยู่ได้เริ่มโจมตีฉันก็ยังเคลื่อนไหวด้วย มันคงจะน่าเศร้าหากว่าฉันปล่อยให้หุ่นยนต์จัดการทุกอย่างจนจบลงง่ายๆแน่
แผนของดอร์ตก็ดูจะเป็นการทําให้หุ่นยนต์ตัวอื่นติดไวรัสของเขาด้วยการยิงกระสุนที่บรรจุพลังของดอร์ตเอาไว้ แต่ด้วยความที่จํานวนหุ่นยนต์ของเขามีน้อยกว่ามันจึงมีการติดไวรัสที่มาก
นอกไปจากนี้ฉันก็ค่อนข้างยุ่งเลย แทนที่จะเข้าไปโจมตีฉันได้เลือกตั้งสมาธิกับการป้องกันหุ่นยนต์ของดอร์ตูมากกว่า
[ขาดอร์ต การเคลื่อนไหวของนายท่านละเอียดอ่อนและระมัดระวัง สมแล้วที่เป็นนายท่านของดอร์ต]
“ฉันก็แค่ไปรอบๆโดยไม่มีจุดหมายเองนะ”
ในเมื่อพวกหุ่นยนต์มันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตทําให้ฉันจัดการกับพวกมันเหมือนมอนสเตอร์ปกติไม่ได้นอกจากนี้มัน ยังมีความจริงที่ว่ามีมานาในร่างพวกมันอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นกระสุนปืนหรือลูกปืนใหญ่ของพวกมันต่างก็มีมานามาด้วย ถึงแม้ว่ามันจะโต้กลับได้อย่างในตอนแรกเพราะความไม่คุ้นเคยแต่ว่าหลังจากได้สู้กับพวกมันมาเป็นวันแล้วฉันก็สามารถจะคาดเดาการเคลื่อนไหวของมานาพวกมันและนํามาคาดเดาการกระทําได้
ก่อนอื่นฉันได้ยกระดับพลังวิญญาณสัมบูรณ์และมานาตรวจจับออกไปจนถึงขีดสุด พร้อมทั้งใช้วงจรเพรูต้ายกระดับพลังทางกายภาพไปถึงขีดสุดด้วย ฉันได้เตรียมที่จะใช้ความเร็วศักดิ์สิทธิ์ในทันทีในตอนที่ฉันได้รับการ เสริมพลังของหอกจนมาพอที่จะตัดกระสุนขาดครึ่ง การเตรียมการของฉันก็หมดลงแล้ว ตอนมาฉันก็ได้เล็งไปที่ กระสุนที่จะเข้ามาโจมตีใส่หุ่นยนต์ของดอร์ตูและตัดมันทิ้งเท่านั้นเอง
“ตีได้สวย!”
[ขาดอร์ต นายท่านแข็งแกร่ง นายท่านวิวัฒนาการแล้ว]
[นายท่านก็แข็งแกร่งอยู่เสมอแหละเจ้าโง่]
ด้วยการกระทําของฉันทําให้มันเป็นไปได้ยากมากที่หุ่นยนตจ์ของดอร์ตูจะถูกยิง ในขณะเดียวกันกระสุนของหุ่นยนต์ของดอร์ตก็ยิงออกไปอย่างไม่สิ้นสุด
แน่นอนด้วยความที่ว่ากระสุนนั้นสร้างมาจากพลังของดอร์ตูและพลังของดอร์ตมาจากฉันทําให้ฉันจะต้องเสียสละมานาไปเป็นจํานวนมากในทุกๆวินาที แล้วเมื่อนํามารวมกับมานาที่ฉันใช้เองแล้วมันเป็นมานาจํานวนมากที่ ทําให้ฉันคนเก่าต้องอ้าปากค้างแน่
โชคดีที่ฉันไม่ใช่คนเก่าแล้ว ด้วยความร่วมมือกันของวิญญาณสัมบูรณ์และวงจรเพรูต่าฉันได้ดูดมานามาในจํานวนที่พอๆกันกับที่ดอร์ตูใช้ออกไป
เพราะแบบนี้เองด้วยการช่วยเหลือจากกระสุนที่ไม่สิ้นสุดลงของดอร์ตูทําให้เกิดเส้นทางให้พวกเขาได้พุ่งผ่านไป เพียงแค่นี้มันก็ช่วยให้สถานการณ์ในปัจจุบันฉันดีขึ้นมาอย่างมากแล้ว แต่ว่าดอร์ตูได้บอกว่ามันพึ่งจะเริ่มเท่านั้น เป้าหมายจริงๆของเขาที่ควบคุมหุ่นยนต์มันไม่ใช่แค่การเพิ่มจํานวนของพวกเรา แต่มันคือการใช้กองกํา ลังของศัตรูมาเป็นของเรา
การเปลี่ยนแปลงนี้มันไม่ได้ใช้เวลานานนัก หุ่นยนต์ที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีดําได้เริ่มมีมากขึ้น จากนั้นเจ้าพวกหุ่นยนต์ก็ได้มาร่วมฝั่งเดียวกับพวกเราและก็เริ่มยิงพรรคพวกเดิมของมัน เนื่องจากว่าพวกมันไม่มีอารมณ์ใดๆเลยทําให้พวกมันเชื่อถืออะไรไม่ได้เลย
[ขาดอร์ต ข้าจะเร่งขึ้นอีก]
“นายทําได้เยี่ยมมากดอรีต”
ฉันก็ยังยุ่งมากขึ้นไปอีก ฉันไม่อยากจะให้หุ่นยนต์แม้แต่ตัวเดียวถูกยิงจนพังลงไป
ฉันได้ใช้เวลาหนึ่งวันกับประมาณ 5 ชม. ไปแล้วในชั้นที่ 86 นี้แต่ว่าฉันยังไม่ได้เห็นแม้แต่ชายขอบของชั้นต่อไปเลย เนื่องจากว่าฉันไม่อยากจะมาเสียเวลาในการเคลียร์ดันเจี้ยนที่หนึ่งมากทําให้ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอุดอู่
ไม่ว่านักสํารวจคนใดก็จะต้องขัดความคิดแบบนี้ของฉันแน่ แต่ว่าฉันจริงจัง ดันเจี้ยนชั้นล่างๆมันต่างจากชั้นที่ 81 ขึ้นมาจริงๆและฉันก็รู้สึกว่ามันจะต่างยิ่งกว่านี้ไปอีกในชั้นที่ 91
เชอริฟิน่าจะต้องเตรียมการเอาไว้มากแล้วแน่ ดันเจี้ยนนี้ยังมีมอนสเตอร์ที่น่ากลัวอย่างเจ้าพวกนรกสีชาดที่ แม้แต่เชอริฟิน่าก็ควบคุมไม่ได้สมบูรณ์อยู่อีกมากแน่ ดันเจี้ยนนี้มันไม่ใช่แค่ที่ที่จะให้รางวัลกับนักสํารวจแล้ว แต่ว่ามันเป็นสถานที่ในการทดสอบพวกเขา นับตั้งแต่ที่ดันเจี้ยนที่หนึ่งได้ถูกก่อตั้งขึ้นมามันยังไม่เคยมีใครไปเหนือกว่าชั้นที่ 92 เลย ฉันได้รู้อีกด้วยว่าฉันจะต้องเสียเวลาไปกับชั้นที่ 86 นี้อีกมาก
[ข้า…มองนายท่านไม่เห็น]
(ฉันมึนหัว นายท่าน! ฉันมึนหัว!]
ฉันได้เริ่มชินกับความเร็วศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นไปทีละนิดๆ มันไม่ใช่ในแง่ของสกิลแต่ว่ามันเป็นผลของการที่ได้เรียนรู้ในหลักการไหลของมานาของมันซึ่งเป็นผลสําเร็จที่เกิดขึ้นมาจากการที่ฉันได้ใช้สกิลเป็นพันๆครั้ง
ในตอนที่ร่างกายของฉันได้พัฒนาไปคุ้นเคยกับการไหลของมานาความเร็วศักดิ์สิทธิ์ วงจรเพรต้า และ วิญญาณสัมบูรณ์ก็ได้หลอมรวมเข้ากันเองอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมกันด้วยธาเลเรียที่ทําให้ฉันสามารถบินไปบนท้องฟ้าได้อย่างอิสระอีกด้วยทําให้ในตอนนี้ฉันเคลื่อนไหวไปมาได้อย่างอิสระไร้ขีดจํากัด
เมื่อฉันเชียวชาญในวงจรเพรูต้าวิธีการควบคุมมานาของฉันก็เปลี่ยนไปและฉันก็สามารถจะบินได้ต่อให้ไม่มีชาราน่าก็ตาม แต่แน่นอนว่าฉันบินอย่างอิสระไม่ได้หากว่าขาดชาราน่าและธาเลเรียที่เป็นสิ่งของของเทพเจ้า
ในตอนนี้ฉันกําลังใช้พลังของเฮอร์มีสที่ฉันจะคงสภาพเอาไว้ได้หนึ่งชั่วโมง! ตอนนี้ฉันได้ป้องกันกระสุนทั้งหมดที่พุ่งเข้ามาในทันทีและธาเลเรียก็ช่วยให้ฉันขยับไปไหนมาไหนได้ตามต้องการด้วยความเร็วศักดิ์สิทธิ์ และธาเลเรียตัวฉันมันก็เร็วเกินไปแล้ว
ในตอนนี้เองความรู้สึกอิสระที่ฉันไม่เคยคาดคิดก็เกิดขึ้นมา ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นลมที่สามารถจะไปได้ในทุกๆที่ที่ฉันต้องการ ฉันเข้าใจในความรู้สึกนี้ได้ทันที แต่ว่าเนื่องจากฉันยังอยู่ในดันเจี้ยนด้วยทําให้เชอริฟิน่าช่วยอธิบายออกมา
[คุณได้รับพลังของเฮอร์มีสมาอย่างสมบูรณ์ส่งผลให้อํานาจพลังของเฮอร์มีสเพิ่มขึ้น ความเร็วเพิ่มขึ้น 10% ระยะเวลาของธาเลเรียเพิ่มขึ้นเป็นสองชั่วโมงต่อมัน คุณได้รับอํานาจใหญ่เพตตะซัส]
[เพตตะซัสคือหมวกเดินทางที่ถูกสวมใส่โดยเทพแห่งการส่งสารเฮอร์มีส เป็นสัญลักษณ์ของเฮอร์มีสที่อยู่ในระดับเดียวกับกับธาเลเรีย เพตตะซัสไม่สามารถจะแสดงพลังออกมาเต็มที่ได้เพียงลําพัง มันจะสามารถเรียกออกมาได้เพียง 10 นาทีต่อวันในตอนที่ธาเลเรียใช้งานอยู่เท่านั้น]
[ในขณะที่เพตตะซัสทํางานอยู่ความเร็วของคุณจะเพิ่มขึ้นสามเท่า ความเร็วที่เพิ่มขึ้นคือทั้งความเร็วการเคลื่อนไหวและความเร็วการโจมตี มันรวมไปถึงความเร็วในกระบวนการคิดในสมองอีกด้วยแต่เนื่องจากแบบนี้ เองมันจะทําให้เกิดภาระขึ้นกับร่างกายและสมองของคุณ ระดับร่างกายและจิตวิญญาณของคุณจะต้องอยู่ในระดับสูงถึงจะใช้มันได้]
“อะไรนะ…? ความเร็วเพิ่มขึ้นสามเท่า…!?”
ในตอนนี้ฉันได้นึกไปถึงหมวกที่มีปีกของเฮอร์มีสที่มีชื่อเสียงเหมือนกับรองเท้าปีกของเขา ฉันได้ปลดล็อคในพลังใหม่มาแล้ว
“มันมีหลายๆสถานการณ์ในอดีตที่ฉันอยากจะเร็วยิ่งกว่านี้…”
ความจิรงที่ฉันได้รับพลังของเพตตะซัสมาในตอนนี้มันสามารถหมายความได้ว่าฉันจะได้เติมเต็มเป้าหมายนั้นแล้วในตอนนี้
“ฉันได้รับพลังทั้งหมดของเฮอร์มีสมาบนชั้นที่ 86 ฉันจะไม่ผิดหวังกับตัวเองได้ยังไงกัน?”
ถึงแม้ว่าฉันจะพูดอยู่แบบนั้นแต่ฉันก็ได้ตัดกระสุนในขณะที่บินไปบนท้องฟ้าด้วยความเร็วศักดิ์สิทธิ์ จํานวนของหุ่นยนต์มันได้เพิ่มมากขึ้น ทันใดนั้นเองความคิดหนึ่งก็ได้เข้ามาในหัวของฉันนี่มันไม่ใช่เป็นครั้งแรกหรอกที่ฉันได้ใช้ความเร็วศักดิ์สิทธิ์ถึงในของ
ทธิ์ถึงในขอบเขตนี้? มันไม่ใช่สกิลความเร็วศักดิ์สิทธิ์ แต่ว่าเป็นสิ่งที่ฉันเรียนรู้ด้วยร่า งกาย
“ยิ่งในตอนนี้ชาราน่าก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย”
บางที่อาจจะเป็นเพราะการที่ฉันไม่ได้พึ่งพลังของชาราน่าและใช้ธาเลเรียด้วยพลังของตัวเองถึงทําให้ฉันปลดล็อคพลังสุดท้ายของเฮอร์มีสออกมาก็ได้ แน่นอนว่าความเป็นจริงมันไม่มีทางรู้ได้เลย ความจริงเพียงอย่างเดียวที่ฉันรู้ได้เลยก็คือฉันเร็วขึ้นไปมากๆแล้ว
เนื่องจากว่าฉันไม่รู้ว่าฉันอยู่ที่ชั้นที่ 86 มานานแค่ไหนแล้วมันก็ไม่มีเหตุผลที่ฉันจะต้องเก็บเอาพลังใหม่ไว้ ยังไงฉันก็ใช้พลังนี้ได้วันละครั้งอยู่แล้ว
“เพตตะซัส”
เสียงสีขาวสว่างได้ปกคลุมหมวกของฉันพร้อมๆกับเสียงตะโกนของฉันทันที ไม่นานนักก็ได้มีปีกเล็กๆคู่หนึ่งปรากฏขึ้นข้างหลังของหมวกฉัน ในเวลาเดียวกันฉันก็รู้สึกเหมือนหัวถูกทุบด้วยค้อน
“อ่า ใช่แล้ว! ความเร็วความคิดของฉันก็เพิ่ม…สามเท่าเหมือนกันนี่!”
หัวของฉันได้เต็มไปด้วยความคิดต่างๆเต็มไปหมด แต่ว่าในตอนนี้มันก็ยิ่งยากที่จะรับมือกับทุกๆสิ่งที่อยู่ในหัวและฉันก็รู้สึกเหมือนกับหัวจะแยกออก ความคิดต่างๆได้ผุดขึ้นมาเต็มหัวฉันและเพิ่มมากไปไม่รู้จบ ถ้าหากว่าฉันพลาดไปพลังนี้มันก็จะทําให้ฉันพิการได้เลย
ยังไงก็ตามฉันคือคนที่ปืนมาถึงดันเจี้ยนที่หนึ่งชั้นที่ 86 ฉันไม่มีทางจะแพ้กับพลังของตัวเองได้ยิ่งไม่ต้อง พูดถึงฉันยังอยู่ในสนามรบที่เต็มไปด้วยฝนกระสุนอีกด้วย ฉันได้ขยายวงจรเพรูต้าออกไปและสร้างวังวนยักษ์ขึ้นมาเป็นโล่ที่ร่างกายฉัน ในเวลาเดียวกันฉันก็ได้พยายามผลักความคิดในหัวที่ไร้ประโยชน์ออกไปจากนั้นฉันก็ได้ เริ่มเติมเต็มหัวด้วยสิ่งที่ฉันจําเป็นต้องทํา
ในที่สุดฉันก็ได้ใช้สเตตัสสติปัญญาที่มากมายของฉันอย่างเต็มที่แล้ว ฉันไม่คิดเลยว่าสเตตัสนี้มันจะช่วยความคิดฉันมากขนาดนี้
[ขาดอร์ต นายท่านโอเคนะ?]
[นายท่าน คุณโดนโจมตีหลายครั้งแล้วนะ! คุณไม่เป็นไรจริงๆนะ?]
ฉันได้ตอบกลับไปอย่างใจเย็น
“ฉันไม่เป็นไร
การโดนกระสุนไม่กี่ครั้งมันไม่มากพอที่จะฆ่าฉันหรอก ถึงแม้ว่าฉันจะบาดเจ็บแต่ว่ากระสุนมันก็ไม่สามารถจะผ่านวังวนมาและมีพลังพอที่จะสร้างความเสียหายที่ร้ายแรงกับฉันได้ ฉันได้ตั้งสิ่งสําคัญที่ฉันจะต้องทําที่ล่ะ อย่างและจดจ่อไปทีละความคิด ด้วยความคิดที่รวดเร็วทําให้ฉันตัดสินใจได้เร็วขึ้นและส่งผลให้การเคลื่อนไหวของฉันก็ยังเพิ่มขึ้นมาฉันไม่ได้รับผลกระจบการความคิดมากมายอีกต่อไปแล้ว
ผลลัพธ์มันก็ออกมายอดเยี่ยมมาก ฉันได้ป้องกันการโจมตีทั้งหมดที่ฉันต้องการจะป้องกันและโจมตีทําลายหุ่นยนต์ด้วยความเร็วที่แม้แต่ฉันก็ยังตกใจยังไงก็ตามสิ่งที่สําคัญที่สุดก็คือการหาบันไดไปสู่ชั้นต่อไป! ฉันนึกย้อนไปในทางที่ฉันผ่านมาตลอดและคํานวณหาทางที่ต้องไปต่อ
เพตตะซัสมีระยะเวลาแค่สิบนาทีเท่านั้น ฉันจะต้องตัดสินใจและตั้งเป้าหมายที่ฉันจะทําในระหว่างเวลานี้
“ดอร์ต มันใช้เวลานานแค่ไหนกว่านายจะครอบครองพวกมันทั้งหมดได้นะ?”
[ขาดอร์ต หลังจากทํารายกองกําลังพวกมันในปัจจุบันไปประมาณ 40% แล้วข้าก็จําเป็นต้องใช้เวลา 28 นาที)
“ดีล่ะ ถ้างั้นไปกันต่อเลย”
ในระหว่างสิบนาทีนี้เราจะไปอารวาดและปูเส้นทางไปต่อ
ฉันยังต้องการที่จะหาวิธีที่พวกมันพุ่งขึ้นมาจากพื้นด้วย ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีส่วนช่วยในการจัดการกับพวกมันก็ตาม แต่ว่าฉันคิดว่ามันน่าจะมีส่วนช่วยฉันในตอนที่สู้กับร่างหลักของมันบนชั้นที่ 90
“ดอร์ต ฉันจะลดเวลาลงไป เข้าใจนะ”
[ขาดอร์ต ข้าต้องควรทําอะไร?]
“ทําในสิ่งเดียวกับที่นายทํากับพวกมันก่อนหน้านี้แหละ ฉันจะส่งแผนเข้าไปในหัวนายนะดังนั้นก็แค่รับมันไปเข้าใจแล้วนะ พายุธาตุ”
ก่อนอื่นเลยฉันได้ส่งคลื่นพายุธาตุที่ใช้มานาของฉันไปถึง 370,000 เข้าใส่กองทัพหุ่นยนต์
ดอร์ตูได้รับคําสั่งและมานาของฉันไปในทันทีและเขาก็ได้เสริมพลังให้กับหุ่นยนต์สามัว ในขณะที่ฉันป้องกันการโจมตีของศัตรูอยู่นี้ ดอร์ตก็ได้ส่งหุ่นยนต์สามตัวนั้นเขาไปในกองกําลังศัตรู จากนั้นเขาก็ทําการระเบิดขึ้นถึง แม้ว่ามันจะส่งผลทําให้กองกําลังเราอ่อนแอไปช่วคราว แต่ว่ามานาที่ปล่อยออกมาจากการระเบิดก็โดนเข้ากับ หุ่นยนต์จํานวนนับไม่ถ้วน และเมื่อพวกนั้นโดนกระสุนของหุ่นยนต์ตัวอื่นๆของดอร์ตูจํานวนที่มาเป็นฝั่งเราก็เพิ่มมากขึ้น
[ขาดอร์ต ความเร็วในการแพร่ไวรัสเพิ่มขึ้นแล้ว]
“พวกเราจะทําแบบนี้ต่อไปดอร์ต ไม่ต้องห่วงเรื่องมานาของฉัน”
[ขาดอร์ต ดอร์ตูชอบนายท่านจริงๆเลย]
การระเบิดหุ่นยนต์ทิ้งและเปลี่ยนพวกที่โดนมาฝั่งเรามากยิ่งขึ้น นี่มันเป็นวิธีที่ไม่ได้ยากที่จะใช้ออกมาเลย แต่ว่าเหตุผลที่ฉันมาทําเอาตอนนี้นั่นก็เกราะมานาของฉันวิธีนี้มันได้ใช้มานาจํานวนมหาศาลอย่างต่อเนื่อง
แต่ว่าในตอนนี้ฉันมีเพตตะซัสแล้วมันจึงต่างออกไป ฉันได้รับมานามามากยิ่งกว่าที่ดอร์ตูใช้ออกไป เมื่อความคิดของฉันเร็วขึ้น ฉันก็ได้เร่งวงจรเพรูตาขึ้นให้ผสานเขากับวิญญาณสัมบูณณ์มานาจํานวนมากในที่แห่งนี้ มันดูเหมือนกับอยู่ในการควบคุมของฉันไปแล้วนี่มันเป็นพลังที่แท้จริงของเพตตะซัสหรือป่าวนะ
จริงๆแล้วในตอนแรกฉันผิดหวังเล็กน้อยที่พลังสุดท้ายของเฮอร์มีสกลับเป็นการเพิ่มความเร็วแค่สามเท่า แต่ว่าฉันคิดผิดไปมาก เพตตะซัสของเฮอร์มีสเป็นพลังที่ร้ายแรงที่สุด มันเป็นพลังที่ทําให้ฉันเป็นพระเจ้า
แน่นอนว่าข้อเสียหลักๆของมันก็คือมีเวลาที่จํากัดเหมือนโอเวอร์ลอร์ด
“พวกแกทั้งหมตายไปซะ! ไม่สิ มาเป็นพวกฉัน!”
ฉันได้ตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น ปีกขนนกที่ประดับหมวกของฉันได้กระจายออกมาอย่างสวยงามและเสียงระเบิดของหุ่นยนต์ก็ได้ดังทั่วทั้งสนามรบสําหรับฉันแล้วนี่มันไม่ต่างกับเสียงดนตรีอันไพเราะเลย
หลังจากนั้นแค่ 28 ชม. ฉันก็ได้ทะลวงชั้นที่ 86 ได้สําเร็จ ยังไงก็ตามันมีสิ่งที่ฉันรู้ตัวได้หลังจากนั้น กองทัพหุ่นยนต์ที่ฉันกับดอร์ตูได้พยายามรวบรวมมาอย่างมากไม่สามารถจะพาไปชั้นที่ 87 ได้ เนื่องจากว่าเราพาพวกนี้ ไปไหนไม่ได้อีกเราก็เลยตัดสินใจทําลายพวกมันทั้งหมดก่อนที่จะออกมาจากชั้นที่ 86
[ขาดอร์ต พวกเราจะต้องเริ่มใหม่ในชั้นที่ 87 ใช่ไหม?]
“ใช่แล้วล่ะดอร์ต”
ฉันได้ตอบกลับไปตรงๆ
“ผู้คนมักจะเรียกแบบนี้ว่าเสียเวลา”
[ขาดอร์ต ดอร์ตเกลียดการเสียเวลาจริงๆ]
ทั้งเจ้านายและข้ารับใช้ต่างก็เห็นพ้องกันอย่างเต็มที่
Infinite Competitive Dungeon Society

Infinite Competitive Dungeon Society

Status: Ongoing

เหตุการณ์ดวงจันทร์แฝดคือจุดเริ่มต้นชองการเปลื่ยนแปลงทุกอย่าง

เพราะการปรากฏตัวของมอนสเตอร์และดันเจี้ยนในสังคมยุคใหม่ และผู้ที่ใช้ความสามารถของเขาต่อสู้กับมัน โลกได้กำลังเผชิญหน้ากับประวัติศาสตร์ครั้งใหม่

นี่คือกำเนิดขึ้นของแหล่งพลังงานชนิดใหม่ๆ และอาชีพดั้งเดิมมากมายได้หดหายไป

สามัญสำนึกปกติได้ถูกเปลื่ยนแปลงไปและจินตนาการได้กลายมาเป็นความจริง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท