Chapter 528: คุณได้ตัดสินใจแล้วหรือยัง?
“ท่านนายพลฮานครับ!” ทหารที่ยืนอยู่ตรงประตูลุกขึ้นยืนและทําท่าเคารพในทันที ชายคนที่เดินลงมาจากรถคือฮานหยวน เขามีผู้ติดตามที่เดินตามมาถึงสี่คน ผู้ติดตามเหล่านั้นก็คือ หวันยี่หลิง ไป๋เจียหยาน รวมทั้งชายหนุ่มและหญิงสาว
“นายได้แจ้งพวกเขาทั้งหมดไปยัง?” ฮานหยวนถามออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม
ทหารนายนี้ค่อนข้างที่จะตื่นเต้น เมื่อฮานหยวนถามเขา ดังนั้นเขาจึงตอบกลับออกมาเสียงดังก้อง “ครับ ท่าน! พวกเขาทุกคนได้รับการแจ้งแล้วครับ พวกเขากําลังรอกันอยู่ด้านในครับ”
“เยี่ยมมาก! นายทําได้ดีมาก!” ฮานหยวนพึงพอใจมาก
“เอาละ แล้วเจียงลู่ฉีละ? เขาพูดว่าอะไร?” ฮานหยวนหันไปมองหวันยี่หลิงและถามออกมา
หวันยี่หลิง เล่าเกี่ยวกับการกระทําของเจียงลู่ฉี และสิ่งที่เขาแสดงออกมาก่อนหน้านี้ เมื่อได้ยินการประเมินค่าของเธอแล้ว ฮานหยวนยิ่งสนใจในตัวเจียงลู่ฉีและทีมของเขามากยิ่งขึ้นไปอีก
“ไป๋เจียหยาน ถ้าพวกเราให้วัตถุดิบกับนายมากพอ นายผลิตรถแบบนั้นได้ไหม?” ฮานหยวนถามออกมา
ไป๋เจียหยานส่ายหัวอย่างไม่ลังเล และตอบกลับตรงๆ “ผมทําไม่ได้ครับ”
การสร้างรถบรรทุกช็อคเวฟขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง มันก็เป็นขีดจํากัดของเขาแล้ว อย่างน้อยก่อนที่จะเจอกับเจียงลู่ฉี ไป๋เจียหยานยังคงรู้สึกว่ารถบรรทุกช็อคเวฟของเขานับเป็นหนึ่งในรถที่ดีที่สุด ที่สามารถหาได้ หลังจากวันที่โลกล่มสลาย
ในโลกที่ล่มสลายเช่นนี้นั้น การปรับแต่งยานพาหนะ มันสําคัญอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นทีมผู้รอดชีวิตหรือจะเป็นทางกองทัพก็ตาม ความสําคัญของมันก็เห็นได้อยู่อย่างเด่นชัด ไม่อย่างงั้นแล้วฮานหยวนคงจะไม่สนใจเจียงลู่ฉีและรถมินิบัสของเขาหรอก เมื่อเป็นถึงนายพลแล้ว เขาจะไปสนใจผู้รอดชีวิตกลุ่มหนึ่งมากขนาดนี้ ไปทําไมกัน? ความสามารถในการปรับแต่งของไป๋เจียหยานก็เป็นที่ทรงคุณค่าอย่างมากแล้ว ในภูมิภาคฮัวเซีย
“นายมั่นใจนะ? แม้แต่เมิ่งฮุย และโม่ฉีเหลียงก็ทําไม่ได้?” ฮานหยวนถามออกมาอีกครั้งหนึ่ง
เมิ่งฮุยและโม่ฉีเหลียงต่างเป็นนักปรับแต่งรถชั้นยอด ในพื้นที่ปลอดภัย ที่จริงแล้วพวกเขาต่างแข็งแกร่งยิ่งกว่าไป๋เจียหยานเสียอีก มันแค่พวกเขาไม่ได้อยากทําตัวให้โดดเด่นแค่นั้น พวกเขาต่างจดจ่อในการปรับแต่งรถยนต์ให้กับทางกองทัพอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม ไป๋เจียหยานก็ยังยอมรับว่าเขาไม่ได้เก่งกาจเท่ากับพวกเขา
“ผมว่า….พวกเขาก็ทํามันไม่ได้เหมือนกัน!” ไป๋เจียหยานตอบกลับ ซึ่งมันทําให้ฮานหยวนประหลาดใจ
การ์ดหนุ่มด้านข้างฮานหยวนหายใจเข้าลึกๆ และถามออกมาอย่างสงสัย “จริงเหรอ? เขาทรงพลังขนาดนั้นได้ยังไงกัน?” เขาเคยเห็นพลังของรถที่เมิ่งฮุยปรับแต่งมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งมันทรงพลังอย่างมาก แล้วรถมินิบัสของเจียงลู่ฉีเทียบกับมันได้ยังไงกัน?
ปกติแล้ว เมื่อพูดถึงรถมินิบัส ความรู้สึกแรกสําหรับพวกเขาก็คือ มันเป็นรถสําหรับการเดินทางระยะใกล้ และขับในพื้นที่ชนบทก่อนวันโลกาวินาศ ในเวลาเดียวกัน รถมินิบัสส่วนใหญ่ต่างดูเหมือนจะพังลงได้แทบทุกเมื่อ ไม่สําคัญว่ามันจะได้รับการพัฒนาไปมากแค่ไหน พวกมันก็ไม่เคยที่จะสามารถก้าวข้ามรถระดับสูงได้ สําหรับประสิทธิภาพของมันแล้ว รถมินิบัสก็ยังเป็นยานพาหนะที่ไม่มีค่าให้นับถือเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายแล้วพื้นฐานของตัวรถ มันแย่เกินไป แม้ว่าเจียงลู่ฉีจะมีความสามารถในการแต่งรถที่แข็งแกร่งมาก มันยังคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่ดี สําหรับเขาที่จะเปลี่ยนบ้านธรรมดาทั่วไป กลายเป็นตึกระดับสูง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทําไมการ์ดชายถึงสงสัย
ไป๋เจียหยานยิ้มออกมาอย่างอื่นขม “ถ้าผมไม่ได้เห็นมันด้วยตาของผมเองแล้วละก็ ผมก็คงไม่เชื่อเหมือนกัน”
การ์ดหนุ่มส่ายหัว เมื่อเป็นการ์ดส่วนตัวของฮานหยวน เจาเฉิงหลงจะเชื่อฟังแต่กับคนที่แข็งแกร่งกว่าเขา ซึ่งเขาจําเป็นที่จะต้องเห็นมันได้ด้วยตาของตัวเองก่อน ไม่อย่างนั้นแล้วเขาจะไม่มีทางเชื่อมั่น
“นายไม่จําเป็นต้องเถียงกันหรอก! ผลลัพธ์เกี่ยวกับเรื่องนี้มันยังไม่ชัดเจนอยู่ดี” ฮานหยวนยิ้มออกมาและโบกมือ
“เจียงลู่ฉีพูดว่าเขาจะพิจารณามันอย่างระมัดระวังค่ะ” หวันยี่หลิงพูดออกมา
การ์ดหญิงขมวดคิ้ว “อะไรนะ? พิจารณา? เขาคิดว่าเขาเป็นใคร? นี่มันเป็นการเชิญจากตัวนายพลฮานด้วยตัวเองเลยนะ! นอกจากนี้แล้ว ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติทั้งหมดจะต้องรับฟังคําสั่งจากนายพลฮานสิ!”
“พวกเขาไม่ใช่ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ปลอดภัยค่ะ” หวันยี่หลิงตอบกลับ ในขณะที่ดันแว่น
การ์ดหญิงพูดออกมาอย่างเย็นชา “แล้วไง? พวกเขาไม่ใช่คนจีนนั้นเรอะ? ตั้งแต่ที่พวกเขาเป็นประชาชนชาวจีน พวกเขาจะต้องฟังคําสั่งจากกองทัพและรัฐบาลสิ การเชิญพวกเขาคือการไว้หน้าให้พวกเขาแล้วนะ เจ้าเจียงลู่ฉีนี่มันโอหังมากจริงๆ”
แน่นอนว่า ตั้งแต่ที่เจียงลู่ฉีได้รับการเชิญจากนายพลฮาน พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ต่อหน้าเจียงลู่ฉีตรงๆได้
การ์ดหญิงได้พูดออกมา “เลขาหวันคะ ถ้าฉันจําไม่ผิดแล้ว น้องสาวของคุณอยู่ในแผนกโลจิสติกส์ใช่ไหมคะ?”
หวันยี่หลิงพยักหน้า
“คุณไม่กังวลเกี่ยวกับเธองั้นเหรอคะ?” การ์ดหญิงถามออกมา
หวันยี่หลิงขมวดคิ้ว “ฉันมีพันธะอย่างอื่น งานของฉันจะต้องมาก่อน”
การ์ดหญิงมองไปที่หวันยี่หลิงและพูดออกมา “ฉันได้ไปบอกคนอื่นให้ไปช่วยหาเธอแล้วค่ะ แต่พวกเขากลับหาหวันหลานไม่พบ”
ถึงแม้ว่าพวกเธอจะเป็นพี่น้องกัน นิสัยของหวันยี่หลิงนั้นเย็นชาและแปลกมากเกินไป เธออดที่จะเชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างหวันหลานและหวันยี่หลิงจะตัดขาดกันได้ การ์ดหญิงคิดว่าหวันยี่หลิงคงจะทําตัวเฉยเมยไปตลอดเวลาไม่ได้ สุดท้ายแล้ว เลือดมันก็ยังเข้มยิ่งกว่าน้ำอยู่ดี ที่จริงแล้ว การ์ดหญิงไม่ชอบในตัวของหวันยี่หลิง เธอไม่รู้ว่าทําไมนายพลฮานถึงได้ให้เธอมาเป็นเลขา หลังจากที่มายังพื้นที่ปลอดภัย หวันยี่หลิงยังคงเป็นผู้หญิงอีกด้วย ซึ่งมันทําให้การ์ดหญิงรู้สึกโดนคุกคาม
“ฉันได้ยินข่าวลือมาบางอย่างค่ะ ฉันได้ยินมาว่าทีมฉี่หยิงได้ช่วยอพยพผู้คนจากแผนกโลจิสติกส์ แต่หวันหลานไม่ได้อยู่ในนั้น ฉันยังได้ยินมาอีกว่าหวันหลานและเจียงลู่ฉีได้ทะเลาะเบาะแว้งกัน” การ์ดหญิงพูดออกมา
เมื่อการ์ดหญิงสังเกตเห็นว่าการแสดงออกของหวันยี่หลิงเปลี่ยนไป เธอก็เยาะเย้ยเธออยู่ในใจ มันเห็นได้เด่นชัดเลยว่าหวันยี่หลิงต้องการที่จะชักชวนทีมฉี่หยิงให้สําเร็จ เพื่อที่จะทําให้ฮานหยวน ประทับใจในตัวเธอมากยิ่งขึ้น แล้วการ์ดหญิงจะยอมรับเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ยังไง
ทันใดนั้น ไป๋เจียหยานก็อุทานออกมา “เขามาแล้ว”
รถมินิบัสที่ถูกย้อมไปด้วยเลือดมาถึงด้านหน้าประตูของสํานักงาน ในช่วงเวลาเดียวกัน มันมีผู้รอดชีวิตจํานวนมากที่กําลังขับรถมาด้วยเช่นกัน แต่เมื่อรถมินิบัสของเจียงลู่ฉีปรากฏขึ้น มันกลับกลายเป็นที่ดึงดูดสายตาต่อทุกคน แม้แต่ทหารที่ยืนเฝ้ายามอยู่ก็ยังอดที่จะจ้องมันไม่ได้
พวกเขาไปทําอะไรกันมา? ทําไมเลือดบนตัวรถมินิบัสมันหนาขนาดนั้นกัน และเลือดมันไม่หยดด้วยซ้ำ!
“หื้อ? หวันยี่หลิง?” เจียงลู่ฉีเห็นหวันยี่หลิงในรถของเขา หลังจากนั้น เขาก็เดินลงจากรถมินิบัส และเดินเข้าไปหาหวันยี่หลิง
หวันยี่หลิงมองไปที่เจียงลู่ฉีอย่างสับสน หลังจากนั้น เธอก็ทําเหมือนกับว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอได้ถามออกมาอย่างโล่งอก “มันเหมือนกับว่ากัปตันเจียงได้พิจารณาแล้วสินะคะ”
“ใช่ ฉันยินดีที่จะร่วมมือกับเธอ” เจียงลู่ฉีพูด
เมื่อพวกเขาได้ยินน้ำเสียงของเจียงลู่ฉี การ์ดทั้งสองคนต่างขมวดคิ้ว
ร่วมมือ?
“ฉันต้องการที่จะพูดให้ชัดเจนก่อนนะว่า ตั้งแต่ที่พวกเราร่วมมือกัน เธอจะไม่สามารถสั่งการทีมของฉันได้ เธอสามารถทําได้เพียงขอความคิดเห็นจากฉันเท่านั้น” เจียงลู่ฉีพูด
ในที่สุด ลู่เทียนหลงก็อดที่จะพูดออกมาไม่ได้ “กัปตันเจียง ผมคิดว่ามันไม่ใช่เวลาที่จะเล่นตลกนะครับ!”