Chapter 553: ทดสอบรถทัวร์
เมื่ออาตงพากลุ่มคนออกมาจากโรงงาน พวกเขาก็เห็นว่ารถทัวร์กําลังจอดอยู่ด้านนอก
หวังเหลาซานก็ขมวดคิ้ว “เฒ่าเซีย ตามรายงานที่ได้รับมา มันน่าจะเป็นรถมินิบัสมากกว่านะ ถ้าพวกเราปล้นรถมินิบัสนั่นมาได้ พวกเราก็จะได้รับรางวัลที่สูงขึ้นด้วย”
หวังเหลาซานเป็นชายตัวเตี้ยที่ผอม เขาดูเหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป แต่เขาก็ไม่ได้ธรรมดาเลย มันเป็นเพราะว่า เขากําลังแบกขวานไว้บนหลังของเขา ซึ่งมันมีขนาดใหญ่พอกันกับร่างกายของเขา ทุกก้าวที่เขาเดิน มันทําให้พื้นมันสั่นสะเทือน จนทําให้ลูกน้องที่เดินตามเขาหวาดหวั่น พวกเขาเคยเห็นมันฟันไปที่หัวของสัตว์ป่ากลายพันธุ์มาก่อนแล้ว
“หวังเหลาซาน นายไม่ต้องกังวลไปหรอก รถทัวร์มันใหญ่กว่ารถมินิบัสอีกหน่ะ” เซียเฟิงตอบกลับ
หวังเหลาซานมองไปที่ชายอีกคนหนึ่งและถามออกมา “พี่เปียซู พี่คิดว่าไง?”
เฉินเปียซูเป็นชายวัยกลางคนที่ผอมแห้ง เขาอยู่ในชุดสูทและสวมกําไรข้อมือของเขา เขานั้นดูอ่อนโยนและนุ่มนวล แต่ใครก็ตามที่รู้จักเขา จะรู้ดีว่ารูปลักษณ์ของเขามันไม่ได้ใกล้เคียงกับตัวตนของเขาเลย ถ้าใครสักคนเชื่อว่าเฉินเปียซูเป็นคนที่อ่อนโยนแล้ว มันคงจะมีเพียงแต่โชคร้ายเท่านั้นแหละ ที่จะตกเข้าใส่เขา
เซียเฟิงก็เงียบลง ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นหนึ่งในหัวหน้าของค่ายนี้ เขาก็ควรที่จะฟังสิ่งที่เฉินเปียซูพูดอยู่ดี สุดท้ายแล้ว ความแข็งแกร่งก็เป็นสิ่งที่มีค่ากว่าสิ่งอื่น
“ก่อนอื่นเลย ล่าพวกเขาทิ้งซะ และหลังจากนั้นก็ถามเกี่ยวกับที่อยู่ของรถมินิบัสนั่น เมื่อพวกเราจัดการพวกเขาเสร็จแล้ว ฉันจะเอาพวกเขาไปปล่อยให้ซอมบี้ของฉันกินเอง” เฉินเปียซูพูดอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร
เฉินเปียซูเป็นชายที่อาฆาตแค้นและจิตวิปริตมาก นับตั้งแต่ที่ไวรัสระบาดออกมา เขาก็ได้เริ่มต้นเลี้ยงซอมบี้ขึ้นมา ซึ่งซอมบี้เหล่านั้นต่างเป็นศัตรูของเขาในอดีต! เขาได้มัดพวกมันทั้งหมดไว้และเลี้ยงพวกมันไว้เหมือนกับสัตว์เลี้ยง ท่ามกลางซอมบี้เหล่านั้น ยังมีแม้แต่ผู้หญิงที่เคยปฏิเสธเขามาก่อนในอดีตอีกด้วย
“เอาเถอะ พี่เปียซู พี่ไม่จําเป็นต้องสู้หรอก รอผมก่อนนะ ผมจะไปลากพวกมันทั้งหมดลงจากรถทัวร์เอง” หวังเหลาซานเลียริมฝีปากและเปิดเผยรอยยิ้มกระหายเลือดออกมา
อาตงตื่นเต้นมากกับรูปร่างของหลิง ที่ฝังรากลึกลงในหัวของเขา และเขาเชื่อว่า กับความดีที่เขาทําไว้ พวกเขาจะยอมปล่อยให้เขาเก็บเธอไว้ได้ “เจียงลู่ฉี ฉันจะเอาเท้าไปเหยียบบนยอดอกนายเอง และทําให้แกกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวน! คอยดูเถอะ!” อาตงคิด และเปิดเผยรอยยิ้มที่ตื่นเต้นออกมา
“กัปตันเจียงครับ ผมได้เชิญหัวหน้าของผมมาแล้วครับ” อาตงพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนโยน
หวังเหลานซานกําลังยืนอยู่ด้านหลังของอาตง เขากําลังวางแผนอยู่ว่า เขาจะต่อยใส่เจียงลู่ฉีทันทีที่เขาเดินลงมาจากรถทัวร์
เจียงลู่ฉีลดหน้าต่างลงและพูดออกมา “นายใช้เวลานานจริงนะ”
“ฉันได้ยินมาว่านายมีคําถามบางอย่าง แล้วให้พวกเราช่วยยังไง?” หวังเหลาซานถาม
“ฉันต้องการที่จะรู้ว่าเมืองชิงไห่อยู่ที่ไหน” เจียงลู่ฉีพูด
“เมืองชิงไห่? ไม่ใช่ฐานทัพเมืองงั้นเหรอ? ทําไมนายถึงอยากไปที่นั่นกันละ? ฉันพานายไปที่นั่นได้นะ” หวังเหลาซานพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม
“โอ้ นายทําได้งั้นเหรอ? งั้นก็ดีเลย” เจียงลู่ฉีพูด
ระหว่างที่ทั้งสองกําลังพูดคุยกันอยู่ อาตงก็พูดแทรกขึ้นมา “กัปตันเจียงครับ ตั้งแต่ที่หัวหน้าของผมมาที่นี่แล้ว ผมว่าคุณควรที่จะลงจากรถ แล้วมาทําความรู้จักกันนะครับ”
เจียงลู่ฉีเหลือบตามองไปที่เขาและพูดออกมา “นายอยากให้ฉันลงจากรถงั้นเหรอ?”
อาตงทําเพียงแค่ยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา มันเห็นได้เด่นชัดว่ามันมีบางอย่างผิดปกติตั้งแต่ ที่เขาพาคนกลับมาจํานวนมากแบบนี้ในความคิดของอาตง มันสายเกินไปแล้ว สําหรับเจียงลู่ฉีที่จะทําอะไร เมื่อประตูที่นําไปสู่โรงงานได้ปิดลง และพวกเขาก็ถูกล้อมไว้กันหมดแล้ว อาตงเชื่อว่าพวกเขาไม่สามารถที่จะหนีไปไหนได้
“ตั้งแต่ที่นายอยากได้แบบนั้น งั้นฉันลงจากรถละกัน” เจียงลู่ฉีพูดอย่างไม่ใส่ใจ
อาตงมึนงงกับประโยคที่เจียงลู่ฉีพูดออกมา เมื่อเขาไม่คิดว่าเจียงลู่ฉีจะตอบกลับมาแบบนั้น แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็กว้างขึ้นมาก เมื่อมันดูเหมือนว่าเจียงลู่ฉีมันโง่เง่ามาก จนทําให้อาตงก็แทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่
เมื่อเซียฉาฉาได้ยินคําพูดของเจียงลู่ฉี เธอก็กังวลใจมาก เธอกระพริบตาให้กับเจียงลู่ฉี เพื่อที่จะเตือนเขา แต่เขาก็เมินเธอไป ในเวลาเดียวกัน เซียเฟิงก็สังเกตเห็นความพยายามของเซียฉาฉาและเขาก็ถะลึงตาไปที่เธอ
“ฉาฉา กลุ่มคนพวกนี้จะตายกันแล้ววันนี้ เธอคงทําได้แค่ฝันเท่านั้นแหละ ถ้าเธอคิดว่าพวกเขาจะรอด” อาตงพูดเสียงเบาออกมา
เซียฉาฉาที่รู้ถึงสถานการณ์ที่ทีมฉี่หยิงตกอยู่ แต่เธอก็หวังว่าพวกเขาจะหลบหนีไปได้ สุดท้ายแล้ว ค่ายของพวกเธอเจอพวกเขา เพราะว่าพวกเขาได้ช่วยพวกเธอไว้ในร้าน เธอไม่สามารถที่จะตอบแทนบุญคุณด้วยการกระทําที่เลวร้ายแบบนี้ได้ แต่โชคร้ายที่เธอไม่มีพลังอํานาจใดๆ เซียฉาฉาไม่สามารถที่จะทนดูสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปได้ ดังนั้นเธอจึงปิดตาลง
ในเวลาเดียวกัน ประตูของรถทัวร์ก็เปิดออก และเจียงลู่ฉีก็เดินลงมา หวังเหลาซานก็เดินไปหาเจียงลู่ฉี พร้อมกับรอยยิ้ม ในขณะที่อาตงจมอยู่ในความเพ้อฝัน และจินตนาการถึงช่วงเวลาที่ขวานฟาดทุบลงไปที่เจียงลู่ฉี
เจียงลู่ฉียิ้มให้กับพวกเขา
ปัง! ปัง!
ทันใดนั้น เสียงปืนก็ดังขึ้น จากปากกระบอกปืนสองกระบอกในมือของเจียงลู่ฉี! ไม่มีใครเห็นเลยด้วยซ้ำไป ว่าเขาถือมันมาตอนไหน
ก่อนที่เสียงปืนจะดังขึ้น เจียงลู่ฉีก็ได้เล็งปืนไปที่หวังเหลาซานแล้ว มันทําให้หวังเหลาซานรู้สึกถึงลางร้าย กับสิ่งที่กําลังจะเกิดขึ้น และสัญชาตญาณของเขาก็บอกให้เขากระโดดไปด้านข้าง โชคร้ายที่ปืนของเจียงลู่ฉีเล็งมาทางเขา และปิดกั้นการเคลื่อนไหวของเขาไว้ ต่อหน้าสายตาของเจียงลู่ฉี การเคลื่อนไหวของหวังเหลาซานก็ลดลงไปเป็นอย่างมาก มันเป็นดั่งกับภาพสโลว์โมชั่นจากหนัง
ในวินาทีต่อมา หวังเหลาซานก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่ถาโถมมากมายตรงขาและท้องของเขา หลังจากนั้น รอยกระสุนปืนก็ปรากฏขึ้นทั่วร่างของเขา และเขาก็ล้มลงไปบนพื้น ทันใดนั้นบ่อเลือดก็ปรากฏขึ้นบนร่างกายของเขา ถ้าเขาไม่ใช่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติแล้ว หวังเหลาซานคงตายตรงนั้น เนื่องจากภาวะการเสียเลือดมาก ในชั่วพริบตา หวังเหลาซานก็ได้รับบาดเจ็บหนักยิ่ง แย่ไปกว่านั้น เขายังไม่มีโอกาสที่จะป้องกันด้วยขวานของเขาด้วยซ้ํา
“นายหาเรื่องตายแล้วละ!” เซียเฟิงและเฉินเปียซูต่างพุ่งใส่เจียงลู่ฉีพร้อมๆกัน
เจียงลู่ฉีก็จ้องไปที่พวกเขา พร้อมกับรอยยิ้ม หลังจากนั้น เขาก็กระโดดถอยหลัง และประตูของรถทัวร์ก็ปิดสนิท
เซียฉาฉาตกตะลึงมาก เมื่อเธอไม่ได้คาดคิดเลยว่า เจียงลู่ฉีจะกล้าหาญชาญชัยขนาดนี้ นอกจากนี้แล้ว ความสามารถในการยิงปืนของเขาก็ระดับสูงมาก การถือปืนพร้อมกันสองกระบอกแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยสําหรับคนส่วนใหญ่ ไม่ต้องพูดถึงการยิงไปจากมุมที่แตกต่างกันเลย แม้แต่หัวหน้าของพวกเธอ ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ทรงพลังที่สุดในค่ายของพวกเธอ ก็ไม่สามารถที่จะทําแบบนั้นได้เลยด้วยซ้ำ
การกระทําของหวังเหลาซานมันเร็วมากก็จริง แต่เจียงลู่ฉีก็ยังยิงเขาโดนได้ แต่ว่า ความกังวลของเซียฉาฉาก็ยังไม่ได้หายไปเลยสักน้อย เมื่อเซียเฟิงเข้าร่วมการต่อสู้นี้ด้วย “เจียงลู่ฉีจะทนการต่อสู้ของเขาไหวไหมนะ?”
บึ้ม!
เซียเฟิงต่อยไปที่ประตูรถทัวร์อย่างรุนแรง แม้ว่าจะเป็นแบบนั้นก็ตาม แต่รอยก็ยังไม่ถูกเหลือทิ้งไว้เลยด้วยซ้ํา
“ไอ้รถนี่มันสร้างมาจากอะไรเนี่ย!?” เซียเฟิงมึนงง หมัดของเขาสามารถที่จะต่อยทะลุแผ่นเหล็กได้เลยด้วยซ้ําไป แต่ไอ้ประตูรถทัวร์นี่มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าแผ่นเหล็กอีก!
ในขณะที่ทุกคนต่างตกใจ เจียงลู่ฉีก็สตาร์ทรถทัวร์ของเขา
เฉินเปียซูขมวดคิ้วและพูดออกมา “หยุดพวกเขาไว้!”
เฉินเปียซูเชื่อว่าเจียงลู่ฉีโจมตีหวังเหลาซาน เพื่อที่จะถ่วงเวลาไว้หลบหนี แต่ว่า เฉินเปียซูจะยอมให้เขาทําตามต้องการได้ยังไงกัน?
ทุกคนต่างเริ่มต้นยิงใส่รถทัวร์ พร้อมกันนั้นเอง อาตงก็รู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ เมื่อรถทัวร์ของเจียงลู่ฉีไม่ได้รีบขับไปทางประตูเพื่อหลบหนี แต่มันหันกลับมาเผชิญหน้าศัตรูตรงๆแทน
“พวกเขาต้องการทําอะไรกันเนี่ย? พวกเขายังคิดจะตอบโต้ภายใต้สถานการณ์แบบนี้อีกหรอ?”
แม้แต่อางตงก็รู้สึกว่าความคิดนี้มันไร้สาระมาก แต่เขาจะไปรู้ได้ยังไงว่า ทําไมเจียงลู่ฉีถึงต้องการตอบโต้แบบนั้น?
“ตั้งแต่ที่แกไม่ต้องการคุยแบบคนปกติทํากันแล้วนั้น ฉันจะใช้วิธีง่ายๆละกัน นั่นก็คือ การฆ่าพวกแกทิ้งหมดจนกว่าพวกแกจะยอม มันก็เป็นโอกาสที่ดีเช่นกัน ในการทดสอบรถทัวร์!” เจียงลู่ฉีคิด
หลังจากที่อัพเกรดเสร็จ เจียงลู่ฉีก็ยังไม่ได้หาคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมเลยสักคน ถ้าเซียเฟิงและเฉินเปียซูรู้ถึงสิ่งที่เขาคิด พวกเขาคงจะกระอักเลือดอย่างแน่นอน