ตอนที่ 118 ท่านเซียนเฒ่า ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?
เมื่อหัวหน้าสองฟังคำอธิบายของเซียนเฒ่าจบเขาก็เข้าใจขึ้นมาทันทีว่า ความโหดเหี้ยมของคนกลุ่มนี้ไม่ใช่แค่ข่าวลือ
ก่อนหน้านี้สองคิงชูเคยได้ยินข่าวลืมที่ว่ากลุ่ม10นักบุญได้ถูกว่าจ้างโดยคนคนหนึ่งเพื่อล้างแค้นสำนักภูตผี เหตุผลก็คือผู้ว่าจ้างคนนั้นสุ่มหาSSRในเกมองเมียวจิ(Onmyoji)ไม่ได้…หลังจากนั้นสามวันกลุ่ม10นักบุญก็เข้าไปยังสำนักภูตผี ทำการสังหารหมู่ทุกคนที่อยู่ในสำนักแม้แต่ลูกของเจ้าสำนักก็ยังไม่รอด
ในมุมมองของสองคิงชูนั้นการเป็นศัตรูกับตระกูลเสี่ยวเป็นอะไรที่ไม่สมควรทำเป็นอย่างยิ่งถ้าเป็นไปได้ก็จะพยายามหลีกเลี่ยงมัน แต่สำหรับคนพวกนี้แล้วพวกเขาคงไม่สนใจผลกระทบจากเรื่องนี้เสียเท่าไหร่ คนพวกนี้คงไม่มีทางปล่อยให้สิงโตนักสู้มีชีวิตรอดกลับไป
และเพิ่มเติมก็คือจากการที่เขาได้ฟังเขาเตือนกลายๆจากคำพูดของเซียนเฒ่า เขาก็พอจะสรุปได้ว่า ‘พวกเราจะฟังนาย แต่นายก็อย่ามาขวางทางพวกเราก็แล้วกัน เรื่องมันคงจะจบไม่สวยเท่าไหร่นัก’
เขาไม่ใช่คนโง่เรื่องแค่นี้ไม่ต้องบอกเขาก็พอจะอ่านสถานการณ์ออก
จากเหตุการณ์นี้ จึงทำให้สรุปได้ว่าระดับพลังยังไงเสียก็ถือเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงอำนาจ พลังก็อยู่เหนือกว่ากฎหมายอยู่ดี ต่อให้กฎหมายจะออกมาดีแค่ไหนแค่ก็ยังคงมีคนประเภทนี้อยู่ในสังคม คนที่คิดว่าตนนั้นแข็งแกร่งกว่าและสามารถอยู่เหนือกฏหมาย
ซึ่ง10นักบุญนี่แหละเป็นหนึ่งในตัวอย่างคนประเภทนั้น
สองคิงชูเข้าใจดีว่า ที่คนพวกนี้ยังเชื่อฟังเขาอยู่นั้นคงเป็นเพราะคำสั่งจากเจ้านายของเขา ถ้าหากจู่ๆเขาถูกเจ้านายไล่ออกกลางคันเขาจะตกอยู่ในสถาณการณ์อันเลวร้ายทันที
หลังจากที่หวั่นวิตกอยู่สักพักใหญ่ สองคิงชูก็ถอนหายใจออกมา “คำสั่งของนายท่านสั่งมาแค่เพียงให้ชิงหน้ากากมาให้ได้ พวกรุ่นพี่ตัดสินใจเอาเองละกันว่าจะจัดการกับสิงโตนักสู้และเด็กคนนั้นยังไง แต่ผมจะบอกว่าเด็กคนนั้นเป็นคนที่เทพมือระเบิดเชิญมา นั่นก็แปลว่าเด็กคนนั้นต้องมีอะไรบางอย่างที่พิเศษ เมื่อพวกรุ่นพี่เริ่มลงมือขอให้ระวังในส่วนนี้ด้วย…”
“ฮ่าๆ ก็แค่เด็กคนหนึ่ง มองดูจากชุดที่ใส่ฉันคิดว่าน่าจะเป็นแค่ลูกสมุนของเทพมือระเบิดที่ถูกเรียกเข้ามา พวกเราฝึกฝนผ่านการปราบปีศาจมากว่าพันปี ไม่มีภูตผีปีศาจตนไหนที่พวกเราไม่เคยเจอ ก็แค่ลูกสมุนคนนึง พวกเราจะกลัวไปทำไม?”
ชายแก่หัวเราะและพูดเยาะเย้ยคำเตือนของสองคิงชู ก่อนที่จะเหลือบมองพรรคพวกของตัวเอง “พี่น้อง ฟังคำสั่งฉัน พวกเราจะเคลื่อนที่พร้อมกัน พวกเราจะใช้วิชารับรู้สวรรค์ยิงคลื่นพลังวิญญาณลงไปยังบ้านหลังนั้น สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่ในบ้านหลังนั้นจะถูกบดขยี้เศษเนื้อ! แล้วพวกเราจะนำเศษเนื้อพวกนั้นมาทำมีทบอล (Meatball)!”
หัวหน้าสองและลูกสมุนของเขาที่นั่งอยู่ข้างหน้าเหงื่อตกกับคำสั่งของเซียนเฒ่า ‘ใช้วิชารับรู้สวรรค์ยิงคลื่นพลังวิญญาณลงไปงั้นหรือ มันเป็นอะไรที่บ้ามาก!’
สองคิงชูมองไปยังจอภาพ เขาเห็นว่าชายแก่เคราแพะหัวหน้าของกลุ่ม10นักบุญได้เริ่มใช้วิชารับรู้สวรรค์แล้ว และได้เปลี่ยนจากการสอดแหนมให้กลายเป็นการยิงคลื่นพลังวิญญาณจากฟากฟ้า เขารับรู้ได้ถึงอณูพลังวิญญาณที่ไม่เสถียรเริ่มถูกรวบรวม
การโจมตีได้เริ่มขึ้นแล้ว
พลังวิญญาณเป็นอะไรที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่สามารถรับรู้ได้ผ่านความรู้สึกของผู้ฝึกตน
คลื่นลมหมุนวนอยู่ข้างบนหัวของชายแก่เคราแพะ ต่อมาพวก10นักบุญคนที่เหลือก็ปล่อยพลังวิญญาณออกมาพร้อมกัน พลังวิญญาณเหล่านั้นถูกนำไปรวมกันหมุนวนอยู่เหนือหัวของพวกเขา
เมื่อพลังวิญญาณเพิ่มขึ้นถึงขีดสุด ชายแก่ก็ร้องตะโกนออกมา “รับรู้พลังของพวกเราซะ ไม่มีที่ไหนที่พวกเราไม่สามารถทำลายได้!”
คลื่นพลังที่มองไม่เห็นถูกส่งขึ้นไปบนท้องฟ้าฝ่ากลุ่มก้อนเมฆขึ้นไป
“เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างในบ้านนั่นรวมไปถึงเจ้าสิงโตนักสู้ พวกมันต้องตายภายในวันนี้แหละ!” ชายแก่ตะโกนลั่นและยิ้มอย่างเลือดเย็น คลื่นพลังที่ถูกส่งออกไปผ่านการคำนวณของเขาเรียบร้อยแล้วมันจะตกลงมาจากฟากฟ้าลงบนบ้านหลังนั้น!
สองคิงชูมองผ่านหน้าจออย่างตกใจ เจ้านายของเขาออกคำสั่งแค่ให้ไปขโมยหน้ากากผีดิบโดยที่ห้ามกระทบกระทั่งคนอื่น คลื่นลำแสงจากวิชารับรู้สวรรค์นั้นมีพลังทำลายล้างเป็นวงกว้าง พวกเขาต้องเล็งโจมตีเป้าหมายอย่างแม่นยำ ไม่เช่นนั้นแล้วคงมีผู้ล้มตายเป็นจำนวนมาก!
………………………..
หวังลิ่งซึ่งกำลังเขียนยันต์อยู่ในบ้าน เขาสังเกตว่าแร่ปรอทบนโต๊ะสั่นมาเป็นนาทีแล้ว
เขาเงยหน้าขึ้นไปมองบนเพดาน
พลังวิญญาณจากอวกาศรึ?
เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
เขาไม่คิดว่าคนในยุคนี้จะมีใครที่สามารถใช้วิชารับรู้สวรรค์ได้ ซึ่งมันเป็นหนึ่งในวิชาศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ในสงครามระหว่างเผ่าปีศาจเมื่อในอดีต
ดูเหมือนว่าคนพวกนั้นจะไม่ใช่คนธรรมดา
แต่หวังลิ่งก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เขาหันหน้าไปมองสิงโตนักสู้ข้างเขา เจ้าสิงโตตัวนั้นกำลังอยู่ในอาการหวาดกลัวขดตัวเป็นก้อนกลมเหมือนหอยทากอยู่บนพื้น สัตว์วิญญาณจะมีประสาทการรับรู้พลังวิญญาณได้ดีกว่าคนปกติ เหมือนกับพวกสัตว์เลื้อยคลานที่สามารถรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนก่อนเกิดแผ่นดินไหว แม้ว่าสิงโตนักสู้จะแข็งแกร่งแต่มันก็ยังแข็งแกร่งไม่พอที่จะไปต่อกรกับผู้ฝึกตนระดับแก่นแท้วิญญาณ 10 คนได้
เป้าหมายของคนกลุ่มนั้นชัดเจนว่า พวกเขาอยากจะใช้พลังที่มองไม่เห็นกำจัดเขา…แต่หวังลิ่งคิดว่าคนกลุ่มนี้ยังอ่อนหัดนัก ประโยชน์ของวิชานี้ก็คือสามารถยิงลำแสงทำลายล้างที่มองไม่เห็นลงมาจากบนฟ้าได้ แต่ทว่าแม้แต่ร่างโคลนของเขายังรับรู้ถึงมัน นั่นก็หมายความว่าคนพวกนั้นไม่ได้เข้าใจวิชานั่นอย่างถ่องแท้
เมื่อคลื่นพลังวิญญาณที่มองไม่เห็นนั่นกำลังจะถึงตัวบ้าน หวังลิ่งแค่เงยหน้าขึ้นและเป่าลมออกไป…
………………………………
ภายในรถลีมูซีน หัวหน้าสองและลูกสมุนของเขากำลังนั่งมองหน้าจออยู่
มันผ่านไปกว่า 30 วินาทีแล้ว หลังจากที่เกิดการยิงลำแสงพลังวิญญาณออกไป ไม่ว่าจะเป็นบนรถหรือบนบ้านหลังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“ท่านเซียนเฒ่า…มันได้ผลไหม?” สองคิงชูเอ่ยถามออกไป
ชายแก่ยังคงหลับตาและพูดออกไปอย่างมั่นใจ “หึ พวกมันตายแน่นอน แต่อาจจะใช้เวลาสักหน่อยกว่าที่คลื่นพลังวิญญาณจะตกลงมา นายต้องใจเย็นๆ”
“…”
30 วินาทีผ่านไป…
สองคิงชูยังคงจ้องไปที่หน้าจอของเขาและรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติ เขาสังเกตเห็นว่าหัวของเซียนเฒ่าจะบวมขึ้น… ‘หรือเส้นเลือดในสมองจะอุดตันเลยทำให้หัวบวม?’
สองคิงชูร้องขึ้นอย่างตกใจ “ท่านเซียนเฒ่า ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“ฉันกำลังคอสเพล์คนหัวโตอยู่ อย่าตกใจไป!”
เมื่อชายแก่พูดจบ…เขาก็ไอเป็นเลือดออกมาจากปาก
ชายแก่เอามือกุมไปที่หัวใจตัวเองและตัวสั่นเทิ้ม ขณะนี้เองหัวของชายแก่ก็มีขนาดใหญ่ขึ้นถึงสามเท่าของปกติ “…นี่คือวิชาคำสาปเลือด ฉันสามารถใช้มันฆ่าศัตรูได้! ฉันจะแสดงให้นายดูเป็นบุญตา!”
“…”
‘นั่นมันคือผลกระทบจากการโดนสะท้อนกลับต่างหากไอแก่โง่!’