The Daily Life of the Immortal King – ตอนที่ 146

ตอนที่ 146

ตอนที่ 146 หนังเหนียว

วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม สัปดาห์ที่ 6 ของปีการศึกษาที่หนึ่ง

คุณปู่และแม่ของหวังลิ่งกลับมาจากทริปท่องเที่ยววันนี้ หวังลิ่งรู้ข่าวเมื่อเช้าว่าพวกเขาจะถึงบ้านประมาณหกโมงเย็น เขานั้นคิดถึงอาหารเช้าฝีมือแม่ของเขามาก แต่นอกเหนือไปจากอาหารเข้าก็คือขนมบะหมี่รสราเมงเนื้อพิเศษซึ่งคุณปู่ของเขาซื้อมาฝากจากเทียนเหอใต้…

เมื่อหวังลิ่งไปถึงโรงเรียน หัวข้อทอล์กออฟเดอะทาวน์ของวันนี้ก็คือนักร้องริมถนนผู้ซึ่งโด่งดังชั่วข้ามคืนเมื่อวานนี้

เมื่อได้ยินเรื่องนี้ หวังลิ่งก็รู้ทันทีว่านักร้องริมถนนคนนั้นน่าจะเป็นถังยุนหนิง เขารู้ว่ามันต้องเป็นแบบนี้เพราะเพลง Old Boys แต่ก็ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้

การซุบซิบนินทาเปรียบเสมืองโรคระบาด แรกเริ่มเดิมทีก็ไม่ได้เป็นอย่างนี้หรอก แต่จากที่ทุกวันจะต้องมาพูดคุยถึงข่าวต่างๆในทุกเช้า ดูเหมือนมันกลายเป็นกิจวัตรประจําวันของนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งห้องสามไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หวังลิ่งคิดว่าคนที่เริ่มแพร์โรคระบาดนี้คงจะเป็นกัวหาว

“ฉันได้ยินมาว่าหนุ่มรถไฟใต้ดินคนนี้เขาเป็นนักดนตรีมานาน และล่าสุดเค้าก็พึ่งไปแสดงความสามารถที่รายการประกวดแห่งหนึ่งมา ใครจะคิดว่าชายคนนี้จะดังชั่วข้ามคืน” กัวดาวยักไหล่ที่เขาใช้ “หนุ่มรถไฟใต้ดิน” เพราะว่าชาวเน็ตต่างเรียกถังยุนหนึ่งไว้ว่าอย่างนั้น

เหตุผลที่ว่าทําไมถึงยุนหนิงถึงถูกเรียกว่าหนุ่มรถไฟใต้ดินก็คือ เขานั้นเล่นดนตรีที่สถานีรถไฟใต้ดินแห่งหนึ่งในขณะที่เขานั้นกําลังร้องเพลง “Old Boys” และเขาก็เป็นจุดสนใจจนมีคนถ่ายคลิปและอัพโหลดลงอินเทอเน็ต

ภายในคลิปวีดีโอ ผมของถังยุนหนึ่งนั้นค่อนข้างเซอและชุดของเขาก็ซื้อมาจากร้านค้าข้างถนนราคาถูก รวมไปถึงกีตาร์โปร่งสภาพโทรมๆ นั้นทําให้ถึงยุนหนิงดูยากจนน่าสงสาร ด้วยภาพรวมหลายๆอย่างที่กล่าวมานั้นทําให้เขาดูผ่านมรสุมชีวิตมาเยอะเข้ากับเพลง “Old Boys”

ในคลิปวิดีโอนั้นจะเห็นว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างหยุดและยืนฟังถังยุนหนึ่งเมื่อเขาอ้าปากร้องเพลง

ทุกๆคนอินไปกับเพลงนั้น

จริงๆแล้วถังยุนหนึ่งนั้นค่อนข้างที่จะหน้าตาดี และรูปร่างของเขาก็ไม่ได้เป็นคนอ้วนค่อนไปทางรูปร่างดีสมส่วน แม้ว่าปัจจุบันจะไม่ค่อยมีใครเหยียดคนอ้วนแล้วแต่ทุกคนก็ยังคงนิยมคนผอมหุ่นดีมากกว่า

เมื่อเหล่าหญิงน้อยหญิงใหญ่ได้ดูคลิปวิดีโอนี้ พวกเธอต่างตกหลุมรักในชายหนุ่มนักดนตรีมาดเธอคนนี้

ผู้ชายคนนี้คือใครกัน?

เขาผ่านอะไรมาบ้าง?

เขาแต่งเพลงแบบนี้ขึ้นมาได้อย่างไร?

หวังลิ่งไม่ได้สนใจอะไรมากนักเกี่ยวกับเรื่องนี้

เพราะไม่มีใครรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเพลงนี้น่ะราคาแค่บะหมี่เนื้อสองชามเท่านั้นเอง

ราคา 33 หยวน กับ 70 เซ็นต์…

………………………

ในตอนเช้าเป็นเวลาของวิชายันต์เต๋า อาจารย์ป่านยื่นกระดาษพับออกมาใบหนึ่ง คุณครูในโรงเรียนทุกถูกสั่งห้ามไม่ให้สอนพิเศษแก่นักเรียน มีอาจารย์ประจําชั้นบางคนที่เป็นห่วงว่านักเรียนจะตามในห้องเรียนไม่ทัน จะส่งผลต่อคะแนนเฉลี่ยของห้อง ดังนั้นทางโรงเรียนจึงได้สนับสนุนให้นักเรียนไปหาที่เรียนพิเศษข้างนอกแทน

โดยปกติแล้วถ้าหากมีคนเรียนประมาณสามถึงสี่คนจะเรียกว่าห้องเรียนขนาดเล็ก แปดถึงสิบคนก็จะเป็นขนาดกลาง แน่นอนว่าหากคนยิ่งน้อยราคาก็จะยิ่งแพงขึ้น

และเพราะเหตุใดที่ทําให้โรงเรียนอันดับที่60แจกแผ่นพับใบนี้ นั่นก็เพราะโรงเรียนอันดับที่60กําลังขาดแคลนเงินทุนนั่นเอง!

เงินสนับสนุนจากม่านน้ำฮวงโหนั้นยังอยู่ในระหว่างการเจรจา ซึ่งมันอาจจะใช้เวลาประมาณหนึ่งกว่าเงินสนับสนุนจะส่งมาถึง ซึ่งในระหว่างนี้ผู้อํานวยการครูใหญ่เป็นจะต้องใช้แผนนี้ในการระดมทุนเพื่อพัฒนาโรงเรียนไปก่อน

ความยากจนของโรงเรียนอันดับที่60นี้ได้ถูกส่งผ่านมายังรุ่นสู่รุ่นเหมือนเป็นเรื่องตลก

และสิ่งที่ทําให้หวังลิ่งรู้สึกประทับใจ(ประชด)นั่นก็คือต้นปาล์มที่เหี่ยวเฉาจํานวนหนึ่งตรงทางเข้าโรงเรียน ทุกครั้งที่หวังลิ่งเดินผ่านต้นไม้เหล่านั้น มันทําให้เขานึกไปถึงต้นไม้บนถนนตาหวงซึ่งเหี่ยวเฉาเพราะโดนฟ้าผ่า

โรงเรียนอันดับที่60จึงมีความพิเศษในหลายๆความหมาย

เมื่อหวังลิ่งได้รับแผ่นพับมาตาของเขาก็หลงหลังจากได้อ่านข้อความบนแผ่นพับ

เพราะว่าคอร์สเรียนพิเศษนี้ได้ถูกจัดตั้งขึ้นโดยปราสาทตระกูลโม่!

“พวกมันคงหมายตาที่โรงเรียนอันดับที่60ไว้ในการที่จะกระจายยาตัวนั้น”

หวังลิ่งจ้องแผ่นพับนิ่งและหลุดเข้าสู่ห้วงความคิดของตัวเองไป

…………………..

ณ โรงพยาบาลลําดับสอง

วันนี้มีผู้ปวยใหม่บนชั้น 8 ของอาคาร Night Shift Nurses

ผู้ปวยคนนี้ถูกส่งมาจากห้องฉุกเฉินเมื่อวาน ในตอนนั้นมีคนในห้องฉุกเฉินไม่พอ ผู้อํานวยการใหญ่ที่รับผิดชอบอยู่ตอนนั้น จึงตัดสินใจเรียกศัลยแพทย์ทุกคนที่กําลังเดินทางกลับบ้านกลับมา ผู้อํานวยการหลีนั้นถึงบ้านเรียบร้อยแล้วแต่เขาก็ยังต้องกลับมาตอนประมาณตี2ถึงที่3

เหตุผลหลักก็คือผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาลช้าเกินไป ทําให้เขานั้นไม่สามารถดําเนินการผ่าตัดได้ทัน เมื่อผู้ป่วยมาถึงห้องฉุกเฉินบรรดาคุณหมอก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้แล้ว

ผู้ป่วยคนนั้นเขายังไม่เสียชีวิต แต่เซลล์ประสาทภายในสมองนั้นได้รับผลกระทบร้ายแรงเกรงว่าจะเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา

ภายใต้แรงกดดันจากผู้นเมือง ผู้อํานวยการใหญ่ของโรงพยาบาลจึงได้ส่งต่อผู้ป่วยไปยังอาคาร Night Shift Nurses ที่ผู้อํานวยการหลีเป็นคนดูแลอยู่เพื่อที่จะได้ดูแลอย่างใกล้ชิด

ในขณะที่แผ่นพับโฆษณาของปราสาทตระกูลโม่กําลังถูกแจกจ่ายในห้องเรียนชั้นปีที่หนึ่งห้องสาม ผู้อํานวยการหลีก็กําลังประชุมเกี่ยวกับบรรดาคุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆในโรงพยาบาล

ภายในห้องนี้มีผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาทั้งหมดแปดคน โดยพวกเขาได้รับหน้าที่ให้ดูแลบรรดาผู้ป่วยทางจิตภายในหน่วยผู้ป่วยพิเศษ

“ก่อนที่พวกเราจะเริ่มประชุม มีใครอธิบายถึงอาการของผู้ป่วยคนนี้ได้ไหม?” ผู้อํานวยการหลียืนขึ้นและเริ่มพูดถึงเหตุการณ์ล่าสุดที่พึ่งจะเกิดขึ้น

มีคุณหมอแก่คนหนึ่งผู้ซึ่งมีผมสีเทาและหนวดของเขาก็มีเช่นเดียวกับสีผมพูดขึ้น “การวินิจฉัยเบื้องต้นคืออาการผิดปกติของสมองเรื้อรัง…หรืออีกนัยหนึ่งคือสมองได้รับการสั่นสะเทือน”

“แล้วสาเหตุหละ” ผู้อํานวยการหลีถามกลับ

คุณหมอผู้เชี่ยวชาญอีกท่านตอบกลับมา “ผู้ป่วยไม่มีครอบครัว แต่จากหัวหน้าของเขาแจ้งมา ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ผู้ป่วยได้ถูกรถสามล้อชน”

รถสามล้อ?….

ผู้อํานวยการหลีเมื่อได้ยินดังนั้นเขารู้สึกคุ้นอย่างบอกไม่ถูก

รบกวนช่วยอธิบายโดยละเอียดได้ไหม”

“จากคําให้การของผู้ป่วยก่อนที่เขาจะสลบไป หลังจากรถสามล้อชนเขา เขาได้ขับรถไมบากต่อไปและรถสามล้อก็ยังคงไล่ตามเขาจนผ่านไปถึงแปดทางด่วน สุดท้ายทําให้อาการปวดหัวของเขากําเริบ เพราะเหตุนั้นเขาจึงขนเข้ากับขอบทางด่วนด้วยความเร็ว 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และรถก็ได้พุ่งทะลุที่กั้นพุ่งลงไปกระแทกเข้ากับพื้นทางด่วนอีกระดับก่อนที่รถคันนั้นจะระเบิด”

“…”

หลังจากที่ผู้อํานวยการหลีได้ยินเรื่องราวทั้งหมด ทําให้เขารู้สึกสงสารผู้ป่วยอย่างบอกไม่ถูก “การดําเนินชีวิตต่อจากนี้ของเขาคงจะไม่เรียบง่ายเหมือนที่ผ่านมา….”

The Daily Life of the Immortal King

The Daily Life of the Immortal King

Status: Ongoing

เรื่องย่อ

เขาผู้ซึ่งเป็นอัฉริยะได้รับพลังใหม่หนึ่งขั้นในทุกๆสองปีตั้งแต่เขาอายุได้เพียง1ขวบ หวังลิ่งมีพลังมหาศาลเกินกว่าที่เขาจะควบคุม ตอนนี้เขาอายุ16ปีเขาเริ่มเข้าเรียนในระดับมัธยมปลายและพบเจอเรื่องวุ่นๆมากมาย เขาวางแผนไว้เพียงอย่างเดียวคือการทำตัวให้ไม่เป็นจุดสนใจ แต่ดูเหมือนแผนของเขาจะค่อยๆลอยห่างไกลออกไปทุกที

ฉันก็แค่อยากจะกินขนมบะหมี่ของฉันอย่างสงบสุขเท่านั้นเ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท