ตอนที่ 157 เห็ดหลินจือ
ใจกลางของเมืองซ่งไห่มีอาคารสูงเด่นเป็นสง่าอยู่อาคารหนึ่ง
ภายในห้องทํางานของเลขาธิการปราสาทตระกูลโม่หรือที่ทุกคนรู้จักในชื่อนายหญิงของปราสาท ตั้งอยู่ชั้นบนสุดของอาคารแห่งนี้ หน้าต่างสไตล์ฝรั่งเศษเผยให้เห็นวิวมุมกว้างของเมืองและมันจะยิ่งสวยงามในยามเย็น บรรดาแสงไฟระยิบระยับยามค่ำคืนนั้นยากที่จะทําให้ผู้พบเห็นลืมเลือน
เวลา 8:00 ของช่วงเช้า
มีสตรีนางหนึ่งผมของเธอเกล้าขึ้นปักด้วยปูนปักผม สวมชุดสไตล์ย้อนยุคสีดํายืนอยู่ริมหน้าต่าง คิ้วของเธอขมวดเป็นปมเข้าหากันมองวิวทิวทัศน์อย่างเหม่อลอย
เมื่อเธอมาถึงห้องทํางานของเธอ เธอก็พบกับข่าวร้าย สัญญาณชีพของอายุลูกน้องของเธอหายไป!
ทุกคนที่ทํางานให้กับปราสาทตระกูลโม่จะต้องถูกลงตราประทับวิญญาณโดยนายใหญ่ ซึ่งสามารถจับสัญญาณชีพได้จากเครื่องตรวจจับวิญญาณพิเศษ ถ้าหากสัญญาณชีพหายไป นั่นมีความเป็นไปได้อยู่สองแบบ
หนึ่งตราประทับโดนลบล้าง
หรือสองคนผู้นั้นเสียชีวิต
นายหญิงของปราสาทนั้นคิดมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เรื่องที่ส่งอายุไปแก้แค้นสองคิงชู
แต่กลับกลายเป็นว่าทั้งสัญญาณชีวิตของอายูและสองคิงชูหายไปเสียทั้งอย่างนั้น
เพียงเพราะเรื่องของสองคิงชูกลับทําให้เธอเสียลูกน้องที่ไว้ใจได้ไปถึงสองคน
เธอไม่สามารถยอมรับข้อผิดพลาดตรงนี้ได้
ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็ยังไม่กล้าที่จะสรุปว่าสองคิงชูนั้นเสียชีวิตไปแล้ว
เนื่องจากว่าสัญญาณชีพจากตราประทับวิญญาณได้หายไป แต่พวกเธอก็คิดไม่ออกว่า ผู้ชายคนนี้หาจากลบตราประทับได้ยังไง
ในขณะที่เธอกําลังคิดไม่ตกกับเรื่องดังกล่าว หน้าต่างกระจกใสกลับขุ่นมัว เธอเห็นเงาสีดําปรากฏอยู่บนกระจกแทนที่ นัยน์ตาของเธอเบิกกว้างก่อนที่จะรีบก้มหัวทําความเคารพ “นาย ท่าน!”
เมื่อเงาสีดําเริ่มต้นพูด เสียงของเขานั้นเหมือนเสียงที่ผ่านเครื่องขยายเสียงมีความก้องกังวาน และเอคโค่เล็กน้อย “ฉันเห็นว่าตราประทับวิญญาณของสองคิงชูหายไป มันตายแล้วอย่างงั้นรึ?”
นายหญิงแห่งปราสาทก้มหัวลงและตอบด้วยน้ําเสียงไม่มั่นใจ “พวกเรายังไม่ได้รับการยืนยันเลยค่ะ”
“ครั้งนี้แค่เพียงคนทรยศ พวกเรากลับเสียมือดีระดับหัวหน้าชุดปฏิบัติการไปถึงสองคน เธอจะต้องตรวจสอบเรื่องนี้ให้ดี…”
“ค่ะ นายท่าน”
เธอกุมมือทาบไว้ที่หน้าอกเพื่อแสดงความเคารพ “ดิฉันจะรีบสืบหาความจริงให้เร็วที่สุด ตอนนี้ดิฉันได้ให้คนไปตรวจสอบพื้นที่แล้ว ถ้าหากสองคิงชูเสียชีวิตแล้วจริง พวกเราต้องพบร่องรอยของการใช้น้ำยากร่อนกระดูกในจุดที่สัญญาณชีพหายไป”
“จริงๆแล้ว ฉันสงสัยมาตลอดว่าอาจจะมีผู้ที่อยู่เบื้องหลังคอยช่วยเหลือมันอยู่ นักบุญลําดับหนึ่งสองและสามที่ทรยศเรา เป็นสิ่งเตือนใจพวกเราเป็นอย่างดี ครั้งนี้เธอต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น จากนี้ไปห้ามเกิดข้อผิดพลาดในปราสาทตระกูลโม่ขึ้นอีก”
“นายท่านได้โปรดวางใจ แม้ว่าจะมีคนอยู่เบื้องหลังสองคิงชูจริง ก็ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถต่อกรกับพลังอํานาจของปราสาทตระกูลโม่ ณ ตอนนี้ได้ ด้วยพลังของท่านในตอนนี้เมื่อเราได้หน้ากากผีดิบมาอยู่ในมือ มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้วว่านายท่านอยากจะครองโลกตอนไหน”
เงาสีดําพยักหน้า “อืม…เรื่องของหน้ากากผีดิบเราต้องรีบสืบโดยเร็วที่สุด”
ทันใดนั้นเองเงาสีดําบนกระจกก็เกิดพร่ามัวและมีเสียงร้อง “อ้า!” ดังตามมา เงาสีดําไม่แม้แต่จะร่ำลาก่อนที่จะหายไป
สตรีที่อยู่ตรงหน้าหน้าต่างตกอยู่ในความสับสน!
“หรือนายท่านจะโดนลอบโจมตี?”
“นายท่าน? นายท่าน?”
เธอพยายามเรียกหาเจ้านายของเธอถึงสองครั้ง
หลังจากนั้นประมาณสิบวินาทีเงาสีดําก็กลับมาแสดงบนกระตุกหน้าต่างอีกครั้ง และเธอก็ได้ยินเสียงของเจ้านายเธออีกครั้ง “ ไม่มีอะไรแค่อุบัติเหตุเล็กน้อย เครื่องฉายภาพทางไกลของฉัน เกิดแบตหมด เด็กใหม่มันลืมเปลี่ยนแบตให้เมื่อคืนและมันยังดันทํากาแฟหกใส่กางเกงฉันอีก! โชคยังดีที่กางเกงของฉันมันกันน้ำ!”
เมื่อพูดถึงความสัมพันธ์ของอาจารย์ใหญ่จินของโรงเรียนอันดับที่59 และอาจารย์ใหญ่เซ็นของโรงเรียนอันดับที่60 พวกเขานั้นจบมาจากสํานักเดียวกัน ความสัมพันธ์ของทั้งสองโรงเรียนจึงค่อนข้างใกล้ชิดกัน แต่เมื่อไม่กี่ปีมานี้เหล่านักเรียนก็เริ่มที่จะขัดแย้งกัน แต่อย่างไรก็ตามงานประลองกระบี่วิญญาณครั้งที่ผ่านมา ก็ทําให้ความสัมพันธ์ดูเหมือนจะกลับมาแน่นแฟ้นขึ้นอีกครั้ง
ด้วยอะไรบางอย่าง หวังลิ่งรู้สึกไม่ค่อยสบายเมื่อเขาเห็นเหอบู่ฟงและถังจิงเสออีกครั้ง
เมื่อตอนที่เขาไปโรงเรียนอันดับที่59 รุ่นพี่เหอบู่ฟงและประธานนักเรียนผู้ซึ่งพยายามจับผิดเขา หลังจากผ่านงานประลองไปสี่วัน ความบาดหมางของพวกเขาก็ดูเหมือนจะเลือนหายไป ตั้งแต่นั้นเป็นคนมาพวกเขาก็ตั้งใจเรียนและหมั่นฝึกตกอยู่สม่ำเสมอ
สองคาบเรียนแรกในช่วงเช้าเป็นวิชายันต์เต๋าของอาจารย์ปาน
การเรียนการสอนของทั้งสองโรงเรียนค่อนข้างจะเหมือนกัน เหอบู่ฟงจึงไม่ได้รู้สึกกดดันมากนัก ในขณะที่ถังจิงเสอเป็นรุ่นพี่ที่กําลังจะจบแล้ว เขารู้หลักสูตรทุกวิชาราวกับว่ามันถูกจดไว้หลังมือเขา
“หลังจากหลายอาทิตย์ผ่านไป อาจารย์เชื่อว่าพวกเธอทุกคนทราบถึงกฎหลักสี่อย่างใช่ไหม การสอบกลางภาคก็จะเน้นหนักไปทางด้านนี้แหละ วันนี้อาจารย์จึงอยากจะสอนเกี่ยวกับประโยชน์ของการเพิ่มความสามารถให้กับยันต์หรือเครื่องราง”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ทุกคนภายในห้องต่างรู้แล้วว่าเนื้อหานี้จะไม่มีอยู่ในคอร์สเรียนอีกแล้ว
“ที่อาจารย์จะสอนในวันนี้ก็คือยันต์สมาธิ”
เมื่อฟังถึงตรงนี้ หวังลิ่งก็เลิกคิ้วของเขาขึ้น การสร้างยันต์ด้วยวิธีนี้ค่อนข้างที่จะยาก การทําสมาธินั้นอาจจะเผยให้เห็นถึงอนาคตเล็กน้อย อัตราการสําเร็จของมันต่ํามากแต่ผลที่ได้รับกลับมาก็สูงมากเช่นกัน
หลังจากผสมผงแร่ปรอทและน้ําพลังวิญญาณเข้าด้วยกัน อาจารย์ปานก็แผ่นประดาษยันต์สีเ ลืองและเริ่มแสดงวิธีทํา เธอใช้พลังวิญญาณของเธอในการลงพู่กันเขียนยันต์ เธอขมวดคิ้วเข้าหากันและบรรจงเขียนยันต์ด้วยความระมัดระวัง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาด แค่เพียงจุดผิดเพียงเล็กน้อยอาจทําให้ยันต์สมาธิไม่สามารถใช้การได้
หลังจากนั้นสามนาที อาจารย์ปานก็ยกฟูกันออกและใส่พลังวิญญาณเข้าไปในกระดาษยันต์สีเหลือง “ทุกคนดูให้ดี…”
ไม่นานหลังจากนั้นกระดาษยันต์สีเหลืองก็บินลอยไปมาบนอากาศ ก่อนที่จะแสดงภาพของกระโปรงสีสันสวยงามซึ่งขัดกับบุคลิกของอาจารย์ปานเล็กน้อย
เธอดันกรอบแว่นของเธอขึ้น “นี่เป็นกระโปรงวิเศษซึ่งอาจารย์ซื้อมาจาก Moubao (ล้อเลียน Taobao เว็บขายของออนไลน์ชื่อดังของจีน) เมื่อไม่กี่วันก่อน
การสาธิตจบลงด้วยดีแต่ไอกระโปรงนั่นมันกําลังสื่อถึงอะไร? แม้แต่อาจารย์ปานก็ยังไม่แน่ใจว่าอะไรกันแน่ ยันต์สมาธินั้นจะแสดงสิ่งสําคัญที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ผู้ใช้งานต้องคิดเอาเองว่า มันหมายถึงอะไร
หลังจากนั้นอาจารย์ปานก็แจกอุปกรณ์ให้แก่นักเรียนทุกคน “เอาหล่ะ…ลองทําดูนะทุกคนทําอย่างที่อาจารย์ได้ทําให้ดูเมื่อสักครู่
ไม่นานนักทั้งห้องก็ตกอยู่ในความชุลมุน
ยันต์สมาธินั้นมีความซับซ้อนในการเขียนของมัน หนําซ้ำลายมือของผู้เขียนยังมีผลด้วย ถ้าหากตัวหนังสือมันหนาหรือบางเกินไป ยันต์นั้นก็จะไม่แสดงผล
แม้แต่ถังจึงเสอก็ยังต้องยอมแพ้ เขาใช้กระดาษยันต์ไปหลายสิบใบ
และในความพยายามโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ กระดาษยันต์ของกัวหาวก็เกิดแสงเรืองออกมา
กัวหาวมองกระดาษยันต์ของตนลอยขึ้นไปบนอากาศ “นี่เราทํามันสําเร็จหรือนี่?”
สายตาทุกคู่จับจ้องไปบนอากาศไม่นานนักรูปอันแสนเลือนลางก็ปรากฏ
“มันคืออะไรกัน?”
หลินเสี่ยวหยูจ้องมองสิ่งที่ปรากฏอย่างตั้งใจ มันดูเหมือนเห็ดซึ่งมีหัวทั้งสองด้าน ด้า นบนมีลักษณะคล้ายปาก ในขณะที่มีรูเล็กๆที่ด้านท้ายของมัน [อาจจะอธิบายไม่ค่อยเข้าใจนะครับ แต่อันนี้ผู้เขียนตั้งใจจะอธิบายว่ามันคือรูปของดิลโด้ครับ…ผู้แปล]
“….” เมื่อนักเรียนชายทุกคนเห็นมัน พวกเขาก็ถึงกับนิ่งงัน
กัวขาวกระแอมเบาๆ “พวกนายรู้จักเห็ดหลินจือไหม? นี่เป็นสมบัติล้ำค้าของครอบครัวฉัน!”
หวังลิ่ง “ใครจะไปเชื่อ…”