ตอนที่ 138 ฉันมีไอเดีย
“ดูเหมือนว่านี่จะเป็นข้อมูลที่แท้จริงที่นักบุญลำดับสามตั้งใจจะส่งมาให้แก่พวกเรา เอกสารที่อยู่ข้างบนนั้นเป็นแค่เพียงของบังหน้า” เทพมือระเบิดรู้สึกตื่นเต้นกับความจริงที่เขาพึ่งค้นพบ
ไม่ว่าจะเป็นหวังลิ่งหรือเทพมือระเบิดพวกเขาได้เคยพบจุดบกพร่องในการปฏิบัติการของคนกลุ่มนี้ นั่นก็เพราะว่าทุกคนเป็นมนุษย์ แม้แต่ผู้ฝึกตนที่ไม่ว่าจะเตรียมการมาดีแค่ไหนก็พลาดกันได้
เทพมือระเบิดพลิกกระเป๋าเทของที่อยู่ข้างในออกมานอกเหนือไปจากสมุดจดสีเทาในนั้นยังมีขวดแก้วซึ่งภายในบรรจุของเหลวสีดำ
“นี่มันคืออะไร” เทพมือระเบิดเปิดฝาขวดและดมเล็กน้อย “นี่มัน! ยาหม่องน้ำตาไหลพราก ยาหม่องตัวนี้สามารถทำให้คนร้องไห้ราวกับว่ามีคนในครอบครัวเสีย…”
หวังลิ่งอยากจะทำท่าทางล้อเลียนเทพมือระเบิดที่ชอบแสดงอาการตกใจแบบเกินจริงในบางครั้งจริงๆ
“ดูเหมือว่าจะไม่ใช่ยาเสริมสร้างกล้ามเนื้อด้วย วัตถุดิบของมันดูค่อนข้างแปลก”
ภายใต้สายตาปลาตายของหวังลิ่ง เทพมือระเบิดก็กลับมาจริงจังกับเรื่องตรงหน้าอีกครั้ง เขาค่อยๆวางขวดใบนั้นลงและเปิดสมุดเล่มสีเทาซึ่งวางอยู่ข้างๆแทน
เมื่อเขาเริ่มต้นพลิกหน้ากระดาษใบหน้าของเขาก็ดูตึงเครียดขึ้นทำให้เขานั้นเร่งการเปิดไปยังหน้าถัดไป “นี่มัน! เราพบเบาะแสสำคัญแล้วน้องลิ่ง!”
ในขณะที่เทพมือระเบิดกำลังอ่านสมุดเล่มนั้น หวังลิ่งก็ได้ทำการอ่านความคิดของฝั่งตรงข้ามไปด้วยในเวลาเดียวกัน
หลังจากนั้นทั้งสองจึงนั่งบนโซฟาด้วยท่านั่งเหมือนกัน และยกมือขึ้นจับคางพลางจ้องไปยังของเหลวสีดำที่อยู่ในขวดแก้ว
ตามสิ่งที่เขียนในสมุดเล่มสีเทา ของเหลวสีดำตรงหน้าพวกเขานั้นเป็นยาเสริมพลังซึ่งถูกคิดค้นขี้นโดยปราสาทตระกูลโม่ และมันได้ถูกสร้างมาเพื่อผู้ฝึกตนผู้ซึ่งไม่สามารถพัฒนาพลังของตนเองต่อไปได้ มันจะใช้อายุขัยส่วนหนึ่งเพื่อแลกมาด้วยพลังที่เกินระดับของคนคนนั้นไปขั้นนึง
แน่นอนว่านั่นไม่ใช่สาระสำคัญ
สิ่งที่สำคัญที่สุด เป็นส่วนที่สองของสมุดเล่มนั้น มันเป็นข้อมูลการทดลองของปราสาทตระกูลโม่ ซึ่งพวกเขาใช้นักเรียนเป็นหนูทดลอง!
เทพมือระเบิดขมวดคิ้วด้วยความโกรธ “ใครจะไปคิดว่าประสาทตระกูลโม่จะกระทำการสกปรกเช่นนี้ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม พวกมันไม่มีสิทธิ์ที่จะทำร้ายเหล่าเด็กๆซึ่งเป็นอนาคตของชาติในอนาคต!”
หวังลิ่งก็ทำสีหน้าตึงเครียดด้วยเช่นกัน หลังจากที่เขาคิดอะไรบางอย่างได้เขาจึงใช้โทรจิตส่งข้อความไปให้เทพมือระเบิด “น้องลิ่งไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวฉันจะส่งยาตัวนี้ไปให้โทยะด้วยตัวฉันเอง ด้วยประสบการณ์ของเขามันคงไม่เกินขีดความสามารถของเขาหรอก”
เมื่อพูดจบเทพมือระเบิดก็ถอนหายใจออกมา
“ปัจจุบัน คนที่มีเงินก็จะพึ่งสิ่งของเป็นทางลัด ในขณะคนที่ไม่มีเงินก็ต้องพึ่งดวงการเกิดของตนเอง ฉันไม่เคยคิดเลยว่าคำพูดเหล่านี้จะเป็นจริงขึ้นมาได้…”
เทพมือระเบิดเขารู้สึกสลดใจกับยาขวดนี้ เขารู้สึกว่ามันก็คงจะเป็นไปในทำนองเดียวกันกับเหล่าผู้ฝึกตนที่ถึงทางตัน ที่จำเป็นต้องพึ่งของวิเศษในการฝึกฝนวิชาจนสำเร็จ พวกเขายินดีที่จะฝ่าฝืนกฎธรรมชาติ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใดก็ตาม พวกเขาเหล่านั้นตามืดบอดจนไม่สามารถคิดถึงผลเสียที่จะตามมา
แต่อย่างไรก็ตามตั้งแต่อดีตกาลในโลกผู้ฝึกตน ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงและได้รับการยกย่องจากผู้อื่น มักจะเป็นผู้ที่ฝึกฝนอย่างค่อยเป็นค่อยไปด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง
นี่สิถึงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง มันไม่มีทางลัดสำหรับผู้ที่แข็งแกร่งหรอก
“มันไม่มีทางลัดใดในเส้นทางผู้ฝึกตน ทำไมพวกเขาถึงยังไม่ยอมเข้าใจในเรื่องนี้อีก?” เทพมือระเบิดรู้สึกเหนื่อย เขาพยายามที่จะทำเว็บบอร์ดผู้ฝึกตนแทบตายในตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา…แต่เขารู้ฝึกว่ามันแทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย
…………………………………………………….
หลังจากที่ได้รับของที่อยู่ในถุงผ้า เทพมือระเบิดจึงรีบออกจากบ้านของหวังลิ่งด้วยอารมณ์ที่ค่อนข้างขุ่นมัว
ก่อนที่เขาจะจากไป เขายังคงไม่ลืมฝากบล็อกโคลี่ที่เขาปลูกไปให้ปู่ของหวังลิ่ง
หวังลิ่งไม่รู้ว่าเทพมือระเบิดมีแผนจะทำอะไรต่อไป
นั่นก็เพราะว่าปราสาทตระกูลโม่นั้นคงไม่น่าจะรับมือได้ง่ายๆ…ถ้าหากมันเป็นแค่เพียงองค์กรขนาดเล็ก ด้วยนิสัยและอารมณ์ของเทพมือระเบิด เขาคงถล่มปราสาทตระกูลโม่ไปนานแล้ว
แต่ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันพวกเขายังไม่มีหลักฐานที่แน่นหนาพอที่จะกระทำการเช่นนั้น
เทพมือระเบิดยังมีหลักฐานไม่เพียงพอว่าปราสาทตระกูลโม่นั้นทำการทดลองกับเหล่านักเรียนจริงๆ แค่สมุดเพียงเล่มเดียวมันคงไม่พอ
หลังจากที่เขาออกไปจากบ้านของหวังลิ่ง เขาโทรไปหาแบล็คเพื่อขอความช่วยเหลือ “ฮัลโหล น้องแบล็คใช่ไหม ฉันมีเรื่องที่ต้องให้นายช่วยเหนือนิดหน่อย…นายช่วยฉันหาที่อยู่ของเด็กนักเรียนเหล่านี้ให้หน่อย อ้อแล้วห้องแลปเป็นยังไงบ้าง?”
อีกฝั่งหนึ่งของสาย แบล็คตอบกลับไปว่า “อืมก็ดี…เว้นแต่เจ้าปืนใหญ่อาร์มสตรอง โดยรวมก็ซ่อมแซมไปได้เกือบหมดแล้ว แต่ว่าพี่เล่ย…คราวก่อนพี่บอกผมว่าพี่จะจะช่วยหาคนที่ทำลายห้องแลปผม พี่ยังคงยืนยันคำเดิมอยู่ไหม?”
เทพมือระเบิดพยักหน้าเบาๆ “ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นฉันจำได้ ทันทีที่ปืนใหญ่นั่นซ่อมแซมเสร็จ ฉันจะขอความช่วยเหลือจากหลิงเจินเหรินตามหาเจ้าคนร้ายให้ แล้วเราจะใช้ปืนใหญ่นั่นทำลายบ้านมันให้สิ้นซาก!”
“มันจะดูโหดร้ายไปหน่อยไหมพี่เล่ย?”
“มันไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องพูดกับคนแบบนั้น นายเปรียบเสมือนน้องชายของฉันนะแบล็ค บ้านของน้องชายโดนทำลายฉันคงไม่ปล่อยให้คนร้ายลอยนวลหรอก เมื่อฉันรู้ที่อยู่ของเจ้าบ้านั่น ฉันนี่แหละจะเป็นคนแรกที่เอาปืนใหญ่ไปเป่าบ้านมัน เชื่อมือพี่ได้”
“…”
“ดังนั้น ช่วยฉันตามหาที่อยู่ของนักเรียนเหล่านี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
“พี่มีข้อมูลอะไรบ้าง? ยิ่งมีมากเท่าไรผมก็จะค้นหาได้เร็วขึ้นเท่านั้น”
เทพมือระเบิดขมวดคิ้วพลางมองไปยังสมุดเล่มสีเทา ข้อมูลในสมุดนั้นค่อนข้างน้อย ข้อมูลดังกล่าวมีแค่เพียงผลการตรวจร่างกาย เช่น อายุ ส่วนสูง น้ำหนักและอื่นๆ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้อาจจะเปลี่ยนแปลงถ้าหากนักเรียนเหล่านั้นได้รับยาตัวดังกล่าวเข้าไป ซึ่งเท่ากับว่าเขาไม่มีข้อมูลอะไรเลย
“เอ่อ…ฉันก็มีข้อมูลไม่ค่อยมากนัก”
“มีมากน้อยแค่ไหน”
เทพมือระเบิดค่อยๆพูดทีระคำ “ส่วนสูง น้ำหนัก อายุ อก ข้อมือ สะโพก ขนาดของเจ้าโลก และข้อมูลการขลิบเพียงเล็กน้อยของเด็กที่ผ่านการขลิบมา”
“…”
ทันใดนั้นเองเทพมือระเบิดก็ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “ฉันมีไอเดีย บางทีพวกเราอาจจะต้องเริ่มที่โรงพยาบาลชายก่อน เราอาจจะพบประวัติการขลิบหรือประวัติอื่นของเด็กคนนั้น…ถ้าหากเราเข้าถึงประวัติเวชระเบียนได้เราก็จะรู้ถึงที่อยู่ของพวกเขา” [เวชระเบียนคือประวัติการรักษาของผู้ป่วยในโรงพยาบาลนะครับ…ผู้แปล]
“…” ‘ตามนั้นเลยพี่เล่ย’