ตอนที่ 158 เคล็ดลับของพลังแห่งการให้อภัย
การเขียนยันต์สมาธินั้นเป็นอะไรที่ยากมาก นอกจากกัวหาวที่บังเอิญทําสําเร็จ ทุก คนในห้องต่างไม่มีใครทําสําเร็จเลย แน่นอนว่าหวังลิ่งก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้นที่แกล้งทําเป็นไม่สําเร็จ
คนส่วนใหญ่ไม่สามารถทํามันสําเร็จ ดังนั้นเขาก็ไม่อยากที่จะทําตัวเด่นเขาจึงแกล้งทําเป็นไม่สําเร็จด้วย
ในความเป็นจริงแล้วการเขียนของหวังสิ่งนั้นดีกว่าอาจารย์ปานมาก แต่ยันต์สมาธินั้นแทบไม่มีประโยชน์อะไรกับเขา เมื่อมีบางสิ่งที่เลวร้ายเกิดขึ้น หนังตาเตือนภัยของเขาดูเหมือนจะรวดเร็วและแม่นยํายิ่งกว่า
โดยภาพรวมแล้วบทเรียนในคราวนี้ก็ดูจะมีประโยชน์และค่อนข้างดี (ถ้าไม่นับส่วนของกัวหาว)
กัวหาวนั้นบังเอิญเขียนยันต์สําเร็จ แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าไอเจ้าเห็ดหลินจือ (ดิลโด้) อันนั้นมันหมายถึงอะไร…
ทันใดนั้นเอง ภาพเห็ดหลินจือก็กลับค่อยๆตายและหายไปอย่างช้าๆ
กัวหาวหัวเราะเบาๆกลบเกลื่อน
อย่างไรก็ตามอาจารย์ปานก็เป็นถึงอาจารย์ชั้นแนวหน้าของโรงเรียนอันดับที่ 60 เธอสามารถเข้าใจความหมายถึงเห็ดหลินจือทันทีที่เห็น!
เธอจําได้ว่าเธอเคยเห็นกัวหาวเหม่อลอยบ่อยครั้งบางครั้งในระหว่างเดินดูแต่ละห้องเรียน เธอก็พบกัวหาวแอบงีบในห้องเรียน แน่นอนเลยว่าเป็นผลมาจากการใช้เห็นหลินจือ (ดิลโด้) บ่อยเกินไป!
แม้แต่ยันต์สมาธิยังบอกใบ้เรื่องนี้ ซึ่งช่วยยืนยันว่าเจ้าเห็ดหลินจือนั้นเป็นอันตรายต่อวัยรุ่นเป็นอย่างมาก อนาคตของชาติกําลังมัวเมาในของสิ่งนี้?!
ไม่มีอะไรสามารถกอบกู้สถานการณ์นี้ได้
อาจารย์ป่านเรียกพ่อแม่ของเขาเข้าพบด้วยเหตุเรื่องเห็ดหลินจือ
ซึ่งมันเป็นอะไรที่น่าอับอายต่อกัวหาวเป็นอย่างมาก
หลังจากจบวิชายันต์เต๋า กัวหาวก็ออกมาจากห้องทํางานของอาจารย์ปานและล้มฟุบลงไปบนโต๊ะ ด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้า
ในทํานองเดียวกันภายในใจเขากําลังร้องไห้ ‘จบกันเชื่อเสียงที่อุตส่าห์สั่งสมมา T^T’
เซ็นเฉาเดินมาเอามือวางบนไหล่หวังจะปลอบใจ “ในฐานะเพื่อน พวกเราเข้าใจนายไม่เห็นจะต้องกังวลใจอะไรไปเลย! ห้องเราเป็นห้องที่ดี ไม่มีใครเอาเรื่องของนายไปบอกเด็กห้องอื่นหรอก!”
“อย่างน้อยมันก็จบลงด้วยดีนะ” เสี่ยวหัวเฉิงพูดปลอบใจ
น้ําตาเริ่มคลอเบ้าในดวงตาของก๊วหาว “มันจบลงด้วยดีตรงไหน…พ่อแม่ฉันถูกเรียกพบเนี่ย!”
เสี่ยวหัวเฉิง: “เมื่อฉันเอาการบ้านไปส่งที่ห้องอาจารย์กลับมา ฉันได้ยินเหล่าอาจารย์พูดเกี่ยวกับพ่อของนาย…”
กัวหาว: “พ่อของฉัน?”
เสี่ยวหัวเฉิง: “พวกอาจารย์กําลังถกเถียงกันว่าพ่อของนายเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกันหรือเปล่า”
กัวหาว “….”
……………………………….
ช่วงเที่ยงของวันนี้ที่โรงเรียนอันดับที่60 บรรยากาศภายในห้องเรียนนั้นค่อนข้างดู อึมครึมเล็กน้อย ซึ่งทําให้สองคนแปลกหน้าจากต่างโรงเรียน เหอบู่ฟงและถังจิงเสอรู้สึกทําตัวไม่ถูก พวกเขาไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
หลังจากสอบถามเพื่อนร่วมห้องชั่วคราวของเขา เขาก็ทราบว่าคุณแม่จวนกําลังจะมาส่งอาหารเที่ยงให้
ทุกครั้งที่เหล่านักเรียนนึกถึงข้าวกล่องจากศาสตร์มืดของเธอ…พวกเขารู้สึกกลัว
“ไม่ใช่ว่าคุณแม่จวนจะทําข้าวกล่องแค่วันศุกร์หรือยังไง? ทําไมวันนี้ด้วย…” เซ็นเฉาถามขึ้น
“คุณแม่จวนได้ยินว่า มีนักเรียนจากโรงเรียนอันดับที่ 59มาเข้าเรียนที่โรงเรียนของเรา เธอจึงตัดสินใจทําข้าวกล่องเร็วขึ้น และอีกประเดี๋ยวเธอจะนําชุดอาหารมาเสิร์ฟให้ที่นี่ ” เสี่ยวหัวเฉิงตอบด้วยน้ําเสียงอ่อนแรง
เมื่อได้ยินดังนี้ เหอบู่ฟงและถังจิงเสอรู้สึกดีใจ..
พวกเขาได้ยินข่าวลือมานานว่าโรงเรียนอันดับที่60นั้นมีบริการที่ยอดเยี่ยม เห็นได้ชัดจากแม่ครัวคนนี้! ไม่ใช่เพียงแค่เธอทําข้าวกล่องสุดพิเศษด้วยตัวของเธอเอง เธอยังนํามันมาส่งถึงห้องเรียนอีกด้วย!
กลับกัน โรงเรียนอันดับที่ 59ของพวกเขานั้นแทบจะตรงกันข้าม!
เหอบู่ฟงและถังจึงเสอรู้สึกละอายใจ
หวังลิ่ง “ … ”
“เจ้าสองคนนี้ยังไม่รู้ว่าพวกเขากําลังจะเจอกับปัญหาอะไร
หวังลิ่งที่ไม่ได้ขัดที่ว่า คุณแม่จวนนั้นเป็นบุคคลที่พิเศษในโลกแห่งวงการอาหาร
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกว่าประวัติของเธอนั้นอาจจะไม่ธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้น เธอมีลูกศิษย์อยู่แทบทุกแห่ง เขาได้มีโอกาสพบเจอเงาของคุณแม่จวนในหลายๆที่ และอันที่เขาเจอมากที่สุดก็คือมันฝรั่งหนอนไหม หลายคนประทับใจในอาหารจานพิเศษจานนี้ อาหารจานนี้เป็นอาหารที่ได้รับความนิยมสูงสุดหลังจากที่เธอหันหลังให้กับโลกด้านสว่าง
คราวก่อนนิตยสารดาวเด่นของโรงเรียน มีบทความหนึ่งที่เกี่ยวกับคุณแม่จวนและเคล็ดลับการทํามันฝรั่งหนอนไหม นั่นก็คือ ห้ามทอดมันฝรั่งให้สุกรวดเดียวทั้งหมด! เมื่อมันสุกครึ่งนึงแล้วรีบเปลี่ยนไปทอดในอีกกระทะนึ่ง!
ขณะนี้ใกล้จะเที่ยงตรงแล้ว ท่ามกลางความเงียบของปีหนึ่งห้องสาม ก็มีเสียงล้อรถเข็นจากทางเดินทําลายความเงียบลง
คุณแม่จวนมาถึงแล้ว
เธอเปิดประตูเข้ามา วันนี้คุณแม่จวนสวมผ้ากันเปื้อนสีเหลืองและชุดแม่ครัวสีขาว เมื่อเธอยิ้มเผยให้เห็นรอยตีนกาที่บริเวณขอบตา “ฉันขอโทษที่ทําให้พวกเธอทุกคนรอนาน เอาหล่ะถึงเวลารับประทานอาหารแล้ว!”
เมื่อเธอพูดจบก็เกิดแสงเรืองขึ้นมาบนมือของเธอส่องออกไปในทุกทิศทาง และข้าวกล่องซึ่งวางอยู่บนรถเข็นของเธอทั้งหมดได้หายไป ส่งถึงมือของนักเรียนทุกคนในห้อง
เธอยกมือขึ้นเท้าสะเอว “วันนี้ฉันได้ทําข้าวกล่องสุดแสนจะพิเศษ เพื่อเป็นการต้อนรับนักเรียนจากโรงเรียนอันดับที่59 ดังนั้นเมนูในวันนี้จึงมีความแตกต่าง!” เธอรู้ว่าสถานการณ์ของทั้งสองโรงเรียนนั้นค่อนข้างตึงเครียด เธอจึงได้ใช้มันสมองทั้งหมดคิดค้นอาหารนี้ขึ้นมา
ยกเว้นเหอบู่ฟงและถังจิงเสอ ทุกคนที่เหลือต่างหายใจไม่ทั่วท้องก็แย่แล้ว! แม้แต่ มันฝรั่งหนอนไหมก็ไม่ใช่งนเรอะ! พวกเราไม่น่าจะรอดแน่นอน!
ทุกคนกลั้นหายใจและเปิดกล่องตรงหน้า
เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นพริกหยวกสีเขียวผัดกับเห็ดซึ่งยังส่งไอความร้อนออกมาอยู่เลย แต่อย่างไรก็ตามเห็ดมันดูรูปร่างแปลกๆ รูปร่างมันเหมือนม้าแคระ เซ็นเฉาตักเห็ดขึ้นมากิน และเมื่อรสชาติของเห็ดได้สัมผัสเข้ากับลิ้นของเขา เขาแทบจะถามกลับไปในทันที “คุณแม่จวน นี่มันคืออะไร”
คุณแม่ชวนจึงตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว “มันเป็นเห็ดพิเศษซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหาร เขากวาง และสลัดแมงกะพรุน”
“ใช่ครับ” เซ็นเฉาพยักหน้า
คุณแม่ชวนอธิบายช้าๆ “มันเรียกว่าแมงกะพรุนสน และอาศัยอยู่บนต้นสนทะเล! ฉันอุตส่าห์ไปที่ทะเลน้ําแข็งและกระโดดลงไปจับมันมาเองกับมือ ดังนั้นมันจึงสดมาก ถ้าพวกเธอกินมันกับเขากกวาง มันจะให้พลังการให้อภัยแก่พวกเธอ ฉันหวังว่าทุกคนจะอาศัยอยู่ในโลกเดียวกันได้อย่างสงบสุข”
เสี่ยวหัวเฉิง: “แล้วซุปหล่ะครับ…”
คุณแม่จวนะ “หืมนั่นมันก็แค่ซุปลิลลี่ ฉันเรียกมันว่าซุบไป๋ ไป่เหอ (นักแสดงหญิงชาวจีนที่ได้รับค่าจ้างสูงสุดในจีน)”
“…”