Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ – ตอนที่ 472

ตอนที่ 472

ในโลกใต้พิภพ พวกดาร์คเอลฟ์ถือเป็นเผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่ แต่เมื่อพวกเขาขึ้นมาบนพื้นดินของอาณาจักรแห่งความลึกล้ำ พวกเขาจะกลายเป็นเหยื่อของเผ่าพันธุ์มนุษย์ไปในทันที

ทั้งความงดงามของดาร์คเอลฟ์หญิง และความเชี่ยวชาญในการใช้อาวุธวิเศษของดาร์คเอลฟ์ชาย ช่างเย้ายวนใจต่อพวกมนุษย์ยิ่งนัก ในอาณาจักรแห่งความลึกล้ำไม่เคยขาดแคลนนักล่าที่เชี่ยวชาญในการจับเผ่าเอลฟ์ โดยเฉพาะดาร์คเอลฟ์หญิง ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของเหล่าขุนนาง

ดาร์คเอลฟ์หญิงที่งดงามผู้นี้มีนามว่า โครลีย์ ยังคงไว้ซึ่งพรหมจรรย์ทั้ง ๆ ที่อยู่ท่ามกลางเหล่าดาร์คเอลฟ์ที่มักจะฝักใฝ่ในกามโดยธรรมชาติ หานซั่วจึงรู้สึกสนใจเธอเป็นอย่างมาก ทันทีที่พวกเขาออกมาจากโลกใต้พิภพ หานซั่วก็เอ่ยปากถาม

“โครลีย์ ทำไมเชียลันและคนอื่น ๆ ถึงได้อยากมอบเจ้าเป็นของขวัญให้ข้านักล่ะ? พวกนั้นข่มขู่เจ้ารึเปล่า?”

โครลีย์ตกใจ ก่อนจะคุกเข่าลงต่อหน้าหานซั่ว และพูดขึ้น

“นายท่าน ท่านมีบุญคุณต่อพวกเราชาวดาร์คเอลฟ์ เป็นเกียรติของข้าแล้วที่ได้รับใช้ท่านค่ะ”

หานซั่วทำไม้ทำมือและไม่ได้ถามต่อ แต่อย่างไรก็ตาม ตลอดการเดินทาง เขาก็ยังไม่หายข้องใจ แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าเขารู้จักโครลีย์ แต่หลังจากใช้เวลาไตร่ตรองอย่างดี เขาก็แน่ใจว่าเขายังไม่เคยพบเธอมาก่อน

“ไบรอัน ข้าอยากจะขอคุยอะไรกับท่านตามลำพังสักหน่อย”

หลังจากที่เดินออกมาจากโลกใต้พิภพ หัวหน้าเผ่ามังกรดำกิลเกสก็พูดขึ้น

หานซั่วนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับโครลีย์

** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **

“เจ้าออกไปสักเดี๋ยวนะ”

โครลีย์เหลือบมองไปยังกิลเกสครั้งหนึ่ง และตอบด้วยความเคารพ

“ค่ะ”

และผละไปจากคนทั้งสอง หลังจากโครลีย์จากไป กิลเบิร์ตก็วางกรงที่ขังปู่ของเขาลง หลังจากที่จ้องมองไปยังโครลีย์ที่อยู่ห่างออกไป กิลเกสก็ขมวดคิ้วและพูดขึ้น

“ไบรอัน ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับแม่สาวดาร์คเอลฟ์คนนี้ ข้าได้กลิ่นที่คุ้นเคยจากร่างของเธอ”

เมื่อกิลเกสพูดเช่นนั้น หานซั่วก็อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ

“ท่านก็รู้สึกเหมือนกันเหรอ?”

“ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ข้ารู้สึกว่าตอนที่เรายังอยู่ในอุโมงค์ แม่สาวดาร์คเอลฟ์คนนี้แอบมองข้าอยู่ตลอด ราวกับว่าเธอต้องการจะทำร้ายข้าอย่างนั้นแหละ”

กิลเกสพูดด้วยเสียงแผ่วเบาพร้อมกับคิ้วที่ยังขมวดแน่น แต่แล้วเขาก็มีท่าทีเก้อเขินและยอมรับขึ้นมา

“แต่บางที อาจจะเป็นเพราะข้าแก่แล้ว ก็เลยคิดมากไปเองก็ได้”

อย่างไรก็ตาม หานซั่วไม่ได้คิดเช่นนั้น เพราะยิ่งคนเราแก่ตัวลงมากเท่าใด ก็จะยิ่งช่างสังเกตมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งหานซั่วเองก็รู้สึกได้ว่าเธอมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล และตอนนี้กิลเกสก็มาเตือนเขาอีก เขาจึงเริ่มตื่นตัว

เมื่อมองไปยังดาร์คเอลฟ์สาวผู้มีรูปร่างเพรียวบางและสง่างามที่ยืนอยู่ไกล ๆ หานซั่วก็ปลดปล่อยจิตของเขาออกไปอย่างระมัดระวังเพื่อที่จะสัมผัสถึงออร่าของโครลีย์อย่างช้า ๆ และพบว่าไร้ซึ่งสัมผัสหื่นกระหายที่ดาร์คเอลฟ์สาวมักจะมีอยู่ในตัว

อย่างไรก็ตาม ทั้ง ๆ ที่สัมผัสแล้วด้วยจิต แต่หานซั่วก็ยังรู้สึกว่าโครลีย์มีบางอย่างผิดปกติไปจริง ๆ อาจจะเป็นออร่าของเธอที่มีความแตกต่างจากดาร์คเอลฟ์ธรรมดาทั่วไปอย่างมากซึ่งทำให้หานซั่วได้แต่สงสัย เพราะหากเขาหลับตาลง และใช้สัมผัสที่เขามี หานซั่วต้องไม่คิดว่าเธอเป็นดาร์คเอลฟ์อย่างแน่นอน

ขณะที่หานซั่วกำลังสำรวจโครลีย์ด้วยจิตของเขาอย่างช้า ๆ หัวหน้าเผ่ามังกรดำกิลเกสก็พึมพำกับตัวเอง

“น่าฉงนจริง ๆ แม้ว่าข้าจะอยู่มานานในโลกใต้พิภพแห่งนี้ แต่ข้าก็ไม่ได้ติดต่อกับพวกดาร์คเอลฟ์มากนักหรอก มีแต่อเดลเพียงคนเดียวที่เราเคยกักขังเอาไว้ และพอจะถือได้ว่าเธอใช้เวลาร่วมกับพวกเรามานาน แล้วทำไมข้าถึงรู้สึกได้ถึงสัมผัสที่คุ้นเคยจากแม่สาวคนนี้เหลือเกินนะ?”

“ท่านปู่ ท่านต้องเข้าใจผิดแน่ ๆ ข้าเองก็รู้จักกับอเดล เธอน่ะสำส่อนจะตาย ท่านมองปราดเดียวก็บอกได้เลยว่าเธอน่ะแพศยาขนาดไหน แต่กับโครลีย์คนนี้ ยังไงซะ ข้ากลับรู้สึกถึงแต่ความบริสุทธิ์และสะอาด ถ้าไม่ใช่เพราะรูปลักษณ์ที่เป็นดาร์คเอลฟ์ ข้าคงคิดว่าเธอเป็นเอลฟ์ป่าแน่ ๆ”

กิลเบิร์ตพูดแทรกขึ้นมา

หานซั่วสะดุ้งเฮือก ดวงตาของเขาเป็นประกายขณะมองไปยังโครลีย์ที่อยู่ห่างออกไป ด้วยท่าทีครุ่นคิด

“เอาล่ะ เลิกถกกันเรื่องนี้เถอะ”

หานซั่วโพล่งขึ้นมา และโบกมือเรียกโครลีย์ที่ยืนนิ่ง ๆ อยู่ไกลออกไป เมื่อเธอกลับมาถึง เขาก็ยิ้มและพูดขึ้น

“พวกเรามีธุระที่ต้องจัดการ และคงไม่เหมาะเท่าไหร่ถ้าจะพาเจ้าไปด้วย เอ้า รับตราสัญลักษณ์นี่ไป และเดินทางไปที่นครเบรทเทล ด้วยสิ่งนี้ จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าขณะที่เจ้าอยู่ในจักรวรรดิแลนสล็อต”

“แต่นายท่านคะ ข้าไม่รู้ทางในป่าทมิฬเลย แล้วถ้าเกิดมีใครจับตัวข้าไปล่ะ?”

โครลีย์มองหานซั่วอย่างเหนียมอาย ราวกับว่าเธอกำลังตื่นกลัวจับใจ

“จากตรงนี้ แค่มุ่งหน้าไปทางเหนือเพียงอย่างเดียว แล้วหลังจากนี้อีก 2 วัน เจ้าก็จะไปถึงหุบเขาแสงตะวัน ถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ก็เอาตราสัญลักษณ์อันนี้ไปให้ทรังคส์ และบอกเขาว่าเจ้าเป็นคนรับใช้ของข้า ต่อให้เจ้าเป็นดาร์คเอลฟ์ ก็ไม่ต้องห่วงชีวิตเจ้าหรอกถึงจะถูกจับได้ก็ตาม ด้วยตราฯ นี้ เพื่อนของข้าจะปล่อยเจ้าไป และศัตรูของข้าจะไว้ชีวิตเจ้าเพื่อต่อรองกับข้า สรุปสั้น ๆ เลยนะ เจ้าไม่ตายหรอก ทำใจให้สบายเถอะ”

หานซั่วให้คำมั่นกับเธอ

** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **

หลังจากที่หานซั่วได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมาร์ควิส เขาก็ได้รับชุดตราสัญลักษณ์ประจำตนซึ่งแสดงถึงบรรดาศักดิ์แห่งขุนนาง และตราฯ นี้ มีการสลักสัญลักษณ์อันวิจิตรงดงามเอาไว้ ซึ่งเป็นเครื่องหมายแสดงตนสำหรับหานซั่วโดยเฉพาะ อีกทั้งยังมีตราเวทมนตร์ประทับไว้ด้วย ซึ่งคนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถทำขึ้นมาได้ และแน่นอนว่าพวกที่ทำได้ก็คงไม่ทำอะไรสิ้นคิดเช่นนั้น

โครลีย์มองไปยังหานซั่วด้วยความสงสัย แม้ว่าภายนอกหานซั่วจะดูสุภาพและเป็นมิตร แต่มารยาทในการพูดจาของเขาค่อยข้างแข็งกระด้าง เธอตระหนักดีว่าในฐานะคนรับใช้ เธอไม่มีสิทธิ์ต่อรองใด ๆ ทั้งสิ้น แม้ว่าหานซั่วจะสังหารเธอ ก็เป็นชะตาของเธอที่ต้องจำยอม ดังนั้น โครลีย์ที่ฉลาดพอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรจึงต้องรับตรานั้นมา และตอบกลับไปอย่างอ่อนแรง

“ค่ะ นายท่าน ข้ารับใช้ที่นอบน้อมของท่านผู้นี้หวังว่าจะมีโอกาสได้พบท่านอีกครั้ง”

“ก็ต้องแน่อยู่แล้วสิ!”

หานซั่วรับปาก

หลังจากที่โครลีย์จากไปแล้ว หานซั่วก็หัวเราะอย่างชั่วร้าย

“อยากจะเล่นลูกไม้นี้กับข้างั้นรึ? เจ้าพวกดาร์คเอลฟ์นั่นรนหาที่ตายซะแล้ว!”

“ไบรอัน หมายความว่ายังไงรึ?”

หัวหน้าเผ่ามังกรดำกิลเกสซึ่งดูออกแต่แรกว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น และตอนนี้เขาก็อดที่จะถามออกมาไม่ได้

“ในตัวของโครลีย์น่ะ ข้าสัมผัสได้ถึงออร่าของเทพีโรสที่พวกดาร์คเอลฟ์เคารพบูชากัน ย้อนกลับไปหนก่อน ข้าเกือบจะถูกลอบฆ่า ซึ่งข้าคิดว่าจะต้องเป็นฝีมือของเทพีโรสแน่ ๆ ดูเหมือนว่าโครลีย์ก็คิดจะปองร้ายข้าเหมือนกัน”

หานซั่วอธิบายกับกิลเกสด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

กิลเกสตกใจกับประสบการณ์อันขมขื่นของหานซั่ว แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรไปมากกว่านั้น เขาตระหนักดีว่าหากหานซั่วไม่พูดเอง ก็คงจะไม่เหมาะหากเขาจะตั้งคำถาม

“ไปกันเถอะ”

หานซั่วบอกกับกิลเบิร์ตและมุ่งหน้าต่อไปยังสุสานแห่งความตาย

แต่ในที่สุดแล้ว เมื่อเขาชั่งใจอย่างถี่ถ้วน หานซั่วก็ไม่ได้พาพวกมังกรดำไปยังสุสานแห่งความตาย แม้ว่าเขาจะเชื่อมั่นในผู้นำเผ่ามังกรดำกิลเกส แต่ไม่ได้มีมังกรดำแค่ตัวเดียวอยู่ภายในกรง หานซั่วไม่สามารถมั่นใจได้ว่าในอนาคต จะไม่มีใครเลยที่คิดแพร่งพรายเรื่องที่ตั้งของสุสานแห่งความตายนี้ออกไป

แม้ว่าสุสานแห่งความตายจะถูกปกคลุมไปด้วยเขตแดนเวทมนตร์อันทรงพลัง และไม่มีทางจะเปิดมันได้โดยปราศจากคทาหัวกะโหลก แต่ก็ไม่มีอะไรแน่นอน หานซั่วไม่เชื่อว่าเขตแดนเวทมนตร์ในสุสานแห่งความตายจะแข็งแกร่งขนาดนั้น มิเช่นนั้นแล้ว พวกนักเวทย์ชั่วร้ายที่มาศึกษาค้นคว้าที่นั่นเมื่อหลายปีก่อน คงไม่ทุกข์ทรมานกับความสูญเสียครั้งใหญ่จากการถูกล้อมและทำลายล้างเมื่อครั้งอดีต

ดังนั้น หานซั่วจึงไม่ได้พาเผ่ามังกรดำทั้งเผ่าไปยังสุสานแห่งความตาย แต่พาพวกเขาไปไว้ที่หมู่บ้านโทรลล์ป่าแทน และกลับไปยังสุสานแห่งความตายเพียงลำพัง

หลายปีก่อนหน้านี้ พวกโทรลล์ป่าอยู่ภายใต้การดูแลของมังกรดำกิลเบิร์ต พวกโทรลล์ป่าจึงนับถือกิลเบิร์ตและหานซั่วในฐานะผู้นำสารของเทพดาทาร่าของพวกมัน

หุบเขาแสงตะวันอยู่ไม่ไกลจากป่าทมิฬนัก เมื่อครั้งที่ทรังคส์ยังคงต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในหุบเขาแสงตะวัน เขาก็ได้ใช้ประโยชน์จากกองกำลังของพวกโทรลล์ป่าผ่านทางกิลเบิร์ต ซึ่งหลังจากเหตุการณ์นั้นเป็นต้นมา พวกโทรลล์ป่าและทรังคส์ก็เป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน และถึงกับมีโทรลล์ป่าบางกลุ่มที่อพยพออกมาอาศัยอยู่บริเวณหุบเขาที่ตั้งอยู่รอบ ๆ หุบเขาแสงตะวัน เพื่อที่จะร่วมมือกับทรังคส์ได้สะดวกมากขึ้น

และหลังจากที่กุมอำนาจในหุบเขาแสงตะวันได้ กองกำลังทหารรับจ้างของทรังคส์ก็ร่ำรวยขึ้นและมีอำนาจมากขึ้นทุกวัน สำหรับจุดประสงค์เรื่องการแก้แค้น ทรังคส์กลับทุ่มเทความพยายามทั้งหมดของเขาเพื่อฝึกฝนให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้นมากกว่า ซึ่งเมื่อมีหานซั่วคอยหนุนหลัง ทรังคส์ก็สร้างสัมพันธ์ทางการค้าที่ดีระหว่างเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ในโลกใต้พิภพ รวมทั้งพวกดาร์คเอลฟ์และมนุษย์กิ้งก่าด้วยเช่นกัน

ตลอดการติดต่อธุรกิจกับโลกใต้พิภพหลายปีมานี้ ทรังคส์ได้กำไรอย่างงดงาม และด้วยคำแนะนำของหานซั่ว ทรังคส์กลายเป็นเพื่อนซี้คนที่ 2 ของเหล่าคนแคระ โดยการนำอาหารและข้าวของเครื่องใช้ไปให้พวกเขา ส่วนทรังคส์ก็ได้อาวุธคุณภาพดีจำนวนมากจากพวกคนแคระเป็นสิ่งตอบแทน

ด้วยความช่วยเหลือจากกิลเบิร์ต ความร่วมมือระหว่างพวกโทรลล์ป่าและหุบเขาแสงตะวันก็ใกล้ชิดกันมากขึ้น ทรังคส์มอบอาวุธ ชุดเกราะ และอาหาร แก่พวกโทรลล์ป่า และด้วยเครือข่ายข่าวกรองที่แข็งแกร่งที่เขามีอยู่รอบ ๆ หุบเขาแสงตะวัน ทรังคส์ยังมอบเส้นทางคาราวานขนส่งสินค้าที่พวกคิดคดทรยศต่อเขาให้กับพวกโทรลล์ป่าเพื่อให้พวกนั้นฉวยปล้นสะดมอีกด้วย

หลังจากที่ผ่านการทรมานอันโหดร้ายผิดมนุษย์มาแล้ว ทรังคส์ซึ่งไม่ใช่คนใจดีมีเมตตาอยู่แล้ว ก็กลับกลายเป็นคนโหดเหี้ยมและมุ่งมั่นมากกว่าเดิม ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ด้วยความช่วยเหลือของหานซั่ว นครเบรทเทล ฟีบี้ เอมิลี่ และคนอื่น ๆ ทรังคส์ก็สามารถครอบครองอำนาจในหุบเขาแสงตะวันมาไว้ในมือได้สำเร็จ

การร่วมมือกันของกองกำลังทหารรับจ้างพิฆาตวิญญาณ โทรลล์ป่า คนแคระ มนุษย์กิ้งก่า แม้แต่กองโจรของเจเน็ต ทรังคส์ และหุบเขาแสงตะวันอันเป็นสุดเขตแดนของป่าทมิฬเป็นศูนย์กลาง ได้กลายเป็นกลุ่มมหาอำนาจที่ไม่มีใครในจักรวรรดิใดกล้าสบประมาทอีกต่อไป

****************************

Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ

Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ

Status: Ongoing

“ถ้าเรายังไม่ตาย… ขอสาบานว่าจะทำเรื่องชั่วร้ายทุกอย่างที่เรานึกออก…”

นี่ไม่ใช่ความคิดวูบสุดท้ายของคนทั่วไปที่มักจะผุดขึ้นมาก่อนตาย ชายหนุ่มผู้ขี้ขลาดตาขาวจะทำอย่างไร หากเขาได้จุติใหม่อีกครั้งพร้อมกับพลังปีศาจที่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเขาเองไปตลอดกาล ความดีในตัวเขาจะมีชัยเหนือความชั่วร้ายนั้นหรือไม่? เขาจะกลายเป็นราชันย์ปีศาจผู้เลือดเย็นในตำนาน หรือจะเลือกทางเดินของตัวเองพร้อมซัดสาดความน่าสะพรึงกลัวใส่ทุกอย่างที่ขวางหน้า !?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท