Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ – ตอนที่ 482

ตอนที่ 482

เมื่อน้ำแข็งสวรรค์โครีย์และคนอื่น ๆ เมินเฉยต่อหานซั่ว และคิดจะหันไปเล่นงานเจ้าผีดิบธาตุน้ำชั้นยอดแทน จู่ ๆ หานซั่วที่เพิ่งหลบหายเข้าไปในกำแพงหินด้วยพลังของเจ้าผีดิบธาตุโลหะชั้นยอด ก็พุ่งออกมาราวกับดาบที่แหลมคม

“ระวัง!”

ครั้งนี้ เป็นน้ำแข็งสวรรค์โครีย์เองที่ร้องตะโกนออกมา

นักเวทย์ 2 คนที่ยืนอยู่บนแท่นเหนือเทพีน้ำแข็งรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดที่ลอยมาเตะจมูกทันที เมื่อหมอกสีเลือดที่ส่งกลิ่นน่าคลื่นเหียนแผ่ออกมาห่อหุ้มร่างของหานซั่วไว้

เมื่อรู้ว่าในที่สุด น้ำแข็งสวรรค์โครีย์ก็ถูกเตือนสติจนมองสถานการณ์ออกจนได้ หานซั่วจึงรู้ว่ากลลวง ‘ทุบแล้วชิ่ง’ ของเขาเปล่าประโยชน์เสียแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังอยากถ่วงเวลาให้กับเจ้าผีดิบธาตุน้ำชั้นยอดเพื่อให้ได้ดูดกลืนพลังมากกว่านี้ จึงตั้งใจว่าจะขัดขวางพวกเขาให้ได้ แม้ว่าต้องเสี่ยงกับการบาดเจ็บอย่างหนักก็ตาม

ในบรรดาคนกลุ่มนี้ นักเวทย์ 2 คนที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนแท่นคือพวกที่อ่อนแอที่สุด แต่กลับสามารถคุกคามหานซั่วได้มากที่สุดเช่นกัน ตอนนี้ เมื่อหานซั่วตัดสินใจแล้วว่าจะเผชิญหน้ากับพวกเขาตรง ๆ เป้าหมายเดียวที่เขาสามารถสังหารได้ทันทีและใช้เวลาน้อยที่สุด จึงไม่ใช่ใครนอกจากนักเวทย์ 2 คนนั้น

เช่นนั้นแล้ว หานซั่วจึงไม่ลังเลอีกต่อไป เขารีบพุ่งออกมาจากกำแพงหินทันที พร้อมกับแสดงออกอย่างชัดเจนจนแม้แต่น้ำแข็งสวรรค์โครีย์ก็รู้ว่าเขาวางแผนจะทำอะไร ก่อนจะรีบล้มเลิกความคิดที่จะจัดการกับเจ้าผีดิบธาตุน้ำชั้นยอดชั่วคราว

แต่อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ น้ำแข็งสวรรค์โครีย์ก็ไม่ได้สนใจหานซั่วแต่อย่างใด หลังจากที่ถูกเตือนสติ เขาก็พุ่งไปยังรูปสลักเทพีน้ำแข็งอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าเขาได้ตื่นจากอาการคุ้มคลั่งของตนเอง และรู้ว่าการมีตัวตนของเทพนั้นสำคัญยิ่งกว่าการช่วยชีวิตจอมขมังเวทย์ศักดิ์สิทธิ์เพียง 2 คน

สิ่งนี้ตรงข้ามกับความคาดหมายของหานซั่วอย่างสิ้นเชิง เมื่อนักเวทย์ 2 คนต่างหนีหัวซุกหัวซุนออกไปด้วยความหวาดกลัว หานซั่วก็เลิกตามทั้งคู่ไป ร่างของเขาลอยคว้างอยู่กลางอากาศเปลี่ยนทิศทางทันที ก่อนจะพุ่งตรงมายังน้ำแข็งโครีย์และพวกพร้อมกับไอหมอกสีเลือดที่ก่อร่างขึ้นมาจากจิตสังหารอันโหดเหี้ยมอำมหิต

ในเมื่อสถานการณ์กลับกลายเป็นเช่นนี้ หานซั่วจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเข้าปะทะ เขาไม่สามารถใช้กลลวงทุบแล้วชิ่ง และหลบอยู่หลังกำแพงหินได้อีกต่อไปแล้ว

** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **

เมื่อโครีย์เงยหน้าขึ้นและเห็นไอหมอกสีเลือดพุ่งลงมาจากด้านบน เขาก็รู้ทันทีว่าหมอกนั้นเต็มไปด้วยพลังงานที่สามารถทำลายสิ้นทุกสิ่งอย่าง ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะรีบฟาดฟันดาบไปยังหมอกสีเลือดนั้นและร้องออกมา

“ระเบิดเยือกแข็ง!”

ราวกับว่าคาดการณ์ไว้ก่อนแล้ว ทันทีที่เสียงร้องตะโกน ‘ระเบิดเยือกแข็ง’ ของน้ำแข็งสวรรค์ดังลั่นขึ้น แสงเยือกเย็นก็ระเบิดออกมาอย่างงดงามตระการตาต่อหน้าจอมดาบศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 คนที่อยู่ข้าง ๆ ซึ่งพวกเขาก็ชักดาบออกมาเพื่อเผชิญหน้ากับหมอกสีเลือดนั้นด้วยเช่นกัน แล้วทั้ง 5 คน รวมทั้งน้ำแข็งสวรรค์โครีย์ ก็ปลดปล่อยออร่าต่อสู้และพลังศักดิ์สิทธิ์อันเป็นพรจากเทพีน้ำแข็งออกมารับการปะทะของไอหมอกสีเลือด

พลังทั้งห้าผสานกลมกลืนกันอยู่ภายในไอหมอก และก่อให้เกิดแรงระเบิดของน้ำแข็งที่น่าสะพรึงกลัวขึ้น ระเบิดน้ำแข็งที่ก็เกิดจากพลังของทั้ง 5 คนนั้นทรงพลังและรุนแรงมากทีเดียว และครอบคลุมไอหมอกสีเลือดไว้ได้ทั้งหมด ซึ่งตอนนั้นก็สายเกินกว่าที่หานซั่วจะหลบได้ทัน เขาจึงได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจากระเบิดน้ำแข็งนั้นทันที

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ …”

โครีย์ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความพอใจสุดขีด

‘ระเบิดเยือกแข็ง’ คือไม้ตายก้นหีบของอารามแห่งน้ำแข็ง มันคือการผสมผสานของพลังศักดิ์สิทธิ์อันเป็นพรของเทพีน้ำแข็งและออร่าต่อสู้เข้าด้วยกัน ซึ่งยิ่งรวมพลังกันได้มากมายเท่าใด มันก็จะยิ่งสามารถก่อให้เกิดระเบิดน้ำแข็งที่รุนแรงและกินพื้นที่กว้างขึ้นเท่านั้น ซึ่งความน่ากลัวของมันก็คือลิ่มน้ำแข็งมากมายที่ระเบิดออกมาอย่างรุนแรงจนมิอาจหยุดยั้งได้

หลังจากที่ต้องพ่ายแพ้มาหลายครา ในที่สุด น้ำแข็งสวรรค์โครีย์ก็สามารถกู้ชื่อเสียงให้กับตนเองด้วยการใช้เคล็ดวิชาลับนี้ เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกสะใจมากทีเดียว

“เจ้าผู้ใช้ความตายโสโครก ข้าอยากเห็นจริง ๆ ว่าคราวนี้เจ้าจะหนีรอดได้อีกรึเปล่า!”

น้ำแข็งสวรรค์โครีย์เย้ยหยันขณะจ้องมองไปยังหมอกสีเลือดที่ค่อย ๆ จางลงไปอย่างไม่วางตา พร้อมกับจอมดาบศักดิ์สิทธิ์อีก 4 คนที่ยืนอยู่ข้างกายเขา

ระเบิดเยือกแข็งนั้นทำให้จิตสังหารที่อยู่ภายในหมอกค่อย ๆ จางหายไปด้วย แล้วร่างกายของหานซั่วก็ค่อย ๆ เผยให้เห็นอีกครั้ง

สิ่งที่พวกเขาเห็น คือร่างกายสะบักสะบอมของหานซั่วที่เต็มไปด้วยรูพรุนนับพัน ราวกับว่าเขาถูกลูกธนูที่มองไม่เห็นทั้งเล็กและใหญ่นับพัน ๆ ดอกเสียบทะลุร่าง หน้าอกของเขามีแผลเหวอะเป็นรูใหญ่ เผยให้เห็นอวัยวะภายในอย่างชัดเจน

สภาพของหานซั่วในตอนนี้นั้นไม่น่ามองยิ่งกว่าวิญญาณของผีร้ายที่น่าเกลียดน่ากลัวที่สุดเสียอีก ไม่มีผิวหนังบริเวณใดที่อยู่ในสภาพที่ดีอีกต่อไปแล้ว ผลจากระเบิดเยือกแข็งทิ้งไว้เพียงร่างกายที่อยู่ในสภาพสาหัสสากรรจ์ที่สุดที่เท่าที่มันเคยเป็นมา

หานซั่วได้รับบาดเจ็บอย่างหนักเพราะ ‘ระเบิดเยือกแข็ง’ อย่างไม่ต้องสงสัย เคล็ดวิชาลับของอารามแห่งน้ำแข็งนี้ถูกปลดปล่อยออกมาจากการรวมพลังของผู้ที่เป็นถึงครึ่งเทพและจอมดาบศักดิ์สิทธิ์ถึง 4 คน จึงไม่แปลกที่หานซั่วจะตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่เช่นนี้!

ทันใดนั้น ร่างกายของหานซั่วก็เผยออกมาให้เห็นเต็ม ๆ ตา แล้วน้ำแข็งสวรรค์โครีย์ที่หัวเราะร่า จู่ ๆ ก็เงียบเสียงลงอย่างกะทันหัน สิ่งที่ปรากฏขึ้นแทนบนสีหน้าของเขาคือความตระหนกตกใจ ขณะที่เขาจ้องมองไปยังร่างกายอันแหลกเหลวของหานซั่ว

ทั้ง ๆ ที่ร่างกายของหานซั่วเต็มไปด้วยรูพรุน และเหวอะหวะจนอวัยวะภายในเผยให้เห็นชัดเจน แต่ถึงกระนั้น กลับไม่มีเลือดไหลออกมาจากบาดแผลเหล่านั้นเลยแม้แต่หยดเดียว!

แต่สิ่งที่เกินจินตนาการสำหรับโครีย์ยิ่งกว่านั้น คือร่างอันยับเยินของหานซั่วที่ค่อย ๆ แกว่งไปมาอย่างช้า ๆ บาดแผลบนร่างกลับกำลังสมานตัวเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็วจนสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า

ภาพที่เห็นนั้นช่างเหนือจริงเหลือเกิน!

ไม่ว่าใครที่ได้มาเห็นปรากฏการณ์อันแปลกประหลาดเหนือธรรมชาติเช่นนี้ ก็ล้วนแล้วแต่ต้องตกตะลึงเฉกเช่นเดียวกับน้ำแข็งสวรรค์โครีย์และคนของเขา ที่ได้แต่ตัวแข็งทื่อไปเพราะความงุนงงจนทำอะไรไม่ถูก

ความรู้สึกนี้ก่อเกิดจากความกลัวโดยสัญชาติญาณต่อสิ่งที่ไม่รู้จัก

“เจ้า… เจ้ามันเป็นตัวบ้าอะไรกันแน่!?”

น้ำแข็งสวรรค์โครีย์ที่เคยนึกระแวงหานซั่วเป็นอย่างมาก เขาไม่อาจข่มความกลัวไว้ในจิตใจได้อีกต่อไป และร้องอุทานออกมาในที่สุด เสียงของเขาสั่นเครือ ขณะจ้องมองไปยังหานซั่วที่ยังคงลอยคว้างอยู่กลางอากาศพร้อมรอยแผลนับพันตั้งแต่หัวจรดเท้าที่ไม่มีเลือดสักหยดไหลออกมา อีกทั้งยังกำลังฟื้นฟูบาดแผลด้วยความรวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์

หานซั่วฝืนยิ้มออกมา เขาต้องทนทุกข์จากบาดแผลฉกรรจ์เพราะระเบิดเยือกแข็งก็จริงอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม เพียงเสี้ยววินาทีที่ลิ่มน้ำแข็งเหล่านั้นทิ่มแทงเข้าสู่ร่างของหานซั่ว ความเย็นยะเยือกนั้นก็แช่แข็งเลือดของเขาไว้ชั่วคราว ซึ่งนี่เองที่ทำให้หานซั่วผู้มีพลังร่างกายที่แปลกประหลาด สามารถยับยั้งบาดแผลไว้ได้ทันแม้ในช่วงเวลาที่กระชั้นชิดอย่างยิ่ง

เมื่อมีแก่นมนตราที่โคจรไปทั่วร่าง กล้ามเนื้อของเขาจึงดูดซึมเลือดทั้งหมดเอาไว้ เช่นนั้นแล้ว หลังจากที่ออร่าเยือกแข็งจางหายไป จึงไม่มีเลือดสักหยดที่หลงเหลืออยู่ในระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้ร่างกายที่แข็งแรงทนทานของเขาสามารถฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว

แต่อย่างไรก็ตาม หานซั่วก็บาดเจ็บสาหัสมากจริง ๆ! และบาดแผลของเขาก็ไม่ใช่น้อย ๆ เลย

ขณะที่ร่างกายกำลังทุกข์ทรมานจากแผลฉกรรจ์ กระบวนการฟื้นฟูร่างกายของเขาก็จำเป็นต้องใช้พลังจากหยดเลือดและแก่นมนตราในปริมาณมาก และแม้ว่าการฟื้นฟูอย่างรวดเร็วของหานซั่วจะประหลาดอย่างเหลือแสนต่อสายตาของน้ำแข็งสวรรค์โครีย์และพวก พวกเขาก็ยังสูญเสียแรงใจในการต่อสู้กับหานซั่วไปเยอะมากด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มขมขื่นอันแสนชั่วร้ายของหานซั่วจากร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลเหวอะหวะนั้นช่างน่าสะพรึงกลัวจนทำให้ใครก็ตามที่เห็นต้องรู้สึกขนหัวลุก และในสายตาของน้ำแข็งสวรรค์โครีย์และพวก ล้วนมองว่าภาพที่เห็นนี้คือสิ่งที่น่าสยดสยองที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเห็นมาในชีวิต

** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **

หานซั่วสัมผัสถึงความสั่นเครือในน้ำเสียงของน้ำแข็งสวรรค์โครีย์ และรอยยิ้มบนใบหน้าของหานซั่วก็ทำให้พวกเขาล้วนขวัญหนีดีฝ่อ ขณะจ้องมองไปยังหานซั่วผู้น่าเหลือเชื่อ ไม่ว่าจะพยายามมากมายสักเพียงใด แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเชื่อมโยงหานซั่วกับความเป็นมนุษย์ได้เลยสักนิดเดียว

หานซั่วฉวยโอกาสนี้รีบฟื้นฟูบาดแผลฉกรรจ์บนร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและความดุร้ายป่าเถื่อนออกมา พร้อมกับแฝงพลัง ‘เสียงเพรียกปีศาจ’ อันเป็นเคล็ดวิชาหนึ่งของเวทย์ปีศาจที่สามารถทำให้ศัตรูคล้อยตามเมื่อได้ยิน

และเป็นไปตามคาด เมื่อน้ำแข็งสวรรค์โครีย์ซึ่งสูญเสียกำลังใจในการต่อสู้ไปแล้ว ภายใต้มนต์ ‘เสียงเพรียกปีศาจ’ ของหานซั่ว เขาก็ยิ่งรู้สึกขวัญผวามากขึ้นเรื่อย ๆ เขามองไปยังสภาพร่างกายอันน่าสะพรึงกลัวของหานซั่วอีกครั้ง ราวกับว่าหานซั่วได้กลายร่างเป็นปีศาจดึกดำบรรพ์ที่บังเอิญได้รับความเสียหายจากการโจมตีของเขา จนฉีกกระชากร่างแปลงที่เคยหลบเร้นอยู่ทุกวี่วัน และเปิดเผยร่างปีศาจที่แท้จริงออกมาในที่สุด

“จ… เจ้ามาจากภพไหนกัน? อารามแห่งน้ำแข็งเป็นเพียงศาสนจักรของเทพีน้ำแข็ง แล้วเจ้า… เจ้าต้องการอะไร!?”

หนึ่งในจอมดาบศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 คนร้องออกมาด้วยความหวาดผวาและก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว ซึ่งนี่เองก็เป็นผลจากมนต์ ‘เสียงเพรียกปีศาจ’ ในขณะที่คนอื่น ๆ ก็มีปฏิกิริยาตามกันเพราะรู้สึกหวาดกลัวหานซั่วสุดหัวใจ

“เจ้าเป็นใครกันแน่?”

เมื่อเขาร้องตะโกนออกมา ราวกับว่าเสียงนั้นดังเตือนสติคนอื่น ๆ จนทำให้จอมดาบศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือต่างร้องออกมาด้วยความกลัวเช่นกัน

น้ำแข็งสวรรค์โครีย์จ้องมองไปยังหานซั่วที่ยังคงอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส ราวกับว่าเขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เมื่อย้อนคิดไปถึงความสามารถอันน่ามหัศจรรย์ของหานซั่วที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เขาก็ค่อนข้างมั่นใจว่าหานซั่วจะต้องไม่ใช่ตัวตนที่ถือกำเนิดขึ้นในอาณาจักรแห่งความลึกล้ำนี้อย่างแน่นอน ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้หัวใจของเขาต้องเต้นระส่ำมากกว่าเดิม ดวงตาของเขาเริ่มกระพริบถี่รัว และครุ่นคิดหาทางหนีเอาชีวิตรอด

“พ… พวกเราคือผู้นำสารของเทพีน้ำแข็ง เจ้า… เจ้าอย่ามาสร้างปัญหาที่นี่!”

ในที่สุด ด้วยผลจากมนต์ ‘เสียงเพรียกปีศาจ’ นอกจากท่าทีอันแปลกประหลาดของหานซั่วแล้ว น้ำแข็งสวรรค์โครีย์ก็เริ่มพูดออกมาอย่างรัวเร็วพร้อมความสั่นเครือในน้ำเสียง

ตอนนั้นเอง เจ้าผีดิบธาตุน้ำชั้นยอดก็ส่งกระแสจิตมาถึง

“ท่านพ่อ ข้าทำเสร็จแล้ว!”

แล้วหานซั่วที่กำลังหัวเราะอย่างโหยหวนก็ก้มลงมอง เขาพบว่าหญิงสาวร่างเปลือยเปล่าผู้นั้นได้กลายเป็นสภาพเหี่ยวแห้งราวกับมัมมี่ ปราศจากมวลธาตุน้ำใด ๆ ที่หลงเหลืออยู่ ความบริสุทธิ์งดงามก่อนหน้านี้ได้อันตรธานหายไปอย่างสิ้นเชิง แล้วรูปสลักเทพีน้ำแข็งขนาดมหึมาก็พังทลายลงทันทีที่มันส่งกระแสจิตสื่อสารกับหานซั่ว เริ่มจากส่วนศีรษะของรูปสลัก ที่กระเทาะแตกและร่วงลงสู่พื้นเป็นลำดับแรก

“ฮ่า ๆ ๆ … ฮ่า ๆ ๆ ๆ …”

ความโง่เง่าของน้ำแข็งสวรรค์โครีย์และคนอื่น ๆ ทำให้หานซั่วไม่สามารถหยุดการหัวเราะอันบ้าคลั่งของตนเองได้ ซึ่งเสียงในครั้งนี้ ไร้ซึ่งมนต์ของเสียงเพรียกปีศาจที่แฝงรวมอยู่เหมือนก่อนหน้านี้

ตูมมมม !!!

เหนือหานซั่วขึ้นไป จู่ ๆ เจ้าผีดิบธาตุโลหะชั้นยอดก็โผล่ออกมาอย่างกะทันหัน และฟาดกระบองสีทองของมันเข้าใส่นักเวทย์ทั้ง 2 คนที่กำลังหวาดกลัวหานซั่วจนทำอะไรไม่ถูก ซึ่งสุดท้ายพวกเขาก็กลายเป็นเพียงเศษชิ้นเนื้อที่แหลกเหลว

“ช่างหัวมันแล้ว! ไม่ว่าจะมาจากภพไหน พวกเราก็จะสู้กับมันจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่งเลย!”

เมื่อรูปสลักเทพีน้ำแข็งพังทลายลง น้ำแข็งสวรรค์โครีย์ก็คุ้มคลั่งขึ้นมาอีกครั้ง และพุ่งเข้าใส่หานซั่วอย่างไม่คิดชีวิต

แต่ทว่า ในตอนนั้นเอง หานซั่วที่ร่างกายยังคงอยู่ในสภาพสาหัส กลับไม่หวั่นไหวต่อความกราดเกรี้ยวของน้ำแข็งสวรรค์โครีย์ และระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่นออกมาเช่นเคย ก่อนจะหนีเข้าไปในอุโมงค์ที่อยู่ดี ๆ ก็เปิดแยกออกบนกำแพงหินพร้อมกับเจ้าผีดิบธาตุน้ำชั้นยอด และออกจากอารามแห่งน้ำแข็งไปทั้งอย่างนั้น

*******************************

Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ

Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ

Status: Ongoing

“ถ้าเรายังไม่ตาย… ขอสาบานว่าจะทำเรื่องชั่วร้ายทุกอย่างที่เรานึกออก…”

นี่ไม่ใช่ความคิดวูบสุดท้ายของคนทั่วไปที่มักจะผุดขึ้นมาก่อนตาย ชายหนุ่มผู้ขี้ขลาดตาขาวจะทำอย่างไร หากเขาได้จุติใหม่อีกครั้งพร้อมกับพลังปีศาจที่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเขาเองไปตลอดกาล ความดีในตัวเขาจะมีชัยเหนือความชั่วร้ายนั้นหรือไม่? เขาจะกลายเป็นราชันย์ปีศาจผู้เลือดเย็นในตำนาน หรือจะเลือกทางเดินของตัวเองพร้อมซัดสาดความน่าสะพรึงกลัวใส่ทุกอย่างที่ขวางหน้า !?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท