Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ – ตอนที่ 492

ตอนที่ 492

‘ใบไม้มรกต’ ที่อยู่ในกล่องนั้นดูเหมือนกับชิ้นที่ถูกนำออกมาแสดงบนเวทีอย่างไม่มีผิดเพี้ยน แต่ทว่า พลังงานอันอุดมสมบูรณ์ก่อนหน้านี้กลับไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวให้สัมผัส หานซั่วลองใช้มือพิจารณาดูอีกครั้ง และพบว่าของชิ้นนี้ต้องไม่ใช่ขุมพลังธาตุไม้ ‘ใบไม้มรกต’ อย่างแน่นอน หากแต่เป็นของเลียนแบบท่าสร้างขึ้นจากหยกสีเขียวเข้มเท่านั้น

หลังจากที่ยอมทุ่มเงินถึง 300,000 เหรียญทอง แต่กลับได้มาเพียงใบไม้ปลอมที่ทำจากหยกธรรมดา ๆ ไม่ว่าใครก็ต้องรู้สึกไม่พอใจอย่างแน่นอน โดยเฉพาะหานซั่ว

“เกิดอะไรขึ้นรึ?”

เมื่อเห็นว่ามีข้อโต้แย้งเกิดขึ้น ผู้จัดการระดับสูงในชุดออกงานคนหนึ่งก็รีบกุลีกุจอดเข้ามาหาและร้องถาม

“ท่านซาร์ยา สุภาพบุรุษท่านนี้บอกว่าสินค้าไม่ถูกต้องขอรับ!”

พนักงานที่มีหน้าที่ส่งมอบสินค้าให้กับหานซั่วรีบตอบ

ก่อนหน้านี้ ซาร์ยาคอยสังเกตหานซั่วมาตลอดการประมูล และผู้ร่ำรวยมั่งคั่งที่ใช้ยอมจ่ายเงินก้อนโตย่อมทำให้เขารู้สึกประทับใจไม่น้อย ซึ่งหานซั่วก็ทุ่มเงินถึง 300,000 เหรียญทองในการประมูลสินค้า แน่นอนว่าเขาต้องปฏิบัติกับหานซั่วในฐานะแขกกิตติมศักดิ์

ซาร์ยาจึงรีบรุดมาทันที หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของพนักงานคนนั้นแล้ว เขาก็พูดกับหานซั่วอย่างเป็นกังวล

“ขอข้าตรวจดูสักหน่อยนะครับ”

หานซั่วส่งใบไม้มรกตปลอมให้เขาด้วยท่าทีไม่พอใจ และพูดด้วยเสียงหนักแน่น

“สำนักการประมูลของท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมากในจักรวรรดิคาซี ข้าคิดว่าพวกท่านคงไม่ได้คิดจะล้อข้าเล่นหรอกใช่มั้ย?”

“ไม่มีทางหรอกครับ! ไม่มีทางอยู่แล้ว!”

ซาร์ยารับรู้ถึงความกราดเกรี้ยวในคำพูดของหานซั่ว เขาจึงรับ ‘ใบไม้มรกต’ มาแล้วและลองใช้มือสัมผัส ใบหน้าของเขาถอดสีทันที และหันไปถามพนักงาน

“เมื่อกี้ใครเป็นคนหยิบสินค้าออกมา?”

“กาเลีย ขอรับ!”

พนักงานตอบ

ซาร์ยาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะโค้งคำนับหานซั่วด้วยความเคารพ และพูดอย่างหนักแน่น

“ข้าต้องขออภัยด้วย มีสิ่งผิดปกติกับสินค้าชิ้นนี้จริง ๆ ก่อนอื่น เราคงต้องคืนเงิน 300,000 เหรียญทองให้ท่าน ได้โปรดให้เวลาพวกเราสักหน่อย พวกเราจะรีบตามหาของจริงมาให้ท่านโดยเร็วที่สุดนะครับ”

“หาน บางทีอาจจะไม่เกี่ยวกับสำนักการประมูลก็ได้นะ พวกเขาไม่มีทางทำให้ชื่อเสียงของตัวเองต้องเสียหายด้วยเรื่องใหญ่ขนาดนี้หรอก”

โซฟีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หานซั่วกระซิบบอก

ทีแรกนั้น หานซั่วคิดว่าสำนักการประมูลตั้งใจจะโกงเขา เขาถึงกับเตรียมที่จะก่อเหตุนองเลือดภายในสำนักเสียแล้วหากว่าพวกเขาไม่ยอมรับ แต่ในตอนนี้ ซาร์ยาที่เป็นผู้จัดการกลับเพิ่งทราบเรื่องราวและรีบขอโทษขอโพยหานซั่วด้วยท่าทีเป็นมิตร เช่นนั้นแล้ว หานซั่วจึงรู้ทันทีว่ามีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นมากกว่าที่ตาเห็น

“เอาเถอะ หวังว่าสำนักประมูลของท่านจะมีคำอธิบายที่เหมาะสมให้ข้าก็แล้วกัน และอีกอย่าง ข้าคือคนที่ชนะการประมูลอย่างถูกต้องและชอบธรรม ข้าก็หวังว่าพวกท่านจะไม่เอาของ ๆ ข้าไปขายให้คนอื่น!”

หานซั่วพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดขณะจ้องมองซาร์ยาอย่างเย็นชา

ซาร์ยาตัวสั่นขณะมองหานซั่วด้วยความหวาดกลัว อยู่ดี ๆ เขาก็รู้สึกว่าชายร่างอ้วนที่ดูไม่มีพิษมีภัยอะไรกลับมีความน่าพรั่นพรึงขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาถึงกับสัมผัสได้ว่าจิตสังหารที่แผ่ออกมาจากร่างของหานซั่วนั้นดูมีตัวตนขึ้นมา กลายเป็นความกดดันอันหนักอึ้งที่ทำให้เขาขยับตัวไม่ได้ และรู้ทันทีว่าหานซั่วไม่ใช่คนที่ควรเป็นศัตรูด้วย

** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **

ซาร์ยาที่มีตำแหน่งสูงขนาดนั้นย่อมต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน เพียงท่าทางชวนขวัญผวาของหานซั่วก็ทำให้เขารู้ดีว่าไม่มีพลังพอจะต่อกรด้วย เขาจึงได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ ในขณะที่พยายามคิดหัวแทบแตกว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไรดี

“ได้โปรดทิ้งข้อมูลติดต่อไว้ให้พวกเราด้วยนะครับ ทันทีที่หาของพบ พวกเราจะไปตามหาท่านเพื่อทำการแลกเปลี่ยนกันอีกครั้ง!”

ซาร์ยาหวาดกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ เขาพูดด้วยความเคารพหลังจากที่คืนเงิน 300,000 เหรียญทองให้กับหานซั่วเรียบร้อยแล้ว

“ไม่จำเป็นหรอก อีก 2 วันข้าจะมาที่นี่อีก พวกท่านก็เร่งมือเข้าดีกว่า!”

หานซั่วคำรามอย่างเยือกเย็น ก่อนจะส่งสายตาเป็นสัญญาณให้โซฟีและพากันออกไป

โซฟีเดินตามหานซั่วไป เมื่อพวกไปถึงใกล้ ๆ ประตูทางออก และเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้น โซฟีก็พูดขึ้นมา

“ข้าว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่สำนักประมูลหรอก น่าจะเป็นเพราะบรากมากกว่า เจ้าคนหน้าไหว้หลังหลอกนั่น!”

ทันใดนั้น หานซั่วก็คว้ามือเล็ก ๆ ของโซฟีไว้แน่น ก่อนที่เธอจะทันได้มีปฏิกิริยาโต้ตอบ หานซั่วก็เร่งฝีเท้าและลากเธอเดินหายไปในฝูงชนบนถนนด้านนอกสำนักประมูล

ขณะที่ทั้งคู่กำลังรีบเร่งจากไป อัศวินศักดิ์สิทธิ์ซูโลก็รีบเดินเข้ามาจากอีกทางหนึ่ง เขามองเห็นเพียงหานซั่วที่จูงมือโซฟีเดินหายไปในถนน ที่สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าเรียงรายและผู้คนพลุกพล่าน แล้วซูโลก็คลาดสายตาจากทั้งคู่ในที่สุด

ซูโลมีสีหน้าหม่นหมองทีเดียว ขณะจ้องมองไปยังฝูงชนที่ทำให้ทั้ง 2 หายลับไปจากสายตา เขาพึมพำขึ้นมาเบา ๆ

“เจ้าหมอนั่นเป็นใครกันนะ?”

ภาพของหานซั่วที่จูงมือโซฟีอยู่นั้นฝังลึกลงในจิตใจของซูโล เมื่อเขานึกถึงอำนาจอิทธิพลของราชวงศ์พิลลอนแห่งจักรวรรดิคาซีขึ้นมา เขาก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที พลางส่ายศีรษะและยิ้มอย่างขมขื่น

“ฟีฟี่นะ ฟีฟี่ เจ้านี่ชอบสร้างปัญหาให้พ่ออยู่เรื่อยเลย!”

“ท่านซูโล เป็นอะไรไปรึขอรับ?”

ขณะที่ซูโลกำลังพึมพำกับตนเอง ธูรัม หนึ่งในลิ่วล้อของบรากก็ปรากฏตัวขึ้นมาและร้องถาม

“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก”

ซูโลตอบห้วน ๆ เมื่อเห็นบรากเดินตามหลังธูรัมมา และถือของล้ำค่าต่าง ๆ ที่เพิ่งได้มาจากการประมูลด้วยดวงตาเป็นประกาย ซูโลก็ไม่ได้รู้สึกดีใจเลยสักนิด แต่ตรงกับข้าม เขาเริ่มเป็นกังวลเกี่ยวกับทั้งครอบครัวของเขาขึ้นมาทันที

เพราะซูโลรู้จักบรากยิ่งกว่าที่โซฟีรู้จักเสียอีก ด้วยชื่อเสียงอันโด่งดังของบรากในจักรวรรดิคาซี อารมณ์ของเขานั้นไม่ได้ดีเหมือนที่ใคร ๆ เห็นเพียงภายนอก คน ๆ นี้ เมื่อสายตาของเขาจับจ้องไปที่สิ่งใดแล้ว เขาก็ไม่มีวันปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ และเมื่อตั้งใจจะทำอะไร เขาก็จะไม่หยุดจนกว่าจะสำเร็จสมความปรารถนา และเป็นเพราะตระกูลพิลลอนคือราชวงศ์แห่งจักรวรรดิคาซี ซูโลจึงรู้ดีว่าลำพังเพียงเขาคนเดียว ก็ไม่สามารถช่วยให้โซฟีพบความสุขที่แท้จริงได้เลย

ซูโลถอนหายใจ และตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาก็ต้องทำให้โซฟีจับคู่กับบรากให้ได้ มิเช่นนั้นแล้ว จะไม่ใช่เพียงซูโลและโซฟีเท่านั้นที่มีปัญหา แต่บรรดาเครือญาติทั้งตระกูลของเขาก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่ในจักรวรรดิคาซีได้อย่างเป็นสุขอีกเลย

“ท่านพ่อตา ฟีฟี่เป็นคนที่หัวรั้นมากจริง ๆ เธอไม่ยอมบอกพวกเราเลยว่าเธอจะไปไหน แต่อย่างน้อยข้าก็มั่นใจว่าในบรรดาของพวกนี้ ต้องมีสักอย่างที่โซฟีชอบอยู่นะ!”

บรากหัวเราะพลางเดินเข้ามาหา แสดงออกถึงความหลงใหลในตัวโซฟีอย่างชัดเจน

เขาคงรักฟีฟี่จริง ๆ ฟีฟี่อยู่กับเขาอาจจะยิ่งมีความสุขมากกว่าเดิมก็ได้ มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ๆ! ซูโลปลอบใจตัวเอง ก่อนจะยิ้มและพูด

“ช่างมีน้ำใจจริง ๆ ข้าคิดว่าฟีฟี่ต้องรับรู้ได้อย่างแน่นอนว่าท่านใส่ใจเธอมากแค่ไหน”

“แน่นอน ก็เธอเป็นคู่หมั้นของข้านี่นา ข้าจะไม่ดูแลเธออย่างดีได้ยังไงกันล่ะ”

บรากหัวเราะ

ขณะที่ซูโลและบรากกำลังพูดคุยกัน หานซั่วก็จูงมือโซฟีไปยังใจกลางถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย และเมื่อหานซั่วพบว่าซูโลคลาดสายตาจากพวกเขาทั้ง 2 คนแล้ว เขาจึงปล่อยมืออันอ่อนนุ่มของโซฟี และอธิบาย

“พ่อของเจ้ากำลังตามหาตัวเจ้าอยู่น่ะ”

“โอ้…”

โซฟีตอบโดยไม่คิด แม้ว่าภายนอกจะดูเหมือนเธอไม่ใส่ใจอะไร แต่นัยน์ตาของเธอกลับเป็นประกายอย่างบอกไม่ถูก เพราะการที่หานซั่วใช้นิ้วหัวแม่โป้งซ้ายถูมือของเธอไปมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อครู่ ทำให้เธอรู้สึกเคลิ้มไม่น้อย

หานซั่วเองก็รู้สึกเขินอายเช่นกัน แต่ก่อนที่เขาจะทันพูดอะไรออกมา เขาก็รู้สึกถึงออร่าแห่งความสดชื่นมีชีวิตชีวาแผ่ออกมาจากทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ในตอนนั้น เขารู้ทันทีว่ามันคือออร่าของ ‘ใบไม้มรกต’ เขาจึงรีบพูดทันที

“ข้ามีเรื่องต้องรีบไปจัดการ เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อนนะ”

เมื่อพูดจบ หานซั่วก็รีบฝ่าฝูงชนออกไป และตามจิตของตนเองไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่ซึ่ง ‘ใบไม้มรกต’ อยู่ ส่วนโซฟีก็ได้แต่จ้องมองอย่างเลื่อนลอยอยู่พักหนึ่งก่อนจะรู้ตัวว่าหานซั่วออกห่างเธอไปเสียแล้ว และโซฟีก็รู้ว่าอารามแห่งน้ำแข็งของจักรวรรดิคาซีคือศัตรูของหานซั่ว ด้วยกลัวว่าอาจจะมีเรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้นกับเขา โซฟีจึงรีบวิ่งตามไปทันที

เมื่อหานซั่วหลุดออกมาจากฝูงชนและกำลังจะเหาะขึ้นไปในอากาศ เขาก็พบว่าออร่าของ ‘ใบไม้มรกต’ นั้นอันตรธานหายไปแล้ว หานซั่วมั่นใจว่าต้องมีใครบางคนเก็บมันไปอย่างแน่นอน ซึ่งอธิบายได้ว่าทำไมอยู่ดี ๆ พลังงานที่แผ่ออกมาถึงได้หายไปอีกครั้ง

เมื่อเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น หานซั่วก็ยิ่งรู้สึกวิตกกังวลมากขึ้นอีก เขาจึงรีบใช้ศาสตร์เทพอสูรเหาะไปยังทิศทางนั้นต่อไปด้วยความเร็วสูง เพราะเขาสามารถจำตำแหน่งของ ‘ใบไม้มรกต’ ก่อนที่หัวขโมยจะหายตัวไปได้อย่างชัดเจน

หานซั่วบินด้วยความเร็วเต็มพิกัด และเพียงไม่กี่นาที เขาก็มาถึงบริเวณที่สัมผัสได้ถึง ‘ใบไม้มรกต’ เมื่อครู่ มันคือจัตุรัสสาธารณะที่หานซั่วและโซฟีเคยมาแวะก่อนหน้านี้ เขาทอดสายตามองออกไปไกลเท่าที่สายตาจะมองเห็น แต่กลับไม่พบใครที่น่าสงสัยอยู่แถวนั้นเลย และเมื่อพยายามเพ่งจิตอย่างเต็มที่ เขาก็ไม่สามารถสัมผัสถึงร่องรอยออร่าของ ‘ใบไม้มรกต’ ได้อีกต่อไปแล้ว

หานซั่วกวาดสายตามองไปรอบ ๆ อีกครั้งก่อนจะเค้นหัวสมองเพื่อคิดหาทางอื่น ดูเหมือนว่าบรากจะเป็นผู้ที่น่าสงสัยที่สุดที่ขโมยขุมพลังธาตุไม้ ‘ใบไม้มรกต’ ของหานซั่วไป แต่แน่นอนว่า พ่อค้าโซฟีกับหญิงสูงศักดิ์ผู้นั้นก็ยังไม่หลุดพ้นข้อกล่าวหา

** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **

หานซั่วตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะเอาขุมพลังธาตุไม้มาให้ได้ ในเมื่อไม่สามารถได้มาด้วยเงิน 300,000 เหรียญทอง หานซั่วก็เริ่มพิจารณาหาวิธีอื่น แม้ว่าพ่อค้าโซฟีจะร่ำรวยและเผด็จการ แต่เขาก็ไม่ได้มีอำนาจอิทธิพลภายในจักรวรรดิคาซีมากมายนัก ส่วนหญิงสูงศักดิ์คนนั้น ก็ดูเหมือนเธอจะไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลทางการเมืองด้วยเช่นกัน มิเช่นนั้นแล้ว เธอก็คงไม่ล้มเลิกการประมูลไปตั้งแต่ตอนที่ราคาพุ่งสูงถึง 250,000 เหรียญทอง

เมื่อตั้งเป้าหมายได้แล้ว หานซั่วก็เตรียมตัวที่จะชิง ‘ใบไม้มรกต’ มาด้วยกำลัง ไม่ว่ายังไง เขาก็มีความแค้นฝังลึกกับอารามแห่งน้ำแข็งของจักรวรรดิคาซีอยู่แล้ว หานซั่วจึงไม่ได้ใส่ใจนักหากต้องเป็นศัตรูกับบรากอีกคน

“หาน เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”

หานซั่วกำลังคิดวนเวียนไปมาในหัว เมื่ออยู่ดี ๆ โซฟีก็รีบวิ่งมาหาเขาด้วยอาการเหนื่อยหอบอย่างหนัก ในเมื่อเธอไม่ได้อัญเชิญเปกาซัสออกมา เธอจึงมีอาการหายใจไม่ทันอย่างที่เห็น หน้าอกของเธอกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรวดเร็ว และทำให้ดูใหญ่กว่าปกติ

“อ… อีตาบ้า! จ้องอะไรอยู่น่ะ!”

โซฟีรู้ตัวทันทีเมื่อเห็นหานซั่วกำลังมองในทิศทางแปลก ๆ จึงตะโกนใส่เขา

“ข… ข้าเปล่านะ ข้าไม่ได้มองอะไรเลย!”

หานซั่วรีบตอบอย่างลนลาน หลังจากนั้นเขาก็อธิบายต่อ

“ข้าสัมผัสได้ว่าใบไม้มรกตเพิ่งหายไปจากตรงนี้ แต่ดูเหมือนข้าจะมาช้าเกินไป ใครก็ตามที่ขโมยมันไปต้องซ่อนมันไว้และเคลื่อนย้ายไปที่อื่นแล้วแน่ ๆ”

“เลิกคิดมากได้แล้วล่ะน่า ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสำนักประมูลเถอะ ที่นี่น่ะเป็นสำนักที่ใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิคาซีเลยนะ แม้แต่องค์จักรพรรดิเองก็ยังมีหุ้นส่วนอยู่ในนั้นเลย เดี๋ยวพวกเขาก็จัดการให้เจ้าเองนั่นแหละ”

โซฟีปลอบหานซั่ว

“แล้วถ้าบรากเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ล่ะ? พวกนั้นยังจะจัดการได้อยู่มั้ย?”

หานซั่วเลิกคิ้ว

โซฟียักไหล่และตอบอย่างเสียไม่ได้

“ถ้าเป็นแบบนั้น ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“เอาล่ะ เอาล่ะ เลิกคิดมากเรื่องนั้นก่อนเถอะ! นี่ ตอนนี้มันก็ค่ำแล้วนะ ไว้พวกเรามาเจอกันอีกพรุ่งนี้ดีมั้ย?”

หานซั่วพูดพลางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เขาตั้งใจจะแยกกับโซฟีเพื่อไปตามหาคนขององครักษ์ชุดดำเพื่อถามเกี่ยวกับตำแหน่งคฤหาสน์ของบราก และหลังจากนั้น เขาก็ค่อยไปที่นั่นเพื่อชิง ‘ใบไม้มรกต’ กลับมาในช่วงเวลากลางคืน

“ยังไม่ค่ำเลย เจ้าจะรีบไปไหนกัน? ฮะ ๆ มาเถอะ ก่อนอื่น ข้าจะพาเจ้าไปทานของอร่อย ๆ ก่อนนะ แล้วตกกลางคืน พวกเราก็ค่อยไปจุดชมวิวตอนกลางคืนที่นครริเวอรี่ที่โด่งดังของจักรวรรดิคาซีกัน!”

โซฟีไม่คิดจะปล่อยหานซั่วไปง่าย ๆ เธอคว้ามุมเสื้อคลุมของหานซั่วไว้พลางหัวเราะคิกคัก ก่อนจะลากหานซั่วให้เดินไปกับเธอ ก่อนจะพูดต่อ

“นี่ข้าแค่ดึงเสื้อเจ้าเท่านั้นเองนะ แบบนี้คงไม่เรียกว่าข้าฉวยโอกาสจากเจ้าหรอกเนอะ!”

ขณะที่โดนโซฟีลากให้เดินไปตามทางที่เธอเป็นผู้นำ หานซั่วก็เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดนั้นทันที และทำอะไรไม่ได้นอกจากฝืนยิ้มออกมาและอธิบาย

“นี่ แม่คุณ ก็ตอนนั้นมันฉุกละหุกจริง ๆ นี่นา ต้องโกรธแค้นกันจนถึงตอนนี้เลยเหรอ?”

โซฟีหันมาชำเลืองมองหานซั่วและตอบ

“จริงอยู่ที่ตอนนั้นมันฉุกละหุก แต่ก็มีคนทำอะไรไม่เหมาะสมระหว่างที่จับมือข้าด้วยไม่ใช่รึไง?”

หานซั่วนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะนึกได้ว่าตอนที่เขากำลังกุมมืออันเนียนนุ่มของเธอเอาไว้ เขาบังเอิญใช้นิ้วโป้งลูบหลังมือของเธอเบา ๆ โดยไม่รู้ตัว เพราะเคยชินจากความใกล้ชิดกับเอมิลี่ แฟนนี่ และฟีบี้ เช่นนั้นแล้ว เขาจึงบังเอิญทำกับโซฟีไปโดยสัญชาติญาณ

ในตอนนั้น เมื่อหานซั่วรับรู้ถึงพฤติกรรมไม่เหมาะสมของตนเอง เขาจึงหยุดทันที และแอบชำเลืองมองโซฟี แต่เมื่อเห็นว่าเธอทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาจึงสรุปไปเองว่าเธอคงไม่ได้ถือสาอะไร แต่ใครจะรู้ว่าโซฟีเพิ่งจะมาเปิดเผยเขาในเวลาแบบนี้

ใบหน้าอันด้านชาของหานซั่วแดงก่ำขึ้นทันที แต่ไม่ได้ปรากฏให้เห็นเพราะอยู่ภายใต้การแปลงโฉมของใบหน้า เขาจึงยิ้มเจื่อน ๆ และพูดออกไปด้วยความขัดเขิน

“ข้าไม่รู้ตัวเลยจริง ๆ ฮะ ๆ ขอโทษด้วยนะ”

“เชอะ! ข้าไม่เชื่อคำโกหกหน้าตายของเจ้าหรอก!”

โซฟีเม้มปากพลางจ้องหานซั่วเขม็ง แต่ไม่นานนัก เธอก็ยิ้มกว้างออกมาและพูด

“แต่ข้าเป็นสุภาพสตรีผู้ใจดีมีเมตตา ตราบใดที่เจ้าคอยอยู่เป็นเพื่อนข้าและทำให้ข้าสนุก ข้าจะยกโทษให้ก็ได้!”

“เอ่อ แต่ว่า ถ้าข้าจำไม่ผิด ข้าเป็นแขกของเจ้าไม่ใช่เหรอ?”

หานซั่วพูดพร้อมฝืนยิ้มออกมา

“ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย ถ้าข้ามีความสุข เจ้าเองก็จะมีความสุขเหมือนกันล่ะน่า!”

โซฟีหัวเราะคิกคักอย่างขี้เล่น ว่าแล้วเธอก็เริ่มออกวิ่งโดยลากหานซั่วไปด้วย ราวกับจะทำให้เขาสะดุดหกล้มเสียให้ได้

หานซั่วเพิ่งจะเจอกับตัวเองว่าโซฟีนั้นน่าโมโหแค่ไหน แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเลย แม้ว่ามุกตลกฝืด ๆ ของเธอจะเกินรับได้อยู่สักหน่อย เขาจึงทำเป็นเดินโซซัดโซเซราวกับจะล้มลงจริง ๆ แต่อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์เช่นนั้น หานซั่วก็จะบังเอิญเซไปทางโซฟี และตัวเขาอาจจะ ‘บังเอิญ’ ชนเข้ากับร่างของเธอด้วยก็ได้

หานซั่วแอบหัวเราะอย่างชั่วร้ายอยู่ภายในใจ ขณะที่กำลังรู้สึกพึงพอใจกับแผนการของตนเอง

—– กลุ่ม GDK VIP # 7 จบบริบูรณ์ —–

รอติดตามประกาศเกี่ยวกับกลุ่มต่อไปนะคะ

ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง !!!

Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ

Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ

Status: Ongoing

“ถ้าเรายังไม่ตาย… ขอสาบานว่าจะทำเรื่องชั่วร้ายทุกอย่างที่เรานึกออก…”

นี่ไม่ใช่ความคิดวูบสุดท้ายของคนทั่วไปที่มักจะผุดขึ้นมาก่อนตาย ชายหนุ่มผู้ขี้ขลาดตาขาวจะทำอย่างไร หากเขาได้จุติใหม่อีกครั้งพร้อมกับพลังปีศาจที่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเขาเองไปตลอดกาล ความดีในตัวเขาจะมีชัยเหนือความชั่วร้ายนั้นหรือไม่? เขาจะกลายเป็นราชันย์ปีศาจผู้เลือดเย็นในตำนาน หรือจะเลือกทางเดินของตัวเองพร้อมซัดสาดความน่าสะพรึงกลัวใส่ทุกอย่างที่ขวางหน้า !?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท