Gate of God – ตอนที่ 614 ไข่มุกอสูร

ตอนที่ 614 ไข่มุกอสูร

”โฮก!”ราชาอสูรคำรามด้วยความโกรธ เขาเอากีบเท้าสีดำเตะไปที่ตาข่าย
ตาข่ายบางส่วนเริ่มฉีกขาด
เหยียนเฉียนหลี่ ขมวดคิ้ว เหงื่อเริ่มออกที่หลังเขา มือขอเขาขยับตามการเคลื่อนไหวของราชาอสูร
ทันได้นั้นแสงสีรุ้งก็พุ่งขึ้นมาบนท้องฟ้ามันพุ่งเข้าสู่กลุ่มเมฆสีดำ
จากนั้นเหล่าก้อนเมฆก็เริ่มส่องแสงออกมา
ตอนกลางคืนดูเหมือนจะกลายเป็นกลางวันทันที
ทันใดนั้นลำแสงเจ็ดต้นที่มีสีแตกต่างกันก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้า
”ตูม!”
ลำแสงสีแดงพุ่งไปที่เท้าของราชาอสูรเลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว แสงสีแดงพุ่งทะลุไปสู่พื้น
ราชาอสูรรู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างมากเขายกเท้าขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะเหวี่ยงมันไปเพื่อหวังจะทำลายเสาสีแดง ทันใดนั้นลำแสงอีกอันก็พุ่งลงมา
มันเป็นสีส้ม!
เท้าที่กำลังยกขึ้นถูกลำแสงสีส้มพุ่งชนอีกครั้งมือข้างนั้นกระแทกเข้ากับพื้นอีกครั้ง
มันยังไม่จบหลังจากนั้นก็มีลำแสงสีเหลือง เขียว ฟ้า น้ำเงิน และม่วงพุ่งลงมา
”โฮกกก!”ราชาอสูรร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด ร่างกายของเขาล้มลงมาบนพื้น ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือด
มันเป็นฉากที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก
ทุกคนต่างยืนนิ่งมองสิ่งที่เกิดขึ้น
ร่างของราชาอสูรถูกแสงทั้งเจ็ดที่ทำหน้าราวกับตะปูตรึงร่างกายไว้กับพื้น
”พลังอะไรกัน!”
”ร้ายกาจอะไรเช่นนี้!”
”ไม่น่าเชื่อ… ”
ราชาหลี่ฉินไม่ได้ใช้พลังของตัวเองอีกต่อไป เขายืมพลังจากสวรรค์และโลกเพื่อสร้างลำแสงทั้งเจ็ด
ยืมพลังแห่งการสรรค์สร้าง?
เขาทำได้ยังไงกัน?!
มันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดได้
ราชาหลี่ฉินที่ลอยอยู่บนท้องฟ้ากระอักเลือดออกมา
”อั้ก!”
อย่างไรก็ตามสายตาของเขายังคงแน่วแน่
”ท่านเหยียนข้าพยายามดีที่สุดแล้ว ตอนนี้ราชาอสูรไม่สามารถเคลื่อนไหวได้แล้ว ใช้โอกาสนี้ทำลายไข่มุกอสูร”ราชาหลี่ฉิน ตะโกนออกมาขณะที่ใบหน้าของเขาซีดขาว ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน
”ไม่ต้องห่วงข้าจัดการที่เหลือเอง!”เหยียน เฉียนหลี่ ไม่ได้ทำอะไร เขาดึงตาข่ายกลับมา พวกมันกลายเป็นเศษสีแดงดวงเล็กๆจำนวนมากลอยเข้าไปที่มือของ เหยียน เฉียนหลี
จากนั้นพวกมันก็กลายเป็นหอกแก้วสีแดง
จิตสังหารพวยพุ่งออกมาจากปลายหอกทำให้อากาศโดยรอบเย็นยะเยือก
จากนั้นเหยียน เฉียนหลี่ ก็พุ่งลงไปด้านล่าง หอกชี้ไปที่ตรงกลางระหว่างเขาสีทองทั้งสอง
”ต้องการฆ่าข้า?คิดว่ามันง่ายมากงั้นหรือ?” ราชาอสูรพูดขึ้นขณะที่นอนอยู่บนพื้น ่
ทันใดนั้นเขาทั้งสองข้างด้านก็เริ่มเปล่งแสงสีทองออกมามันต่างจากแสงสีเขียวก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
ทั่วบริเวณเริ่มสั่นไหวอีกครั้ง
”ครืนครืน!”
แสงสีทองนับไม่ถ้วนบินออกมาจากพื้นพวกมันลอมร่างของราชาอสูรและเสาแสงทั้งเจ็ด
”แคร้ง!”ลำแสงสีแดงพังทลายลงเป็นอันแรก จากนั้นก็ลำแสงสีอื่นๆ
อย่างไรก็ตามเหยียน เฉียนหลี่ ก็มาอยู่ที่หัวของราชาอสูรแล้ว คลื่นพลังอันเยือกเย็นปิดกั้นลำแสงสีทองพยายามจะหยุด เหยียน เฉียนหลี่ เอาไว้
”ตาย!”เหยียนเฉียนหลี่ คำรามด้วยความโกรธ ก่อนที่จะแทงลงไปตรงกลางหัวราชาอสูรด้วยหอกของเขา
”ฉึก!”ไม่มีอะไรต้านทานแม้แต่น้อย
ขณะนั้นดูเหมือนเวลาจะถูกหยุดลง
เมื่อหอกสีแดงแทงเข้าไปแสงสีแดงก็เริ่มกระจายไปทั้งสี่ทิศ
ไม่นานด้านบนหัวของราชาอสูรกลายเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว
”พวกเราชนะแล้วหรือ?”
”ราชาอสูรตายแล้ว?!”
”หอกแทงไปที่หัวของเขาแล้ว!”
แสงสีแดงเลือดเริ่มกระจายไปทั่วร่างของราชาอสูร
การต่อสู้ครั้งนี้น่าหวาดหวั่นเกินไป
พวกเขารู้สึกราวกับได้เปิดโลกใหม่
นอกจากนี้ยังรู้สึกโล่งใจอย่างที่สุด
ทุกคนต่างรู้ชัดถึงพลังของราชาอสูรพลังอันน่าหวาดหวั่นของเขาสั่นคลอนลึกลงไปถึงจิตใจของผู้คน
”ราชาเซี่ยโหลว?!”ซูฉิง ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น
เขาไม่คิดเลยว่าเหยียน เฉียนหลี่ จะกลายเป็นเซียนแล้ว
นอกจากนี้มันไม่ใช่แค่พลังของเหยียน เฉียนหลี่ แม้แต่พลังของราชาหลี่ฉินเองก็น่าตกใจเช่นกัน เขาสามารถใช้และยืมพลังแห่งการสรรค์สร้างได้ก็นับว่าเป็นครึ่งเซียนแล้ว
”ท่านซูราชาเซี่ยโหลวตายแล้ว พวกเราควร …”
”ท่านซูกองทหารเมฆาปิดล้อมทั้งเมืองเอาไว้กองทัพทลายภูผาเองก็อยู่ในตัวเมือง พวกเราถูกปิดล้อม ถ้าพวกเราไม่หนี พวกเราคง…”.ไอลีนโนเวล.
ทหารของกองทัพคนเถื่อนต่างมองดูราชาเซี่ยโหลวที่เต็มไปด้วยสีแดงเลือดพวกเขาอยากจะพูดบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
”ไม่ถ้าพวกเราหนี นายน้อยจะเป็นยังไง?”ทหารคนเถื่อนอีกคนพูดขึ้นด้วยความลังเล
”นายน้อย?!ไม่ พวกเราไม่สามารถทิ้งนายน้อยได้!”
”ท่านซูโปรดออกคำสั่งด้วย พวกเราจะทำทุกอย่างแม้ต้องแลกด้วยชีวิต!”
เมื่อเหล่าทหารได้ยินการสนทนาพวกเขาต่างก็นึกถึงเฉียน วู่ ท่าทีของพวกเขาเปลี่ยนไปหมด
”ไปที่วังงั้นหรือ?”ซูฉิง มองไปที่วังแววตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
เขาจะสั่งเช่นนั้นก็ได้
แต่ปัญหาไม่ใช่ว่าควรให้ไปหรือไม่ถ้าไปถึงที่วังพวกเขาจะทำอะไรได้? กองทัพคนเถือนจำนวนขนาดนี้จะหนีไปได้ยังไง?
ซูฉิง กำมือแน่น
แต่ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างเพราะเขาเห็นราชาอสูรกำลังเคลื่อนไหว
”โฮก!”เสียงคำรามดังกึกก้องแสงสีแดงที่กำลังปกคลุมไปทั่วร่างของเขาหยุดลง
”ครืนครืน… ”
เกล็ดบนหัวของราชาอสูรกำลังหลุดออกเผยให้เห็นเนื้อหนังที่เต็มไปด้วยเลือด
”เกิดอะไรขึ้น?”
”เขาลอกคราบ?”
”ไม่จริง!ราชาอสูรยังไม่ตาย!”
เมื่อกองทัพทลายภูผาและกองทหารเมฆาเห็นสิ่งนี้พวกเขาต่างก็ตกตะลึงอย่างไรก็ตามพวกเขาตั้งรับอย่างรวดเร็ว
นั่นเพราะว่าแสงสีเขียวมรกตส่องสว่างปกคลุมร่างเขาอีกครั้ง
”พลังชีวิตแข็งกล้ามาก!”
”นี่มันบ้าไปแล้วเหรอ?”
”ราชาอสูรแข็งแกร่งขนาดนี้เลยงั้นรึ?”
ไม่ใช่แค่พวกเขาแม้แต่ เหยียน เฉียนหลี่ ที่ลอยอยู่บนฟ้าก็มองดูด้วยความตกใจ เขารู้ดีว่าพลังชีวิตของราชาอสูรนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน
การที่จะฆ่าราชาอสูรได้มีแต่ต้องทำลายไข่มุกอสูรเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม…
เขาไม่รู้ว่าไข่มุกอสูรอยู่ตรงไหน
อสูรนั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่พบเจอได้ยากยิ่งในโลกนี้
แม้แต่เขายังแทบไม่เคยพบเจออสูรมาก่อนเลยในช่วงสิบปีที่ผ่านมาไม่ต้องพูดถึงราชาอสูร นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอ…
เขาไม่รู้
จะเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ?
คนอื่นๆอาจกำลังสับสนงุนงงแต่สำหรับ เหยียน เฉียนหลี่ นั่นเดาได้ไม่ยาก
ในการต่อสู้ของเขา
ถ้ายังไม่รู้ถึงแรงจูงใจของศัตรูสิ่งที่ทำได้ก็มีเพียงค้นหา สัมผัสและตรวจจับให้ได้ เขาต้องหาด้วยตัวเอง ซึ่งตอนนี้เขาพบว่ามันอยู่ที่หัว
มันอยู่ในหัวของเขาแต่เป็นส่วนไหน เหยียน เฉียนหลี่ ต้องคิดให้อก หว่างกลางระหว่างเขาทั้งสองน่าจะเป็นตรงนั้น
เขาจึงเล็งไปที่หัวของราชาอสูรเขาไม่คิดถึงจุดอื่นแต่ตอนนี้การที่ราชาอสูรสามารถเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง นั่นหมายความว่ามันไม่ได้อยู่ที่หัวของราชาอสูร…
ยังไม่ใช่จุดตาย
”ไข่มุกอสูรอยู่ที่ไหนกัน?ในท้อง? อืม…มันเป็นไปได้!”เหยียน เฉียนหลี่ พึมพำ จากนั้นเขาก็มองหาอีกครั้ง
คราวนี้เขามองไปที่ท้องของราชาอสูร
อย่างไรก็ตามราชาอสูรคงไม่เปิดโอกาสเป็นครั้งที่สอง
”โฮก!”เขาส่งเสียงคำรามพร้อมพุ่งขึ้นจากพื้นแสงสีทองที่ห่อหุ้มร่างกายกำลังสมานแผลของเขาจนสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า
มันเร็วมาก
ไม่เพียงแต่ฟื้นฟูได้รวดเร็วแต่ดูเหมือนความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นมากเช่นกันร่างยักษ์ของเขาพุ่งขึ้นไปหา เหยียน เฉียนหลี่
”ตูม!”เสียงของการปะทะดังก้อง
เหยียนเฉียนหลี่ ไม่ทันได้หลบราชาอสูร ร่างของมันปะทะเข้ากับเขาอย่างจังเขาตกลงมาจากท้องฟ้า ไถลไปกับกำแพงเมืองก่อนที่จะตกมายังพื้นดิน
ยังไม่หมดเท่านั้น…
ราชาอสูรส่งเสียงคำรามขึ้นอีกครั้งแต่คราวนี้มันต่างออกไป พวกเขาได้ยินเสียงของสัตว ืร้ายตัวอื่นๆดังขึ้นด้วย มันเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
”ไม่จริงเขาเรียกเหล่าสัตว์ร้ายตัวอื่นอยู่!”
”ราชาอสูรก็ยังคงเป็นราชาอสูรโชคยังดีที่นี่เป็นเมืองหลวง ถ้าเป็นที่อื่นเหล่าสัตว์ร้ายคงทำลายราบคาบไปแล้ว!”
กองทัพทลายภูผาต่างรู้สึกเช่นนั้นแต่ถ้ายิ่งพวกเขาเสียเวลาไปเท่าไร โอกาสที่สัตว์ร้ายพวกนั้นจะมาถึงที่นี่เป็นไปได้สูง
ทั้งภูเขาแม่น้ำ ทะเลสาบ ย่อมมีสัตว์ร้ายที่ไม่มีใครคาดคิดซ่อนอยู่
บางตัวอาจจะหลบซ่อนอยู่ใต้ดิน
ถ้าสัตว์ร้ายเหล่านั้นมาถึงเมืองหลวงมันหมายถึง…จุดจบ
”ท่านปู่?”เสียงดังออกมาจากกำแพงที่พังทลายมีร่างมนุษย์ค่อยๆคลานออกมา
กองทัพคนเถื่อนหันไปทางเสียงนั้นพวกเขารู้ในทันที
ชุดของเขาโชกไปด้วยเลือด
นั่นคือเหยียน ซิว เขาบาดเจ็บสาหัสไม่น้อย เลือดไหลออกจากปาก ใบหน้าของเขาซีดขาว
”เหยียนซิว?!”
”เขายังไม่ตาย?”
”เป็นไปได้ยังไง?”
ไม่ใช่แค่เหล่ากองทัพคนเถื่อนที่ไม่เชื่อทุกคนต่างเห็นชัดเจนตอนที่ เหยียน ซิว ถูกเหยียบ
ทำไมเขายังไม่ตาย?
และที่ด้านหลังก็มีบางคนค่อยๆลุกขึ้นเช่นกัน
ผิวของนางส่องสว่างชุดคลุมกำลังพริ้วไหวเผยขาอ่อนที่นวลนุ่ม
องค์หญิงแดนใต้ฉาน ยู่
ในมือของนางมีเด็กหนุ่มอยู่คนหนึ่งหน้าของเขาซุกที่หน้าอกของนางจึงไม่รู้ว่าเป็นใครแต่ชุดของเขาก็ขาดรุ่ยเช่นกัน
”เหยียนซิว ยังไม่ตาย เจ้าก็เหมือนกันเลิกแกล้งตายได้แล้ว!”ฉาน ยู่ มองดู เหยียน ซิว ที่ยืนขึ้นและหันมอง ฟาง เจิ้งจือ ที่ซุกอกของนางอย่างไร้สติ สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความเขินอาย แต่นางไม่คิดจะปล่อยเขาลง
”หืม?ยังไม่ตายอีกรึ?”ราชาอสูรที่ลอยบนท้องฟ้าได้ยินเสียงของพวกเขา เขามองไปที่ ฉาน ยู่ และ ฟาง เจิ้งจือ ในอ้อมแขน
ฟางเจิ้งจือ ไม่ได้เคลื่อนไหวใบหน้าของเขากำลังซุกอยู่ที่อกของ ฉาน ยู่
อย่างไรก็ตาม…
ราชาอสูรเริ่มเคลื่อนไหว
ร่างของเขาปกคลุมด้วยแสงสีทองและพุ่งลงมาหาทั้งคู่โดยทันที

Gate of God

Gate of God

เรื่องราวของฟางเจิ้งจือผู้ได้มาเกิดใหม่ในโลกที่ผู้คนสามารถใช้พลังจากธรรมชาติที่เรียกว่า’เต๋า’ได้ แต่ฟางเจิ้งจือผู้ที่เกิดมาในครอบครัวชาวบ้านธรรมดาและต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกลับต้องพัวพันกับเหตุการณ์ต่างๆทั้งการทดสอบพลังและความรู้ของอาณาจักร ความขัดแย้งทางการเมืองรวมถึงเผ่าปีศาจที่คอยชักใยแผนการอยู่เบื้องหลัง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท