Gate of God – ตอนที่ 790 แค่นั้นยังไม่พอ 

ตอนที่ 790 แค่นั้นยังไม่พอ 
  ทุกคนที่ทางเข้าศาลาหมื่นสมุนไพรต่างรู้สึกกลัวเหมือนกับผู้อาวุโสห้า นั่นเพราะ ฟาง เจิ้งจือ แข็งแกร่งกว่าท่คิดไว้มาก
ฟางเจิ้งจือ เงยหน้ามองแสงอาทิตย์ที่ส่องสว่าง เลือดที่ไหลนองย้อมท้องฟ้าเป็นสีแดง
ดาบไร้ร่องรอยสั่นรัวราวกับว่ากำลังตื่นเต้นแสงสีม่วงส่องสว่างทั่วดาบ มันคือปีศาจที่น่ากลัว
ฟางเจิ้งจือ ไม่ยอมแพ้ เพราะเขาต้องการให้เต๋าฮุนช่วย เหยียน ซิว เพื่อการณ์นั้นเขาต้องพาเต๋าฮุนออกไปจากศาลาหยินหยางให้ได้
ฟางเจิ้งจือ กัดริมฝีปากและเผยรอยยิ้มออกมา สถานการณ์แบบนี้เขาไม่ควรยิ้มออกด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม ฟาง เจิ้งจือ ยังคงยิ้มอย่างสดใส  ”เข้ามาข้าล่ะสงสัยจริงๆ ว่าศาลาหยินหยางจะหยุดข้าได้ยังไง!” ท่าทีของ ฟาง เจิ้งจือ เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาชี้ดาบไร้ร่องไปยังฝูงคนตรงหน้า
”ครืน!”เหล่าศิษย์ต่างอ้าปากแข็งค้างเมื่อได้ยินสิ่งนี้
”เราจะหยุดเขาได้ยังไง?”
”ชายคนนี้มั่นใจเกินไปแล้ว!”
”เขาคิดจะหนีอยู่ไหม?เขาคิดว่าจะสู้กับศาลาหยินหยางได้ด้วยตัวคนเดียวหรือ?”
เหล่าศิษย์ต่างมองไปที่ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความไม่เชื่อ เมื่อพิจารณาตามสถานการณ์แล้ว เขาไม่มีทางหนีออกไปได้ ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม
อย่างไรก็ตามพวกเขาสัมผัสไม่ได้ถึงความกลัวจากตัว ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้แม้แต่น้อย กลับกันเขาดูผ่อนคลายอย่างมาก
ทุกคนมองหน้ากันแต่ไม่มีใครเคลื่อนไหว
จากนั้น…ผู้อาวุโสในชุดคลุมขาวดำก็ก้าวออกมาแล้วพูดขึ้น “ข้าจะเป็นคู่ต่อสู้ให้เจ้าเอง!”
”เขาคือผู้อาวุโสสี่!”
”ผู้อาวุโสสี่ไม่ได้ต่อสู้มานานแล้ว!”
”ใช่แล้วข้าคิดว่าผู้อาวุโสสี่มีพลังมากพอจะเอาชนะเขาได้!”
เหล่าศิษย์ต่างโล่งใจเมื่อเห็นผู้อาวุโสสี่แต่พวกเขายังคงรู้สึกแปลกๆ
พวกเขาต่างสงสัยบางอย่าง
อย่างไรก็ตามพวกเขาเลิกคิดมันในทันที เพราะเขาคือผู้อาวุโสแห่งศาลาหยินหยาง!
”ผู้อาวุโสสี่รอก่อน!”ชายที่มีรอยแผลบนใบหน้าพูดขึ้น
อย่างไรก็ตามเขาดูสงบนิ่งราวกับภูเขาที่ไม่สามารถขยับไปไหนได้
เหล่าศิษย์ต่างเงียบลงเมื่อพวกเขาได้ยินผู้อาวุโสอีกคนพูด ไม่มีใครกล้าส่งเสียงแม้แต่น้อย  นั่นเพราะเขาคือผู้อาวุโสสูงสุดของศาลาหยินหยางโม่ยู่
ความแข็งแกร่งของเขาเป็นที่สองรองจากเต๋าฮุนหรือพูดได้ว่าความเห็นของเขานั้นสำคัญเทียบเท่าเต๋าฮุนเลย
”พี่ใหญ่มีอะไรงั้นหรือ?”ผู้อาวุโสสี่มองไปยังโม่ยู่ด้วยสีหน้าที่งุนงง
”เจ้าจะประมาทเกินไปแล้วผู้อาวุโสสาม เจ้ามาร่วมสู้ด้วย!”เขาไม่ตอบผู้อาวุโสสี่ แต่หันมองไปที่ผู้อาวุโสคนอื่น
ผู้อาวุโสคนนั้นคือผู้อาวุโสสามของศาลาหยินหยาง
”รับทราบ!”ผู้อาวุโสสามเดินเข้าไปโดยไม่ลังเล
”พี่สามพี่สี่ เด็กนั่นสามารถจัดการผู้อาวุโสแปดได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว พี่ทั้งสองอย่าประมาทเขา ข้าคิดว่า ผู้อาวุโสหกและข้าเองก็ควรร่วม…” เสียงของผู้อาวุโสห้าดังออกมา  ”ทำไมเราต้องจริงจังกับเด็กที่มีพลังในระดับจุติด้วย?น้องห้า เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าคิดว่าข้าคนเดียวก็พอแล้ว!”ผู้อาวุโสสี่พูดขัดขึ้นมา
”ผู้อาวุโสสี่อย่าประมาท เด็กนั่นเจ้าเล่ห์ แม้แต่ผู้น้ำศาลายังตกเป็นเหยื่อของเขา พวกเราฟังพี่ใหญ่แล้วร่วมกันสู้เถอะ!”ผู้อาวุโสสามพูดขึ้น
”เอาล่ะไปกันเถอะ!”ดาบโค้งสีฟ้าสองเล่มปรากฎขึ้นในมือผู้อาวุโสสี่ หลังจากที่เขาพูดจบ
”เดี๋ยวก่อน!”ฟางเจิ้งจือ ตะโกนออกมา
”โอ้?่มันสายเกินไปที่จะยอมแพ้แล้ว นั่นจะเป็นคำพูดสุดท้ายของเจ้า!”ผู้อาวุโสสี่ยิ้มอย่างเย็นชา
”ยอมแพ้?”ฟางเจิ้งจือ ยังคงยิ้มเยาะ “ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าแค่พวกท่านทั้งสองจะจัดการข้าได้งั้นหรือ?”
”อย่ามั่นใจให้มากนัก!”ผู้อาวุโสสี่พุ่งเข้าไปหาฟาง เจิ้งจือ
ผู้อาวุโสสามเองก็พุ่งตามเข้าไป
ศาลาหยินหยางไม่เคยต้องใช้ผู้อาวุโสสองคนจัดการศัตรูคนเดียวมาก่อนยิ่งศัตรูคนนั้นอยู่ในระดับจุติด้วยแล้ว
อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่มีศิษย์คนไหนพูดอะไรออกมา เพราะพวกเขารู้ดีว่าผู้อาวุโสแค่คนเดียวคงไม่สามารถรับมือ ฟาง เจิ้งจือ ไหว
ผู้อาวุโสทั้งสองเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ภาบในพริบตาพวกเขาไปอยู่ข้าง ฟาง เจิ้งจือ แล้ว ดาบโค้งทั้งสองและดาบอีกเล่มโจมตีใส่ ฟาง เจิ้งจือ พร้อมกัน เป็นการโจมตีผสานที่สมบูรณ์แบบ
สิ่งสำคัญที่สุดคือพวกเขาต้องการฆ่าฟาง เจิ้งจือ
ดาบพุ่งเข้าหาลำคอและหน้าอกของฟาง เจิ้งจือ
จากนั้น…กลายเป็นความว่างเปล่า
นั่นเพราะฟาง เจิ้งจือ หนีไปแล้ว ผู้อาวุโสพุ่งตามไปในทันที เขาวิ่งเข้าไปในกลุ่มศิษย์
”…”
”…”
ผู้อาวุโสทั้งสองและศิษย์ทั้งหมดต่างตกตะลึง
ถ้าฟาง เจิ้งจือ ไม่จาพูดอวดดีออกมา พวกเขาจะไม่ตกใจเลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตามเขามั่นใจอย่างมาก …แต่กลับหนีไป
เขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่?
ไม่มีใครรู้ว่าฟาง เจิ้งจือ คิดอะไรอยู่ และไม่มีใครเข้าใจว่าเขาทำเรื่องที่ไร้ยางอายแบบนั้นออกมาได้ยังไง
อย่างไรก็ตามฟาง เจิ้งจือ วิ่งเข้าไปในกลุ่มศิษย์และปลดปล่อยดาบไร้ร่องรอยใส่พวกเขา
แสงสีม่วงที่เปล่งประกายผสานกับสีแดงเข้มและเสียงคำรามของมังกร  ”ตูม!”เขาฟาดดาบลง
เขาสร้างช่องว่างท่ามกลางฝูงลูกศิษย์ศิษย์สองคนนอนจมกองเลือดอยู่กับพื้น อย่างไรก็ตามพวกเขายังไม่ตาย เพราะที่นี่กว้างกว่าภายในศาลาหมื่นสมุนไพร แต่ก็ยังได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส
”เจ้าหนีไม่พ้นหรอก!”ในที่สุดผู้อาวุโสสี่ก็ตอบสนองกับสิ่งที่เกิดขึ้น
”ผู้อาวุโสสี่ระวัง!”โม่ยู่ เตือนช้าเกินไป เพราะผู้อาวุโศสี่ได้ยืนอยู่ต่อหน้า ฟาง เจิ้งจือ แล้ว
ริมฝีปากของฟาง เจิ้งจือ ขดขึ้นเป็นรอยยิ้ม
”ครืน!”ทันทีที่ผู้อาวุโสสี่ยืนต่อหน้าเขาพื้นดินก็ยุบลงไปกว่าครึ่งนิ้ว
จากนั้นลูกไฟสีดำแปดลูกก็ปรากฎขึ้นกลางอากาศ
ยังไม่หมดแค่นั้นสัญลักษณ์ขนาดยักษ์ปรากฎขึ้นในอากาศและใต้เท้า ร่างของผู้อาวุโสสี่
”หืม?เต๋านรก!”ผู้อาวุโสสี่รู้จักสัญลักษณ์ในท้องฟ้า แต่เขาไม่เคยเห็นมันปรากฎกขึ้นกลางอากาศมาก่อน
อย่างไรก็ตามนั่นไม่สำคัญอีกต่อไปเพราะว่าแรงดึงดูที่น่าสะพรึงกลัวมาจากทั้งด้านล่างและด้านบนของเขา
รู้สึกเหมือนกับแรงดึงที่มองไม่เห็นนับไม่ถ้วนกำลังดึงรั้งร่างของเขาจากทั้งสองทิศทาง
ท่าทีของผู้อาวุโสสี่เปลี่ยนไปทันที
ดวงตาของเขาเริ่มหรี่ลงเพราะดาบของ ฟาง เจิ้งจือ มาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ร่างของ ฟาง เจิ้งจือ สวมเกราะที่มีเพลิงสีดำกำลังลุกไหม้ แสงสีแดงเข้มส่องสว่างรอบตัวเกราะ
ที่สำคัญที่สุดดวงตาของเขาดูต่างออกไป
ดวงตาของเขากำลังหมุนวนแสงทั้งสี่หมุนวนอยู่ในดวงตาของเขา
นี่เป็นภาพที่น่าขนลุกอย่างมาก
ผู้อาวุโสสี่รู้สึกถึงอันตรายจากดวงตาของเขามันทำให้ร่างของเขาสั่นเทา
”ไม่!”ผู้อาวุโสสี่โกรธเกรี้ยวและใช้ดาบทั้งสองเล่มป้องกันหน้าอกของเขา
อย่างไรก็ตามดาบของ ฟาง เจิ้งจือ นั้นเร็วเกินกว่าที่คิด
”ฟุบ!”เลือดสาดกระเซ็นไปในอากาศพร้อมกับแขนข้างหนึ่ง
”อ้าก!”ผู้อาวุโสสี่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดสีหน้าของเขาซีดจางในทันที
”ผู้อาวุโสสี่!”ผู้อาวุโสสามที่อยู่ด้านหลังฟาง เจิ้งจือ เห็นเลือดที่พุ่งขึ้นสู่อากาศ
มันเป็นฉากที่น่าเศร้า
แม้เขาจะเห็นด้วยตาตัวเองแต่เขาไม่อยากจะเชื่อว่าผู้อาวุโสสี่จะแพ้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว
เขาตกใจมาก
อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสสามไม่ได้กังวลมากนัก กลับกันเขายังคงสงบในขณะที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น  แม้ว่าผู้อาวุโสสี่จะบาดเจ็บแต่เขายังไม่ตาย
พวกเขายังโชคดีเขาต้องจัดการ ฟาง เจิ้งจือ โดยเฉพาะตอนนี้ที่เขากำลังยืนอยู่ด้านหลังของ ฟาง เจิ้งจือ
ดาบของเขาแทงเข้าที่หัวใจของฟาง เจิ้งจือ
มันเร็วมาก!
เขาไม่ต้องการไว้ชีวิตฟาง เจิ้งจอื และเขามั่นใจว่า ฟาง เจิ้งจือ ไม่มีทางหันกลับมาป้องกันได้ทันแน่นอน
ความจริงแล้วฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้หันกลับไปเพื่อป้องกันแม้แต่น้อย
เหมือนว่า…ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้สนใจผู้อาวุโสสามเลยสักนิด อย่างไรก็ตาม เต๋าฮุนร่วงลงมาเล็กน้อย
ดูเหมือนฟาง เจิ้งจือ จะไม่ได้จับเขาไว้แน่นนัก
น่าเสียดายที่เต๋าฮุนล่วงลงมาบังการโจมตีของผู้อาวุโสสาม
”อะไรกัน?!”ผู้อาวุโสสามหยุดการโจมตีของเขาในทันทีอย่างไรก็ตาม ลมปราณและเลือดที่ไหลเวียนนั้นเต้นรัว
การโจมตีเข้าไปนั้นง่ายมากแต่การหยุดยั้งเป็นเรื่องที่ยาก
ในขณะเดียวกันฟาง เจิ้งจือ ก็หันมองไปรอบๆ ผู้อาวุโสสามเห็นดวงตาของเขา มันสดใสและส่องสว่างด้วยแสงทั้งสี่
ในตอนนี้…เขาเข้าใจแล้วว่า ฟาง เจิ้งจือ แบกเต๋าฮุนไว้ทำไม เขาอยากจะด่าออกมาว่าไร้ยางอาย
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้พูดอะไรออกมา
ในสงครามมีเพียงสิ่งเดียวที่สำคัญนั้นคือผลประโยชน์
’ผู้ชนะได้ทุกอย่างในขณะที่ผู้แพ้จะไม่ได้อะไรเลย’
ตอนนี้ผู้อาวุโสสามคือผู้ที่พ่ายแพ้
เขาเสียขาของเขาไปเขาไม่สามารถหยุดการโจมตีสีม่วงแดงนั้นได้
ดาบนั้นเร็วมาก
”ฟุบ!”เลือดของเขาราวกับดอกไม้ที่เบ่งบาน
ผู้อาวุโสสามกระเด็นออกไปด้วยแรงมหาศาลเขาล้มลงไปที่พื้นและไม่สามารถยืนขึ้นมาได้อีก
นั่นเพราะเขาเสียขาไปแล้ว
ในขณะที่ร่างตกกระทบพื้นเขาได้ยินเสียงหนึ่งก่อนที่กระอักเลือดออกมาเต็มปาก
”ต่อไป!ข้าบอกแล้วว่าแค่พวกท่านสองคนมันไม่พอ!”
……………………………………..
Gate of God

Gate of God

เรื่องราวของฟางเจิ้งจือผู้ได้มาเกิดใหม่ในโลกที่ผู้คนสามารถใช้พลังจากธรรมชาติที่เรียกว่า’เต๋า’ได้ แต่ฟางเจิ้งจือผู้ที่เกิดมาในครอบครัวชาวบ้านธรรมดาและต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกลับต้องพัวพันกับเหตุการณ์ต่างๆทั้งการทดสอบพลังและความรู้ของอาณาจักร ความขัดแย้งทางการเมืองรวมถึงเผ่าปีศาจที่คอยชักใยแผนการอยู่เบื้องหลัง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท