Gate of God – ตอนที่ 863 โชคไม่ดี

ตอนที่ 863 โชคไม่ดี

   ฮ่าฮ่า… เฉียนยู่หัวเราะเบาๆ ไม่สนใจคำพูดของโม่ฉานฉือ นางไม่สนใจความคิดของเขา นางรู้ว่าหลังจากนี้ชื่อเสียงของปิงหยางต้องดังไปทั่วแดนศักดิ์สิทธิ์

   นี่… ศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์มองไปที่ปิงหยางพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอ

   ดำเนินการต่อไป! มู่ฉิงเฟิงเห็นท่าทีอึกอักของศิษย์คนนั้น แม้ตัวเขาเองก็ไม่อยากยอมรับความเป็นจริง แต่การแข่งขันยังคงต้องดำเนินต่อไป

   น่าเศร้าที่เจ้าไร้ยางอายไม่ได้มาด้วย… ปิงหยางพูดพร้อมเงยหน้ามองท้องฟ้าที่แจ่มใส

   ผู้ชนะคือหอคอยหลิงหยุนสามารถผ่านเข้าไปยังรอบสองได้!  เสียงประกาศดังขึ้น ศิษย์จากหลายๆสำนักเริ่มได้สติ พวกเขาปรบมือให้ปิงหยางในทันที   ห้าสำนักใหญ่นั้นคาดเดาได้ยากจริงๆ! 

   16ปี แต่อยู่ในระดับเซียนแล้ว ข้าไม่เคยพบ ไม่เคยเห็นมาก่อน! 

   อืมข้าสงสัยจริงๆ จะมีเรื่องอะไรน่าประหลาดใจกว่านี้ไหม? 

  ทุกคนต่างเฝ้ารอการแข่งขันในรอบหน้าระหว่างนิกายเงากับสำนักซวนจี

   ยินดีด้วยน้องหญิงปิงหยาง! ศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์กล่าวพร้อมก้มหัวให้ปิงหยาง

   ขอบคุณมากศิษย์พี่ฮ่าฮ่า… ปิงหยางหัวเราะพร้อมกับเดินกลับไปทางหอคอยหลิงหยุนนั่งอยู่ แต่นางก็ไม่ลืมส่งสายตาไปให้ฉือกูเหยียนที่นั่งอยู่ ฉือกูเหยียนตอบรับสายตาของนางด้วยการพยักหน้าเบาๆ

   เอาล่ะต่อไปเป็นตาของสำนักซวนจีแล้ว! หลังจากซูเหลียงพูดจบ มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมชุดสีเหลืองอ่อนกระโดดออกมาทันที ในมือของเขาถือดาบสีทองอยู่

   ข้าศิษย์สำนักซวนจีฉางเว่ย อายุ29ปีอยู่ในระดับจุติขั้นสูงสุดและเคยฆ่าสัตว์อสูรภูเขาไปแล้วห้าตัวในครั้งเดียว บนยอดเขาดอกบัวหยก!  ชายหนุ่มแนะนำตัวเองต่อทุกคนทันที

   สัตว์อสูรภูเขา?!พวกมันเทียบเท่าได้กับผู้ฝึกยุทธที่อยู่ในระดับจุติ! พวกเขาสามารถฆ่ามันได้ในการโจมตีครั้งเดียว เขาแข็งแกร่งจริงๆ! 

   สมแล้วที่เขาเข้าแข่งขันในการต่อสู้ครั้งนี้! 

   ใช่แล้วเหมือนปิงหยางที่อยู่ในระดับเซียน! 

  ศิษย์สำนักอื่นๆต่างตื่นเต้นกับการแนะนำตัวของฉางเว่ยทางกลับกันวู่จวี้เอ๋อร์กลับยิ้มเยาะขึ้นมา

   เจ้าเอาชนะสัตว์อสูรภูเขาได้ไหม? วู่จวี้เอ๋อร์หันไปมองร่างที่อยู่ด้านหลัง

   ข้าเลิกสู้กับพวกมันมานานแล้วถ้าข้าลงมือจริงๆข้าคงฆ่ามันได้สักสองสามร้อยตัวในเวลาหนึ่งชั่วโมง  วู่จวี้เอ๋อร์ได้รับคำตอบจากชายหนุ่มรูปร่างบึกบึนใส่ชุดรัดรูปสีน้ำเงิน ผิวของเขามีสีดำ เขาคือหยานฉิงผู้เติบโตมาท่ามกลางสัตว์ป่า

   สองสามร้อยตัวในเวลาหนึ่งชั่วโมง?นั่นมันจะเกินจริงไปหรือเปล่า… ฉางเว่ยดูถูกออกมาเล็กน้อย แต่เขากลับต้องกลืนคำพูดทันที ใบหน้าของเขาพลันซีดขาวเมื่อเห็นหน้าของหยานฉิง  หยาน…หยานฉิง?!  สำนักซวนจีนั้นมีอิทธิพลมากในอาณาจักรนักรบสูงสดและอาณาจักรแสงจันทร์ เช่นนั้นเป็นไปไม่ได้ที่ฉางเว่ยจะไม่รู้จักคนบ้าที่ชื่อหยานฉิง

   อะไรกัน?!หยานฉิงเข้าร่วมกับสำนักซวนจีแล้วงั้นหรือ?! 

   เป็นไปได้ยังไง?ตอนแรกเขาไม่ได้จะเข้าห้าสำนักใหญ่งั้นหรือ? 

  ทุกคนที่รู้จักหยานฉิงต่างตกตะลึงแม้แต่ซูเหลียงที่รอเขาปรากฏตัวออกมาจากป่าเพื่อดึงเขาเข้าร่วมสำนัก ยังได้รับคำตอบที่ไม่น่ายินดีนัก  สำนักซวนจี? ยังไม่คู่ควร!     ท่านเจ้าสำนักข้า…  ความมั่นใจของฉางเว่ยหายไปทันทีเมื่อเห็นหยานฉิง เขาหันไปมองซูเหลียงด้วยความรู้สึกอันเจ็บปวด ใครก็ตามที่สู้กับหยานฉิงมักจะไม่ตายก็พิการ

   ฉางเว่ยเจ้ามาไกลแล้ว เจ้าไม่ได้อ่อนแอกว่าหยานฉิง รีบจัดการอย่างรวดเร็ว อย่าปล่อยให้หยานฉิงทำเสียเวลา!  ซูเหลียงกำหมัดก่อนจะพูดออกมา ความจริงตัวเขาเองก็กังวลเช่นกัน แต่เขาก็ทำอย่างอื่นไม่ได้นอกจากพูดให้กำลังใจ

   หึไม่ต้องทำเป็นพูดดีหรอก เจ้าก็รู้ดีอยู่แล้วว่าตัวเองต้องแพ้…ชีวิตของศิษย์ไม่มีค่าอะไรกับเจ้าเลยงั้นรึ?  วู่จวี้เอ๋อร์เยาะเย้ยพร้อมยกชาขึ้นมาจิบ

   วู่จวี้เอ๋อร์…เจ้าดีใจตอนนี้ยังเร็วไป! ใบหน้าของซูเหลียงกลายเป็นสีแดงก่ำ ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้ตั้งแต่ที่หยานฉิงปรากฎตัวขึ้นมา

   ครั้งนี้สำนักซวนจีโชคไม่ดีจริงๆ มู่ฉิงเฟิงส่ายหัวหลังจากเห็นหยานฉิงปรากฎตัวขึ้น ความจริงแล้วความแข็งแกร่งของสำนักซวนจีนั้นไม่ต่างกับนิกายเงาเลย แต่ใครจะไปคาดคิดว่าหยานฉิงจะเข้าร่วมกับนิกายเงา…

   พร้อมแล้วหรือยัง? ศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์ถามผู้เข้าแข่งขัน

   พ…พร้อมแล้ว! ฉางเว่ยกล่าวออกมาพร้อมกับเหงื่อที่เต็มแผ่นหลัง

   ฉางเว่ยจากสำนักซวนจีเจอกับหยานฉิงจากนิกายเงาเริ่มได้! 

   ข้าต้องเอาชนะเจ้าให้ได้! ฉางเว่ยยกดาบขึ้นและพุ่งเข้าไปหาหยานฉิงทันทีราวกับกระทิงที่บ้าคลั่ง ดาบของเขาเขาราวกับมังกรที่แหวกว่าย ต้องบอกว่าความเก่งกาจของเขานั้นไม่ธรรมดาจริงๆ ไม่เพียงแค่เร็วเท่านั้นแต่มันยังทรงพลังมาก น่าเศร้าที่ดาบของฉางเว่ยกลับถูกหยุดกลางอากาศและแตกหักออกเป็นสองส่วนทันที จากนั้นร่างของฉางเว่ยก็กระเด็นขึ้นไปบนท้องฟ้า ฉางเว่ยจำได้เพียงลางๆเท่านั้นว่าหลังจากดาบของเขาถูกหักแล้วนั้น มือข้างหนึ่งที่แข็งดั่งเหล็กกล้าได้จับเข้าที่เอวเขา ส่วนอีกข้างจับที่แขนของเขาพร้อมกับบิดอย่างแรง

   … 

  ฉางเว่ยไม่สามารถจำได้ว่าสุดท้ายแล้วเขามานอนกองอยู่บนพื้นได้ยังไง?ที่เขารู้คือแขนข้างหนึ่งของเขาหัก ลมบนภูเขาช่างเย็นสบาย ตาของฉางเว่ยค่อยๆปิดลง เขาไม่อยากสู้อีกแล้วเพราะเขาไม่รู้ว่าครั้งหน้าเขาจะโดนอะไรอีกนอกจากแขนที่หัก

   จบแล้ว?!  

   ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะ! 

   ไม่ต้องสงสัยเลย… ศิษย์จำนวนมากมองฉางเว่ยที่อยู่บนพื้นด้วยความสงสารและรู้สึกช่วยไม่ได้ พวกเขาไม่ได้ต่อว่าฉางเว่ยกับเรื่องที่เกิดขึ้น คนที่สู้กับหยานฉิงมักจะจบลงแบบนี้เสมอ พวกเขาทำได้แค่ภาวนาให้ไม่บาดเจ็บมากนัก

   หยานฉิงจากนิกายเงาชนะ! ศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์ประกาศผลทันที ทุกคนที่อยู่รอบๆต่างหันไปมองท่าทีซูเหลียงอย่างระมัดระวัง พวกเขาจำได้ว่าซูเหลียงบอกให้ฉางเว่ยเอาชนะหยานฉิงอย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้…เขากลับแพ้อย่างรวดเร็วแทน!

  สีหน้าของซูเหลียงไม่ดีนักพูดตามตรงไม่ว่าใครอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ย่อมมีสีหน้าแบบเดียวกัน ศิษย์ที่อยู่ด้านหลังเขาสองคนมองไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่า ตอนแรกที่พวกเขาถูกเลือกเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้โดยซูเหลียงพวกเขาดีใจมาก แต่ตอนนี้พวกเขากลับ…  ท่านเจ้าสำนัก พวกเรา.. ศิษย์ทั้งสงมองไปยังฉางเว่ยที่นอนอยู่บนพื้น ก่อนจะหันไปมองหยานฉิงที่ยืนอยู่ในลานประลอง พวกเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา

   พวกเจ้าตัดสินใจกันเอาเอง! ซูเหลียงโบกมืออย่างไม่ใส่ใจมากนัก เขารู้ว่าพวกศิษย์ต้องการจะพูดอะไร

   อะไรนะ?! 

   ให้พวกเราตัดสินใจกันเอง?     หรือจะให้ข้าเลือกให้ล่ะ? 

   ไม่ไม่พวกเราจะตัดสินใจกันเอง!  ศิษย์ทั้งสองรีบตอบกลับทันที

   น้องหลี่ข้าดูแลเจ้าอย่างดีเสมอมา 

   พี่ใหญ่หวังข้าแองก็ดูแลท่านเป็นอย่างดีเช่นกัน

   ข้าแก่แล้วถ้าบาดเจ็บขึ้นมาคงใช้เวลานานกว่าจะหาย… 

   ท่านพูดถูกแต่ข้ายังเด็กและยังมีอนาคตที่สดใสมันคงน่าเศร้าถ้าข้าต้องมาตายที่นี่ใช่ไหม? 

   เด็กเด็กกว่าข้าแค่สองเดือนเนี่ยนะ?! 

   ก็ถือว่าเด็กกว่าอยู่ดีท่านควรทำตัวเป็นพี่ใหญ่ที่ดี คอยปกป้องศิษย์น้อง! 

   เจ้าเองก็ควรจะเชื่อฟังผู้ที่มีอาวุโสมากกว่าสิ! 

   หยุดสักทีให้ข้าสุ่มเลือกไปไหม?  ซูเหลียงทนไม่ได้กับการเถียงกันของทั้งสองคนและเกือบจะถีบทั้งคู่ออกไปทันที   ไม่จำเป็นข้าไม่ว่าอะไรหรอกถ้าสำนักซวนจีจะส่งขยะสองชิ้นลงมา!  หยานฉิงพูดออกมาในทันที

   ทั้งคู่?! 

   เขาบ้าไปแล้ว! 

  ศิษย์รอบๆต่างตกตะลึง

   หยานฉิงเจ้าพูดออกมาเองนะ! ซูเหลียงหรี่ตา เขารู้สึกหงุดหงิดกับท่าทีมั่นใจของหยานฉิง

   อืม หยานฉิงพยักหน้า  มีปัญหาไหม วู่จวี้เอ๋อร? 

   ไม่ วู่จวี้เอ๋อร์ส่ายหน้าราวกับไม่สนใจเรื่องตรงหน้าแม้แต่น้อย

   ได้วู่จวี้เอ๋อร์เจ้ายังคับให้ข้าทำแบบนี้เองนะ! เจ้าจะได้เห็นว่าสำนักซวนจีแข็งแกร่งแค่ไหน!  เมื่อซูเหลียงกล่าวพลังอันสดใสก็ปรากฏขึ้นในมือทั้งสองข้างของเขา

  ……………………………………..

 

Gate of God

Gate of God

เรื่องราวของฟางเจิ้งจือผู้ได้มาเกิดใหม่ในโลกที่ผู้คนสามารถใช้พลังจากธรรมชาติที่เรียกว่า’เต๋า’ได้ แต่ฟางเจิ้งจือผู้ที่เกิดมาในครอบครัวชาวบ้านธรรมดาและต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกลับต้องพัวพันกับเหตุการณ์ต่างๆทั้งการทดสอบพลังและความรู้ของอาณาจักร ความขัดแย้งทางการเมืองรวมถึงเผ่าปีศาจที่คอยชักใยแผนการอยู่เบื้องหลัง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท