Gate of God – ตอนที่ 867 เป็นหนี้ชีวิต

ตอนที่ 867 เป็นหนี้ชีวิต

  ชิวจิ้งเฟิงเบิกตากว้างเขาเข้าร่วมกับศาลาเต๋าสวรรค์มานานมากแล้ว ทั้งยังเป็นศิษย์พี่ของศิษย์ส่วนมาก

  อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เป็นที่สนใจมากนัก จนเมื่อไม่นานมานี้จู่ๆมู่ฉิงเฟิงก็เรียกเหล่าศิษย์ที่มีอายุน้อยกว่า 30 มารวมกัน

  ตอนนั้นเองที่ชิวจิ้งเฟิงรู้ว่าโอกาสที่เขารอคอยได้มาถึงแล้ว

  ได้เวลาที่เขาจะส่องประกาย

  ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้แม้พวกเขาจะได้รับโอกาสนั้นก็ตาม มันต้องใช้เวลาในทุกๆวันฝึกอย่างหนัก จนชิวจิ้งเฟิงทำได้ในที่สุด

  แม้เขาจะไม่เป็นที่รู้จักมาก่อนแต่เขาก็ไม่คิดยอมแพ้เพื่อที่จะเข้าสู่ระดับเซียน

  ในวันที่การฝึกฝนอย่างเอาเป็นเอาตายจบลงมู่ฉิงเฟิงได้เลือกเขา

  เขาได้รับเลือกจากศิษย์นับร้อยและจะไม่ทำให้มู่ฉิงเฟิงต้องผิดหวัง ในที่สุดเขาก็เข้าสู่ระดับเซียนได้

  อย่างน้อยเขาก็ภูมิใจในตัวเองอย่างมากที่กลายเป็นเซียนได้

  อย่างไรก็ตามตอนนี้…

  เมื่อเขาจ้องมองดาบยาวที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ได้ยินอะไรอีกเลย แม้แต่เสียงลมหรือหิมะที่ตกลงมา แม้แต่มู่ฉิงเฟิงที่ตะโกนเรียกเขา

  เขาได้ยินเพียงเสียงเต้นของหัวใจเท่านั้น

  ตึกตึก…ตึกตึก

  มันเป็นเสียงของหัวใจที่เต้นรัวและหวาดกลัวเล็กน้อย ความกลัว ความสิ้นหวัง และไม่เต็มใจที่จะยอมรับชะตากรรมของตนเองได้ปะทุขึ้น

   อ้าก!! ชิวจิ้งเฟิงใช้ดาบสั้นแทงไปที่หนานกงมู่ด้วยมือซ้าย

  นี่ใช่ไม่การเคลื่อนไหวของชายที่เยือกเย็นแต่เป็นวิธีปลดปล่อยอารมณ์ความรู้สึกที่อัดแน่นออกมา

  ฟุ่บ!เลือดพุ่งออกมาในขณะที่ดาบของหนานกงมู่แทงมาที่หน้าอกของเขา

  เวลาดูเหมือนจะหยุดลงชั่วขณะ

  ชิวจิ้งเฟิงยืนอยู่เงียบๆดาบปักอยู่บนหน้าอกของเขา และส่องแสงสีขาวออกมา

  มันให้ความรู้สึกที่หนาวเย็น

  มันเย็นมากจนมือของเขาแข็งตัว

  แคล้ง!ดาบในมือของเขาตกลงสู่พื้น

  ดาบสั้นหยุดอยู่กลางอากาศไม่พุ่งต่อไปด้านหน้า มันถูกหยุดไว้โดยดอกไม้น้ำแข็ง

   เจ้าแพ้แล้ว! เสียงของหนานกงมู่ดังขึ้นมา จากนั้นชิวจิ้งเฟิงก็รู้สึกว่าดาบค่อยๆถูกดึงออกจากหน้าอกอย่างรวดเร็ว พร้อมกับความเจ็บปวดที่แสนสาหัส

   ใช่ข้าแพ้แล้ว…  ชิวจิ้งเฟิง ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา และล้มลงบนพื้น

   ดาบของข้าแทงอยู่เหนือหัวใจของเจ้าไปครึ่งนิ้วมิติพิเศษของเจ้าจะถูกผนึกไว้เป็นเวลา 7 วัน!  หนานกงมู่พูดอีกครั้ง น้ำเสียงของเขายังคงไร้อารมณ์เหมือนเมื่อก่อน

   ครึ่งนิ้ว?7 …7 วัน …  ชิวจิ้งเฟิงตกใจก่อนที่เขาจะรู้สึกประหลาดใจ อย่างไรก็ตามมันถูกแทนที่ด้วยความไม่เชื่อ

  ถูกต้องแล้วเขาไม่อยากจะเชื่อแม้แต่น้อย

  ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่ไว้ใจหนานกงมู่

  เขาไม่คิดว่าหนานกงมู่จะสามารถควบคุมตำแหน่งของดาบได้อย่างแม่นยำทั้งๆที่อยู่ในการต่อสู้ที่ดุเดือด

  เว้นแต่ว่าหนานกงมู่จะแข็งแกร่งกว่าเขามากจนเขาไม่สามารถเอาชนะได้

   ทำไม? ชิวจิ้งเฟิงไม่เข้าใจว่าทำไมหนานกงมู่ถึงไว้ชีวิตเขา เพราะเขาไม่คิดว่าตัวเองนั้นมีค่าพอขนาดนั้น

   ข้าคิดว่าเจ้าคงรู้จักกับคนๆหนึ่ง หนานกงมู่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย   ใครกัน? ชิวจิ้งเฟิงถามโดยไม่คิด

   ฟางเจิ้งจือ 

   ฟางเจิ้งจือ?!ใช่ …ข้ารู้จักเขา แต่พวกเราไม่ได้สนิทกัน และข้าไม่เคยพูดคุยกับเขามาก่อน … 

   เขาเป็นเพื่อนของข้า หนานกงมู่ไม่ได้รอจนชิวจิ้งเฟิงพูดจบ

   เพื่อน?! 

   ใช่เขาพูดเสมอว่าเขาไม่ใช่นักฆ่า โดยเฉพาะถ้านั้นเป็นในการแข่งขันแล้วด้วย เพราะเขาเชื่อว่าการแข่งขันไม่ใช่แค่การแข่งขัน ทุกคนต่างสู้เพื่อตัวเอง เจ้าแค่ต้องเอาชนะคู่ต่อสู้ ไม่จำเป็นต้องเอาชีวิต ไม่ได้คิดอย่างนั้นหรอกหรือ? 

   … ชิวจิ้งเฟิงงุนงงก่อนจะเผยยิ้มอย่างขมขื่น

  ถ้ามีคนพูดกับเขาแบบนี้ตั้งแต่เมื่อ15 นาทีก่อน เขาจะเย้ยหยันในความไร้เดียงสาเช่นนั้น  ในโลกที่ซึ่งความแข็งแกร่งจะได้รับความเคารพคนแข็งแกร่งสามารถควบคุมได้ทุกอย่าง

  ในทางกลับกันผู้ที่อ่อนแอ…

  ชะตากรรมของพวกเขาตกอยู่ในมือของผู้มีอำนาจ

  อย่างไรก็ตามเขาเป็นแค่ชายที่ไร้เดียงสาเมื่ออยู่ต่อหน้าหนานกงมู่

   ข้าเป็นหนี้ชีวิตเขา…  ชิวจิ้งเฟิงกำมือแน่นและด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ดวงตาของเขาส่องสว่าง มันซับซ้อนเกินกว่าจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้

   ใช่จริงๆแล้วข้าก็เป็นหนี้ชีวิตเขาเหมือนกัน เขาทำให้ข้ารู้จักบางอย่างที่ข้ารู้สึกว่ามีค่ามากกว่าชีวิต  หนานกงมู่พยักหน้าและก้าวถอยไปห้าก้าวก่อนที่จะเงียบลงอีกครั้งแล้วยืนรอนิ่ง

  ในที่สุดศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์ก็ตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นและช่วยชิวจิ้งเฟิงอย่างระมัดระวัง

   ศิษย์พี่จิ้งเฟิงเขา… 

   ข้าไม่เป็นไรข้าแค่สูญเสียพลังเพียงเจ็ดวันเท่านั้น… 

   เจ็ดวัน? ศิษย์คนนั้นงงงวยเล็กน้อย แต่เขาก็ได้สติอย่างรวดเร็ว เขามองหนานกงมู่ด้วยท่าทีอันซับซ้อน ก่อนที่เขาจะห้มหัวให้หนานกงมู่อย่างรวดเร็ว  ขอบคุณ 

  หนานกงมู่ไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงยืนเงียบเท่านั้น

   ชัยชนะรอบแรกเป็นของตระกูลหนานกง…หนานกงมู่! ผลลัพธ์ถูกประกาศอย่างรวดเร็ว

  อย่างไรก็ตามผู้คนจากสำนักอื่นๆต่างตกตะลึง

  ’ทำไมถึงเร็วขนาดนี้?’

  ’ทำไมหนานกงมู่เด็กหนุ่มที่ไม่มีใครรู้จักถึงแข็งแกร่งขนาดนี้?’

  ’เขาอยู่ในระดับไหนกันแน่?พลังอะไรกัน?’

  คำถามเหล่านี้เกิดขึ้นในใจของพวกเขาแม้แต่โม่ฉานฉือ มู่ฉิงเฟิงเองก็ตกอยู่ในความเงียบเช่นกัน

  ทันใดนั้นมีร่างหนึ่งเดินออกมาจากฝั่งศาลาเต๋าสวรรค์นางสวมชุดสีชมพูราวกับดอกไม้ขับรูปร่างของนาง นางค่อยๆเดินเข้าไปในลานประลองและหยุดต่อหน้า

  หนานกงมู่ก่อนจะค่อยๆรวบผมขึ้น

  มันเป็นการเคลื่อนไหวที่ธรรมดา…

  อย่างไรก็ตามมันทำให้ศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์ตกตะลึงเพราะมีแค่เวลาฉือกูเหยียนจริงจังเท่านั้นที่นางจะมัดผม

   ฉือกูเหยียนนั่นฉือกูเหยียน! 

   ในที่สุดศาลาเต๋าสวรรค์ก็ส่งฉือกูเหยียนออกมาแล้ว? 

   ข้าไม่คิดแบบนั้น…ข้าคิดเพราะว่าพวกเขาไม่มีทางเลือกหนานกงมู่นั้นแข็งแกร่งเกินไป ศาลาเต๋าสวรรค์คงไม่มีเซียนที่อายุต่ำกว่าสามสิบปี 

   แต่ที่ข้ารู้ฉือกูเหยียนอายุเพียง17ปีและยังไม่ได้เข้าสู๋ระดับเซียนนางจะสู้ได้งั้นหรือ? 

  ผู้คนจากสำนักอื่นๆต่างถกเถียงกัน

  มูฉิงเฟิงกัดฟันแน่น

  อย่างที่คนอื่นบอกเขาไม่อยากส่งฉือกูเหยียนออกไปในรอบแรก แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

  ตอนที่ฉือกูเหยียนเดินออกไปนางไม่ได้ถามความเห็นของเขา นั่นเพราะฉือกูเหยียนรู้คำตอบดีอยู่แล้ว

   กูเหยียนระวังตัวด้วย.. มู่ฉิงเฟิงเตือนนางเบาๆ

  บรรยากาศรอบๆตกอยู่ในความเงียบทันทีอย่างไรก็ตาม ไม่นานความเงียบก็ถูกทำลายลงในทันที เสียงใสๆดังขึ้น

   สู้เขาพี่เหยียน!จัดการเจ้าโง่นั่นเลย หนานกงมู่ถ้าเจ้ากล้าทำอะไรพี่เหยียน..ข้าจะ…ข้าจะ..เอ่อใช่ หนานกงมู่เมื่อไรเจ้าจะคืนเงินที่ยืมข้าไป? 

   … 

   … 

  ทุกคนรู้สึกราวกับถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในโลกที่แปลกไป

  ’คืนเงิน?’

  ’มันเป็นเวลาที่ต้องสนใจเรื่องพวกนั้นหรือไง?’

  แน่นอน่วาพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้จากคิดเพราะคนที่พูดนั้นคือปิงหยาง องค์หญิงของอาณาจักรเซี่ย

   หนานกงมู่ตอนที่เจ้าอยู่เมืองหลวงข้าจ่ายข้าอาหารค่าที่พักให้เจ้า เมื่อไรเจ้าจะคืนหนึ่งแสนเหรียญเงินให้ข้าสักทีหา? ปิงหยางไม่สนใจว่าคนอื่นจะพูดยังไง นางยังคงพูดต่อไป

   … ทุกคนรู้สึกพูดไม่ออกอีกครั้ง

  หนานกงมู่เองก็ยืนนิ่งราวกับไม่ได้ยินปิงหยาง   หนานกงมู่ถ้าเจ้ากล้ายืมเงินข้าเจ้าก็ควรเป็นลูกผู้ชายแล้วคืนมาให้ข้าด้วย… 

   ปิงหยางหยุดเถอะ  เสียงของฉือกูเหยียนขัดขึ้น นางเงยหน้ามองท้องฟ้า แสงดวงดาวปรากฎขึ้นบนตาของนาง

   พี่เหยียน… ดูเหมือนปิงหยางจะผิดหวังเล็กน้ยแต่นางไม่พูดอะไรออกมา นางเพียงมองหนานกงมู่อย่างโกรธเคือง แม้จะเป็นตัวนางและฟางเจิ้งจือเองก็ตามที่ชวนหนานกงมู่มาพัก มันจริงที่หนานกงมู่ไม่จำเป็นต้องเสียค่าอาหารและที่พักให้นางในฐานะเจ้าบ้าน แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่นางจะต้องเลือกระหว่างฉือกูเหยียน และหนานกงมู่

   เริ่มกันเถอะ ฉือกูเหยียนกล่าวขึ้นมาเรียบๆ

   เดี๋ยวก่อนก่อนที่จะเริ่มขึ้ามีคำถามเล็กน้อย  หนานกงมู่ส่ายหัว

   ได้ ฉือกูเหยียนพยักหน้า แต่ดูนางแปลกใจเล็กน้อย เพราะท่าทีอันผิดปกติของหนานกงมู่ การที่เขาจะถามอะไรออกมาถือว่าเป็นเรื่องยากมาก

   ทำไม่หยุดฟางเจิ้งจือไม่ให้ไปที่ศาลาหยินหยาง? ขณะที่พูดหนานกงมู่จับดาบในมือแน่น

   ถ้าเป็นเจ้าเจ้าจะหยุดเขาไหมล่ะ?  ฉือกูเหยียนถามกลับด้วยคำถามเช่นกัน หลังจากนางเงียบไปชั่วครู่

   ข้า…คงไม่ หนานกงมู่ส่ายหัว แต่เขาก็พูดออกมาอีกครั้ง  แต่ข้าจะหยุดเก้าขุนเขาจากการเอาตัวเขาไป! 

   เจ้าคิดว่าเขาตายแล้วหรือยัง? ฉือกูเหยียนเงียบไปชั่วครู่ก่อนถามออกมา

   ไม่มีใครรอดได้แม้แต่ฟางเจิ้งจือก็ตาม… 

   ถ้าเขาเป็นคนที่ถูกเลือกล่ะ? 

   คนที่ถูกเลือก? 

   ใช่แล้วผู้ที่ถูกเลือก! 

   ผู้ที่ถูกเลือก…ฮ่าฮ่าผู้ที่ถูกเลือก…ผู้ที่ชนะบนทำเนียบมังกรทั้งสองจะทำให้โลกต้องตกตะลึงและนำพาความสงบมาสู่โลก เหอะ? ฉือกูเหยียนเจ้ารู้ไหมว่าความจริงแล้วมันหมายถึงพวกเรา ตระกูลหนานกง..  หนานกงมู่พูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ยังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงดังขึ้น

   มู่เอ๋อร์! เสียงของใครบางคนขัดขึ้นมา พร้อมกับร่างของเขาที่ปล่อยพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมาในชั่วพริบตา

  เป็นหนานกงเทียน

   หนานกงเทียนแข็งแกร่งขนาดนี้เลยงั้นหรือ? 

   ปิดบังพลังของตัวเองงั้นรึ?…ตระกูลหนานกงหลังจากปิดบังตัวเองมาตลอดตอนนี้กำลังจะทำอะไรกันแน่? 

  ทุกคนต่างคาดเดาไปต่างๆนาๆ

  ……………………………………..

 

Gate of God

Gate of God

เรื่องราวของฟางเจิ้งจือผู้ได้มาเกิดใหม่ในโลกที่ผู้คนสามารถใช้พลังจากธรรมชาติที่เรียกว่า’เต๋า’ได้ แต่ฟางเจิ้งจือผู้ที่เกิดมาในครอบครัวชาวบ้านธรรมดาและต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกลับต้องพัวพันกับเหตุการณ์ต่างๆทั้งการทดสอบพลังและความรู้ของอาณาจักร ความขัดแย้งทางการเมืองรวมถึงเผ่าปีศาจที่คอยชักใยแผนการอยู่เบื้องหลัง

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท