Gate of God – ตอนที่ 904 ในฐานะลูกผู้ชาย

ตอนที่ 904 ในฐานะลูกผู้ชาย

  ฟางเจิ้งจืออยากจะด่าไป่ฉืออย่างไรก็ตามการหลบหนีออกไปให้ได้เป็นเรื่องที่สำคัญกว่า

  เพราะไป่ฉือเพียงแค่เปิดปากทำให้คมเขี้ยวหลุดจากคอเท่านั้น แต่ร่างของพวกเขายังคงประชิดติดกันอยู่

  ถ้าฟางเจิ้งจือเลือกหนีไปด้านหน้าก็ถูกหนานกงเฮาขวางทางอยู่

  แม้เขาจะกลิ้งตัวหนีไปได้เขาก็จะไม่ทำเช่นนั้นอยู่ดี เพราะนั่นเป็นการเปิดแผ่นหลังให้ไป่ฉือโดยไร้ทางป้องกัน

  นางสามารถใช้กรงเล็บฟาดมาที่เขาได้อย่างง่ายดาย…

  และควบคุมเขาอีกครั้ง

  ดังนั้นแม้ฟางเจิ้งจือจะหมดหวังกับหนทางหนีแต่เขาก็รู้ดีว่าเขาต้องทำให้ไป่ฉือไม่สามารถโจมตีเขาได้อีก  ทำยังไง?

  วิธีหลบหนีนับไม่ถ้วนแล่นผ่านจิตใจของเขาอย่างการตบไป่ฉือหรือสาดผงมะนาวใส่ตา

  แต่เขาไม่สนใจหนทางเหล่านี้เขากำลังต่อสู้กับจักรพรรดินีอสูร อสูรร้ายที่รู้ทันแผนการของเขาถึงสองครั้งสองครา

  ไม่!

  เขาไม่มีทางใช้วิธีธรรมดาได้แน่นอน!

  เขายังต้องใช้หนานกงเฮาให้เป็นประโยชน์เพราะเป็นสิ่งเดียวที่อยู่ในสายตาของไป่ฉือ หนานกงเฮาเป็นคนเดียวที่มีความสำคัญต่อนาง

  อย่างไรก็ตามเขาควรทำยังไงจะใช้หนานกงเฮาช่วยเขาหนีหรือปล่อยเขาไว้กับไป่ฉือแบบนี้?

  ใช่แล้วสลับตำแหน่ง(วิชาเต๋าสวรรค์)!

  ฟางเจิ้งจือคิดได้เฉพาะหนทางนี้แม้จะไม่ใช่ความคิดที่ดีที่สุด แต่เขาไม่มีเวลาแล้ว  เขาตัดสินใจอย่างไม่ลังเลในตอนนั้นเองแสงฟ้าก็ปรากฎขึ้น พร้อมกับส่องสว่าง

   ฮึ่ม?พยายามหนีงั้นรึ?!  ด้วยลางสังหรณ์ที่แข็งแกร่ง ไป่ฉือตอบสนองและเอื้อมมือไปขวางทางฟางเจิ้งจือเอาไว้

  มันเร็วมากมากกว่าครั้งก่อนหน้านี้เสียอีก

  แคร้ง!

  เสียงที่แหลมคมกระทบกันอย่างรุนแรงให้ความรู้เหมือนกับการปะทะที่รุนแรงระหว่างมือของไป่ฉือและแสงสีฟ้า

   นี่มัน…นางตอบสนองเร็วขนาดนี้ได้ยังไง?! ฟางเจิ้งจือหยุดและขมวดคิ้ว แม้เขาจะคิดไว้แล้วว่าโอกาสสำเร็จมีไม่สูงนัก แต่เขาไม่คิดว่ามันจะถูกสกัดได้อย่างง่ายดายเช่นนี้

  ทันใดนั้นเองความโกรธก็เริ่มครอบงำตัวเขา

  เขาถูกขัดขวางซ้ำแล้วซ้ำอีกฟางเจิ้งจือรู้สึกละอายอย่างมาก

  เขามองว่าตัวเองเป็นหนึ่งในนักสู้ที่แข็งแกร่งมาตลอด

  เขาโกรธมากเขายังจำได้ดีว่าโม่ฉานฉือทำให้ไป่ฉือล่าถอยได้ยังไงหลังจากที่เขาบ้าคลั่งเพราะความโกรธ บางทีเขาอาจจะทำได้เหมือนกัน?

  แต่ตอนที่สู้กับโม่ฉานฉือนางไม่ได้อยู่ในร่างอสูรไป่ฉือในร่างอสูรเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์

  แน่นอนว่าไม่สำคัญอีกต่อไป

  ฟางเจิ้งจือไม่มีทางอื่นถ้าเขาเลือกที่จะสู้ด้วยชีวิต เขาอาจมีชีวิตรอด แต่ถ้าเขาไม่ทำเขาต้องตายแน่นอน

  เขากัดฟันแน่นและรวมรวบพลังทั้งหมดอย่างไม่ลังเล

  ครืด!แสงสีฟ้าเริ่มกระพริบทำให้มือของไป่ฉือสั่นเริ่มสั่นไหว

   เด็กเหลือขอพยายามจะสู้กับข้าด้วยพลังทั้งหมดงั้นหรือ?  ไป่ฉือตกใจมาก นางคิดเสมอว่าเผ่าอสูรนั้นมีความแข็งแกร่งมากกว่าพวกมนุษย์ในเรื่องของพลังกาย

  มนุษย์จะกล้าต่อสู้กับพวกเขาได้ยังไง?

  นั่นคือความคิดของนางในฐานะจักรพรรดินีอสูรนางมั่นใจกับเรื่องนี้มาก

  แม้ว่าชื่อจิ้งจอกขาวเก้าหางจะไม่ได้รับมาเพราะความแข็งแกร่งในฐานะอสูรแต่ถ้าแพ้เรื่องพลังกายให้กับฟางเจิ้งจือ นางคงโกรธแค้นอย่างมาก

  ดังนั้นเมื่อนางเห็นฟางเจิ้งจือพยายามจะหนีหางของนางก็เคลื่อนไหวและฟาดลงมาจากท้องฟ้า

  ตูม!พลังที่รุนแรงกระทบกับแผ่นหลังของเขาทำให้ร่างของฟางเจิ้งจือสั่นไหว จนเกือบกระอักเลือดออกมา

  ยิ่งไปกว่านั้นฟางเจิ้งจือรู้ว่าแสงสีฟ้าได้รับแรงกระแทกจากการโจมตี

  แข็งแกร่งจริงๆ!

  นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงความกดดันจากพลังที่แข็งแกร่งตั้งแต่เขาออกจากหม้อหลอมในเก้าขุนเขาไป่ฉือมีพลังเหนือความคาดหมายของเขาอย่างชัดเจน

  ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมพลังแห่งท้องฟ้าและผืนดินหรือความแข็งแกร่งของพลังกาย มันเป็นความสามารถแทบจะอยู่ในระดับสูงสุดอย่างไร้ความบกพร่องใดๆ

  แต่ฟางเจิ้งจือทำอะไรได้บ้าง

  นั่งดูอย่างสิ้นหวัง?

  มู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือพูดเหมือนจะช่วยเขาแต่ความจริงฟางเจิ้งจือรู้ว่าพวกเขาเพียงแค่พยายามทำให้ไป่ฉือสับสน เป้าหมายที่แท้จริงสำหรับคนอย่างพวกเขาคือหนานกงเฮาอย่างไม่ต้องสงสัย

   เอาเลย! เขาพูดขึ้น การพึ่งตัวเองดีกว่าการพึ่งพาคนอื่น ฟางเจิ้งจือไม่โง่พอที่จะฝากความหวังไว้กับโม่ฉานฉือและมู่ฉิงเฟิง

  ดังนั้นเขาสามารถจัดการเองได้!

  ไม่ว่าเขาจะทำสำเร็จหรือไม่เขาก็ต้องทำ

  ตูม!ฟางเจิ้งจือปล่อยกลิ่นอายที่ดุร้ายออกมา ชุดเกราะที่มีเปลวไฟสีดำกำลังลุกโชนพร้อมกับแสงสีแดงเลือดที่เปล่งประกาย… ไม่ว่าจะได้ผลหรือไม่พวกมันจะกำลังปรากฎขึ้นบนร่างของเขา

  จากนั้นเขารู้สึกว่าร่างกายขยับไปทางแสงสีฟ้าหนึ่งนิ้วแม้จะเป็นระยะเพียงเล็กน้อยแต่ก็ทำให้เขารู้สึกมีหวัง

   ้อา…ยายแก่ สู้กับข้าตรงๆเลย ถ้าเจ้ากล้าพอ! 

   ตรงๆ? ริมฝีปากของไป่ฉือกระตุกนางอยากจะเตือนฟางเจิ้งจือที่พลาดท่าให้นางก่อนหน้านี้

  อย่างไรก็ตามก่อนที่นางจะพูดนางรู้สึกได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งกำลังแผ่ออกมาจากร่างฟางเจิ้งจือ มันแข็งแกร่งจนทำให้เขาหลุดไปจากมือของไป่ฉือได้

   เจ้านี่…แข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง?! ไป่ฉือตกใจกับพลังของฟางเจิ้งจือที่เพิ่มขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด มันเป็นเรื่องยากที่จะควบคุมเขาได้  ตูม!ในตอนนั้นเอง สายฟ้าสีม่วงผ่าลงมาจากท้องฟ้าราวกับดาบที่แหลมคม และพุ่งไปที่หว่างคิ้วของนาง

  ไป่ฉือรู้ว่านี่เป็นพลังของฟางเจิ้งจือนางรู้สึกได้ถึงความแตกต่างระหว่างสายฟ้านี้กับสายฟ้าธรรมดา

  ผสานเต๋า?

  ไป่ฉือยกมือขึ้นข้างหนึ่งโดยไม่รู้ตัวสายฟ้าสีทองปรากฎขึ้นในมือของนางอย่างรวดเร็ว

   จัดการ! ไป่ฉือตะโกนขณะที่สายฟ้าสีทองพุ่งออกจากมือของนางมันพุ่งไปหาสายฟ้าสีม่วงด้วยความเร็วสูง

  แต่ทันใดนั้นเองนางรู้สึกว่าอันตรายกำลังจะเกิดขึ้นด้วยลางสังหรณืที่แข็งแกร่ง

  อย่างไรก็ตามไป่ฉือไม่เข้าใจว่าฟางเจิ้งจือกลายเป็นต้นกำเนิดของลางอันตรายนั้นได้อย่างไร ทั้งๆที่นางอยู่ในร่างอสูร…

  ขณะที่นางกำลังคิดก็ตระหนักว่าสายฟ้าสีม่วงที่กำลังพุ่งเข้ามาหยุดเคลื่อนไหวกระทันหันและเกิดเป็นฉากที่แปลกประหลาด

  สายฟ้าหายไป

  จากนั้นนางก็รู้สึกถึงแสงสว่างที่ส่องผ่านดวงตา

   ดาบ?! ในที่สุดไป่ฉือก็เห็นแสงสีม่วงอย่างชัดเจนมันไม่ใช่สายฟ้า แต่เป็นดาบยาวที่ห่อหุ้มด้วยสายฟ้า

  ดาบไร้ร่องรอย!

  เกือบจะในทันทีนางหันหลังแต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรมากกว่านั้น มันก็กระแทกที่แผ่นหลังของนางอย่างรวดเร็ว

  ตูม!

  ร่างของไป่ฉือสั่นไหวนางรู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่หลัง เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วท้องฟ้า

  อย่างไรก็ตามสายเลือดพวกนั้นถูกกลืนกินโดยดาบไร้ร่องรอยทันทีพร้อมกับส่งเสียงคร่ำครวญเบาๆออกมา  ฉากนั้นเกิดขึ้นเร็วมาก

  มันเร็วเกินไป

  ทุกอย่างเกิดขึ้นในพริบตาตั้งแต่การหลบหนีของฟางเจิ้งจือ กลิ่นอายที่แข็งแกร่งถูกปล่อยออกมา รวมไปถึงการโจมตีของดาบไร้ร่องรอย

  หลังจากไป่ฉือถูกโจมตีด้วยดาบไร้ร่องรอยเหล่าราชาอสูรต่างก็เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

   เขาทำจักรพรรดิอสูรนีบาดเจ็บ! 

   เป็นไปไม่ได้! 

  ไม่มีใครเชื่อสายตาตัวเองได้พวกเขามั่นใจว่าจักรพรรดินีอสูรไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน

  โฮก!

  โฮก….

  เหล่าราชาอสูรต่างพากันส่งเสียงคำรามอย่างต่อเนื่องจักรพรรดินีอสูรเป็นผู้ที่อยู่เหนือพวกเขาทั้งหมด  ตอนนี้นางได้รับบาดเจ็บพวกเขาจะไม่โกรธแค้นได้อย่างไร

  อย่างไรก็ตามมันยังไม่จบ ทันทีที่ดาบไร้ร่องรอยโจมตีไป่ฉือ ฟางเจิ้งจือก็เคลื่อนที่เข้าหาแสงสีฟ้า

  ในขณะเดียวกันร่างของหนานกงเฮาก็ปรากฎขึ้นต่อหน้าไป่ฉือ

  ใช่แล้วสลับตำแหน่ง(วิชาเต๋าสวรรค์)!

  การเปลี่ยนตำแหน่งสร้างความประหลาดใจให้กับไป่ฉือแม้นางจะรู้ว่าฟางเจิ้งจือหนีไปแล้ว แต่นางไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเปลี่ยนตำแหน่งกับหนานกงเฮากลับมาเช่นนี้

   สลับตำแหน่งด้วยวิชาเต๋าสวรรค์? ไป่ฉือตระหนักได้ในที่สุด นางไม่รู้จะตอบโต้อย่างไรเมื่อเห็นหนานกงเฮา

  คำตอบนั้นอยู่ตรงหน้า

  การหลบหนีของฟางเจิ้งจือได้ส่งหนานกงเฮาคืนให้นางถ้านางรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ นางคงปล่อยฟางเจิ้งจือไปด้วยความยินดี   หนีไปแม้ว่าเจ้าจะหนีข้าไปได้ในวันนี้ แต่ไม่ช้าก็เร็วข้าจะจับเจ้าได้ในสักวันอยู่ดี  ไป่ฉือไม่กังวลแม้แต่น้อย เทียบกับการฆ่าฟางเจิ้งจือแล้ว การควบคุมหนานกงเฮามีความสำคัญกว่ามาก

  ไป่ฉือยื่นมืออกไปคว้าไหล่ของหนานงเฮาไว้และลืมเรื่องของฟางเจิ้งจือ นางรู้ว่าเขาจะไม่หันกลับมาหลังจากหนีไปได้

  อย่างไรก็ตาม…

  ฟางเจิ้งจือกลับมา

  นอกจากนี้มันเร็วมากทันทีที่หนานกงเฮาปรากฎตัวต่อหน้าไป่ฉือ ฟางเจิ้งจือก็ปรากฎตัวที่ด้านหลังของนาง

  ในขณะนั้นเองเขาเตะไปที่หัวของไป่ฉือ

  ตูม!

  พลังของแรงกระแทกที่เกิดขึ้นกลางอากาศผู้ที่มองอยู่ด้านล่างไม่สามารถรับรู้ได้ มีเพียงไป่ฉือเท่านั้นที่รู้ว่ามันเป็นอย่างไร

  ทั้งๆที่ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบลื่น   หนีไปแม้ว่าเจ้าจะหนีข้าไปได้ในวันนี้ แต่ไม่ช้าก็เร็วข้าจะจับเจ้าได้ในสักวันอยู่ดี  ไป่ฉือไม่กังวลแม้แต่น้อย เทียบกับการฆ่าฟางเจิ้งจือแล้ว การควบคุมหนานกงเฮามีความสำคัญกว่ามาก

  ไป่ฉือยื่นมืออกไปคว้าไหล่ของหนานงเฮาไว้และลืมเรื่องของฟางเจิ้งจือ นางรู้ว่าเขาจะไม่หันกลับมาหลังจากหนีไปได้

  อย่างไรก็ตาม…

  ฟางเจิ้งจือกลับมา

  นอกจากนี้มันเร็วมากทันทีที่หนานกงเฮาปรากฎตัวต่อหน้าไป่ฉือ ฟางเจิ้งจือก็ปรากฎตัวที่ด้านหลังของนาง

  ในขณะนั้นเองเขาเตะไปที่หัวของไป่ฉือ

  ตูม!

  พลังของแรงกระแทกที่เกิดขึ้นกลางอากาศผู้ที่มองอยู่ด้านล่างไม่สามารถรับรู้ได้ มีเพียงไป่ฉือเท่านั้นที่รู้ว่ามันเป็นอย่างไร

  ทั้งๆที่ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบลื่น  แต่ไป่ฉือกลิ้งไปด้านข้างร่างของนางหมุนไปสองสามรอบบนท้องฟ้า

   จะหนีหลังจากที่มากัดข้างั้นเหรอฝันไปเถอะ! ฟางเจิ้งจือตะโกนออกมาพร้อมหน้าที่บูดบึ้ง

  ราชาอสูรเหล่าศิษย์ ต่างพากันตกตะลึงอย่างสมบูรณ์

  ไม่มีใครคิดว่าฟางเจิ้งจือจะกลับมาหลังจากหนีจากการควบคุมของไป่ฉือไปได้แล้ว

  แต่เขากลับมา…

  ไม่เพียงแค่นั้นเขายังส่งไป่ฉือกระเด็นไปไกลได้สำเร็จ

  มันไร้สาระแค่ไหนกัน?

  มันเป็นไปได้ยังไง?

   ฟางเจิ้งจือ…บ้าไปแล้วเหรอ? 

   เขาจะต้องบ้าไปแล้วแน่ๆแต่เขาก็สามารถเตะไป่ฉือกระเด็นไปไกล! 

   เขาคิดอะไรอยู่กันแน่?    ไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นฟางเจิ้งจือคิดจะหนีอย่างเห็นได้ชัด แล้วทำไมถึงหันกลับมา?

  แน่นอนว่าฟางเจิ้งจือไม่สนใจจะตอบคำถามพวกนี้

  ในฐานะคนๆหนึ่งเขาควรหนีเมื่อมีพลังไม่มากพอ นั่นไม่ใช่เรื่องน่าอายแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามนั่นไม่ได้หมายความว่า เขาต้องกลัวที่จะโจมตีเมื่อมีโอกาส ถ้าเขาเป็นแบบนั้นจะเรียกว่าคนได้ยังไง!

  ถ้าชนะไม่ได้ก็หนีแต่ถ้าชนะได้ก็ไม่ควรหนี!

  เป็นเรื่องที่ง่ายมากนั่นคือคุณค่าของฟางเจิ้งจือ ถ้าฝ่ายตรงข้ามไม่เข้าใจ เขาจะสู้จนกว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจ

  ถึงมันจะดูบ้าบิ่นแต่มันก็เป็นสิ่งที่แสดงถึงความเป็นตัวตนของเขา แม้เขาจะต้องทนเสียเปรียบก็ตาม

  แน่นอนว่าหลังจากเตะไป่ฉือแล้วฟางเจิ้งจือก็หนีไปอีกครั้งอย่างไม่ลังเล

  ก่อนที่เขาจะหนีไปอีกครั้งเขาไม่ลืมที่จะชูนิ้วกลางใส่นางอย่างแน่นอน

   … 

   … 

  ขณะที่มองดูฟางเจิ้งจือหนีไปทุกๆคนต่างก็แข็งค้างไปอย่างไม่น่าเชื่อ

  ……………………………………..

 

Gate of God

Gate of God

เรื่องราวของฟางเจิ้งจือผู้ได้มาเกิดใหม่ในโลกที่ผู้คนสามารถใช้พลังจากธรรมชาติที่เรียกว่า’เต๋า’ได้ แต่ฟางเจิ้งจือผู้ที่เกิดมาในครอบครัวชาวบ้านธรรมดาและต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกลับต้องพัวพันกับเหตุการณ์ต่างๆทั้งการทดสอบพลังและความรู้ของอาณาจักร ความขัดแย้งทางการเมืองรวมถึงเผ่าปีศาจที่คอยชักใยแผนการอยู่เบื้องหลัง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท