นังแพศยา! เป็นฉานยู่ที่ตะโกนออกมา นางไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
แม้ดินแดนภูเขาทางใต้จะมีอิสระทางความคิดแค่ไหนแต่การกระทำของหลินจีนั้นเกินไปกว่านั้นมาก
ในทำนองเดียวกันเมื่อเห็นการกระทำของหลินจีหัวหน้าถิ่นฐานทั้งสามแสดงความดูถูกออกมาชัดเจน
ฟางเจิ้งจือกลับตรงกันข้าม…
เขาไม่ได้สนความคิดของหลินจีแต่เขาก็อดพูดสิ่งที่เขาคิดออกไปไม่ได้
เจ้าแก่เกินไป! ฟางเจิ้งจือส่ายหัวหลังจากเห็นหน้าอกที่นางยกขึ้นมา
เมิ่งเทียน!งั้นข้าขอดูหน้าของเจ้าหน่อย! เจ้าลืมแล้วหรือไงว่าตัวเองก็อายุหลายร้อยปีแล้ว?! หลินจีพยายามลุกขึ้นจากพื้น
อย่างไรก็ตามนางก็ถือเป็นผู้หญิงคนหนึ่งแม้นางจะมีอายุมานานจริงๆ แต่ก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่อยากถูกบอกว่าตัวเอง ‘แก่’
ข้าหมดหวังกับเจ้าจริงๆ…ช่างมันเถอะข้าแค่อยากจะถามว่าเจ้าต้องการเป็นอิสระไหม? ฟางเจิ้งจือโบกมือด้วยความเหนื่อยหน่าย
ฮ่าฮ่าฮ่า…ฝันไปเถอะถ้าคิดจะให้ข้าทรยศจักรพรรดินีน้อย! หลินจีรู้ความคิดของฟางเจิ้งจือนางปฏิเสธในทันที
เจ้าคงพึ่งออกมาจากประตูเทพเจ้าของเผ่าอสูรไม่นานใช่ไหม? ฟางเจิ้งจือดูไม่แปลกใจกับคำตอบของหลินจี
ถ้าใช่แล้วเจ้าจะทำไม? หลินจีไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย
เจ้ามีสองตัวเลือกหนึ่งข้าจะผนึกเจ้าไว้ เจ้าน่าจะรู้ว่าข้ามีความสามารถพอที่จะทำเช่นนั้น เจ้าอาจจะต้องหลับไหลไปอีกสักพันหรือหมื่นปี…. ฟางเจิ้งจือเหลือบมองหลินจีขณะพูด เห็นได้ชัดว่าท่าทีของนางเปลี่ยนไปมาก
ฟางเจิ้งจือรู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญของนาง
หลินจีที่พึ่งได้อิสระมาจะยอมถูกผนึกกลับไปสู่ความมืดอีกงั้นรึ?
แล้วตัวเลือกที่สองล่ะ? หลินจีเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะถามออกมาด้วยความเร่งรีบ
เจ้าคิดว่าตัวเลือกที่สองคืออะไร? ฟางเจิ้งจือถามนางกลับไป
ถ้าเจ้าคิดจะให้ข้าเป็นทาสของเจ้ามันเป็นไปไม่ได้แน่นอน!
ฮ่าฮ่าข้าไม่คิดจะให้เจ้าเป็นทาสของข้าหรอก ข้าแค่มีข้อตกลงง่ายๆ แค่เจ้าบอกแผนการของหยุนชิงวูแล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป ฟางเจิ้งจือยิ้มออกมาเล็กน้อย
จริงรึ?
แน่นอน
เจ้าอยากจะรู้เรื่องอะไร? มีอะไรนอกเหนือจากค่ายกลห้าธาตุในดินแดนศักดิ์สิทธิ์อีกไหม?
เจ้ารู้เรื่องค่ายกลห้าธาตุ?! หลินจีแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด
ด้านเจ้าปีศาจที่ถูกมัดอยู่ก็เบิกตามองฟางเจิ้งจือด้วยความไม่เชื่อเช่นกัน
ฟางเจิ้งจือไม่คิดจะอธิบายตัวเองเขาโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ บอกข้าถึงแผนการอื่น
ข้าตกลงก็ได้แต่ข้าจะมั่นใจได้ยังไงว่าหลังจากข้าบอกแล้วเจ้าจะไม่ฆ่าข้า? หลินจีกำหมัดพร้อมมองฟางเจิ้งจือ จากนั้นท่าทีของนางก็ผ่อนคลายลงแล้วถามออกมา
เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้โง่แม้นางจะเป็นตัวประกัน นางก็รู้ค่าของตัวเอง ถ้านางไม่มีค่าแล้วเท่ากับนางจะถูกฆ่าทิ้งเมื่อไรก็ได้
ง่ายมากข้าขอยืนยันด้วยชื่อของเมิ่งเทียน? ฟางเจิ้งจือพูดอย่างสบายๆ
ชื่อของเมิ่งเทียน?เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อเจ้างั้นรึ? หลินจีหัวเราะ แล้วเจ้าต้องการอะไร?
ปล่อยข้าก่อนแล้วข้าจะบอกเจ้า
เจ้าคิดว่าข้าจะตกลง?
ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้าแล้วทำไมข้าต้องเชื่อเจ้าด้วย? หลินจีมีท่าทีสงบลงหลังจากเห็นท่าทีของฟางเจิ้งจือ
อืม…ได้งั้นเจ้าบอกรายละเอียดบางอย่าง จากนั้นข้าจะปล่อยเจ้าก่อนเป็นยังไง? ฟางเจิ้งจือกล่าวออกมาหลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เจ้าพูดต้องเป็นเรื่องที่ข้าไม่รู้และมีค่ามากพอ
เจ้าไปปล่อยข้าจริงๆงั้นรึ? ดวงตาของหลินจีสว่างขึ้นทันที
ข้าจะปล่อยเจ้าถ้าเจ้าบอกข้อมูลที่เป็นประโยชน์
ในขณะเดียวกันฉานยู่และหัวหน้าถิ่นฐานทั้งสามมองหน้ากันด้วยความกังวล
อย่างไรก็ตามฉานยู่ไม่ได้รบกวนหรือขัดขวางฟางเจิ้งจือนางเพียงกัดฟันแน่นอยู่ด้านข้าง
หัวหน้าถิ่นฐานทั้งสามต้องการจะพูดบางอย่างแต่เมื่อเห็นท่าทีของฉานยู่พวกเขาก็เลือกที่จะเงียบ
หลินจีที่เห็นท่าทีของพวกเขาจากท่าทีอึมครึมกลายเป็นสดใสมากขึ้น
แม้นางจะไม่เชื่อฟางเจิ้งจือแต่มันเป็นโอกาสสำหรับนาง
ตราบใดที่นางทำตามคำขอของฟางเจิ้งจือนางก็มีโอกาสที่จะหนี นางมั่นใจมากว่านางสามารถหนีได้แน่นอน ถ้าฟางเจิ้งจือลดการระวังตัวลงเล็กน้อย
เอาล่ะข้าจะเชื่อเจ้าเมิ่งเทียน หลินจีดูลำบากใจเล็กน้อยจากนั้นนางก็หันไปมองเจ้าปีศาจ แต่ข้าจะพูดเรื่องนี้แค่กับเจ้า เข้ามาใกล้ๆหน่อย ข้าสัญญาว่ามันเป็นเรื่องที่เจ้าต้องสนใจแน่นอน
ใกล้แค่ไหน? ฟางเจิ้งจือเดินเข้าไปหาหลินจีอีกสองก้าว อีกนิดข้าไม่อยากให้ใครได้ยิน
ได้ ฟางเจิ้งจือเดินไปนั่งข้างๆหลินจี ร่างของพวกเขาห่างกันไม่ถึงหนึ่งนิ้ว
หลินจียิ้มอย่างยั่วยวนนางมองไปที่ฉานยู่และหัวหน้าถิ่นฐานด้วยท่าทีไม่มีความสุขมากนัก
ทำไมไม่ให้พวกเขาออกไปด้านนอกก่อน หลินจีมีท่าทีเขินอายพร้อมกับเอนตัวพิงฟางเจิ้งจือ
หืมมันคงไม่สะดวกสำหรับพวกเจ้าเท่าไรนัก ฉานยู่กับหัวหน้าถิ่นฐานทั้งสามพาเจ้าปีศาจออกไปรอด้านนอกถ้ำก่อน ฟางเจิ้งจือพยักหน้า
ผู้อาวุโส!
ท่านผู้อาวุโสเมิ่งเทียนนางเจ้าเล่ห์มาก ท่านควรจะระวัง…
ไปกันเถอะ ฉานยู่ขัดคำพูดของหัวหน้าถิ่นฐาน ก่อนที่นางจะเดินนำออกไป อย่างไรก็ตามนางหันมามองฟางเจิ้งจือด้วยความสงสัยเล็กน้อย ก่อนที่นางจะเดินออกไป
หลังจากได้ยินคำพูดของฉานยู่หัวหน้าถิ่นฐานทั้งสามไม่มีทางเลือกนอกจากพาตัวเจ้าปีศาจออกไป
ไม่นานในถ้ำก็เหลือเพียงฟางเจิ้งจือและเทพอสูรหลินจี
สรุปแล้วเจ้ามีอะไรจะบอกข้า? หลังจากคนอื่นๆออกไป ฟางเจิ้งจือเอนหลังลงไปบนพื้นหญ้า
การกระทำของเขาทำให้หลินจีปแปลกใจ
ตอนแรกดูเหมือนฟางเจิ้งจือจะหลงกลนางแต่นางรู้ในทันทีว่ามันไม่ง่ายแบบนั้น นางรู้สึกว่าเขาแค่เล่นตามน้ำนางไปเท่านั้น
ร่างของหลินจีค่อยๆนอนลงข้างๆหลินจีต้นขาของนางแนบชิดกับต้นขาของฟางเจิ้งจือ
ถ้าข้าจำไม่ผิดเทพสงครามนั้นคือคนของอาณาจักรเซี่ย พลังของเจ้าอยู่ในระดับสูงสุดเมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว ทำไมเจ้าถึงตาย? หลินจีพูดพร้อมกับหน้ามาทางฟางเจิ้งจือ ท่าทางของนางเต็มไปด้วยเสน่ห์น่าหลงไหล
ตายข้าไม่ได้ตายข้าแค่เก็บตัวจากโลกภายนอกเท่านั้น ฟางเจิ้งจือปล่อยให้หลินจีเล่นสนุกได้ตามใจชอบ
เก็บตัว? ดวงตาของนางเย็นชาขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะกลับเป็นปกติอีกครั้ง ตอนนี้พลังของเจ้าอยู่ในระดับไหน?
มากกว่าเจ้าพูดตรงๆตอนที่สู้กับเจ้าข้าใช้พลังไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ หน้าของฟางเจิ้งจือนั้นหนามาก ตอนเขาพูดโกหกออกมาสีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนไปเลยด้วยซ้ำ
ครึ่งหนึ่งของพลังทั้งหมด?ฮ่าฮ่า… หลินจีหัวเราะพร้อมเลียริมฝีปากเล็กน้อย จากนั้นนางก็พูดออกมาเบาๆ เทพสงคราม เจ้าเคยได้ยินเรื่อง ‘แหล่งพลังเทพเจ้า’ไหม?
แหล่งพลังเทพเจ้า?แน่นอน ฟางเจิ้งจือพูดโดยที่ท่าทีไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย งั้นรึ?
…
งั้นเจ้ารู้ไหมว่า’แหล่งพลังเทพเจ้า’คืออะไร?
ถ้าข้าเดาไม่ผิดเจ้าพยายามจะบอกข้าเกี่ยวกับตำแหน่งของ’แหล่งพลังเทพเจ้าใช่ไหท? แม้ฟางเจิ้งจือไม่รู้ว่าแหล่งพลังเทพเจ้าคืออะไร แต่เขาแสดงท่าทีออกไปราวกับตัวเองรู้จักมัน
ใช่เจ้าอยากจะรู้ไหม? หลินจีกล่าวพร้อมพิงหัวไปที่ไหล่ของฟางเจิ้งจือ
แน่นอน ฟางเจิ้งจือลุกขึ้นจากพื้นในทันทีเขาดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก บอกข้าเกี่ยวกับมัน
… หลินจีดูหงุดหงิดเล็กน้อยดูเหมือนฟางเจิ้งจือจะไม่สนใจนางแม้แต่น้อย
นางปรับอารมณ์เล็กน้อยแล้วลุกขึ้นยืนเช่นกัน
อื้อ…ดูเหมือนโซ่ที่รัดข้าจะแน่นเกินไปข้าหายใจไม่ค่อยออกเลย เทพสงครามไม่คิดจะสงสารข้าหน่อยหรอ?
แน่นเกินไป? ฟางเจิ้งจือดูโซ่ที่รัดตัวหลินจี
ใช่แน่นมากข้ารู้สึกอึดอัด อ้า…ข้าหายใจไม่ค่อยออกเลย…อื้อ..เทพสงคราม…ช่วยข้าหน่อย… หลินจีบิดร่างกายไปมา ขณะที่พูดใบหน้าของนางเป็นสีแดงก่ำราวกับนางหายใจไม่ออกจริงๆ
งั้นข้าเพิ่มโซ่อีกเส้นให้เจ้าเป็นยังไง? ฟางเจิ้งจือตอบกลับหลังจากพิจรณาอย่างจริงจัง
… หลินจีไม่สามารถตอบโต้ได้ท่าทีของนางแข็งค้าง
เพิ่มโซ่เข้าไปอีกเส้นเพื่อความสมดุลไงเจ้าไม่เคยได้ยิเรื่องนี้งั้นรึ? ฟางเจิ้งจือพูดอย่างไม่สนใจมากนัก
… หลินจีพูดไม่ออกกับความไร้ยางอายของฟางเจิ้งจือ วันนี้อากาศดีจริงๆ เนื่องจากหลินจีเงียบไปเป็นเวลานานฟางเจิ้งจือจึงพูดเพื่อทำลายความเงียบ
เมิ่งเทียนเจ้าไม่ต้องการรู้หรือว่าแหล่งพลังเทพเจ้าอยู่ที่ไหน?เจ้าควรจะรู้ไว้ว่าเจ้าสามารถเอาชนะได้แค่ข้าคนเดียวเท่านั้น ถ้ามีตัวตนระดับเทพเจ้าหลายคนเจ้าไม่มีทางเอาชนะได้แน่นอน! ยกเว้นถ้าเจ้าได้รับแหล่งพลังเทพเจ้า! เจ้าจะกลับไปสู่จุดสูงสุดอีกครั้งหนึ่ง! หลินจีกัดฟันพูดออกมา
ข้ารู้ว่ามันอยู่ที่ไหน ฟางเจิ้งจือกล่าวออกมา
เจ้ารู้?! หลินจีตกใจ อย่างไรก็ตามผ่านไปสักพักนางก็หัวเราะออกมา เป็นไปไม่ได้ ถ้าเจ้ารู้เจ้าคงไม่มาอยู่ที่นี่หรอก!
หลินจีไม่เชื่อ
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์มันอยู่ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์? ฟางเจิ้งจือไม่ได้สนใจจะเถียงกับนาง ฮ่าฮ่า…แน่นอนว่ามันอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์จริงๆต่อให้เจ้าเดาถูกข้าก็ไม่แปลกใจ อย่างไรก็ตามเจ้ารู้งั้นรึว่ามันอยู่ที่ไหน ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ออกจะใหญ่ขนาดนั้น? หลินจีหัวเราะออกมาอย่างดูถูก
งั้นรึ?เจ้ามั่นใจเหลือเกินนะว่าข้าไม่รู้?
แน่นอน
เจ้าควรรู้ไว้ว่านี่เป็นโอกาสรอดชีวิตสุดท้ายของเจ้าถ้าเจ้าพูดออกมาข้าอาจจะปล่อยเจ้าไปแบบมีชีวิตก็ได้ ฟางเจิ้งจือหันไปมองนางช้าๆ
เจ้าไม่กล้าฆ่าข้า! หลินจีพูดอย่างมั่นใจ
ทำไมข้าจะไม่กล้?
ฮ่าฮ่าฮ่าเพราะเจ้าจะไม่ฆ่าข้าจนกล่าจะรู้ว่าแหล่งพลังเทพเจ้าอยู่ที่ไหน! หลินจีหัวเราะด้วยความมั่นใจ
……………………………………..