งั้น…ผู้นำนิกายวู่พวกเราเปิดกล่องที่สองเลยดีไหม เผื่อผู้อาวุโสเมิ่งเทียนแนะนำอะไรเพิ่มเติม? มู่ฉิงเฟิงลังเลเล็กน้อย
เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของมนุษยชาติ
แม้ว่าการมาถึงของวู่จวี้เอ๋อจะเป็นการพิสูจน์ตัวตนของเมิ่งเทียนแต่นอกจากนางแล้วก็ไม่มีใครเห็นหน้าตาเขาจริงๆ
มันจึงเป็นเรื่องยากที่กลุ่มพันธมิตรสวรรค์จะทำตามคำสั่งของเขาโดยสมบูรณ์
ไม่ผู้อาวุโสเมิ่งเทียนกล่าวว่ากล่องที่สองให้เปิดตอนที่เจออันตรายในซากปราสาทสีดำเท่านั้น วู่จวี้เอ๋อกล่าวปฎิเสธมู่ฉิงเฟิงตรงๆ
เผชิญหน้ากับอันตราย?
…
มู่ฉิงเฟิงโม่ฉานฉือ และผู้นำสำนักอื่นๆต่างขมวดคิ้วเมื่อได้ยินสิ่งที่นางพูด แล้วยังไง?ตาเฒ่ามู่ท่านคิดยังไง? โม่ฉานฉือไม่สามารถตัดสินใจเองได้ เขาจึงหันไปถามมู่ฉิงเฟิง
ในเมื่อเรามาถึงที่นี่แล้วพวกเราไม่สามารถกลับไปมือเปล่าได้ มู่ฉิงเฟิงกัดฟันแน่น
แล้วท่านคิดเช่นไร?
ทำตามคำแนะนำแรกสร้างกลุ่มเซียนสี่กลุ่มโจมตีทั้งสี่ทิศของศาลาเต๋าสวรรค์ ส่วนการเข้าไปในซากปราสาทสีดำเราต้องตัดสินใจหลังจากเห็นสถานการณ์จริงก่อน
อืมข้าคิดว่าสิ่งที่รองผู้นำมู่พูดมีเหตุผล!
ใช่แล้วมันเป็นแผนที่น่าเชื่อถือที่สุดแล้ว!
งั้นทำตามแผนนี้บอกกองกำลังทั้งสี่ทิศให้จัดตั้งกลุ่มเซียนขึ้นมาเพื่อโจมตี! โม่ฉานฉือพยักหน้า
รับทราบ!
… ในศาลาเต๋าสวรรค์กองทัพปีศาจและอสูรเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้มานานแล้ว ไม่เพียงแต่พวกเขาจะปกป้องเส้นทางทั้งสามจากด้านจากภูเขาที่ขนาบศาลาเต๋าสวรรค์ แต่ส่วนหน้าผาที่อยู่ด้านหน้าพวกเขาก็ส่งทหารมาคุ้มกันอย่างดี
ไม่มีทางค่ำคืนนี้จะเป็นค่ำคืนที่เงียบสงบอีกต่อไป
โชคร้ายที่กองทัพของปีศาจและอสูรนั้นต้องแบ่งออกเป็นสามส่วนนอกจากที่ศาลาเต๋าสวรรค์แล้ว พวกเขาต้องปกป้องทั้งหุบเขาฟู่ซี่และเก้าขุนเขา
เช่นนั้นที่นี่จึงไม่ได้มีราชาอสูรอยู่มากนัก
แม้จะเป็นเช่นนั้นที่นี่ก็มีราชาอสูรอยู่ไม่ต่ำกว่าสิบห้าคน
นอกจากนั้นยังมีกองทัพปีศาจและตัวตนระดับเทพเจ้าเช่นโจวฉีอยู่ด้วย
ขุมกำลังของพวกมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะต่อกร แค่ราชาอสูรคนเดียวก็เทียบได้กับเซียนสองถึงสามคนแล้วขณะที่ตัวตนระดับเทพเจ้าหนึ่งคนอาจฆ่าล้างมนุษย์ทั้งหมดทิ้งได้
ถ่ายทอดคำสั่งของข้าออกไปเมิ่งเทียนพวกนั้นเป็นตัวปลอมทั้งหมด ถ้าพวกมันกล้าโจมตีพวกเราก็ไม่ต้องแสดงความเมตตาต่อพวกมัน! ดวงตาของราชาอสูรเต็มไปด้วยความกระหายเลือด หน้าที่สำคัญของพวกเขาคือปกป้องศาลาเต๋าสวรรค์
รับทราบ! หนึ่งในทหารปีศาจตอบรับ
ไม่นานคำสั่งของราชาอสูรก็รับรู้กันทั่วกองทัพเห็นได้ชัดว่ากองทัพปีศาจมีระเบียบวินัยอย่างมากภายใต้การปกครองของหยุนชิงวู
โดยเฉพาะด้านการหาข้อมูลข่าวกรองและการถ่ายทอดคำสั่งทางทหารพวกเขาทำได้ดีกว่ากองทัพหลักของสี่อาณาจักรเสียอีก
ไม่เกินสิบห้านาทีร่างที่มีหน้ากากสีดำได้ปรากฎขึ้นที่ป่าทางตะวันตกของศาลาเต๋าสวรรค์
เมิ่งเทียน?!
เขามาแล้วงั้นรึ?
เขากล้าที่จะบุกศาลาเต๋าสวรรค์…ด้วยตัวคนเดียว!
มันต้องเป็นตัวปลอมแน่นอน!
ฆ่ามัน!
เมื่อเห็นอีกฝั่งเดินออกมาคนเดียวตอนแรกพวกเขาหวาดกลัว
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขานึกถึงคำสั่งของราชาอสูรทุกคนยกหอกในมือและก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล
’เมิ่งเทียน’ที่เดินออกจากป่าไม่คิดว่าจะเจอฉากเช่นนี้
เมิ่งเทียน?
เขาคือเทพสงครามเป็นไปได้งั้นหรือที่ทหารปีศาจธรรมดาจะไม่กลัวความตาย
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักเขาโจมตีก่อนที่ทหารปีศาจจะมาถึง ประกายสีทองอมดำสว่างขึ้น ก่อนที่ดาบยาวสี่ทองจะปรากฎขึ้นกลางอากาศก่อนที่มันจะพุ่งลงบนพื้นในทันที
ตูม!
รอยแยกขนาดใหญ่ปรากกฎขึ้นบนพื้น
ทหารปีศาจมากกว่าสิบคนล้มลงในทันที
เขาเป็นตัวปลอมงั้นรึ?!
เมื่อมองเห็นรอยแตกบนพื้นทหารปีศาจทำได้แค่เบิกตากว้างมองเมิ่งเทียน
หยุด!หยุดเดี๋ยวนี!
นั่นคือเมิ่งเทียนตัวจริง!
…
ท่ามกลางคนโง่ที่หวาดกลัวความตายย่อมมีคนที่มีสติปัญญาพอที่จะมองสถานการณ์ออก
ตัวจริง?!
คนนี้คือตัวจริง? ดวงตาของทหารปีศาจเบิกกว้าง
ฮ่าฮ่าฮ่า… เมิ่งเทียนหัวเราะก่อนที่เขาจะหันหลังหายเขาไปในป่าอีกครั้ง
ที่เหลืออยู่คือ…
มีเพียงทหารปีศาจที่มองไปมาด้วยความสับสน
ยังไม่จบแค่นั้นเมิ่งเทียนอีกคนเดินออกมาจากป่า ต่างกันที่ดาบของเขาไม่ใช่สีทองแต่เป็นดาบสีแดง
ดาบสีแดงสะดุดตาราวกับเปลวเพลิงโจมตีใส่ทหารปีศาจพร้อมกับเปลวไฟที่เผาไหม้บนพื้น
เขาเป็นตัวจริงใช่ไหม?
เขามีพลังมากกว่าเซียนทั่วไปแน่นอน!
หรือมีเมิ่งเทียนสองคน?
ทหารปีศาจรู้สึกว่าพวกเขาไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมดเมิ่งเทียนทั้งสองคนปรากฎตัวเพียงช่วงเวลาสั้นๆเกินกว่าที่พวกเขาจะรวบรวมข้อมูลอะไรได้ทัน จากนั้นเมิ่งเทียนคนที่สามก็ปรากฎตัวขึ้น
…
เขาพุ่งออกมาจากป่าและสังหารทหารปีศาจไปกว่าสิบคนก่อนที่เขาจะกลับเข้าไปในป่าแทบจะในทันที
เมิ่งเทียนสามคน?เป็นไปไม่ได้!
แต่พวกเขาทั้งสามคนล้วนทรงพลังเช่นเดียวกัน!
มันอาจจะเป็นแผนของเมิ่งเทียน!
พวกไร้ประโยชน์! เสียงหนึ่งดังขึ้น จากนั้นร่างหนึ่งที่น่าเกรงขามก็เดินออกมาจากกลุ่มทหารปีศาจ
ท่านราชาอสูร!
ทหารปีศาจต่างหลีกทางให้เขาทันที
พวกเขาเป็นเพียงทหารปีศาจธรรมดา
พวกเขาจะต่อสู้กับ’เมิ่งเทียนตัวจริง’ได้ยังไง?
พี่ใหญ่จินคิดเช่นไรเกี่ยวกับเรื่องนี้? ชายร่างผอมและมีเขาสีทองบนหน้าผากอีกคนเดินออกมา
เขาเองก็เป็นราชาอสูรเช่นกัน
ข้าคิดว่ามันเป็นกลลวง! ชายที่ชื่อจินยืนยัน
พวกมันคิดจะล่อพวกเราเข้าไปในป่า? ชายร่างผอมพยักหน้าเบาๆ
ใช่ถ้าข้าคิดถูก คงมีพวกมนุษย์ระดับสูงจำนวนมากซ่อนอยู่ในป่า ถ้าพวกเราเข้าไปโดยไม่คิดอะไรคงติดกับพวกมันในทันที!
งั้นพวกเราก็ควรรอ?
ใช่รอ!
งั้นพวกเราจะทำตามที่พี่ใหญ่จินว่า ชายร่างผอมพยักหน้าอีกครั้ง ก่อนจะหันไปมองทหารปีศาจ ถ่ายทอดคำสั่งของข้า คอยป้องกันอย่างเดียวเท่านั้น ห้ามเข้าไปในป่า!
รับทราบ!
… ศาลาเต๋าสวรรค์เป็นสถานที่ที่ใหญ่มาก
ในฐานะหนึ่งในห้าสำนักใหญ่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใครก็ตามที่เป็นศิษย์ของที่นี่ย่อมได้รับการยอมรับเป็นอย่างสูง
นอกจากพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่แล้วบริเวณรอบๆยังเต็มไปด้วยอันตราย
แนวรบด้านหนึ่งทอดตัวยาวเกินกว่าที่ราชาอสูรสองคนจะดูแลไหว
ทันใดนั้นเมิ่งเทียนอีกคนได้ปรากฎตัวขึ้นณ จุดหนึ่ง
ผ่านไปอีกสักพักเมิ่งเทียนได้ปรากฎตัวขึ้นห่างออกไปจากที่เดิม
วงจรนี้เกิดขึ้นซ้ำกว่าสิบครั้งทหารปีศาจต่างโกรธเกรี้ยวเพราะพวกเขามากกว่าสองร้อยคนถูกฆ่าตายไปแล้ว
กองทัพปีศาจนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน?
อย่างน้อยก็มีทหารสองสามแสนนาย!
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ต้องการตายอย่างไร้ค่าเช่นนี้ ปีศาจไม่ได้มีจำนวนมากมายเช่นมนุษย์ พวกเขาไม่สามารถทนต่อการสังหารหมู่เช่นนี้ได้
ท่านราชาอสูรพวกเราจะอยู่เฉยๆแบบนี้ไม่ได้! หนึ่งในรองแม่ทัพปีศาจกล่าวขึ้นมาด้วยความเหลืออด
พวกเราต้องหาวิธีรับมือ!
รองแม่ทัพปีศาจจำนวนหนึ่งเห็นด้วย
ไม่มีใครทนการต่อสู้เช่นนี้ได้!
พวกเขารู้สึกราวกับกำลังโดนดูถูก
เมิ่งเทียนที่ปรากฎตัวมีพลังมากกว่าระดับเซียนทั่วไปแน่นอนการปรากฎตัวของเขาสามารถฆ่าทหารปีศาจได้อย่างน้อยสิบคน
นอกจากนี้เมิ่งเทียนเหล่านั้นไม่คิดจะต่อสู้มากไปกว่านั้น
หลังจากฆ่าทหารปีศาจสิบคนพวกเขาก็หนีไปทันที
พวกเจ้ากล้าขัดคำสั่งพวกข้างั้นรึ?! ชายร่างผอมเตะไปที่รองแม่ทัพปีศาจคนแรกทันที อย่างไรก็ตามเขาแค่เตะแต่ไม่ได้ฆ่า
ไม่ใช่เพราะอสูรและปีศาจเป็นพันธมิตรกันแต่เป็นเพราะเขาค่อนข้างรำคาญกับเมิ่งเทียนที่ปรากฎตัวออกมาไม่หยุดหย่อน
เขาและไป่จินจะสามารถป้องกันพื้นที่ทั้งหมดได้ยังไง
ไม่ต้องกังวลพี่ใหญ่จิน แม้จะมีกับดักอยู่ในป่า ข้าได้สังเกตุอย่างรอบคอบว่าเมิ่งเทียนที่ปรากฎตัวจะมีวิธีโจมตีแบบเดียวกัน ในเรื่องของพลังถ้าข้าเดาไม่ผิดมีอย่างน้อยสามคนที่อยู่ในระดับเซียนขึ้นไป! ชายร่างผอมกล่าวออกมา
ข้าเองก็คิดเช่นเดียวกันมนุษย์มาที่นี่เพื่อเข้าไปในปราสาทสีดำที่ตีนเขา เช่นนั้นกองกำลังหลักของพวกมันน่าจะอยู่ด้านหน้า ข้าคิดว่าพวกมันพยายามที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของพวกเราไปที่ทางด้านตะวันตก พวกมันไม่มีทางส่งเซียนจำนวนมากมาที่นี่!
ถูกต้องแล้วมนุษย์มักใช้แผนการแบบนี้มาตลอด พวกเขาจะให้กองกำลังหลักรอคอยและจะถอยทัพทันทีที่สถานการณ์ดูไม่ดี ยิ่งไปกว่านั้นพวกเรายังมีตัวตนระดับเทพเจ้าอยู่พวกมันจะกล้าเปิดศึกเต็มกำลังกับพวกเราได้ยังไง?
น้องหลินคิดว่าเช่นไร?
ถ้าพี่ใหญ่จินตกลงข้าต้องการจะเข้าไปตรวจสอบในป่าด้วยตัวคนเดียวเพื่อตรวจสอบตำแหน่งกับดักของพวกมัน จากนั้นพี่ใหญ่จินก็ตามไปพร้อมกับพวกทหาร พวกเราสามารถจัดการพวกมันได้ทั้งหมด!
แผนที่ดีแต่มันจะอันตรายเกินไปไหมที่เจ้าจะเข้าไปคนเดียว ถ้าเกิดมีเรื่อง… ไป่จินยังคงกังวล
ไม่ต้องกังวลแม้ข้าจะไม่ได้ทรงพลังเท่าพวกเทพอสูร ข้าสามารถป้องกันตัวเองได้ถ้าเจอเซียนสามถึงสี่คน ไม่มีทางที่พวกมันจะส่งเซียนมายังด้านตะวันตกมากถึงสิบยี่สิบคนหรอก
ฮ่าฮ่าใช่แล้วไม่มีทางที่มันจะเป็นเช่นนั้น ตอนนี้อสูรและปีศาจได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัดพวกมันคงกำลังหวาดกลัวกันอยู่ ส่งเซียนสามคนมาก่อกวนพวกเราคงเป็นขีดจำกัดของพวกมันแล้ว!
พี่ใหญ่จินคิดเช่นเดียวกับข้า!
อืมดูเหมือนจะไม่มีวิธีอื่น ในเมื่อเจ้าจะเข้าไปดู ข้าก็ขะรอฟังข่าวอยู่ที่นี่ ไป่จินพยักหน้า
พี่ใหญ่จินรอฟังข่าวดีจากข้าได้เลย ดวงตาของชายร่างผอมสว่างขึ้น ทั่วร่างของเขาปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีขาวบางๆ
แม้ว่าเขาจะมั่นใจว่าฝ่ายตรงข้ามมีเซียนสามคนและมนุษย์ระดับต่ำอีกจำนวนหนึ่งซ่อนอยู่ในป่าแต่เขาก็ควรจะระมัดระวัง
เขาเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้นเกล็ดสีขาวบนตัวของเขายกที่ดาบธรรมดาๆจะฟันเข้า
นอกจากว่าพวกนั้นจะเป็นมู่ฉิงเฟิงหรือโม่ฉานฉือ!
แต่พวกนั้นไม่มีทางอยู่ที่นี่แน่นอน! แม้แต่คนโง่ก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้!
……………………………………..