ตอนที่977 เจ้ากำลังรออะไร
ข้าไม่ได้โง่ ฟางเจิ้งจือรู้ว่าหนองน้ำยักษ์นั้นอันตรายแค่ไหน มีอสูรและตัวตนระดับเทพเจ้าอยู่มากแค่ไหน
แต่เจ้ายังจะไปหาหยุนชิงวูอีกงั้นรึ? ปิงหยางยังคงสับสน
ข้าบอกว่าจะหาหยุนชิงวูแต่ข้าไม่ได้บอกว่าจะไปที่หนองน้ำยักษ์ ฟางเจิ้งจือตอบด้วยความรำคาญเล็กน้อย
แต่หยุนชิงวูไม่ได้อยู่ที่หนองน้ำยักษ์งั้นหรือ?เจ้าจะหานางเจอได้ยังไงถ้าไม่ไปที่นั่น…เจ้าไร้ยางอาย รอข้าด้วย! ปิงหยางพยายามวิ่งตามฟางเจิ้งจือที่เพิ่มความเร็วในการเดิน
ฟางเจิ้งจือไม่ได้พูดอะไรมากเขาแค่จับมือของปิงหยางไว้เบาๆ ความจริงแล้วเขาไม่เคยคิดที่จะอยากเป็นวีรบุรุษ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะทำในสิ่งที่วีรบุรุษทำเช่นเปลี่ยนสถานการณ์ทั้งโลกด้วยตัวเขาเอง หรือพุ่งไปที่หนองน้ำยักษ์เพื่อทำการสังหารหมู่
พูดตรงๆถ้าฟางเจิ้งจือมีพลังขนาดนั้น เขาคงไม่ต้องวิ่งวุ่นไปทั่วดินแดนศักดิ์สิทธิ์
เขาคงพุ่งตรงไปที่หนองน้ำยักษ์ตั้งแต่เมื่อครึ่งเดือนก่อนแล้ว
แต่เขารู้ว่าความจริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้น!
ฟางเจิ้งจือมีวิชาที่สามารถใช้รับมือกับตัวตนระดับเทพเจ้าได้อย่างไรก็ตามเขาจะชนะหรือไม่มันขึ้นอยู่กับโชคและตัวตนระดับเทพเจ้าคนที่เขาเจอ
เขาชนะหลินจีเพราะโชค
แรกสุดหลินจีไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของฟางเจิ้งจือและกำลังวิตกกังวลอย่างที่สองจากการยั่วยุของฟางเจิ้งจือทำให้นางสูญเสียความเยือกเย็น รวมกับเผ่าอสูรที่มีความแข็งแกร่งของร่างกายโดยธรรมชาติ พวกเขาจึงมีความอ่อนแอทางด้านพลังจิตใจ นี่เป็นโอกาสให้ฟางเจิ้งจือประสบความสำเร็จในการโจมตี
เขาสามารถจับตัวลินจีได้และข่าวการฟื้นคืนชีพของเมิ่งเทียนกระจายไปทั่วโลก
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าถ้าฟางเจิ้งจือต้องเจอตัวตนระดับเทพเจ้าอีก แน่นอนว่าฝ่ายตรงข้ามต้องสู้ด้วยพลังทั้งหมดและไม่มีทาประมาทแน่นอน มันทำให้เขาไม่มีโอกาสแบบก่อนหน้านี้
ฟางเจิ้งจือมั่นใจในเรื่องนี้มากสงครามระหว่างเขากับหยุนชิงวูมันพึ่งเริ่มต้นเท่านั้น
…
แม้ห้าวันจะไม่ได้เป็นระยะเวลาที่นานมากนักมันก็นานพอที่จะกระจายข่าวไปทั่วดินแดนศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะถ้ามันเกิดขึ้นโดยความจงใจของใครบางคน
ศาลาเต๋าสวรรค์
เป็นหนึ่งในห้าสำนักใหญ่ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ตอนนี้มันเป็นสถานที่ที่ทุกคนต้องการจะไปให้ถึงนั่นเป็นเพราะส่วนหนึ่งของข่าวที่ปรากาศในช่วงห้าวันที่ผ่านมา
แหล่งพลังเทพเจ้า!
ก่อนหน้านี้มันคงเป็นคำพูดที่คนไม่รู้จักมันแม้แต่น้อยอย่างไรก็ตามในช่วงเวลาห้าวัน มันกลายเป็นที่ปรารถนาของทุกคน
ทำไมโลกถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นนี้?ทำไมสัตว์ร้ายถึงมีพลังเพิ่มขึ้นมาก? ทำไมภูเขาขนาดเล็กถึงมีขนาดใหญ่ขึ้น? ทำไมแม่น้ำถึงมีกลิ่นหอมอ่อนๆ?
ทุกอย่างเป็นปริศนา
และมีคำตอบสำหรับปริศนานั้น
ตามตำนานแหล่งพลังเทพเจ้านั้นเป็นสถานที่ลับณ เวลาที่โลกได้ถูกสร้างขึ้น มันไม่ได้ว่างเปล่าและไร้ผู้คน
ตอนนั้นสิ่งมีชีวิตบนโลกรวดเร็วถึงขีดสุดพวกมันหายใจด้วยพลังเรกิ(พลังงานธรรมชาติ)และบ่มเพาะพลังเพื่อที่จะกลายเป็นเทพเจ้า
ยิ่งไปกว่านั้นในยุคนั้นมีต้นไม้ที่สามารถออกดอกและผลชนิดพิเศษได้มันเพราะมันสะสมเรกิที่กระจายอยู่ทั่วท้องฟ้าและโลก ใครก็ตามที่ได้กลืนกินผลและดอกของมันล้วนกลายเป็นผู้ที่ควบคุมโลกใบนี้
เช่นนั้นจึงมีสัตว์ร้ายผู้ทรงพลังปรากฎกายขึ้นมังกรทอง กิเลนที่มี่สี่กรงเล็บ หงส์ประกายเพลิงและเต่าผู้ควบคุมวารี
นอกจากนี้ยังมีเทพผู้ครองโลกยกมือเพียงครั้งเดียวสามารถแยกภูเขาทั้งลูกออกเป็นสองส่วน เพียงยิ้มแค่ครั้งเดียวก็สามารถทำให้ฝนตกได้
มันเป็นยุคโบราณที่ผ่านมาเนิ่นนาน
สงครามในครั้งโบราณส่งผลให้เกิดภัยพิบัติระดับจักรวาลเปลวไฟลุกท่วมไปทั่วท้องฟ้า ก้อนหินตกลงสู่พื้นโลกปิดบัง’แหล่งพลังเรกิ’ เป็นผลทำให้ต้นไม้ไม่สามารถออกดอกและผลไม้อันทรงพลังออกมาได้อีก ภัยพิบัติครั้งนั้นได้เปลี่ยนโลกทั้งใบ
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า’แหล่งพลัง’จะปรากฎขึ้นอีกครั้งบนโลกทุกรูปแบบของสิ่งมีชีวิตได้รับการฟื้นฟูและเริ่มสะสมเรกิอีกครั้ง ภูเขา หิน ดิน ต้นไม้เริ่มเติบโตขึ้นกว่าเดิม สัตว์ร้ายเริ่มกลับมามีพลังอีกครั้ง
อาจจะกล่าวได้ว่าความงดงามจากยุคโบราณกำลังจะกลับมาอีกครั้งเทพผู้ทรงพลังจะกลับมาควบคุมโลกใบนี้และมีพลังเพียงพอที่จะทำลายล้างโลกทั้งใบ
อย่างไรก็ตามการที่จะกลายเป็นเทพเจ้าได้พวกเขาต้องหาแหล่งพลังเทพเจ้าเสียก่อน
นั่นเพราะว่าแหล่งพลังเทพเจ้าคือแหล่งพลังของ’เรกิ’ใครก็สามารถกลายเป็นเทพเจ้าได้ถ้าเจอแหล่งพลังและกลืนกินผลไม้ที่ตั้งอยู่ในแหล่งพลัง
มันเป็นตำนานที่มีพลังดึงดูดความสนใจของผู้คนอย่างไรก็ตามไม่มีใครรู้ว่าตำนานนี้มาจากใคร แม้มันอาจจะดูไร้สาระที่เพียงกินผลไม้แล้วจะกลายเป็นเทพเจ้าแต่ที่ภูเขาสวรรค์ทุกคนเห็นหนานกงเฮากินผลไม้เทพเจ้าแล้วมีพลังมากขึ้นทันที
นอกจากหนานกงเฮาแล้วยังมีฟางเจิ้งจือที่กินผลไม้เทพเจ้าเข้าไป
และเขายังไม่ตาย!
นั่นหมายความว่าใครที่กินมันเข้าไปก็สามารถมีพลังมหาศาลได้
แม้ว่ามันจะขัดกับหลักการของการบ่มเพาะพลังเล็กน้อยแต่ทุกคนก็ไฝ่ฝันอยากครอบครองพลังมหาศาล
เมื่อพวกเขาเห็น’ทางลัด’ใครบ้างที่จะไม่คว้าเอาไว้
ในเวลาห้าวันดินแดนศักดิ์สิทธิ์ราวกับตกอยู่ในความบ้าคลั่ง
ยิ่งไปกว่านั้น…
ตำนานนี้ยังให้ข้อมูลเรื่องหนึ่งที่สำคัญยิ่ง
ซากปราสาทหินสีดำที่ตีนเขาศาลาเต๋าสวรรค์เป็นแหล่งที่พวกเขาจะสามารถหาร่องรอยของแหล่งพลังเทพเจ้าได้
แล้วพวกเขาจะรออะไรอยู่ล่ะ!
เจ้าคิดยังไงเกี่ยวกับตำนานนั่น? ณ ปากทางเข้าถ้ำไม่ไกลจากหนองน้ำยักษ์ ฟางเจิ้งจือผู้สวมชุดคลุมสีดำที่มีคำว่าเทพเจ้าเขียนไว้อยู่ ชี้ไปยังกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่กำลังเดินออกจากหนองน้ำยักษ์
เจ้าเป็นคนสร้างข่าวลือเรื่องตำนานนี้ขึ้นมางั้นหรอ? ปิงหยางมองฟางเจิ้งจือ นางไม่เข้าใจว่าฟางเจิ้งจือทำให้สิ่งที่ไม่รู้ว่ามีจริงหรือเปล่ากลายเป็นเชื่อถือน่าขนาดนี้ได้ยังไง
ใช่มันไม่สมจริงงั้นรึ?
จริงๆแล้วสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์จากโลกเก่าเช่นเขามันไม่ใช่เรื่องยากที่จะสร้างเรื่องราวบางอย่างขึ้นเพราะในโลกเก่าของเขามีตำนานมากมายบันทึกไว้ในหนังสือ
เขาสร้างเรื่องราวขึ้นเพื่อต้องการล่อคนบางกลุ่มเท่านั้น หยุนชิงวูจะเชื่องั้นหรือ? ปิงหยางค่อนข้างเป็นกังวลขณะมองไปทางหนองน้ำยักษ์
นางไม่เชื่อแต่นางต้องไปแน่นอน ฟางเจิ้งจือส่ายหน้า
ทำไม? ปิงหยางถาม
ประการแรกหยุนชิงวูฉลาดมาก นางรู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควรทำ แต่นางไม่สามารถหยุดเผ่าอสูรและเผ่าปีศาจทั้งหมดไม่ให้เชื่อในตำนานได้ ถ้านางบังคับให้ทุกคนหยุดตามหาแหล่งพลังเทพเจ้า ผลลัพธ์จะออกมาเป็นตรงข้ามกับความต้องการแน่นอน ฟางเจิ้งจืออธิบาย
ข้ายังไม่ค่อยเข้าใจนักหยุนชิงวูมีสถานะสูงส่งทั้งในเผ่าปีศาจและอสูร ทำไมพวกเขาจะไม่เชื่อนาง ถ้านางบอกว่าตำนานเป็นของปลอม? ปิงหยางถาม
นางไม่สามารถบอกแบบนั้นได้
ทำไม?ทำไมจะไม่ได้?
นั่นเป็นเพราะนางไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าตำนานเป็นของจริงหรือปลอมหากนางบอกว่าเป็นของปลอมนางก็ต้องเปิดเผยทุกสิ่งที่นางรู้เกี่ยวกับ’แหล่งพลังเทพเจ้า’ แต่นางจะยอมเปิดเผยข้อมูลสำคัญเช่นนี้กับปีศาจและอสูรทั้งหมดได้ยังไง? ฟางเจิ้งจือกล่าวอย่างมั่นใจ
ข้าเข้าใจแล้วเจ้าบอกว่าแม้หยุนชิงวูจะรู้ว่ามันเป็นกับดัก แต่นางจะไม่ปล่อยให้มันกระทบกับแผนการเดิมของนางและไม่คิดจะเปิดเผยความจริงของ’แหล่งพลังเทพเจ้า’แน่นอน ดวงตาของปิงหยางสว่างขึ้น
เป็นอย่างที่เจ้ากล่าว ฟางเจิ้งจือพยักหน้า
แล้วเหตุผลที่สองคืออะไร?
เหตุผลที่สองคือตำนานปลอมอาจจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสำหรับนางข้าได้ยินมาจากหลินจีว่าที่หยุนชิงวูได้รับการสนับสนุนจากตัวตนระดับเทพเจ้าเพราะนางได้ใช้การเล่นหมากรุกและสามารถชนะอีกฝั่งที่มีหมากร้อยตัวได้ ด้วยหมากแค่สิบห้าตัว หมากรุก…มันเกี่ยวข้องกับสาเหตุที่นางต้องไปศาลาเต๋าสวรรค์งั้นหรือ?
ใช่นางได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากตัวตนระดับเทพเจ้าเพียงเพราะเอาชนะหมากรุกแค่ครั้งเดียว เจ้าว่ามันเป็นไปได้หรือไง?
อืม…ข้าเข้าใจแล้วเจ้ากำลังจะบอกว่าหยุนชิงวูใช้โอกาสนี้สร้างความน่าเชื่อถือในหัวใจของเหล่าตัวตนระดับเทพเจ้า?’ ปิงหยางเข้าใจสิ่งที่ฟางเจิ้งจือกล่าว
แน่นอนหยุนชิงวูต้องการแสดงให้ถึงความฉลาดปราดเปรื่องของนาง เมื่อทุกคนมุ่งหน้าไปยังซากปราสาทหินสีดำที่ตีนเขาศาลาเต๋าสวรรค์ นางจะแสดงให้ตัวตนระดับเทพเจ้าเห็นว่านางสามารถคำนวณและวางแผนเปลี่ยนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กลายเป็นกับดักได้ยังไง! ฟางเจิ้งจือพยักหน้าอีกครั้ง
งั้นจากสิ่งที่เจ้าพูดสิ่งที่เจ้าทำมันไม่ใช่เป็นการช่วยนางงั้นหรือ? ปิงหยางกล่าวด้วยความสับสน ก็ส่วนหนึ่ง
เจ้า…เจ้ามันเป็นสายของพวกปีศาจ!บอกมาเดี๋ยวนี้เจ้าแอบไปมีเรื่องอื้อฉาวกับหยุนชิงวูมาใช่ไหม? หรือเจ้าไปนอนกับนางมา? หรือนางมานอนกับเจ้า? ดวงตาของปิงหยางเบิกกว้างพร้อมกับอ้าปากพร้อมจะกัดฟางเจิ้งจือทันที
นางไปเรียนการจิกกัดนี้มาจากใครกันแน่?
หรือช่วงเวลานางที่ปิงหยางไปอยู่กับเฉียนยู่นางได้สอนอะไรแปลกๆให้ปิงหยาง?
เจ้าไร้ยางอายเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่? ปิงหยางเห็นฟางเจิ้งจือนิ่งเงียบไป นางจึงไม่คิดจะกัดเขาอีก
ข้าแค่คิดว่าเฉียนยู่เอาชนะจักรพรรดิด้วยการกัด…โอ้ข้าหมายถึงปากของท่านป้าเฉียน…เอ่อ จริงๆแล้วข้าไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น เจ้าเชื่อข้าใช่ไหม? ฟางเจิ้งจือพยายามอธิบายตัวเอง แน่นอน!ข้าเชื่อเจ้า! เจ้าไร้ยางอายบอกข้ามาว่าจริงๆแล้วเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?! ปิงหยางไม่ลังเลที่จะกัดฟางเจิ้งจืออีกครั้ง
เปล่าข้าแค่คิดว่าคืนนี้จะไปจับนกมาให้ทำอาหารให้เจ้าดีไหม?เจ้าประหลาดใจล่ะสิ? ฟางเจิ้งจือพยายามเปลี่ยนเรื่อง
เยี่ยมเยี่ยมาก! ปิงหยางกระโดดด้วยความดีใจ ก่อนที่นางจะมองฟางเจิ้งจืออีกครั้ง เจ้ายังไม่ได้บอกเลยว่าทำไมเจ้าถึงช่วยหยุนชิงวู?
อีกสิบวันเจ้าค่อยถามนางก็ได้ ฟางเจิ้งจือกระโดดเข้าไปในป่าและปฏิเสธที่จะอธิบายเพิ่มเติม
อีกสิบวัน? ปิงหยางคิดขณะที่ฟางเจิ้งจือหายไป เจ้าไร้ยางอาย…เจ้าคิดว่าเรื่องความฉลาด เจ้าสามารถเอาชนะหยุนชิงวูได้ไหม?
……………………………………..