Gate of God – ตอนที่ 1034 ความพยายามที่สูญเปล่า

ตอนที่ 1034 ความพยายามที่สูญเปล่า

ตอนที่ 1034 ความพยายามที่สูญเปล่า

   ไม่ปิงหยางลงแข่งไม่ได้ ข้า …ข้าขอคัดค้าน! มู่ฉิงเฟิงกัดฟันและพูดอย่างจริงจัง

  ถ้าพวกเขาไม่มีโอกาสจะชนะมู่ชิงเฟิงจะยอมให้ฟางเจิ้งจือทำทุกอย่างตามที่เขาต้องการ

  อย่างไรก็ตามพวกเขาได้รับชัยชนะในรอบที่สองแล้ว มู่ฉิงเฟิงจะยอมปล่อยไปได้ยังไง?

  แม้ว่าฟางเจิ้งจืออาจจะไม่ฟังเขาก็ตาม

  เขายังคงพูดด้วยเสียงที่หนักแน่น

  ไม่ว่าฟางเจิ้งจือจะแข็งแกร่งมากแค่ไหนเขาก็ควรฟังความคิดเห็นคนอื่นบ้าง?

  นั่นคือสิ่งที่มู่ฉิงเฟิงคิด

  หลังจากมู่ฉิงเฟิงพูดเหล่าศิษย์โดยรอบต่างก็เห็นด้วย

   ข้าเห็นด้วยกับผู้นำศาลามู่!     ถูกแล้วปิงหยางยังเด็กอยู่ หากส่งนางไปสู้กับตัวตนระดับเทพเจ้าทั้งสอง พวกเราต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน! 

   ใช่แล้วความหวังสุดท้ายของมนุษยชาติต้องไม่อยู่ในมือของปิงหยาง! 

  ศิษย์ฝ่ายมนุษย์ต่างแสดงความเห็นอย่างหนักแน่น

   เจ้าหมายถึงอะไรที่พูดว่า’ความหวังสุดท้ายของมนุษยชาติต้องไม่อยู่ในมือของปิงหยาง’ ข้าแข็งแกร่งมาก ใครก็ตามที่ไม่เชื่อเรื่องนั้นก็ออกมาสู้กับข้าซะ! ปิงหยางไม่สามารถทนได้อีกต่อไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น

  ความจริงแล้วนางกังวลตั้งแต่แรกที่ฟางเจิ้งจือจะส่งนางลงแข่งในรอบที่สามอย่างไรก็ตามความหวาดกลัวเล็กน้อยได้เกิดขึ้นในใจของนางเมื่อเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นใคร

  อย่างไรก็ตามแม้นางจะหวาดกลัว..

  อย่างเลวร้ายที่สุดก็แค่หนี!

  ปิงหยางเลือกที่จะเงียบแต่กลับถูกบอกว่าไม่สามารถฝากความหวังไว้กับนางได้นางจะพอใจกับเรื่องนี้ได้ยังไง?

   … 

  เหล่าศิษย์ต่างปิดปากเงียบ

  พวกเขาไม่ได้อ่อนแอทุกคนล้วนอยู่ในระดับเซียน อย่างไรก็ตามไม่สำคัญว่าพวกเขาจะมีพลังระดับไหน เมื่อพิจารณาถึงตัวตนของปิงหยางและความสัมพันธ์ที่มีต่อฟางเจิ้งจือ

  นางมีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่ง!

   ข้ามีเหตุผลที่เลือกปิงหยาง ฟางเจิ้งจือไม่คิดจะอธิบายในตอนแรกแต่หลังจากพิจารณาถึงความสำคัญของการต่อสู้ในรอบนี้เขาเลือกที่จะพูด

   เหตุผลอะไร?ปิงหยางอ่อนแอเกินไป นางไม่สามารถเอาชนะราชาอสูรอย่างหลิงหนิงได้ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าส่งนางลงแข่งในรอบที่สาม? มู่ฉิงเฟิงที่เงียบสงบกลายเป็นคนที่หนักแน่นอย่างมาก

   ฟางเจิ้งจือเจ้าอาจไม่รู้ความแข็งแกร่งของกู่หยวนแต่ข้ารู้ ทำไมไม่ลองฟังความสามารถของเขาก่อนที่จะตัดสินใจ? ถ้าเจ้ายังยืนยันที่จะส่งปิงหยางลงแข่ง ข้าโม่ฉานฉือ จะไม่คัดค้านอย่างแน่นอน! โม่ฉานฉือพยายามเกลี้ยกล่อมฟางเจิ้งจือ

   เอาล่ะข้าจะฟัง! ฟางเจิ้งจือพยักหน้า

   ใช่แล้วเราสามารถเจรจากันได้ เจ้าไม่เห็นด้วยหรือ? โม่ฉานฉือยิ้มหลังจากฟางเจิ้งจือพยักหน้ายอมรับ

  เมื่อได้ยินเช่นนั้นริมฝีปากของมู่ฉิงเฟิงกระตุกเล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไรอีกเขาเพียงกระพริบตาให้โม่ฉานฉือ

  ท่าทีของเขาชัดเจนเขาพยายามบอกให้โม่ฉานฉืออธิบายความสามารถของกู่หยวนอย่างละเอียด

  โม่ฉานฉือเข้าใจความหมายของมู่ฉิงเฟิงเป็นอย่างดี

  ตราบใดที่สามารถโน้มน้าวฟางเจิ้งจือได้ไม่เพียงแต่มู่ฉิงเฟิงจะอดทน หากต้องโดนตบเขาก็ยอม

   ความสามารถของกู่หยวน… ขณะที่โม่ฉานฉือกำลังพูดเขาลดระดับเสียงลงและใช้เขตแดนเพื่อกันเสียงให้สามารถได้ยินภายในกลุ่มพันธมิตรเท่านั้น  ผู้อาวุโสกู่หยวนเข้าถึงเต๋าสวรรค์หลังจากหลังจากสำเร็จค่ายกลแปดทิศ แม้อาจจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับเต๋าอาชูร่าในเรื่องของการโจมตี แต่การป้องกันของมัน …ข้าไม่กล้าพูดว่าเรื่องนั้นข้าสามารถทำได้ดีกว่าเขา 

   ใช่แล้วเรื่องนี้สำคัญมาก! มู่ฉิงเฟิงกล่าวออกมา เขาไม่สามารถทนได้

   เงียบก่อน! โม่ฉานฉือเตือนมู่ฉิงเฟิง  ฟางเจิ้งจือคิดดีๆ…ในสี่คนมีแค่เจ้าที่สามารถสู้กับโจวฉีและหลินยู่ได้ เจ้าจะสามารปกป้องคนอื่นได้ยังไงถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น? 

   หืม…ใช่แล้วมันสำคัญมาก! มู่ฉิงเฟิงกล่าวออกมาอีกครั้ง

   เจ้าจะตายไหมถ้าอยู่เงียบๆเจ้าปล่อยให้ข้าพูดจบก่อนได้ไหม?  โม่ฉานฉือกำลังเป็นบ้า เขาไม่สนใจชื่อเสียงของมู่ฉิงเฟิงอีกต่อไป

   ก็ได้เชิญเจ้าพูดต่อ ข้าจะอยู่เงียบๆ 

  ฟางเจิ้งจืออดชื่นชมพวกเขาทั้งคู่ไม่ได้

  พวกเขาประสานงานกันได้ดีเป็นอย่างยิ่ง

  คนหนึ่งทำตัวจริงจังและเข้มงวดแต่อีกคนจะเป็นคนคอยโน้มน้าวและแนะนำ

  ฟางเจิ้งจือเกิดความลังเลเขาทำได้เพียงถอนหายใจเบาๆ

  ฟางเจิ้งจือได้ฟังความสามารถของกู่หยวนและต้องยอมรับว่าเขาแข็งแกร่งไม่น้อย

  การที่โม่ฉานฉือพูดว่าการป้องกันของตัวเขาเองไม่สามารถเทียบเท่ากับกู่หยวนนั่นหมายความว่ากู่หยวนต้องเด่นในการตั้งรับ

  ยิ่งกว่านั้นความสามารถในการเคลื่อนย้ายตำแหน่งจากเต๋าสวรรค์ที่เขามีเหมือนกับฟางเจิ้งจือค่อนข้างน่าสนใจ

  อย่างไรก็ตามสิ่งนี้จะมีประโยชน์หรือไม่?

  มันอาจเป็นประโยชน์ในการต่อสู้ธรรมดา  อย่างไรก็ตามการต่อสู้ในวันนี้ไม่เพียงแต่จะไร้ประโยชน์แต่มันยังขัดขวางจังหวะการโจมตีของฟางเจิ้งจือ

  เหตุผลนั้นง่ายมาก…

  ที่ฟางเจิ้งจือเลือกเหยียนซิวและเหยียนเฉียนหลี่

  พวกเขาเป็นใครกัน?

  ดาบ!

  ดาบที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อใช้ในการโจมตี!

  เต๋าอาชูร่าเป็นเต๋าเพื่อการโจมตีโดยละทิ้งการป้องกันไป

  ทั้งมู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือมีความคิดเป็นของตัวเอง

  พวกเขาแก่ชราและชอบการต่อสู้ที่มีผลลัพธ์มั่นคงและแน่นอน

  ฟางเจิ้งจือเข้าใจเรื่องนี้ถ้ามองถึงความแน่นอนกู่หยวนเป็นคนที่เหมาะสมกับการต่อสู้ในครั้งนี้มาก  นั่นเพราะเขาสามารถทดแทนการป้องกันที่ขาดไปของเหยียนซิวและเหยียนเฉียนหลี่ได้เป็นอย่างดี

  อย่างไรก็ตามมันทำให้เกิดปัญหาเช่นกัน

  เหตุผลง่ายๆ

  นี่ไม่ใช่การต่อสู้ที่ต้องการความแน่นอน

  เหตุผลเดียวที่สามารถอธิบายว่าทำไมโจวฉีถึงยอมแพ้ในการแข่งรอบที่สองนั่นเพราะเขามั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะในการแข่งรอบที่สามได้

  แม้ฟางเจิ้งจือจะไม่รู้ว่าเขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหนแต่เขารู้ว่าในการแข่งรอบที่สามจะเป็นการแข่งขันที่ไม่มีทางจบสิ้นจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะถูกกำจัด

  ฟางเจิ้งจือเลือกใช้ดาบที่แข็งแกร่งที่สุดให้อยู่ด้านซ้ายและด้านขวาดังนั้นเขาจะเลือกให้โล่มาอยู่ด้านหน้าได้ยังไง?

  ช่างเป็นเรื่องที่น่าขันและฟางเจิ้งจือไม่ใช่คนโง่  และเหตุผลที่เลือกปิงหยาง..

  ไม่ใช่เพราะความดื้อรั้นของเขาความจริงแล้วปิงหยางเป็นเพียงจุดอ่อนที่อาจทำให้มนุษย์ต้องพ่ายแพ้

  ใช่แล้วปิงหยางจะกลายเป็นเป้าหมายแรกของราชาอสูร

  นั่นคือแผนการของฟางเจิ้งจือ

  การต่อสู้ของคนที่มีพลังเท่าเทียมกันหากทั้งสองฝ่ายตัดสินใจออมพลังไว้การต่อสู้คงดำเนินต่อไปไม่มีวันจบสิ้น

  การที่ฟางเจิ้งจือเลือกเหยียนซิวและเหยียนเฉียนหลี่เพื่อต่อสู้กับโจวฉีและหลินยู่นั่นหมายความว่าเขาต้องการใส่พลังทั้งหมด

  ฟางเจิ้งจือไม่ได้กลัวที่โจวฉีจะโจมตีเข้ามาแต่เขากลัวที่โจวฉีจะไม่โจมตีมากกว่า เขาจึงเลือกวางจุดอ่อนไว้เพื่อเป็นเหยื่อล่อ

  แน่นอนว่าแผนการนี้มีทั้งความเสี่ยงและโอกาสสำเร็จที่สูงมากอย่างไรก็ตามโชคยังดีที่ปิงหยางเข้าใจเรื่องนี้  เช่นนั้นแล้วฟางเจิ้งจือจะถูกมู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือโน้มน้าวง่ายๆได้เช่นไร?

   ฟางเจิ้งจือด้วยเหตุนี้เจ้าก็สามารถโจมตีได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องของเหยียนซิวและเหยียนเฉียนหลี่ เจ้าเพียงหาโอกาสทำให้ราชาอสูรทั้งสองบาดเจ็บ พวกเขาสามคนที่เหลือจะรับมือกับหลินยู่และให้เจ้าต่อสู้กับโจวฉี และข้ามั่นใจมากว่าเราจะชนะ! ดวงตาของโม่ฉานฉือส่องประกายราวกับเขามองเห็นแสงแห่งชัยชนะ

   ใช่แล้วด้วยการสนับสนุนของผู้อาวุโสกู่เขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาชนะโจวฉี! มู่ฉิงเฟิงพยักหน้าทันทีและไม่กลัวโม่ฉานฉือตำหนิอีกต่อไป

   อืม… ฟางเจิ้งจือพยักหน้าเบาๆ

  โม่ฉานฉือยิ้ม

  มู่ฉิงเฟิงก็ยิ้มเช่นกัน

  หลังจากใช้ความพยายามอย่างมากเพื่ออธิบายความสามารถของกู่หยวนอย่างละเอียดโม่ฉานฉือและมู่ฉิงเฟิงเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย

  จนฟางเจิ้งจือเกือบจะตกลงจริงๆ

   งั้นฟางเจิ้งจือเจ้าเห็นด้วยใช่ไหม?  โม่ฉานฉือถามขึ้นมาอีกครั้ง

   เห็นด้วยกับอะไร? ฟางเจิ้งจือสับสน

   เห็นด้วยกับการเลือกกู่หยวน! โม่ฉานฉือกล่าว

   โอ้ท่านหมายถึงเรื่องนี้หรอกรึ ข้ายังคงเลือกปิงหยาง  ฟางเจิ้งจือกล่าวด้วยท่าทางราวกับกำลังตื่นขึ้นจากความฝัน

   … 

   … 

  ทั้งโม่ฉานฉือและมู่ฉิงเฟิงตัวแข็งค้าง

  เรื่องบัดซบอะไรกัน?!

  หลังจากความพยายามมากมายของพวกเขากลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย

   ฟางเจิ้งจือเจ้าอาจจะได้ยินพวกเราไม่ชัดพอ ข้าจะพูดให้ฟังอีก…  โม่ฉานฉือได้สติและเตรียมจะกล่าวอีกครั้ง

   ข้าได้ยินท่านชัดเจน ฟางเจิ้งจือตัดจบประโยคทันที

   แต่เจ้ายืนยันที่จะส่งปิงหยาง? 

   แน่นอนข้าได้ยินท่านอธิบายถึงความสามารถของกู่หยวนแล้ว แต่ข้ายืนยันว่าจะเลือกปิงหยาง  ฟางเจิ้งจือกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

   … ใบหน้าของโม่ฉานฉือกลายเป็นสีเขียวคล้ำแม้แต่มู่ฉิงเฟิงก็เช่นกัน พวกเขากำลังโกรธจริงๆ

   เอาล่ะในเมื่อท่านโม่และท่านมู่ไม่คัดค้านตัวแทนรอบที่สามจะเป็น เหยียนซิว ปิงหยางและเหยียนเฉียนหลี่  ฟางเจิ้งจือกล่าวออกมาอย่างมีความสุข

  กลับกันใบหน้าของมู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือกลับดูทุกข์ทรมารอย่างถึงที่สุดความพยายามของพวกเขาสูญเปล่าอย่างสิ้นเชิง   ข้ารบกวนท่านลุงเหยียนด้วย! ฟางเจิ้งจือหันไปกล่าวกับเหยียนเฉียนหลี่โดยไม่สนใจท่าทีของคนอื่น

   ด้วยความยินดีข้ายังสามารถสู้เพื่อมนุษยชาติด้วยวัยชราเช่นนี้ก็ถือเป็นเกียรติมากแล้ว!  เหยียนเฉียนหลี่กล่าวด้วยความตื่นเต้น

  ……………………………………..

 

Gate of God

Gate of God

เรื่องราวของฟางเจิ้งจือผู้ได้มาเกิดใหม่ในโลกที่ผู้คนสามารถใช้พลังจากธรรมชาติที่เรียกว่า’เต๋า’ได้ แต่ฟางเจิ้งจือผู้ที่เกิดมาในครอบครัวชาวบ้านธรรมดาและต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกลับต้องพัวพันกับเหตุการณ์ต่างๆทั้งการทดสอบพลังและความรู้ของอาณาจักร ความขัดแย้งทางการเมืองรวมถึงเผ่าปีศาจที่คอยชักใยแผนการอยู่เบื้องหลัง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท