Gate of God – ตอนที่ 1032 การแข่งขันรอบที่สอง

ตอนที่ 1032 การแข่งขันรอบที่สอง

ตอนที่ 1032 การแข่งขันรอบที่สอง

   นี่คือเต๋าวิญญาณหนึ่งในเต๋าแห่งการจุติทั้งหก? หนานกงมู่มองไปยังมู่ซิงที่กำลังเจ็บปวดและกำมือแน่น แต่ในที่สุดเขาก็สงบลง

   มู่ซิงเจ้าเป็นอะไรไหม? ตัวตนเทพเจ้าอีกสองคนถามขึ้น

   ข้าไม่เป็นไร มู่ซิงพยักหน้าด้วยท่าทีอันเย็นชาอย่างไรก็ตามเขารู้สึกประหลาดใจและหวาดกลัวอย่างมาก

  แข็งแกร่งเกินไป!

  ฟางเจิ้งจือทำให้เขาบาดเจ็บจากการโจมตีด้วยดาบเพียงครั้งเดียว!

  ถ้าเขาไม่เจอกับตัวคงจินตนการถึงความแข็งแกร่งของฟางเจิ้งจือไม่ออกแม้แต่น้อย

   เด็กเหลือขอฆ่ามันทิ้งเดี๋ยวนี้! 

   ไม่รอให้จบการแข้งขัน! 

   อืม…ก็ได้! 

ตอนที่ 1032 การแข่งขันรอบที่สอง

   นี่คือเต๋าวิญญาณหนึ่งในเต๋าแห่งการจุติทั้งหก? หนานกงมู่มองไปยังมู่ซิงที่กำลังเจ็บปวดและกำมือแน่น แต่ในที่สุดเขาก็สงบลง

   มู่ซิงเจ้าเป็นอะไรไหม? ตัวตนเทพเจ้าอีกสองคนถามขึ้น

   ข้าไม่เป็นไร มู่ซิงพยักหน้าด้วยท่าทีอันเย็นชาอย่างไรก็ตามเขารู้สึกประหลาดใจและหวาดกลัวอย่างมาก

  แข็งแกร่งเกินไป!

  ฟางเจิ้งจือทำให้เขาบาดเจ็บจากการโจมตีด้วยดาบเพียงครั้งเดียว!

  ถ้าเขาไม่เจอกับตัวคงจินตนการถึงความแข็งแกร่งของฟางเจิ้งจือไม่ออกแม้แต่น้อย

   เด็กเหลือขอฆ่ามันทิ้งเดี๋ยวนี้! 

   ไม่รอให้จบการแข้งขัน! 

   อืม…ก็ได้!    มู่ซิงและตัวตนระดับเทพเจ้าอีกสองคนกัดฟันแน่นและคลายออกอย่างรวดเร็ว

  การแข่งขันในรอบแรกสิ้นสุดลงเช่นนั้น

  ต่อให้ฟางเจิ้งจือจะโจมตีมู่ซิงขณะที่มู่ซิงกำลังโจมตีศิษย์ทั้งสี่เขาก็ยังคงไดรับความพ่ายแพ้อยู่ดี

  กองทัพอสูรและปีศาจได้รับชัยชนะในรอบแรก

  การแข่งขันดำเนินเข้าสู่รอบที่สอง

   ฟางเจิ้งจือตามกฎการแข่งขัน พวกเราได้เลือกคนก่อนในรอบแรกแล้ว ในการแข่งขันรอบที่สองเจ้าก็ควรเป็นฝ่ายเลือกก่อน 

   มีกฎแบบนั้นด้วยงั้นหรือ? ฟางเจิ้งจือรู้สึกประหลาดใจ

   แน่นอน หนานกงมู่พยักหน้า

   ดูเหมือนเจ้าจะไม่ได้ทำตามกฎเลยนะ? ฟางเจิ้งจือมองไปที่มู่ซิงที่กำลังทำหน้าตาน่าเกลียด   แต่เจ้าก็โจมตีเขาเช่นกัน หนานกงมู่ไม่แปลกใจกับท่าทีไร้ยางอายของฟางเจิ้งจือ

   อืมเจ้าพูดถูก เจ้าหมายความว่าเจ้าไม่ได้มีปัญหาอะไรที่ข้าโจมตีมู่ซิงใช่ไหม? ฟางเจิ้งจือพยักหน้า

   ฮ่าฮ่า… เมื่อได้ยินเช่นนั้นหนานกงมู่ตกตะลึงเล็กน้อย แต่ก็เริ่มหัวเราะอีกครั้งเพราะเขาเข้าใจในสิ่งที่ฟางเจิ้งจือพูด

  เขาพยายามสร้างความขัดแย้งให้กับปีศาจและอสูร

  นั่นคือนิสัยของฟางเจิ้งจือ

  อย่างไรก็ตามหนานกงมู่ไม่เปิดโอกาสให้ฟางเจิ้งจือได้ทำเช่นนั้น เขาเพียงหัวเราะอย่างเยือกเย็นและไม่ได้ตอบปฏิเสธหรือยอมรับแต่อย่างใด

   เอาล่ะในเมื่อเจ้าไม่คิดจะทำอะไรกับมู่ซิง ข้าก็ไม่ใส่ใจอะไรมากนัก พวกเราก็ควรทำตามกฎต่อไป ในการแข่งขันรอบที่สอง …พวกเราจะเป็นฝ่ายเลือกคนก่อน! ฟางเจิ้งจือกล่าวอีกครั้ง

   เชิญ หนานกงมู่พยักหน้า

  ฟางเจิ้งจือหันไปรอบๆและเดินไปอยู่ข้างมู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือพร้อมกับทักทายพวกเขา

  การกระทำของฟางเจิ้งจือทำให้พวกเขาประหลาดใจ

  พวกเขาหันมองกันและไม่เข้าใจสิ่งที่ฟางเจิ้งจือทำทำไมถึงทำความเคารพพวกเขา?

  อย่างไรก็ตามพวกเขาก็รู้ได้ทันที

   ในรอบนี้ข้าขอให้ท่านทั้งสองเลือกผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของศาลาเต๋าสวรรค์และหุบเขาฟู่ซี่ลงแข่งขันได้หรือไม่? ฟางเจิ้งจือรอคำตอบของมู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือหลังจากที่พูดจบประโยค

  มู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือขมวดคิ้ว

  พวกเขาไม่มีปัญหากับการแข่งขันในรอบแรกอย่างไรก็ตามฝ่ายมนุษย์แพ้การแข่งขันในรอบแรกไปแล้ว พวกเขาจะแพ้ในรอบที่สองอีกได้ยังไง?

   ฟางเจิ้งจือเจ้าแน่ใจหรือว่าจะให้ข้าและเฒ่าโม่ลงแข่งในรอบที่สอง มู่ฉิงเฟิงถามหลังจากทุกอย่างเงียบลง

   ใช่แล้ว ฟางเจิ้งจือพยักหน้า

   แต่ถ้าพวกเขา… มู่งฉิงเฟิงมีบางอย่างจะพูดอีก

   ไม่มีแต่ ฟางเจิ้งจือส่ายหัวและพูดแทรกประโยคของมู่งฉิงเฟิง

   เอาล่ะ เขาไม่ได้พูดอะไรอีกมู่ฉิงเฟิงหันมองผู้อาวุโสศาลาเต๋าสวรรค์ทั้งสอง ท่าทีของพวกเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา

  ฟางเจิ้งจือรู้จักทั้งสองดี

  หนึ่งในนั้นคือผู้อาวุโสอันดับที่สองของศาลาเต๋าสวรรค์ผู้ที่เคยไล่ล่าเขาไปจนถึงตีนเขาศาลาเต๋าสวรรค์และอีกคนคือผู้อาวุโสแปลกหน้าคนหนึ่ง

   ผู้นำสำนักฟางไม่ได้พบกันนานหลังจากเหตุการณ์ที่ศาลาเต๋าสวรรค์ … ริมฝีปากของผู้อาวุโสสั่นเทาในขณะที่เดินออกมาจากกลุ่มคน

   เหตุการณ์ที่ศาลาเต๋าสวรรค์ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ผู้อาวุโสสอง ฟางเจิ้งจือโบกมือให้เขา

   ขอบคุณผู้นำสำนักฟาง!หากท่านวางใจ พวกเราจะลงแข่งขันในรอบที่สอง! ผู้อาวุโสสองตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งที่ฟางเจิ้งจือพูด

  จากความเข้าใจของเขาฟางเจิ้งจือไม่ใช่คนที่จะ  ปล่อยวางและให้อภัย 

  ในความจริงแล้วมันตรงข้ามกับที่คิดอย่างสิ้นเชิง!

  ฟางเจิ้งจือจะแก้แค้นและไม่มีความเมตตาอย่างแน่นอน

  นั่นเป็นเหตุผลที่ผู้อาวุโสสองตัดสินใจซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มคนหลังจากฟางเจิ้งจือเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง

  อย่างไรก็ตามคำพูดของฟางเจิ้งจือทำให้ผู้อาวุโสสองประหลาดใจเล็กน้อยเนื่องจากเขาไม่มีเจตนาแก้แค้นแต่อย่างใด

   ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหลังจบการต่อสู้ครั้งนี้ข้าจะให้เจ้าชดใช้อย่างแน่นอน ฟางเจิ้งจือจับมือและตอบกลับ

   … ผู้อาวุโสสองนิ่งงันอีกครั้ง

  ผู้อาวุโสคนอื่นหันมองกันด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น

  ฟางเจิ้งจือไม่ได้พูดว่ามันไม่เกี่ยวข้องกันหรอกหรือ?

  แล้วทำไมเขาถึงบอกว่าจะให้ผู้อาวุโสสองชดใช้อีกกัน?

  ความจริงแล้วฟางเจิ้งจือเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือและไม่มีใครคิดจะเชื่อเมื่อเขาพูดว่าจะไม่แก้แค้น

  มู่ฉิงเฟิงรู้สึกไม่ดีนัก

  เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับฟางเจิ้งจือและศาลาเต๋าสวรรค์ไม่ควรจะมีผิดหรือถูกอย่างไรก็ตามมันเป็นสัจธรรมของโลก

  ผู้ที่แข็งแกร่งย่อมเหนือกว่า  สุดท้ายแล้วศาลาเต๋าสวรรค์มีความแข็งแกร่งกว่าฟางเจิ้งจือเขาจึงไม่สามารถแก้แค้นศาลาเต๋าสวรรค์ได้

  อย่างไรก็ตามกาลเวลาผันเปลี่ยน

  ตอนนี้ฟางเจิ้งจือแข็งแกร่งกว่ามาก

  ด้วยเหตุนี้ศาลาเต๋าสวรรค์จะไม่สามารถทำอะไรได้หากฟางเจิ้งจือต้องการแก้แค้นพวกเขาทำได้เพียงยิ้มแห้งๆและพยายามรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

  อย่างไรก็ตามมู่ฉิงเฟิงค่อนข้างพอใจกับบางเรื่อง

  อย่างน้อยเขาก็ไม่เห็นจิตสังหารจากแววตาของฟางเจิ้งจือเมื่อมองไปที่ผู้อาวุโสทั้งสองนั่นหมายความว่ามันยังคงเป็นเรื่องที่สามารถเจรจากันได้

  หากสามารถเจรจาได้ก็สามารถแก้ไขได้

   แค่กแค่ก…ขอบคุณผู้อาวุโสสอง! มู่ฉิงเฟิงเลือกที่หยุดเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว

   เพื่ออนาคตของมนุษยชาติข้าขอสู้จนตัวตาย! ผู้อาวุโสสองแสดงความมุ่งมั่นออกมา

   เอาล่ะทางเราก็เลือกเสร็จแล้วเช่นกัน! ในขณะนั้นเองโม่ฉานฉือเดินไปข้างหน้าพร้อมกับผู้อาวุโสหุบเขาฟู่ซี่

   เฒ่าโม่เจ้าไหวไหม? ให้คนอื่นลงก็ได้นะ 

   คนอื่น?!ทำไมต้องคนอื่น? ข้าโม่ฉานฉือสู้ได้แม้ว่าจะต้องตาย เจ้ากล้าพูดว่ามีคนที่แข็งแกร่งกว่าข้างั้นหรือ? โม่ฉานฉือไม่พอใจ

   เอาล่ะเอาล่ะ เจ้าทำได้! มู่ฉิงเฟิงพูดไม่ออกแต่เขายังคงถามความเห็นของฟางเจิ้งจือ  เจ้าคิดว่าพวกเราทั้งสี่คนจะสามารถชนะได้ไหม? 

   แน่นอน ฟางเจิ้งจือไม่ได้พูดอะไรอีก

  อย่างไรก็ตามเหล่าศิษย์โดยรอบต่างกังวลเป็นอย่างมากเพราะพวกเขาคิดว่าฟางเจิ้งจือจะลงแข่งในรอบที่สอง

  อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งจือส่งมู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือออกไปแทน  พวกเขาจะสามารถเอาชนะได้จริงหรือ?

  เหล่าศิษย์ต่างไม่แน่ใจ

  อย่างไรก็ตามหากมู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือไม่คัดค้านในฐานะศิษย์พวกเขาก็ไม่สามารถคัดค้านเช่นกัน

  …

  กองทัพอสูรและปีศาจมองดูร่างทั้งสี่ตรงหน้าด้วยความไม่เชื่อ

   พวกเขาส่งมู่ฉิงเฟิงลงแข่ง?! 

   พวกเขายอมแพ้งั้นหรือ? 

   เพียงแค่สี่เซียนตราบที่พวกเราส่งท่านหลินหรือท่านโจวฉีออกไป พวกเราก็จะเป็นฝ่ายชนะในรอบนี้? 

  กองทัพอสูรและปีศาจเริ่มหัวเราะออกมา

  มู่ซิงและตัวตนระดับเทพเจ้าอีกสองคนดูตกใจไม่น้อยถ้าพวกเขาไม่ได้ลงแข่งในรอบแรก พวกเขาจะอาสาลงแข่งขันทันที

   หลินยู่เจ้าควรลงแข่งในรอบนี้! หนึ่งในตัวตนระดับเทพเจ้ามองไปที่หลินยู่

   ไม่ทั้งท่านโจวฉีและข้าจะไม่ลงแข่งในรอบนี้ หลินยู่ส่ายหัวเบาๆและพูดขึ้น แม้ว่าเขาจะไม่ยอมให้ฝ่ายมนุษย์ชนะก็ตาม

   ทำไมกันพวกเราสามารถชนะได้? 

   ใช่แล้วการชนะสองในสามรอบเท่ากับว่าพวกเราเป็นฝ่ายชนะไม่ใช่หรือ? 

   หากท่านหลินยู่ไม่มั่นใจที่จะลงแข่งเพียงลำพังท่านสามารถไปกับท่านโจวฉีได้ ด้วยพลังของพวกท่านต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน 

  ราชาอสูรและเหล่าปีศาจในกองทัพต่างสับสน

   ชัยชนะที่ไร้ความหมายเช่นนั้นมีความหมายยังไง? หนานกงมู่มองไปยังเหล่าราชาอสูรและพูดด้วยความเยือกเย็น

   … กองทัพอสูรและปีศาจเงียบลงในทันที

  ในขณะเดียวกันมู่ซิงและตัวตนระดับเทพเจ้าอีกสองคนหันมองกัน

  ในฐานะตัวตนระดับเทพเจ้าพวกเขาเข้าใจความหมายที่หนานกงมู่พูดเป็นอย่างดีบุคคลที่จะมีความคิดได้เช่นนี้ไม่ใช่คนอ่อนแอ

  เขาแข็งแกร่งอย่างแท้จริง!

  และผู้ที่แข็งแกร่งจะไม่ต่อสู้กับคนที่อ่อนแอ

  เช่นเดียวกับที่ตัวตนระดับเทพเจ้าทั้งสามชนะในการแข่งรอบแรกไม่มีใครรู้สึกภาคภูมิใจในชัยชนะแม้แต่น้อย

  ไม่เพียงแค่นั้นมันยังเต็มไปด้วยความอัปยศ

  มันคือสถานการณ์เช่นเดียวกันกับที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้

  หากพวกเขาส่งหลินยู่ลงแข่งไม่เพียงแค่มีโอกาสชนะเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น เพราะหากพ่ายแพ้ในรอบนี้เท่ากับว่าพวกเขาจะต้องแพ้ในรอบสุดท้ายอย่างแน่นอน เมื่อโจวฉีต้องต่อสู้กับฟางเจิ้งจือ  แน่นอนว่ากองทัพอสูรและปีศาจมีอีกทางเลือกหนึ่งนั่นคือการให้หลินยู่และโจวฉีลงแข่งขันกับมู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือ

  หากทำเช่นนั้นพวกเขาจะต้องชนะอย่างแน่นอน

  อย่างไรก็มันจะเป็นการแข่งขันที่ไร้ความหมาย

   พวกเจ้าสี่คนลงแข่ง  หนานกงมู่ชี้ไปยังราชาอสูรสี่ตนด้านหลังตัวตนระดับเทพเจ้าโดยไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติม

   รับทราบ! ราชาอสูรทั้งสี่ตนหันมองกันและก้าวออกไป

  พวกเขาคือราชาอสูรที่แข็งแกร่งและมีเกียรติแม้จะต้องเผชิญหน้ากับมนุษย์อย่างมู่ฉิงเฟิงก็ไม่เกรงกลัว

  มันคือเกียรติของราชาอสูร!

  ฟางเจิ้งจือถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นราชาอสูรทั้งสี่ตน

  ความจริงแล้วการแข่งในรอบที่สอง…   สำคัญกว่าการแข่งรอบแรก!

  นั่นเพราะฟางเจิ้งจือพ่ายแพ้ในรอบแรกไปแล้วเขาจึงไม่สามารถแพ้ในรอบที่สองได้อีก

  ตอนแรกฟางเจิ้งจือต้องการโกงในการแข่งรอบที่สองเช่นกัน

  อย่างไรก็ตามเขาเปลี่ยนใจ

  นั่นเพราะความรู้สึกที่ได้รับจากโจวฉีต่างไปมากมันเป็นความสงบและมั่นคงราวกับได้ตัดสินใจไว้ก่อนแล้ว

  นั่นหมายความว่าโจวฉีวางแผนบางอย่าง

   เป้าหมายของเขาคือข้าจริงๆหรือ? ฟางเจิ้งจือรู้ว่าฝ่ายอสูรและปีศาจสามารถเอาชนะในรอบที่สองได้อย่างง่ายดาย

  ความจริงแล้ว…

  เขาเดิมพันว่าโจวฉีเลือกที่จะยอมแพ้ในรอบที่สองเพื่อได้ต่อสู้กับเขาในรอบที่สาม

  เหตุผลนั้นง่ายมาก  หากโจวฉีต้องการกองกำลังพันธมิตรฝ่ายมนุษย์จริงๆเขาคงทำไปนานแล้ว ด้วยพลังของตัวตนระดับเทพเจ้าทั้งห้าตนทำให้ฝ่ายอสูรและปีศาจมีความได้เปรียบกว่ามากและไม่มีความจำเป็นต้องแข่งขันแม้แต่น้อย

  อย่างไรก็ตามโจวฉีเสนอเงื่อนไขให้แข่งขันกัน

  นั่นหมายความว่ามีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวโจวฉีไม่เพียงแค่ต้องการชนะการแข่งขันแต่เขาต้องการครอบครองกองกำลังพันธมิตรฝ่ายมนุษย์ทั้งหมด

   โจวฉีพยายามที่จะได้ต่อสู้กับข้าในรอบสุดท้าย?ข้าสงสัย …เขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน? ฟางเจิ้งจือมองไปที่โจวฉี เขาต้องการมองทะผ่านหมอกควันสีเทาบนใบหน้าของโจวฉี แต่ก็ยอมแพ้ไปหลังจากพยายามอยู่หลายครั้ง

  เขายอมแพ้เพราะมองไปก็ไม่เห็นอะไร

  เป็นเรื่องง่ายๆ  อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งจือรู้สึกได้ว่าโจวฉีต่างไปจากเดิมมาก

  มันรู้สึกราวกับเป็นคนละคน

  ไม่ว่าจะเป็นบุคคลิกนิสัยหรือการกระทำพวกเขาต่างกันโดยสิ้นเชิง

  เป็นไปได้ไหมว่า..

  เขาไม่ใช่โจวฉี?

  ตูม!เสียงระเบิดดังขึ้นทำให้ฟางเจิ้งจือตื่นจากความคิด การต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว

  อย่างไรก็ตามแทนที่จะมองไปยังการต่อสู้โจวฉีกลับมองไปรอบๆ

   ท่าน..กำลังมองหาอะไรงั้นหรือ? เสียงของหลินยู่ดังขึ้น

   ภูเขา หนานกงมู่ตอบ

   ภูเขา?ฮึ่ม… ภูเขาเหล่านี้แปลกมาก เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลินยู่ก็มองไปรอบๆก่อนจะพูดขึ้น

   ข้าไม่ได้คิดว่าพวกมันแปลก หนานกงมู่กล่าว

  ……………………………………..

 

Gate of God

Gate of God

เรื่องราวของฟางเจิ้งจือผู้ได้มาเกิดใหม่ในโลกที่ผู้คนสามารถใช้พลังจากธรรมชาติที่เรียกว่า’เต๋า’ได้ แต่ฟางเจิ้งจือผู้ที่เกิดมาในครอบครัวชาวบ้านธรรมดาและต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกลับต้องพัวพันกับเหตุการณ์ต่างๆทั้งการทดสอบพลังและความรู้ของอาณาจักร ความขัดแย้งทางการเมืองรวมถึงเผ่าปีศาจที่คอยชักใยแผนการอยู่เบื้องหลัง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท