Gate of God – ตอนที่ 1038 เมฆสีแดง

ตอนที่ 1038 เมฆสีแดง

ตอนที่ 1038 เมฆสีแดง

  หอกสีฟ้าปรากฎขึ้นในมือของหลินยู่ที่ปลายหอกนั้นเป็นผลึกน้ำแข็งที่แหลมคม

  นี่เป็นครั้งแรกที่หลินยู่ใช้อาวุธ

  มันคือหอก

   หอกของเขาคือน้ำแข็งส่วนหอกของข้าคือเปลวไฟ ให้ข้าสู้กับเขาเอง! ปิงหยางรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อเห็นหอกน้ำแข็งในมือของหลินยู่

   เจ้าอยากสู้กับเขางั้นรึ?! ฟางเจิ้งจือไม่อยากทำลายความตั้งใจของปิงหยาง

  อย่างไรก็ตามพลังของนางไม่มากพอที่จะต่อสู้กับราชาอสูรธรรมดาด้วยซ้ำนางจะจัดการตัวตนระดับเทพเจ้าอย่างหลินยู่ได้ยังไง?

  ความต่างของพลังมีมากเกินไป

   ข้ายินดีที่จะต่อสู้ร่วมกับองค์หญิงปิงหยางแม้เราจะไม่ชนะแต่ก็สามารถถ่วงเวลาได้สักพัก! เหยียนเฉียนหลี่พูดขึ้น

   ข้าสามารถจัดการราชาอสูรตนนั้นได้ในสามกระบวนท่า เหยียนซิวพูดในขณะที่มองหลิงหนิง

   ข้ามีทางเลือกอื่นด้วยหรือ? ฟางเจิ้งจือยิ้มเมื่อมองไปที่ทั้งสามคน

   อืม เหยียนซิวพยักหน้า

  เหยียนเฉียนหลี่และปิงหยางกลอกตามองฟางเจิ้งจือ เจ้ายังอยากจะเลือกอะไรอีก? 

  ไม่มีการวางแผนอะไรอีกต่อไปการต่อสู้เริ่มขึ้นอีกครั้ง

  ปิงหยางพุ่งออกไปก่อนขณะที่เหยียนเฉียนหลี่ตามนางติดๆทั้งสองโจมตีไปยังด้านซ้ายและขวาของหลินยู่

  การโจมตีของพวกเขาทำให้หลินยู่ประหลาดใจ

  เขาคือตัวตนระดับเทพเจ้าแม้จะไม่ได้อยู่ในขั้นสูงสุดแต่ก็ยังเป็นที่รู้จักในสนามรบโบราณ แต่ตอนนี้เขาต้องใช้อาวุธต่อสู้กับเซียนแค่สองคน มันช่างน่าเจ็บใจนัก

   ไปตายซะ! หลินยู่ยกหอกขึ้นดวงตาของเขากลายเป็นสีฟ้าในขณะที่แสงสีฟ้าส่องสว่างขึ้นกลางหน้าผาก

  ในขณะเดียวกันผลึกน้ำแข็งได้ปรากฎขึ้นใต้ฝ่าเท้าของเขา

  พวกมันคือผลึกน้ำแข็งที่มีความเย็นเยือกมากกว่าน้ำแข็งธรรมดาทั้งแข็งและเปล่งประกายกว่า

  ปิงหยางไม่รู้เรื่องนี้และแทงหอกฉีหลินเข้าไปโดยตรง

  ตูม!เสียงระเบิดดังก้อง

  อย่างไรก็ตามเศษน้ำแข็งไม่ได้กระเซ็นไปทั่วท้องฟ้าอย่างที่คาดเอาไว้ผลึกน้ำแข็งก่อตัวขึ้นที่หอกฉีหลินและลุกลามอย่างรวดเร็ว

  พวกมันก่อตัวเข้าหาปิงหยางอย่างบ้าคลั่ง

   ถอยออกไปฝ่าบาท! ด้วยประสบการณ์ของเหยียนเฉียนหลี่ทำให้เขาตอบสนองได้ในทันทีเขารู้ว่าไม่สามารถทำลายผลึกน้ำแข็งได้ง่ายๆ จึงคว้าตัวปิงหยางไปด้านหลังอย่างไม่ลังเลพร้อมกับโล่อาชูร่าสีแดงปรากฎขึ้นที่ฝ่ามือของเขา

  ปั้ง!เหยียนเฉียนหลี่กระเด็นออกไปพร้อมกับปิงหยางเมื่อผลึกน้ำแข็งปะทะกับโล่อาชูร่า

  พวกเขาไม่ได้ล้มลงกับพื้นเพียงถอยหลังออกไปเล็กน้อยเท่านั้น

  แม้แต่หลินยู่ก็ประหลาดใจกับผลลัพธ์เช่นนี้

   เหยียนเฉียนหลี่?ฮืม… ในด้านของประสบการณ์ต่อสู้ช่างน่าประทับใจ! หลินยู่สามารถพูดได้เลยว่าเหยียนเฉียนหลี่แก้ไขสถานการณ์ได้ทันเพราะประสบการณ์ที่เขามี

   ลุงเหยียนสุดยอดไปเลย! ปิงหยางประหลาดใจเล็กน้อย

   ฮ่าฮ่าถ้าเชื่อใจข้า ก็ฟังคำแนะนำและทำตามนั้นได้ไหม? เหยียนเฉียนหลี่เผยยิ้ม

   แน่นอนข้าจะฟังท่าน! มีคนไม่มากที่สามารถทำให้ปิงหยางเชื่อฟังได้ อย่างไรก็ตามเหยียนเฉียนหลี่คือหนึ่งในนั้น

  เหตุผลไม่ใช่เพราะเขาคือปู่ของเหยียนซิวแต่เพราะเหยียนเฉียนหลี่คือวีรบุรุษของดินแดนเหลียงตะวันตกผู้ผ่านสมรภูมิมามากมาย

  เขาสมควรได้รับขนานนามเป็นเทพสงครามแห่งดินแดนเหลียงตะวันตก

  แม้แต่คนดื้อรั้นเช่นปิงหยางก็ยอมเชื่อฟัง

   ด้วยการแนะนำของเหยียนเฉียนหลี่ปิงหยางคงจะปลอดภัย มู่ฉิงเฟิงผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อเห็นสิ่งนี้

   อืมเหยียนเฉียนหลี่เป็นคนที่พิเศษมาก ไม่เช่นนั้นดินแดนเหลียงตะวันตกคงไม่มีวันนี้ 

  หลังจากได้ยินการสนทนาระหว่างมู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือเหล่าศิษย์เลือกที่กำมือแน่นอย่างเงียบเชียบ

  พวกเขาจะไม่เคยได้ยินชื่อเหยียนเฉียนหลี่แห่งอาณาจักรเซี่ยได้อย่างไร?

  แม้เขาจะไม่ได้แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แต่ก็มีชื่อเสียงมากในสี่อาณาจักร

  ฟางเจิ้งจือฉลาดมากที่เลือกเขาลงต่อสู้ในรอบนี้

  …

  ภายใต้การโจมตีของปิงหยางและเหยียนเฉียนหลี่การต่อสู้ในรอบที่สามพลันกลายเป็นดุเดือดทันที ขณะที่เหยียนซิวเริ่มโจมตีราชาอสูรหลิงหนิง

  ตูม!

  ด้วยฝ่ามือที่ปะทะกันบังคับให้หลิงหนิงต้องถอยหลังไปประมาณสามก้าวความตกตะลึงเผยให้เห็นบนใบหน้าที่ซีดขาวของนาง

  เซียนธรรมดา…

  สามารถกดดันราชาอสูรผู้แข็งแกร่งได้?

  ยิ่งไปกว่านั้นเหยียนซิวยังมีอายุแค่สิบแปดปีเท่านั้นแต่ศักยภาพของเขากลับทำให้หลินยู่ตกตะลึง

  แม้ว่ามนุษย์จะอ่อนแอกว่าอสูรและปีศาจพวกเขาก็มีจำนวนมากกว่ามาก  บวกกับโอกาสและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องทำให้ผู้ที่เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่นั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าปีศาจและอสูร

  แน่นอนว่าเหยียนซิวเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

  ด้วยอายุขนาดนี้ในอนาคตเขาต้องเป็นภัยคุกคามแน่นอน

   ข้าต้องฆ่าเขา! หลินยู่ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

  อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะทำเช่นนั้นได้เขาต้องเอาชนะการโจมตีผสานระหว่างปิงหยางกับเหยียนเฉียนหลี่ให้ได้

  หลังจากฟังคำสั่งของเหยียนเฉียนหลี่การเคลื่อนที่ของปิงหยางกลายเป็นเฉียบคมขึ้น การโจมตีแต่ละครั้งของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะฆ่า

  หากหลินยู่ไม่ได้เห็นกับตาตัวเองคงไม่เชื่อว่าเด็กสาวอายุสิบหกปีจะใช้หอกได้เก่งกาจขนาดนี้ได้ยังไง

  ปั้ง!หลินยู่ถูกบังคับให้ถอยห่างออกป เขาปิดกั้นบริวเวณของสงวนของตัวเองด้วยหอกสีฟ้า

  จากนั้น…

  ผงปูนขาวจำนวนมากก็พุ่งมาที่หน้าของเขา

   ไปตายซะ! ในที่สุดหลินยู่ก็เริ่มทนไม่ไหว แสงสีฟ้าบนหน้าผากของเขาสว่างขึ้นกลายเป็นเกราะปกคลุมทั่วร่างกาย

  เขาไม่ได้กลัวที่จะต้องรับบาดเจ็บ

  แต่มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี

  ศักดิ์ศรีที่ลูกผู้ชายควรจะต้องรักษาเอาไว้

  ยิ่งไปกว่านั้นหยุนชิงวูเองก็ดูการต่อสู้อยู่หลินยู่จะปล่อยให้ตัวเองบาดเจ็บต่อหน้านางได้เช่นไร?

  การต่อสู้ยังคงอยู่ในสภาวะยืดเยื้อ

  แม้หลินยู่จะยังคงได้เปรียบแต่ก็เป็นเรื่องยากที่เขาจะฆ่าปิงหยางและเหยียนเฉียนหลี่ที่ผสานการโจมตีกันอยู่  …

  หนานกงมู่ไม่สนใจหลินยู่และหลิงหนิง

  นั่นเป็นเพราะเขาไม่ได้ละสายตาไปจากฟางเจิ้งจือแม้แต่น้อยเขาไม่เริ่มโจมตีเมื่อฟางเจิ้งจือยังไม่โจมตี

  ต้องบอกว่าเพราะฟางเจิ้งจือนั้นบาดเจ็บอยู่

  หนานกงมู่ราวกับจงใจรอให้อาการบาดเจ็บของฟางเจิ้งจือฟื้นตัว

   เจ้ายังไม่โจมตี? ฟางเจิ้งจือถาม

   ข้ากำลังรอเจ้าอยู่ หนานกงมู่กล่าว

   งั้นรึ?ข้าเองก็เช่นกัน  ฟางเจิ้งจือชี้ปลายดาบทั้งสองข้างไปที่ลำคอของหนานกงมู่

   ถ้างั้นข้าลงมือ!  หนานกงมู่พยักหน้า

  ฟางเจิ้งจือหยุดพูดขณะที่หนานกงมู่พุ่งเข้ามาหาเขาหลังจากพูดจบ

  มันเร็วมาก  เหล่าศิษย์ฝ่ายมนุษย์ไม่สามารถมองการเคลื่อนไหวของหนานกงมู่ได้ชัดเจน

  มันเป็นการต่อสู้ระหว่างคนที่แข็งแกร่ง

  ดาบของฟางเจิ้งจือเคลื่อนไหวเช่นกันดาบเล่มหนึ่งตั้งขึ้น ส่วนอีกเล่มตั้งลงเป็นแนวนอนเป็นทรงของไม้กางเขน

  ตูม!

  หนานกงมู่ถอยกลับไปอย่างไรก็ตามหลังจากถอยไปสองก้าวเขาก็พุ่งเข้ามาใกล้ตัวฟางเจิ้งจืออีกครั้งหนึ่ง

   ระยะประชิด? ฟางเจิ้งจือจำได้ว่าโจวฉีไม่ชอบการต่อสู้ระยะประชิด

  ตูม!ดาบของฟางเจิ้งจือเคลื่อนไหวอีกครั้งดาบทั้งสองพุ่งเข้าหาหนานกงมู่ทันที

  อย่างไรก็ตามทันใดนั้นเองเขาตระหนักว่าหนานกงมู่หายไปอย่างไร้ร่องรอย

  เขาหายไป?

  ฟางเจิ้งจือไม่คิดว่าเขาจะหายไปมันอาจเป็นการหลอกล่อ  ปีกสีดำกางออกพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

  ในขณะนั้นหมอกสีเทาปรากฎขึ้นใต้ฝ่าเท้าของเขาก่อนที่จะกระจายปกคลุมทั้งร่างทันที

   ไม่ฟางเจิ้งจือติดกับเต๋าแห่งความตาย! 

   เขาได้รับบาดเจ็บ?! 

   อย่ายอมแพ้! 

  เหล่าศิษย์ฝ่ายมนุษย์เต็มไปด้วยความกังวลเมื่อเห็นฟางเจิ้งจือติดกับเต๋าแห่งความตาย

  ในขณะเดียวกันกองทัพอสูรและปีศาจต่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

   ท่านโจวฉีแข็งแกร่งจริงๆ! 

   ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าท่านโจวฉีสามารถรับมือกับฟางเจิ้งจือได้! 

   ด้วยพลังของท่านโจวฉีข้าไม่คิดว่าฟางเจิ้งจือจะกล้าหยิ่งผยองอีก 

  กองทัพอสูรและปีศาจรู้สึกราวกับได้รับชัยชนะ

  อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับความตื่นของกองทัพอสูรและปีศาจ หยุนชิงวูที่อยู่ท่ามกลางมนุษย์เริ่มขมวดคิ้ว

  แม้หยุนชิงวูจะไม่แข็งแกร่งแต่นางรู้ดีว่าโจวฉีแข็งแกร่งแค่ไหน

  ทำไมเขาถึงจับตัวฟางเจิ้งจือได้?

  หยุนชิงวูคิดว่ามีโอกาสเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่โจวฉีจะได้เปรียบฟางเจิ้งจือ

  เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

  มีบางอย่างผิดพลาดหรือเปล่า?

  เป็นไปได้ไหมว่าโจวฉีอาจจะพบสามสิบหกแผนที่สู่สวรรค์?

  แม้ว่าหยุนชิงวูจะไม่ได้โจวฉีบ่อยนักแต่นางก็สามารถรู้ได้ว่าโจวฉีกำลังมองหาสิ่งนั้นอยู่

  นางรู้สึกได้ว่าเขาไม่เหมือนกับโจวฉีที่เคยพบมาก่อนหน้านี้  ตูม!เสียงระเบิดดังก้อง แสงสีทองจากท้องฟ้าพุ่งลงมาใส่หมอกสีเทา

  มันคือสายฟ้าที่ทรงพลังพอจะฉีกกระชากท้องฟ้า

  อย่างไรก็ตามมันไม่สามารถทำลายหมอกสีเทาลงได้

   ถ้าข้ายอมแพ้ตอนนี้เจ้าจะแบ่งอำนาจปกครองโลกให้กับข้าด้วยได้ไหม? ฟางเจิ้งจือดูกังวลเล็กน้อย เขารู้สึกได้ถึงลมหายใจแห่งความตายที่ดูดกลืนพลังของเขาอย่างต่อเนื่อง

   ไม่ เสียงของหนานกงมู่ดังชัดเจน

   โอ้งั้น… ผสานเต๋า! ฟางเจิ้งจือค่อนข้างผิดหวัง แต่ไม่ช้าเขาก็โจมตีไปยังทิศทางของเสียง

  โซ่สีต่างๆปรากฎขึ้น

  โซ่ตรวนนรก

  ยิ่งไปกว่านั้นมันราวกับเชื่อมต่อมาจากกงล้อแห่งการจุติเหนือหัวของฟางเจิ้งจือ

  ตูม!เสียงระเบิดดังขึ้น  โซ่ตรวนนรกตรงกลับไปที่ฟางเจิ้งจือพร้อมกับคราบเลือด

   เจ็บงั้นหรือ? ฟางเจิ้งจือถามขึ้นเมื่อเห็นคราบเลือด

   ก็ไม่ขนาดนั้น เสียงดังขึ้นจากอีกตำแหน่งหนึ่ง

   งั้นก็ลองอีกครั้ง…ผสานนรก! ฟางเจิ้งจือตกใจที่โจวฉีตอบเขากลับมาจริงๆ มันทำให้เขารู้ตำแหน่งของโจวฉี

  เปลวไฟสีดำแปดดวงลุกโชนขึ้นบนอากาศ

  มันโหมกระหน่ำไปยังทิศทางที่เสียงดังขึ้นราวกับไฟนรก

  ทันใดนั้นก้อนเมฆสีแดงสองก้อนส่องสว่างราวกับตะเกียงสีแดงท่ามกลางหมอกควัน

  ……………………………………..

 

Gate of God

Gate of God

เรื่องราวของฟางเจิ้งจือผู้ได้มาเกิดใหม่ในโลกที่ผู้คนสามารถใช้พลังจากธรรมชาติที่เรียกว่า’เต๋า’ได้ แต่ฟางเจิ้งจือผู้ที่เกิดมาในครอบครัวชาวบ้านธรรมดาและต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกลับต้องพัวพันกับเหตุการณ์ต่างๆทั้งการทดสอบพลังและความรู้ของอาณาจักร ความขัดแย้งทางการเมืองรวมถึงเผ่าปีศาจที่คอยชักใยแผนการอยู่เบื้องหลัง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท