หลังจากที่ฝุ่นควันหายไปก็ปรากฏเป็นร่างของซู่เจินที่กําลังสวมชุดออกรบที่สร้างขึ้นมาจากพลังงานของอนุภาคอีเทอร์อยู่ ซึ่งซู่เจินในตอนนี้กําลังมองไปที่ดร.อ๊อกโตปุสด้วยความเย็นชาพรอมกับบิดคอของเขาเล็กน้อย
“ถ้าเกิดว่าคุณยังมีชีวิตอยู่หลังจากนี้ คุณจะต้องรู้อย่างแน่นอนว่าผมเป็นใคร! “
เมื่อซู่เจินพูดจบเขาก็เคลื่อนตัวไปหาดร.อ๊อกโตปุสอย่างรวดเร็ว
ทําให้ดร.อ๊อกโตปุสจถึงกับตกใจเล็กน้อยและรีบตอบสนองอย่างรวดเร็ว โดยการเอาหนวดจักรกลสองอันฟาดไปที่ซู่เจินทันที ซึ่งเมื่อซู่เจินเห็นเช่นนั้นเขาก็ไม่ได้หลบหลีกอะไร แต่เขากับเอามือทั้งสองข้างของเขาจับไปที่หนวดจักรกลทั้งสองอันได้อย่างง่ายดาย!
“ไฟ!”
ซู่เจินพูดขึ้นเบา ๆ ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็ถูกปกคลุมเต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่มีอุณหภูมิความร้อนสูงทันที ทําให้ดร.อ๊อกโตบุสที่เห็นเช่นนั้นพยายามที่จะดึงหนวดจักรกลของเขากลับมา แต่มันก็เปล่าประโยชน์ทําให้หนวดจักรกลของดร.อ๊อกโตปุสในตอนนี้เริ่มพังทลายลงอย่างช้า ๆ
เมื่อดร.อ๊อกโตปุสเห็นเช่นนั้นเขาก็รีบสละหนวดจักรกลทั้งสองอันนั้นทิ้งทันที พร้อมกับรีบควบคุมหนวดจักรกลที่เหลือพุ่งเข้าไปหาซู่เจินอย่างรวดเร็ว
มีหนวดจักรกลมากมายนี่แหละคือความได้เปรียบของฉัน!
“หึ!”
ซู่เจินหัวเราะเยาะเย้ยขึ้นมาอย่างดูถูก ทันใดนั้นซู่เจินก็ใช้หนวดจักรกลทั้งสองอันของดร.อ๊อกโตปุสที่ทิ้งเอาไว้ฟาดไปที่ตัวของดร.อ๊อกโตปุสอย่างรุนแรงทันที
“ตูม!”
การเข้าปะทะกันอย่างรุนแรงทําให้หนวดจักรกลของดร.อ๊อกโตปุสถึงกับกระเด็นกลับไปทันที พร้อมกับแรงกระแทกจํานวนมหาศาลที่ทําให้ดร.อ๊อกโตปุสถึงกับล้มลงกระแทกกับพื้น
“วิส!”
ถึงแม้ว่าดร.อ๊อกโตปุสจะล้มลงกับพื้น แต่ซู่เจินก็ยังไม่ได้หยุดแค่นั้น เขารีบควบคุมเปลวเพลิงของเขาให้ลามไปทั่วหนวดจักรกลอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นซู่เจินก็คํารามขึ้นมาอีกครั้ง ทําให้แขนของซูเงินค่อย ๆ สั่นอย่างรวดเร็วพร้อมกับกระแสลมที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นรอบ ๆ แขนของซู่เจิน ทําให้เปลวเพลิงมันเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นซู่เจินก็เอาหนวดจักรกลทั้งสองอันมากระแทกเข้าหากัน ทําให้หนวดจักรกลทั้งสองอันนั้นค่อย ๆ กลายเป็นผงขี้เถ้าอย่างช้า ๆ
“หนี … ฉันต้องหนี!”
ตอนนี้ดร.อ๊อกโตปุสไม่อยากรู้เกี่ยวกับตัวตนของซู่เจินอีกต่อไป เพราะว่าตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว ว่าทําไมเวนอมถึงได้หนีไป ? ถ้าเกิดว่าเขารู้ว่าซู่เจินแข็งแกร่งขนาดนี้ เขาก็คงหนีไปเช่นกัน!
หนวดจักรกลอีกสองอันที่เหลือของดร.อ๊อกโตปุส ปล่อยแสงลีเซอร์ไปทางซู่เจินอย่างรวดเร็ว ทําให้ซู่เจินโบกมือขึ้นมาเล็กน้อย ทันใดนั้นก็มีโล่พลังงานปรากฏขึ้นมาป้องกันแสงเลเซอร์ไว้ได้อย่างง่ายดาย และหลังจากที่แสงเลเซอร์หายไปซู่เจินก็สลายโล่พลังงานของเขาออกทันที และเขาก็พบว่าตอนนี้ดร.อ๊อกโตปุสได้หนีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยหนวดจักรกลทั้งสองอันของเขา
ถึงแม้ว่าเขาจะเหลือหนวดจักรกลเพียงแค่สองอัน แต่ความเร็วมันก็ไม่ได้ช้าลงเลย!
“รีบตามไปเร็วเข้า อย่าให้ดร.อ๊อกโตปุสหนีไปได้”
” พี่ชายรีบไปจับตัวของเขาเร็วเข้า”
” พี่ชายคนนี้สุดยอดมาก! เขาชื่ออะไร ? ความสามารถของคุณสุดยอดมาก!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นมาด้านข้างหูของเขา ทําให้มุมปากของซู่เจินยกขึ้นมาเล็กน้อย “หนี ? เขาวิ่งได้งั้นหรอ ?”
เมื่อซู่เจินพูดจบ ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องของดร.อ๊อกโตปุสที่กําลังวิ่งหนีดังขึ้นมา และเมื่อคนที่อยู่รอบ ๆ หันไปมองพวกเขาก็พบกับกรงขังสีเขียวเข้มที่ขังร่างของดร.อ๊อกโตปุสเอาไว้ข้างใน ไม่สิ มันไม่ใช่กรงแต่มันน่าจะเป็นห้องขังขนาดใหญ่ซะมากกว่า
” กลับมานี่!”
ซู่เจินโบกมือของเขาเล็กน้อย ทันใดนั้นห้องขังขนาดใหญ่ก็ลอยกลับมาหาซู่เจินอย่างรวดเร็ว และหลังจากที่มันมาถึงด้านหน้าของซูเงินมันก็ร่วงลงกับพื้นทันที ทําให้บริเวณรอบ ๆ เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นมาเล็กน้อย
หลังจากนั้นซู่เจินก็ยกมือของเขาขึ้นอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นก็มีดาบสองเล่มที่ดูคล้าย ๆ กับดาบของราชวงค์ถังปรากฏขึ้นมาบนมือของซู่เจิน
อึก! ตึง!
ประตูห้องขังค่อย ๆ เปิดออกอย่างช้า ๆ พร้อมกับมีหนวดจักรกลพุ่งเข้ามาโจมตีซู่เจินอย่างรวดเร็ว
“ระวัง…”
เมื่อคนที่อยู่รอบ ๆ เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาก็ร้องอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจทันที
ซู่เจินหัวเราะเยาะเย้ยขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมกับเหวี่ยงดาบทั้งสองเล่มเข้าไปปะทะกับหนวดจักรกลอย่างรวดเร็ว
แคร่ก!
หนวดจักรกลทั้งสองอันถูกดาบของซู่เจินตัดขาดออกจากกันได้อย่างง่ายดาย หลังจากนั้นซู่เจินก็ชูดาบของเขาขึ้นอีกครั้ง ราวกับว่าเขากําลังจะตัดหนวดจักรกลพวกนี้ให้กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่ในขณะนั้นดร.อ๊อกโตปุสก็ยิงแสงเลเซอร์ออกมาอีกครั้ง ทําให้ซู่เจินรีบเปลี่ยนห้องขัง ให้กลายเป็นโล่พลังงานและถือเอาไว้ในมือซ้ายของเขาอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นซู่เจินก็ก้าวขึ้นไป ข้างหน้าเพื่อต่อสู้กับแสงเลเซอร์ทันที
“ตายไปซะ”
ดร.อ๊อกโตปุสที่ตอนนี้กําลังเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก เขาพยายามที่จะเพิ่มพลังงานของแสงเลเซอร์ให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่มันก็ไม่สามารถทําอะไรซู่เจินได้เลยแม้แต่น้อย!
ซู่เจินเหวี่ยงดาบที่มือขวาของเขาโจมตีไปที่หนวดจักรกลที่กําลังยิงแสงเลเซอร์อยู่อย่างรวดเร็ว ทําให้หนวดจักรกลอันนั้นขาดออกจากกันอย่างง่ายดาย แต่ถึงอย่างนั้นพลังงานของแสงเลเซอร์มันก็ยังไม่ได้หมดลงไปในทันที ทําให้หลังจากที่หนวดจักรกลถูกตัดขาด แสงเลเซอร์ก็เปลี่ยนทิศทางการโจมตีไปที่พื้นทันที ทําให้เกิดรูขนาดใหญ่ขึ้นมา และหลังจากนั้นไม่นานมันก็ค่อย ๆ ดับไป
“จําไว้ถ้าเกิดว่าชาติหน้ามีจริง อย่าได้คิดมาต่อสู้กันตรงหน้าของผมอีกเป็นครั้งที่สอง!”
หลังจากที่ซู่เจินเปลี่ยนโล่พลังงานให้กลายเป็นดาบเหมือนเดิมเรียบร้อยแล้ว เขาก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชาพร้อมกับเหวี่ยงดาบทั้งสองเล่มของเขา
ทําให้ดาบทั้งสองเล่มพุ่งเข้าหากันอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นหัวของดร.อ๊อกโตปุสก็กระเด็นออกไปพร้อมกับร่างของเขาที่ค่อย ๆ ตกลงมากระแทกกับพื้น
บริเวณรอบ ๆ ตกลงสู่ความเงียบสงบ …
ราวกับว่าโลกใบนี้ถูกแช่แข็ง พร้อมกับเสียงตะโกนโห่ร่องที่ค่อย ๆ เงียบหายไป
ดาบทั้งสองเล่มของซู่เจินค่อย ๆ ระเหยหายไปในอากาศ หลังจากนั้นซู่เจินก็ก้มลงไปมองที่เสื้อผ้าของเขาเล็กน้อย และพบว่าเสื้อผ้าของเขามันไม่มีเลือดสักหยด ทําให้เขาพยักหน้าขึ้นมาด้วยความพึงพอใจเล็กน้อย
” คุณดื่มเสร็จแล้วหรอ ? พวกเราไปกันเถอะ! ”
เมื่อซู่เจินเดินกลับเข้าไปในร้านกาแฟ เขาก็ถามเปปเปอร์ขึ้นมาทันที
แน่นอนว่าเปปเปอร์ยังไม่ได้ดื่มกาแฟเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็พยักหน้าขึ้นมาเบา ๆ โดยไม่รู้ตัวเมื่อได้ยินคําพูดของซู่เจิน ทําให้ซู่เจินเอามือของเขาไปจับตัวของเปปเปอร์ และพาเธอบินออกไปทันที
ในขณะเดียวกันด้านนอกตอนนี้ก็มีร่างของดร.อ๊อกโตปุสที่หัวและร่างกายของเขากําลังแยกจากกันอยู่ พร้อมกับหนวดจักรกลที่กระจัดกระจายอยู่รอบ ๆ และแน่นอนว่า ยังมีสไปเดอร์แมนอีกคนหนึ่งที่กําลังนอนไม่ได้สติอยู่ไม่ไกล
เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ ๆ ก่อนที่จะมีใครบางคนพูดขึ้นมาเบา ๆ
“เอ่อ … ฉันรู้สึกหวาดกลัวมากในตอนนี้! เขาฟาดดาบทั้งสองเล่มตัดหัวของดร.อ๊อกโตปุสและก็หินหายไป”
“คุณจะกลัวอะไร ? นั่นมันคือกังฟูของจีน มันดูเจ๋งจะตาย!”
“ใช่ ๆ เขาสามารถฆ่าดร.อ๊อกโตปุสที่เป็นถึงอาชญากรตัวฉกาจลงได้ แถมเขายังได้ช่วยชีวิตของสไปเดอร์แมนเอาไว้อีก ฉันบอกได้เลยว่าเขาคือซูเปอร์ฮีโร่ตัวจริง เพราะถึงยังไงดร.อ๊อกโตปุสก็สมควรตายอยู่แล้ว!”
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ก็เริ่มพูดคุยกันเจี้ยวจ้าวเต็มหมด จนทําให้ความกลัวและความตกใจของพวกเขาค่อย ๆ จางหายไป
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าซู่เจินเป็นใคร แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็สามารถจดจํารูปร่างหน้าตาของซู่เจินได้อย่างแม่นยํา
“คุณกลัวงั้นหรอ?”
ระหว่างทางที่พวกเขากําลังบินกลับไปที่ฐาน ซู่เจินสังเกตเห็นว่าเปปเปอร์เงียบไปผิดปกติ ทําให้เขาจึงถามเธอขึ้นมาเบา ๆ
เปปเปอร์พยักหน้าขึ้นมาเบา ๆ และพูดว่า “ก็ … นิดหน่อย”
” ทําไม ? คุณก็รู้ว่าเขาเป็นคนเลว และถ้าเกิดว่าไม่มีผมอยู่ในวันนี้คุณก็คงจะโดนเขาทําร้ายอย่างแน่นอน! “ ซู่เจินพูดขึ้นมาเบา ๆ
เปปเปอร์ส่ายหัวและพูดว่า “ฉันไม่รู้! มันอาจจะเป็นเพราะว่า ฉันแค่ตื่นตกใจนิดหน่อ ยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยเห็นคนตาย แต่วิธีการของคุณมันค่อนข้างจะรุนแรงสักเล็กน้อย ทําให้ฉันรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนแรก แต่ตอนนี้ฉันดีขึ้นมากแล้วล่ะ! ”
“ดีแล้ว! เพราะว่าผมไม่อยากให้เหตุการณ์ในครั้งนี้มันมีกระทบต่อความประทับใจของคุณที่มีต่อคุณ!” ซู่เจินพูดขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ
แน่นอนว่าการฆ่าดร.อ๊อกโตปุสไม่ใช่หน้าที่ของซู่เจินเลยแม้แต่น้อย เพราะถึงอย่างไรดร.อ๊อกโตปุสก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่ไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไร แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นอาชญากรและเขาก็ได้ตายไปแล้ว ดังนั้นไม่เพียงแต่มันจะช่วยทําให้ผู้คนรู้จักเขามากขึ้น แต่มันยังช่วยทําให้พวกเขาได้รู้ด้วยว่าเขาไม่ใช่คนที่จะมายั่วยุได้ง่าย ๆ
แต่เมื่อพูดถึงเรื่องนี้การตายของดร.อ๊อกโตปุสก็ไม่ค่อยยุติธรรมสักเท่าไหร่ เพราะถ้าเกิดว่า ดร.อ๊อกโตปุสไม่มารบกวนเวลาของเขาและเปปเปอร์ เขาก็คงจะไม่ตายแบบนี้ … หลังจากที่ซู่เจิน และเปปเปอร์กลับมาถึงที่ฐาน เปปเปอร์ก็กลับมาเป็นปกติเรียบร้อยแล้ว ทําให้เธอรีบเดินไปหาบริ้งค์ทันทีเพื่อจัดการเรื่องคนงานของของบริษัท Damage Control
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของซู่เจินก็ดังขึ้น …