ตอนที่ 105 ทั้งหมดนอนลงกับพื้น
” ปัญญาอ่อน!”
เมื่อเห็นว่าไอรอนแมนถูกโจมตีอย่างกะทันหัน ซู่เจินก็หัวเราะขึ้นมาด้วยความเยาะเย้ย
ทันใดนั้นเอลเลียตแรนดอล์ฟก็กระโดดลงมาอยู่ตรงหน้าของไอรอนแมนอย่างรวดเร็ว ซึ่งตอนแรกไอรอนแมนก็คิดว่าเขาจะสามารถชนะเอลเลียตแรนดอล์ฟได้อย่างง่ายดาย แต่ทันใดนั้นเขาก็ถูกเอลเลียตแรนดอล์ฟฟันเข้าที่ด้านหลังของเขาอย่างรุนแรง ทําให้ร่างกายของเขากระเด็นไปกระแทกกับตึกที่อยู่ข้าง ๆ และค่อย ๆ ทรุดตัวลงกับพื้นพร้อมกับมีรอยแตกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของชุดเกราะ
“โทนี่!”
เมื่อเห็นว่าไอรอนแมนกระเด็นออกไปอย่างรุนแรง สตีฟโรเจอส์ก็รีบวิ่งไปหาโทนี่ทันที
หลังจากที่สตีฟโรเจอส์วิ่งไปได้สองสามก้าว ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงแรงลมที่มาจากด้านข้างกระแทกเข้ากับโล่ของเขาอย่างรุนแรงโดยไม่ได้ตั้งตัว
“ตูม!”
ร่างของสตีฟโรเจอส์ไถลกระแทกกับพื้นเป็นเวลานานก่อนที่จะหยุดลง พร้อมกับแขนของเขาที่ชาไปหมด
“วิส!”
ฮอว์กอายรีบง้างคันธนูของเขาพร้อมกับกดเปิดฟังก์ชั่นของลูกธนู และยิงออกไปทางเอลเลียตแรนดอล์ฟอย่างรวดเร็ว และเมื่อเอลเลียตแรนดอล์ฟเห็นแบบนั้นเขาก็เอามีดฟันลงไปที่ลูกธนูดอกนั้นทันที ทําให้ลูกธนูเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง แต่มันก็ไม่ได้ทําให้เอลเลียตแรนดอล์ฟบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
แข็งแกร่ง…แข็งแกร่งเกินไป!
ในขณะเดียวกันทางด้านของไอรอนแมนในตอนนี้ก็กําลังนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว
สตีฟโรเจอส์พยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนขึ้นมาด้วยความยากลําบากพร้อมกับหยิบโล่ของเขาขึ้นมาถือไว้ในขณะเดียวกันเขาก็สังเกตเห็นว่าฮอว์กอายยิงธนูใส่เอลเลียตแรนดอล์ฟจนเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง แต่มันก็ไม่ได้ทําให้เอลเลียตแรนดอล์ฟบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ทันใดนั้นสตีฟโรเจอส์ก็ปาโล่ของเขาออกไปโจมตีแอลเลียตแรนดอล์ฟอย่างแม่นยํา ทําให้ร่างกายของเอลเลียตแรนดอล์ฟสั่นขึ้นมาเล็กน้อย และสตีฟโรเจอร์ก็จับไปที่โล่ที่กระเด็นกลับมาพร้อมกับวิ่งเข้าไปต่อสู้กับเอลเลียตแลนดอล์ฟอย่างรวดเร็ว
“ปัง!” “ปัก!”
เสียงของการปะทะกันดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
ในขณะเดียวกันนาตาชาก็รีบวิ่งไปดูอาการของโทนี่อย่างรวดเร็ว และเมื่อเธอลองตรวจสอบดู เธอก็พบว่าสถานการณ์ของโทนี่ก็ดูไม่ค่อยดีนัก เพราะว่าด้านหลังของชุดเกราะโทนี่มีรอยแตกขนาดใหญ่ของการโดนฟัน ซึ่งภายในร่างกายของเขาก็ไม่ได้มีบาดแผลอะไร แต่เขาก็แค่เป็นลมหมดสติไปก็แค่นั้น
“ฉันคิดว่าชุดเกราะตัวนี้น่าจะพังไปแล้วอย่างแน่นอน!” นาตาชาขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยและค่อย ๆ ถอดหน้ากากของโทนี่ออกมาพร้อมกับพยายามปลุกเขาให้ตื่น
“ตูม!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นพร้อมกับร่างของสตีฟโรเจอส์ที่กระเด็นไปกระแทกเข้ากับกําแพงที่อยู่ข้าง ๆ ของนาตาชาและร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเล็กน้อย และในขณะที่นาตาชากําลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นเธอก็สังเกตเห็นว่ากําลังมีใครบางคนกําลังกระเด็นผ่านหน้าของเธอไปอย่างรวดเร็ว
ฮอว์กอาย!
“ให้ตายสิ ทําไมผู้ชายคนนี้ถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้!” ฮอว์กอายพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มอันบิดเบี้ยว นอกจากนี้เวลาฉันเผชิญหน้ากับเขา ฉันจะมีความรู้สึกกลัวขึ้นมาลึก ๆ อยู่ในจิตใจ ทําให้มือของฉันมันสั่นไปหมด…”
“ซู่เจิน! คุณยังไม่ลงมืออีกงั้นหรอ?”
สถานการณ์ของสตีฟโรเจอส์ในตอนนี้ก็ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เพราะว่าพวกเขาทุกคนได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้เมื่อกี้นี้เป็นอย่างมาก ทําให้พวกเขาเริ่มไม่มีความหวังที่จะสามารถชนะศึกในครั้งนี้ได้เลย บวกกับการที่เขาเห็นว่าซู่เจินกําลังยืนยิ้มอยู่ด้วยท่าทางพึงพอใจ มันก็ทําให้สตีฟโรเจอส์ถึงกับทําอะไรไม่ถูก
เมื่อซู่เจินได้ยินเสียงตะโกน เขาก็รีบหันหน้าไปทางนั้นและพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องห่วง รอไปก่อน!”
“คุณจะต้องรออะไรอีก ? คุณไม่เห็นหรอว่าพวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยแม้แต่น้อย” ฮอว์กอายตะโกนขึ้นมาอย่างหดหู่
“พวกคุณมันอ่อนแอกันเอง ดังนั้นพวกคุณก็เลยไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขายังไงล่ะ” แน่นอนว่าซู่เจินอยากพูดขึ้นมาแบบนี้ แต่มันก็เป็นเพียงแค่ความคิดชั่ววูบของเขาเท่านั้น ไม่ต้องกังวลเดี๋ยวอีกไม่นานเขาก็มาถึงแล้ว ไม่สิ .. เขามาถึงแล้ว!”
เมื่อซู่เจินพูดจบ ทันใดนั้นก็มีเสาแสงขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาพร้อมกับร่างของธอร์ที่ค่อย ๆ เดินออกมาจากเสาแสงอันนั้นด้วยผ้าคลุมสีแดงที่โบกสบัดไปมาพร้อมกับค้อนในมือของเขา
“ผู้ชายคนนี้…”
ทันใดนั้นเมื่อพวกเขาเห็นว่าธอร์ปรากฏตัวขึ้นมา สตีฟโรเจอส์และฮอว์กอายก็เข้าใจได้ในทันทีเลยว่าที่ซู่เจินบอกให้รอมันหมายถึงอะไร
ในเมื่อธอร์เป็นเจ้าชายของแอสการ์ด ดังนั้นเขาก็น่าจะแข็งแกร่งมากกว่าเอลเลียตแรนดอล์ฟใช่ไหม ? แล้วเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องภายในของแอสการ์ดใช่ไหม ? งั้นพวกเราก็พักได้แล้วสินะ เพราะถึงช่วยไปก็ทําอะไรไม่ได้อยู่ดี
เมื่อทุกคนเห็นว่าธอร์ปรากฏตัวขึ้น พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจและผ่อนคลายลงทันที
“ซู่เจินทําไมตอนที่เจ้าจากไปถึงไม่มาบอกลาข้าก่อนสักคํา!”
หลังจากที่ธอร์ปรากฏตัวขึ้นเขาก็ยังไม่ได้ลงมือทําอะไร แต่เขากับหันไปบ่นกับซูเงินแทน
ซู่เจินยักไหล่เล็กน้อยและพูดว่า “ผมฝากให้ซิฟไปบอกกับคุณแทนผมแล้วไม่ใช่หรอ?”
“แถมข้ายังจัดเตรียมงานเลี้ยงไว้ให้กับเจ้าอีกด้วย แต่ในเมื่องานมันไม่มีเจ้า งานเลี้ยงมันก็น่าเบื่อลงทันที” ธอร์บ่นขึ้นมาเบา ๆ
“จริงเหรอ ? แล้วงานเลี้ยงจัดกี่วันล่ะ ?” ซู่เจินถามขึ้นมาด้วยความสนใจเล็กน้อย
“เอ่อ … เจ็ดวัน!” ธอร์พูดขึ้นมา
“เจ็ดวัน! นี่คุณยังบอกว่ามันน่าเบื่ออยู่อีกงั้นหรอน” ซู่เจินกลอกตาไปที่ธอร์อย่างโกรธเคือง ส่วนธอร์ก็ยิ้มขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมกับหันไปมองที่เอลเลียตแรนดอล์ฟและพูดขึ้นมา “ข้าขอสั่งเจ้าในนามของเทพเจ้าสายฟ้าธอร์ ขอให้เจ้ารีบวางอาวุธลงและกลับไปที่แอสการ์ดกับข้าเดี๋ยวนี้!”
คุณมาที่นี่เพื่อพูดประโยคขึ้นมาสองสามประโยคอย่างงั้นหรอ ? ไอ้ตายเถอะ!
เอลเลียตแรนดอล์ฟคํารามขึ้นมาอย่างรุนแรง ทันใดนั้นเขาก็เอามีดเล่มสีดําโจมตีไปทางธอร์อย่างรวดเร็ว
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะต่อต้านข้าสินะ”
ธอร์พูดขึ้นมาพร้อมกับควงค้อนของเขาอย่างรวดเร็ว และโจมตีไปที่มีดสีดํานั่นทันที
ซู่เจินในตอนนี้รู้สึกประหม่าและตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
เพราะว่านี่จะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการที่เขาจะสามารถพิสูจน์ความสามารถของมีดคู่แห่งความกลัวทั้งสองเล่มนี้ได้เป็นอย่างดี
“ตูม!”
มีดและค้อนเข้าการปะทะกันอย่างรุนแรง ทําให้ธอร์และเอลเลียตแรนดอล์ฟถึงกับกระ เดินถอยไปข้างหลัง
“เยี่ยม! มันสามารถต้านทานการโจมตีจากค้อนของธอร์ได้โดยไม่เกิดความเสียหาย เล่มนี้มันสุดยอดจริง ๆ !” ซู่เจินพยักหน้าขึ้นมาด้วยความพึงพอใจ
หลังจากนั้นธอร์ก็พุ่งเข้าไปต่อสู้กับเอลเลียตแรนดอล์ฟอย่างรวดเร็ว
มีดคู่แห่งความกลัว และ ค้อนของธอร์
สายฟ้า และ ความกลัว
พวกเขาทั้งสองคนเข้าต่อสู้กันอย่างดุเดือด ทําให้บ้านเรือนหรือตึกที่อยู่รอบ ๆ ถึงกับพังพินาศย่อยยับ
“โฮก!”
ทันใดนั้นเอลเลียตแรนดอล์ฟก็ตะโกนขึ้นมาพร้อมกับมีดเล่มสีเงินที่ค่อย ๆ ดูดกลืนพลังงานความกลัวที่กระจัดกระจายอยู่รอบ ๆ ทั่วทุกสารทิศให้หลั่งไหลเข้ามาในตัวมีด ทันใดนั้นนั้นจากใบมีดสีเงินก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีดําอย่างรวดเร็ว
ความกลัว!
นี่แหละคือพลังของความกลัว
และเมื่อซู่เจินหันหน้าไปมองทางด้านของนาตาชา เขาก็เห็นว่าสตีฟโรเจอส์ , ฮอว์กอาย , นาตาชา หรือแม้แต่โทนี่ กําลังมีพลังงานบางอย่างกําลังลอยออกมาจากตัวของพวกเขา ซึ่งการแสดงออกของพวกเขาในตอนนี้ก็ดูหวาดกลัวและตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก โดยที่นาตาชาในตอนนี้กําลังนั่งหดตัวเหมือนกับลูกบอลและตัวของเธอก็สั่นเล็กน้อยพร้อมกับพึมพําอะไรของเธอออกมาเบา
ส่วนทางด้านของสตีฟโรเจอส์ก็ดูเหมือนว่าจะดีขึ้นมาหน่อยที่เขายังมีสติหลงเหลืออยู่ แต่เขาก็ประคับประคองสติของเขาได้อย่างอยากลําบากมาก
นี่คือพลังของมีดคู่แห่งความกลัว ?
มันสามารถดูดกลืนความกลัวได้อย่างง่ายดายและส่งผลกระทบต่อจิตใจได้อย่างรุนแรงจริง ๆ แล้ว มันก็ค่อนข้างจะอันตรายมาก
“ตูม!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังเกิดขึ้นพร้อมกับร่างของธอร์ที่กระเด็นไปกระแทกเข้ากับพื้นอย่างรุนแรงด้วยความเจ็บปวด
ส่วนค้อนของธอร์ก็กระเด็นหลุดออกจากมือของธอร์ไปหล่นอยู่ข้าง ๆ
“เอาล่ะ! ขนาดค้อนของธอร์ที่แข็งแกร่งขนาดนั้นมันก็ยังไม่สามารถต้านทานพลังของมีดคู่แห่งความกลัวทั้งสองเล่มนั้นได้!” เมื่อเห็นท่าทางของธอร์ ซู่เจินก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก