มาดามเมิ่งเป็นผู้หญิงชาวบ้านจากภูมิภาคทางใต้ของแม่น้ำแยงซี นางมีรูปร่างเล็กกระทัดรัดและใบหน้าที่บอบบาง มีความอ่อนโยนและความอบอุ่นออกมาจากทุกอาริยาบทของนาง ด้วยความที่อายุใกล้เคียงกับนางอัน นางยังดูสาวกว่านางอันมาก แม้ว่านางอันจะใส่ใจเรื่องความงามและสุขภาพร่างกายของตัวเองมาโดยตลอดก็ตามที
“ไม่ได้เจอกันนานเลย นายหญิงเมิ่ง” นางอันเดินไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม
ด้วยการแสดงออกที่นุ่มนวลและน่าพอใจบนใบหน้าของนาง มาดามเมิ่งเหลือบมองซูจิงเหวิน ซูจิง เหวินที่ยืนอยู่ข้างนางอันมองย้อนกลับไปราวกับว่านางกำลังว้าวุ่นใจเล็กน้อย มาดามเมิ่งรีบมองออกไปและส่งสายตากลับมาที่นางอัน
“อย่างแน่นอน ไม่กี่วันที่ผ่านมา ข้าได้ยินว่านายหยิงผู้เฒ่าเมิ่งกำลังจะกลับมา และกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวสำหรับการมาถึงของนาง”
“เรารู้ว่าท่านเป็นลูกกตัญญูของแม่เฒ่าดีกว่าใครๆ ข้ายังจำได้ว่าตอนที่แม่เฒ่าเมิ่งป่วย ท่านอยู่ที่นั่นเพื่อดูแลนางเป็นเวลาสามวันสามคืนโดยไม่ได้ละไปไหนเลย”
หลังจากแลกเปลี่ยนคำทักทายและคำชมตามปกติแล้ว นางอันเชิญนายหญิงเมิ่งเข้าไปในคฤหาสน์ด้วยตัวนางเอง
ทันทีที่พวกเขานั่งในห้องนั่งเล่นแล้ว นางอันแอบแตะซูจิงเหวินเพื่อเป็นการเตือนความทรงจำ ซูจิง เหวินควรจะแสดงมารยาทกับนายหญิงเมิ่งที่ตรงประตู แต่อย่างใดเด็กคนนี้ก็หยุดนิ่งราวกับว่านางกำลังเคลิบเคลิ้มอยู่กับบางสิ่ง
เมิ่งซิ่วเหวิน นายท่าน ไม่ได้ปรากฏตัวมาพร้อมกับนายหญิงเมิ่ง ซูจิงเหวินจึงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่ในไม่ช้านางก็ลุกขึ้นยืนและก้าวไปข้าหน้าด้วยรอยยิ้มที่เหมาะสม
“ข้าขอคารวะอย่างจริงใจ นายหญิงเมิ่งเจ้าค่ะ”
ซูจิงเหวินโค้งคำนับเล็กน้อยด้วยความสุภาพตามมายาททั่วไป จนกระทั่งช่วงเวลานี้ นายหญิงเมิ่งจึงหันกลับมามองซูจิงเหวินอีกครั้ง
“วันนี้เป็นวันเกิดของคุณหนูสอง ดังนั้น เจ้าไม่จำเป็นต้องสุภาพเกินไปนัก”
นายหญิงเมิ่งตอบด้วยใบหน้าเฉยเมย ไม่มีอารมณืใดปะปนในคำพูดของนาง นางอันขมวดคิ้ว นางเคยพูดกับนายหญิงเมิ่งเกี่ยวกับการแต่งงานระหว่างสองครอบครัวอย่างไม่ชัดเจนนัก และแม้ว่านายหญิงเมิ่งจะไม่ได้แสดงความยินยอมในตอนนั้น อย่างน้อยก็มีที่ว่างสำหรับการพิจารณา แต่ด้วยท่าทีของนางในวันนี้ นางหมายความเยี่ยงไร?
นายหญิงเมิ่งมีคำพูดสบายๆ กับซูจิงเหวิน สั่งให้คนรับใช้ของนางนำของขวัญวันเกิดออกมา และเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาจากซูจิงเหวินเป็นเรื่องอื่น
ซูจิงเหวินไม่ได้หูหนวกตาบอดและนางสัมผัสได้ถึงความเย็นชาของนายหญิงเมิ่ง ทันใดนั้นใบหน้านางก็ซีดเผือดลงทันทีและนางกำลังจะทิ้งตัวลงนั่ง
นางอันแอบหยิกลูกสาวนางไว้
“เจ้าไม่จำเป็นต้องระมัดระวังมากเกินไปที่จะไปกับเพื่อนของเจ้า ทำไมไม่ไปเป็นเจ้าภาพที่ดีกับเพื่อนผู้หญิงที่มาฉลองวันเกิดของเจ้าล่ะ?”
“เจ้าค่ะ ท่านแม่”
จากนั้นซูจิงเหวินก็พาหญิงสาวกลุ่มหนึ่งไปที่สวน
ในไม่ช้าเด็กผู้หญิงหลายคนก็เดินวนรอบซูจิงเหวิน เมื่อพวกเขาอยู่ในสวน
“น้องสาวจิงเหวิน วันนี้เจ้าดูสวยมาก” เด็กผู้หญิงหน้ากลมกำลังคุยกัน ชื่อของนางคือฮูเล่อและนางเป็นลูกสาวของผู้พิพากษามณฑลที่มีที่ดินอยู่ในเขตอำนาจปกครองของเมืองชุนหยาง
“ในคำพูดของท่าน พี่ฮู ท่านพูดอย่างกับว่าน้องจิงเหวินแต่ก่อนไม่สวยงั้นแหละ” ด้วยสายตายั่วยุไปที่ฮูเล่อ หญิงสาวที่มีใบหน้ารูปไข่พูดคำพูดนั้นขึ้นมาแทน พวกเขาทั้งหมดเป็นลูกสาวของผู้ใต้บังคับบัญชาของซูหลุนและทราบมานานแล้วว่า ซูจิงเหวินเป็นที่ชื่นชอบของพ่อของนางมากที่สุด เมื่อครอบครัวซูมาถึงที่นี่ พวกเขาชื่นชมนางตลอดมา
“เจ้า!”
“หยุดต่อล้อต่อเถียงกัน! เจ้าไม่รำคาญกันรึ” ซูจิงเหวินดึงดอกไม้ออกมาหนึ่งกำมืออย่างไม่สบอารมณ์และปามันลงบนพื้น สองสาวหุบปากที่เถียงกันอย่างรวดเร็ว
“ข้าได้ยินมาว่าพี่สาวของเจ้าป่วยหนักและถูกส่งตัวไปที่หมู่บ้านเพื่อพักฟื้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเจ้าเพราะไม่อย่างนั้นนางอาจจะต้องเป็นที่น่าอับอายในคฤหาสน์” ฮูเล่อรู้ว่าซูจิงเหวินเกลียดซูมู่เกอมาก และไม่เคยพลาดที่จะดูแคลนซูมู่เกอตลอดเวลา
แน่นอนว่าซูจิงเหวินหัวเราะเยาะด้วยความพึงพอใจทันทีที่มีคนพูดดูถูกซูมู่เกอ
“เหอะ พักฟื้นร่างกายนางในหมู่บ้านงั้นรึ? ที่จริงนางหนีไปกับผู้ชายในป่า!”
ดวงตาของหญิงสาวต่างตกตะลึกกับคำพูดที่ไม่คาดคิดเช่นนั้น
“น้องจิงเหวิน เจ้าพูดจริงหรือไม่?”
เรื่องราวกเกี่ยวกับหญิงสาวจากครอบครัวของขุนนางได้หลบหนีไปกับชายคนหนึ่ง! ถ้านางถูกจับตัวกลับมา นางจะถูกแขวนคอในกรงหมูและจับถ่วงน้ำ! และนั่นไม่ใช่การลงโทษอย่างหนักรึ!
“ทำไมข้าต้องโกหกเจ้าด้วย? ท่านแม่ของข้าช่วยปกปิดความความจริงให้นาง ไม่อย่างนั้นเจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่านางไปพักฟื้นที่หมู่บ้าน?”
“โอ้พระเจ้า! คุณหนูใหญ่กล้าเกินไปแล้ว!”
ยืนอยู่ที่ทางเข้าสวนด้วยใบหน้าซีดเผือด นางอันพยายามเงยหน้าขึ้นด้วยรอยยิ้มและแสร้งทำเป็นว่านางไม่ได้ยินอะไร แต่นางทำไม่ได้ คนเราทุกวันนี้ไม่มีคนหูหนวก และพวกเขาทุกคนก็ได้ยินคำพูดดังๆ ของซูจิงเหวินซึ่งชัดเจนมาก
นายหญิงเมิ่งซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ดวงตามืดมิดและมืดมนของนางมองไปที่นางอันอย่างรวดเร็ว นางอันทำได้เพียงกัดปากและจิกตัวเองเพื่อสงบสติอารมณ์ นางอ้าปากค้างพร้อมกับมีก้อนสะอึกในลำคอ “ขออภัย ขออภัยสำหรับเรื่องงี่เง่าเรื่องนี้น่างจะเป็นเรื่องอื้อฉางในครอบครัว และเราไม่รู้เลยว่ามู่เกอทำเช่นนั้น นางเติบโตมาพร้อมกับพี่สาวของข้าและมักจะประพฤติตัวดี…”
นากจากนายหญิงเมิ่งแล้วคนส่วนใหญ่ที่มากับนางอันในสวนเป็นภรรยาของขุนนางในเมืองขุนหยางทั้งนั้น แต่มีเพียงไม่กี่คนที่รู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงเมื่อหลายปีก่อน และพวกเขาคิดว่าซูจิงเหวินกำลังพูดถึงลูกสาวของนายหญิงอีกคนของซูหลุน นายหญิงเมิ่งเป็นคนเดียวที่รู้ว่ามู่เกอคือใคร
“ไม่ต้องกังวลกับมัน นายหญิงซู มันไม่ควรเสียอารมณ์เพราะคนไม่มีตัวตน ท้ายที่สุด นางเป็นลูกสาวของนายหญิงที่ไม่มีความสำคัญใด และท่านเป็นนายหญิงที่แท้จริงของตระกูลนี้ ดูลูกสาวของท่านสิ คุณหนูสองของเรา นางสง่างามและมีคุณธรรมเพียงใด! เราสามารถบอกได้ว่านางถูกเลี้ยงดูจากท่านมาอย่างดีได้รับการศึกษาที่ดีมาก”
“ใช่เจ้าค่ะ อย่างแน่นอน”
ด้วยคำชมเหล่านั้น นางอันแทบจะไม่สามารถซ่อนเสียงหัวเราะของนางได้เลย
ไม่มีตัวตน! นางจ้าว เจ้าได้ยินมันไหม!
“ทำไมไม่กลับไปที่ห้องแล้วนั่งที่นั่นล่ะ? ดวงอาทิตย์กำลังจะแผดเผา” จู่ๆ นายหญิงเมิ่งก็พูดขึ้น คิดว่านางเมิ่งกำลังช่วยนางจากความอับอาย ดังนั้นนางจึงรวบรวมภรรยาขุนนางกลุ่มนั้นและจากไป
การหนีไปกับผู้ชายคนหนึ่งขอซูมู่เกอก็กระจายออกไปทั่วคฤหาสน์ซู
…………………………
รถม้าของตระกูลเมิ่งแล่นผ่านประตูเมืองอย่างช้าๆ
หลังจากเข้าเมืองแล้วรถม้าไม่ได้มุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์เมิ่งแต่พวกเขามุ่งหน้าไปที่ตระกูลซู
รถม้าจอดอยู่ด้านนอกคฤหาสน์ซู ในขณะที่นางอันกับเหล่านายหญิงกลุ่มหนึ่งกำลังดูการละเล่นอยู่ในขณะนั้น
สาวใช้ในชุดน้ำเงินเดินไปหามาดามเมิ่งและกระซิบข้างใบหูของนาง มาดามเมิ่งดูตกใจมากเมื่อนางได้ยินคำพูดของสาวใช้รายนั้น นางหันกลับไปมองซูจิงเหวินซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ นางอัน
ที่จมอยู่กับความตื่นเต้นของการดูถูกจากผู้อื่นต่อซูมู่เกอ ซูจิงเหวินไม่ได้สังเกตว่ามีใครมองนางอยู่ อย่างไรก้ตามรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ก่อนที่นางจะพูดอันใด หลีหม่าก็เข้ามาข้างๆนาง
“ขุนนางเมิ่งและนายแม่ผู้เฒ่าเมิ่งจากคฤหาสน์เมิ่งมาถึงแล้วเจ้าค่ะ!”
“อะไรนะ?”
ความประหลาดใจบนใบหน้าของนางอันไม่น้อยไปกว่านายหญิงเมิ่ง นายหญิงเมิ่งไม่คาดคิดมาก่อนว่าวันเกิดของลูกสาวจ้าวเมืองจะดึงดูดความสนใจจากทั้งสามีของนางและแม่สามี
นางอันลุกพรวดขึ้นและลากซูจิงเหวินผู้ซึ่งจมอยู่กับการละเล่น “เร็วเข้า ไปทักทายแขกของเรา”
นายหญิงเมิ่งยืนขึ้นเช่นกันและเดินตามนางอันออกไป
พวกเขาทิ้งคนอื่นๆไว้ในความสับสน
“เกิดอะไรขึ้น? นายหญิงซูและนายหญิงเมิ่งดูแปลกๆ เมื่อพวกเขาออกไปข้างนอกกัน”
“ไม่รู้ เราตามพวกเขาไปกันหรือไม่? แต่การแสดงยังไม่จบนะ?” นายหญิงในชุดสีเหลืองยิ้มเล็กน้อยพลางเอามือปิดปาก
แม้จะมีคำยกย่องสรรเสริญให้นางอันหลังกลับจากในสวน แต่ก็คือ หลังจากนั้นทั้งหมด มันคือการเปิดโปงเรื่องราวภายในตระกูลที่หญิงสาวของครอบครัวคนหนึ่งในคฤหาสน์หนีไปกับชายหนึ่งคน มันควรถูกปกปิดด้วยความระมัดระวัง แต่คุณหนูคนที่สองได้เล่าเรื่องนี้ต่อหน้าผู้คนมากมาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการอบรมเลี้ยงดูที่ไม่ดีของนาง
ด้านนอกประตูคฤหาสน์ นายหญิงเมิ่งทักทายนายแม่ผู้เฒ่าเมิ่งด้วยใบหน้าเคารพนบนอบ ในขณะที่นางอันเดินไปข้างหน้าโดยจูงซูจิงเหวินไปด้วยเพื่อแสดงความเคารพ
“นายหญิงผู้เฒ่าเมิ่ง ขอคารวะเจ้าค่ะ”
หญิงชราเมิ่งเพียงแค่พยักหน้าและไม่ขยับ นางมองเลยไปด้านหลัง
“เด็กที่ไหนกัน? ออกมา ทำไมไปแอบที่ด้านหลังท่าน?”
ความสนใจทั้งหมดถูกพุ่งไปที่จุดเดียวเบื้องหลังหญิงชรา แล้วหุ่นผอมบางก็ก้าวออกมา นางอันเป็นคนแรกที่ผงะตกใจสำหรับการที่ไม่ได้เตรียมรับกับสถานการณ์ครั้งนี้!
ซูมู่เกอ!
นางมาอยู่กับนายหญิงผู้เฒ่าเมิ่งได้ยังไง!
“มาได้อย่างไร? นางไม่ได้หนีไปกับผู้ชายคนหนึ่งหรือ ซูมู่เกอ? เจ้ากล้ากลับบ้านมาได้เยี่ยงไร!” ซูจิงเหวินตะโกนออกอย่างไม่คิด
ซูมู่เกออยู่ในชุดกระโปรงสีเขียวควันบุหรี่แบบพื้นเมือง ซึ่งเป็นรูปแบบที่นิยมกันเมื่อสองปีมาแล้วในเมืองชุนหยาง มีเพียงกิ๊บหยกอันเดียวที่ปักไว้ด้านข้างผมสีดำของนาง คุณภาพไม่ดีนัก เครื่องแต่งกายแบบนี้แย่ยิ่งกว่าสาวใช้ของตระกูลขุนนางชั้นสูงบางครอบครัวเสียอีก
นางเดินไปด้านข้างนายหญิงผู้เฒ่าเมิ่งอย่างสงบและจับมือนางไว้เบาๆ โดยไม่สนใจทางทางแปลกใจ ของคนอื่น
นายหญิงผู้เฒ่าเมิ่งรู้สึกยินดีและนางยิ้มออกมา นางหันไปมองซูจิงเหวิน
“นี่ต้องเป็นคุณหนูคนที่สองของตระกูลซูสินะ”
หญิงชราเฉยเมยต่อซูจิงเหวิน ซึ่งทำให้นางหดตัวเล็กลงด้วยความกลัว
นางอันก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวไม่คำนึงถึงคำถามและอยู่ในความโกรธของตัวเอง “ท่านพูดถูกแล้ว นายหญิงแม่เฒ่าเมิ่ง”
นายหญิงผู้เฒ่าเมิ่งพยักหน้า
“แล้วนางกำลังพูดถึงอะไร?”
“นาง….”
ความโกรธแค้นปกคลุมซูจิงเหวินเมื่อนางมองไปที่นางอันโดยไม่ตอบคำถามของหญิงชรา และยิ่งไปกว่านั้น ซูมู่เกอยังอยู่ในสภาพที่บริสุทธิ์และสูงสง่า!
“นายหญิงเมิ่ง นางเป็นพี่สาวของข้า นางออกจากบ้านไปเมื่อหลายวันก่อนโกหกเราว่าจะไปดูแลยายของนาง แต่แล้วนางก็หนีไปกับผู้ชาย! มันน่าอับอายที่นางยังกล้าที่จะกลับมาเช่นนี้ หากไม่ถูกทอดทิ้งและไม่มีที่ไป นางไม่มีวันกลับมาแน่!”
“จิงเหวิน เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร!”
“ท่านแม่ ข้าพูดอะไรผิด นางคือคนที่ทำผิดนะและตอนนี้นางกลัวที่จะยอมรับผิด ไม่ใช่รึ?”
“มันช่างไร้ยางอายเหลือเกินที่ถูกผู้ชายทิ้งและมีหน้ากลับมา ถ้าข้าเป็นนาง ข้าคงจะเอาเชือกแขวนคอตัวเองซะ!”
“มันเป็นความจริง จะมีคนแบบนี้บนโลกที่ไม่มีความละอายได้อย่างไร”
“ไร้สาระ!” เสียงแหบเล็กที่โกรธเกรี้ยวจากแม่เฒ่าเมิ่งนั้นทำให้พวกเขาทั้งหมดเงียบลง
“แม่เฒ่าเมิ่ง ท่านอย่าโง่ให้นางหลอก!” ซูจิงเหวินเถียง นางไม่เข้าใจว่าข้อแก้ตัวที่ไม่ดีเลวร้ายยิ่งกว่าไม่พูดแก้ตัว
“เด็กคนนี้อยู่กับข้ามาตลอดการเดินทางกลับเมืองชุนหยาง ข้าไม่เห็นผู้ชายซักคนเดียว! มันเป็นเจ้า เจ้าที่เอาแต่พูดว่าร้ายให้พี่สาวตัวเอง มันทำให้ข้าผิดหวังอย่างมาก!”
นางอันตกใจแทบตายเมื่อได้ยินที่หญิงชราพูด
ตระกูลเมิ่งมีบทบาทสำคัญไม่เพียงแต่ในเมืองชุนหยางเท่านั้น แต่ในเมืองหลวงก็เช่นกัน หากคำพูดแพร่ออกไปเช่นนี้จะทำให้มองว่าซูจิงเหวินเข้ากันไม่ได้กับพี่สาวของนางและยังใส่ร้ายนางอีกด้วย นางจะไม่สามารถแต่งงานกับครอบครัวที่สืบเชื้อสายได้!
“จิงเหวิน เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไร! วันนี้คุณหนูเหนื่อยเกินไปแล้ว พานางกลับห้องเพื่อพักผ่อน เร็วเข้า!”
สาวใช้ที่อยู่เบื้องหลังซูจิงเหวินมาพานางกลับมาอย่างเร่งรีบ และนางหยุดพูดโดยไม่เต็มใจเพียงเพราะใบหน้าของนางอันที่ซีดเผือด
“นายหญิงผู้เฒ่าเมิ่งขอโปรดอภัยให้เราด้วยเจ้าค่ะ เด็กคนนั้นนิสัยเสีย ข้าจะลงโทษนางอย่างหนักในภายหลัง” นางอันรีบเดินมาขอโทษแทนลูกสาว แต่การมองไปยังซูมู่เกอยังคงงงงวย และสิ่งนี้ถูกมองเห็นโดยคนส่วนใหญ่
“มู่เกอวันนั้นเจ้าอยู่ที่ไหนบนโลกนี้? พ่อของเจ้าได้ส่งคนรับใช้ไปกับเจ้าเพื่อพาไปเมืองหนานเจิง แล้วระหว่างทางเจ้าหนีไปเองได้อย่างไร? เราเป็นห่วงเจ้ามาก”
นางอันตั้งใจที่จะทำลายซูมู่เกอ นางอันจะปล่อยมู่เกอไปได้อย่างไร ในเมื่อนางทำให้ลูกสาวของนางดูโง่ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้!