ซูมู่เกอจับตัวยายฟางไว้ ที่เดินโซซัดโซเซ
“ยายฟาง อย่ากังวลไปเลย มาทำให้ทุกอย่างชัดเจนก่อน” ซูมู่เกอเดินเข้าไปในหย่า เหมินโดยมียายฟางอยู่ในอ้อมแขน
เสียงของยายฟางสั่นเล็กน้อย
“มันเป็น…เป็นเวลาค่ำแล้ว ข้าน้อยกำลังเตรียมอาหารเย็นสำหรับทุกคนและขอให้ถงเอ๋อเอาน้ำมาให้ แต่เขาไปเป็นเวลานานมากแล้วและไม่กลับมา ข้าน้อยเป็นห่วงและไปตามหาเขา แต่ข้าน้อยได้ค้นหาทั่วเขตหย่าเหมินแล้ว และก็ไม่พบเขาที่ไหนเลย…” ยายฟางได้ร้องไห้เรียบร้อยแล้ว บอกเล่า
“ใต้เท้าซู ได้โปรดช่วยเราด้วย ถงเอ๋อเป็นลูกชายคนเดียวและเป็นทายาทของครอบครัวของเรา และข้าน้อยจะปล่อยให้สิ่งผิดพลาดเกิดกับเขาไม่ได้….”
ซูมู่เกอช่วยพยุงยายฟางเข้าไปในห้อง “ยายฟาง ไม่ต้องกังวล ข้าจะส่งคนไปตามหาเขาตอนนี้เลย บอกข้ามาว่าถงเอ๋อชอบไปที่ใดบ้างในเวลาว่าง มีโอกาสหรือไม่ที่เขาจะออกไปเล่นกับเด็กคนอื่นแล้วลืมเวลากลับ?”
ยายฟางเอาแต่ร้องไห้และส่ายหัว “ไม่ หลานน้อยของข้ามักจะประพฤติตัวดีและรับฟังคำพูดของข้า หลังจากเรามาถึงที่นี่ในเขตโจว ข้าบอกเขาว่าข้างนอกมันอันตรายและเขาต้องไม่ออกไปข้างนอก เด็กนั้นเชื่อฟังและจะไม่มีวันเดินไปมาโดยไม่มีข้า”
“ข้ารู้ ข้าจะส่งคนไปค้นหาเขาเดี๋ยวนี้ล่ะ”
ซูมู่เกอกังวลเล็กน้อย แต่นางก็ไม่แสดงมันออกมา ความรู้สึกและกลิ่นของชายในชุดดำที่ทำร้ายนางเมื่อคืนก่อนนั้นค่อนข้างคล้ายกับคนในป่า แม้ว่าชายชุดดำจะถูกจับโดยคนของเซี่ย โฮวโม่ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่เขาจะยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดอีก หากพวกเขาเริ่มมุ่งเป้าไปที่ถงเอ๋อ…
นางขอให้ที่ปรึกษาหลี่ส่งคนไปตามหาเด็กน้อยทันที ที่ปรึกษาหลี่ไม่กล้าออกไป และได้ส่งคนของเขาออกไปแทน
แสงจันทร์ส่องสว่าไปทั่วทั้งเขตเมืองโจว ถนนก็ว่างเปล่าในตอนดึกเช่นนี้
ทันใดนั้น ร่างสีดำก็ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางแสงจันทร์ ถ้าได้มองใกล้ๆ จะพบว่าเขาได้พกอะไรติดตัวไปด้วย
เงานั้นพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วในความมืดไกลเกินกว่าที่แสงจันทร์จะส่องถึงและในเวลาเพียงสั้นๆ มันหายไปในซอยลึก
ในไม่ช้ามีอีกสองร่างก็แวบผ่านไป พวกเขาเห็นเงาดำหายไป จากนั้นก็มองหน้ากัน
“เขาเห็นเราไหม?”
“เราซ่อนตัวอย่างดีเมื่อเราตามเขามา เขาจะไม่สังเกตเห็นเราแน่”
“แล้วตอนนี้เราจะทำยังไงดี?”
“ตามดูเขาต่อไปสิ”
ร่างทั้งสองหายไปพร้อมกับเสียงของพวกเขา เข้าไปในซอยมืด
ในบ้านที่อยู่อาศัยในตรอก ชายชุดดำโยนคนที่แบกบนไหล่ของเขาลงไปที่พื้นแล้วนั่งยองๆ เพื่อมองหาอะไรบางอย่างบนตัวเขา
แต่เขาไม่พบสิ่งใดเลยหลงจากค้นหามาหลายรอบแล้ว
“ไอ้บ้านั่น มันซ่อนไว้ตรงไหนของมัน!”
ชายคนนั้นจุดเทียนให้แสงสว่างทั้งห้อง ด้วยแสงสลัวทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าเด็กนอนอยู่บนพื้นคือถงเอ๋อ เด็กน้อยที่ซูมู่เกอกำลังตามหา!
ชายในชุดดำสะกิดเด็กชายหลายครั้งและถงเอ๋อก็รู้สึกตัวเงียบๆ เมื่อเขาเห็นสภาพแวด ล้อมรอบๆ และชายในชุดดำ เขาก็กลัวและคู้ตัวเข้า
“ใคร ท่านเป็นใคร? ท่านต้องการอะไร!”
“บอกข้ามา มันอยู่ที่ไหน?”
ถงเอ๋อยังคงส่ายหัวพร้อมสั่นไปทั้งตัวด้วยความหวาดกลัว “ข้าไม่รู้ ไม่รู้ว่าท่านกำลังพูดถึงอะไร…”
“เจ้าไม่ยอมบอกข้าเหรอ? เจ้าสัตว์ดื้อรั้นตัวน้อย!” ชายชุดดำรีบวิ่งไปคว้าตัวถงเอ๋อขึ้นจากพื้น เด็กน้อยดิ้นรนด้วยความกลัว
“ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย….”
“เจ้าอยากตายรึไง?”
ทันทีที่ส่งเสียงขู่ดังกล่าว
ชายชุดดำโยนถงเอ๋อลงกับพื้นขณะที่เสื้อผ้าของเขาถูกเล็บเกี่ยวอย่างไม่ตั้งใจทำให้เสื้อของถงเอ๋อฉีกออกเป็นชิ้นใหญ่ เปิดเผยให้เห็นแผ่นหลังบอบบางของเขา
ชายชุดดำเดินไปข้างหน้าและกำลังจะทรมานเขาต่อ เมื่อจู่ๆเขาก็ได้เห็นอะไรบางอย่างที่ด้านหลังของถงเอ๋อ
“เจ้าคนฉลาดน้อย เจ้ากล้าคิดว่าจะซ่อนมันไว้ที่ตรงนี้เหรอ!” ชายชุดดำจับถงเอ๋อหยิบขวดกระเบื้องเคลือบสีดำออกจากร่างของเขาแล้วเทราดลงบนหลังของเด็กน้อย
“ทีสสส-สส” เสียงราวกับเนื้อและหนังที่ปิ้งอยู่บนกองไฟดังขึ้นในห้องพร้อมกับกลิ่นไหม้
“อ๊ากกก!” ก่อนที่เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของถงเอ๋อจะดังออกมาอย่างเต็มที่ ชายชุดดำก็ทุบเขาให้หมดสติไป
เมื่อเห็นเช่นนั้น ชายสองคนที่แอบสังเกตการณ์อยู่ด้านนอกทั้งคู่ขมวดคิ้ว
ผ่านรอยแตกของหน้าต่าง พวกเขาสามารถมองเห็นบางสิ่งบางอย่างค่อยๆ ปรากฏขึ้นที่แผ่นหลังของถงเอ๋อ
ทั้งสองสบตากันอย่างรวดเร็วและบุกเข้าไปในห้องทันที
ชายที่จับถงเอ๋อในมือสะดุ้ง และเขาดึงถงเอ๋อที่ไม่รู้สึกตัวไว้ด้านหลังเขาโดยอัตโนมัติ
ด้วยการสบตาเพียงครั้งเดียวพวกเขาทั้งสามก็เริ่มต่อสู้กัน
สองต่อหนึ่ง ชายชุดดำค่อยๆสูญเสียการป้องกันของเขาเพรี่ยงพร้ำให้กับอีกสองคน
“เจ้าเป็นใคร?” ชายชุดดำถูกต้อนให้จนมุมและเขาก็ส่งเสียงข่ม เขามองไปที่ถงเอ๋ออีกครั้งอย่างเสียดายและโยนถงเอ๋อใส่สองคนนั้นอย่างไม่เต็มใจเพื่อเปิดทางหนี แล้วเขาก็หมุนตัวหลบหนีไปทันที
“เจ้าตามเขาไป ส่วนข้าจะพาเด็กกลับไปรายงาน”
“ตกลง”
โจวเหว่ยอุ้มถงเอ๋อขึ้นมาพาดไหล่ของเขา จากนั้นเขาก็จากไปทันที
เขากลับมาพร้อมเด็กน้อยบนไหล่ที่ห้องพักในเขตที่พักอย่างเหมินภายในเสี้ยวชั่วยาม
ตงหลินมาที่ประตูและพูดเสียงเบาจากด้านนอกว่า “ใต้เท้า โจวเหว่ยกลับมาแล้วขอรับ”
“ให้เขาเข้ามา”
“ขอรับ”
โจวเหว่ยเดินเข้าไปในห้องโดยมีถงเอ๋ออยู่บนไหล่ของเขา
เซี่ยโฮวโม่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนที่นั่ง เขาสามารถรวมพลังลมปราณทั้งหมดของเขาเคลื่อนไหวไปทั่วร่างกายของเขา หลังจากโจวเหว่ยเข้ามา แล้วค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ
“ใต้เท้า มันอยู่ที่เด็กคนนี้จริงๆ ขอรับ”
โจวเหว่ยดึงเสื้อของถงเอ๋อออก เผยให้เห็นแผ่นหลังของเขาทั้งหมด มีรอยแผลเป็นราวกับว่ามีคนลวกมันด้วยกระบอกไฟ อย่างไรก็ตามแผนที่ปรากฏขึ้นซึ่งกระจายไปทั่วทั้งหลังของถงเอ๋อและดูน่ากลัว
โจวเหว่ยอุ้มถงเอ๋อขั้นไปบนโต๊ะนอนคว่ำเผยให้เห็นแผ่นหลังทั้งหมดของเขาอย่างชัดเจน
เซี่ยโฮวโม่เดินไปข้างหน้าและมองอย่างถี่ถ้วน รูปแบบด้านหลังนี้เป็นแผนที่การป้องกันของค่ายหยานเซี่ย
“ชายคนนั้นอยู่ที่ไหน?ไ
“โจวฉิ่วตามเขาไปขอรับ”
หลังจากมองดูถงเอ๋ออีกครั้ง เซี่ยโฮวโม่พูดด้วยเสียงต่ำ “เรียก ใต้เท้าซู มาที่นี่”
โจวเหว่ยตะลึงไปชั่วขณะโดยไม่คาดคิดว่าจะมีคำสั่งนี้จากนายท่านของเขา
“ขอรับ”
ซูมู่เกอค้นหาทั่วเขตหย่าเหมิน และนางไม่พบถงเอ๋อ นางพบรองเท้าของเด็กชายอยู่ข้างบ่อน้ำเท่านั้น
นางจับรองเท้าไว้แน่นในมือและดูเคร่งเครียด
“ใต้เท้าซู ท่านอยู่นี่เอง”
ซูมู่เกอข่มใจลงและเงยหน้าขึ้น นางรู้ว่าเขาเป็นผู้คุ้มกันของเซี่ยโฮวโม่
“ใต้เท้าเซี่ยมองหาข้าหรือไม่?”
“ขอรับ ใต้เท้าเซี่ยมีเรื่องจะพูดคุยกับท่านขอรับ ใต้เท้าซู”
“ข้ารับทราบ ไปกันเถอะ”
มันเป็นเวลาดึกแล้ว เซี่ยโฮวโม่ต้องการอะไร?
ด้วยความสับสนในใจ ซูมู่เกอผลักประตูให้เปิดและเดินเข้าไปในห้องของเซี่ยโฮวโม่
ถงเอ๋อเข้ามาในสายตาของนางเมื่อนางก้าวเข้าไป นอนอยู่บนโต๊ะ คว่ำหน้า โดยไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่ตาย
“ถงเอ๋อ!”
ดวงตาของนางกระตุกและเดินไปหาเขาทีละก้าว ทีละก้าวอย่างใช้เวลา เพื่อตรวจสอบสภาพของเขา
นางปล่อยลมหายใจยาวๆออกมาอย่างโล่งอก เมื่อแน่ใจว่าเด็กคนนั้นเพียงแค่หมดสติเท่านั้น
ซูมู่เกอมองไปที่เซี่ยโฮวโม่อย่างรวดเร็ว และพูดว่า “ใต้เท้าเซี่ย ข้าไม่รู้ว่าถงเอ๋อทำให้ท่านขุ่นเคืองอย่างไร แต่ท่านจะโหดร้ายกับเด็กขนาดนี้เลยหรือ?”
คิ้วของเขายกขึ้นเล็กน้อย เซี่ยโฮวโม่มองเข้าไปในดวงตาของซูมู่เกอตรงๆ “เจ้าคิดว่าข้าทำแบบนี้กับเขารึ?”
ซูมู่เกอขมวดคิ้วและก้มศีรษะลง ทันใดนั้นนางก็เห็นแผนที่บนหลังของเด็กและรู้สึกประหลาดใจ
“อะไร..นี่คือ?”
มองไปที่ใบหน้าอันประหลาดใจของซูมู่เกอ เซี่ยโฮวโม่ตอบอย่างใจเย็น “ใต้เท้าซู เจ้าเคยเห็นแผนผังการป้องกันของค่ายหยานเซี่ยหรือไม่?”
แผนผังการป้องกันของค่ายหยานเซี่ย คือแผนผังการป้องกันทางทหารของฉู่!
ซูมู่เกอฉลาดพอที่จะเข้าใจว่าผู้ชายที่ติดตามนางกำลังพยายามหาสิ่งที่อยู่ด้านหลังของถงเอ๋อ
แผนผังการป้องกันทางทหาร ซึ่งเป็นความลับทางทหารที่สำคัญได้ปรากฎตัวบนตัวเด็กชายชาวบ้านคนหนึ่ง ทำไมกัน?
มันอธิบายได้เพียงว่าถงเอ๋อเป็นเพียง “เครื่องมือ” ในการซ่อนแผนที่นี้ ที่ถงเอ๋อหายตัวไปในวันนี้อาจเป็นเพราะชายคนนั้นกลับมาเอาแผนที่นี้
ซูมู่เกอเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เซี่ยโฮวโม่ด้วยความคิดของนางเพียงเพื่อที่จะได้เห็นความเย็นชาและไอสังหารที่มองลึกเข้าไปในดวงตาของเขา
เขาสงสัยนาง เขาสังสัยว่านางมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับมัน จากทั้งหมดแล้ว นางพา ถงเอ๋อมาที่เขตโจว
ไม่น่าแปลกใจที่ขุนนางที่มีความสำเร็จอันยอดเยี่ยมในสงคราได้มาที่เขตโจว เขามาที่นี่เพื่อหาแผนผังการป้องกัน แต่ไม่ใช่น้ำท่วม!
“ใต้เท้าเซี่ย ข้าจะมีโอกาสได้เห็นมันได้อย่างไร?” ซูมู่เกอกำมือแน่นขึ้นเรื่อยๆ
เซี่ยโฮวโม่จ้องมองนิ่งมาที่นาง เดินเข้ามาทีละก้าวๆ
ก้าวของเขาเบา แต่การเข้าใกล้ของเขาทำให้นางหายใจหนักขึ้น
ชายคนนี้กำลังกดดันนาง!
ซู่มู่เกอหายใจเข้าลึก ๆ และพยายามสงบสติอารมณ์
“ใต้เท้าซู ท่านรู้ผลที่ตามมาของแผนที่รั่วไหลหรือไม่?”
แน่นอนว่าซู่มู่เกอรู้!
การป้องกันค่ายทหารก็เหมือนกับความสามารถทางเวทย์มนตร์ในการรักษาแรงขับของอาวุธที่แหลมคมลงบนผิวหนังที่เปลือยเปล่าของคนๆหนึ่ง หากไม่มีมันก็เกือบจะเทียบเท่ากับการเปิดเผยค่ายทหารทั้งหมดให้ศัตรูได้รับรู้
“แม้ว่าข้าไม่รู้ว่าจะสู้รบหรือจัดการทหารอย่างไร ข้าตระหนักดีถึงความสำคัญของแผนผังการป้องกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดสิ่งสำคัญเช่นนี้จึงปรากฏบนหลังของเด็ก?”
เซี่ยโฮวโม่มองลงไปที่ซูมู่เกอ แต่ไม่ตอบนาง
“ ตงหลิน”
ตงหลินผลักประตูและเข้ามา
“ใต้เท้า ท่านต้องการสิ่งใดขอรับ?”
“ ทำให้แผนที่นี้หายไปจากความหลังของเด็ก”
ตงหลินตกใจเล็กน้อย แต่ในไม่ช้าเขาก็พยักหน้าดึงกริชออกมาจากตัวและพยายามแทงลงไปที่หลังของเด็ก
“ท่านกำลังทำอะไร!” ซูมู่เกอถลาเข้าไปและหยุดเขา
เซี่ยโฮวโม่มองไปที่นางและรอยยิ้มก็เกิดขึ้นที่ริมฝีปากของเขา “แผนที่บนหลังของเขาวาดด้วยยาพิษชนิดหนึ่ง แผนที่จะไม่มีวันหายไปจากเขาได้”
เมื่อได้ยินสิ่งเหล่านี้ ดวงตาของซูมู่เกอก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ แต่ในไม่ช้านางก็มีสีหน้าโกรธเกรี้ยว
“ถงเอ๋อเป็นผู้บริสุทธ์ ถ้าท่านถลกหนังของเขา ท่านสามารถฆ่าเขาได้!”
“ยังมีคนบริสุทธิ์อีกมากมายดังเช่นเขา ตงหลินทำมัน”
“ขอรับ”
ตงหลินก้าวเข้าไปอีกครั้ง และซูมู่เกอยืนตรงหน้าถงเอ๋อพร้อมปกป้องเขา
ตงหลินขมวดคิ้วและกำลังจะดึงตัวนางให้พ้นไป แต่นางก็หลบเขาได้อย่างชาญฉลาด
“ใต้เท้าซู ได้โปรดอย่างทำให้ข้าต้องสะดุดด้วยเรื่องเช่นนี้เลย” ตงหลินตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เนื่องจากเขาไม่แน่ใจว่าเซี่ยโฮวโม่ต้องการอะไร
ซูมู่เกอเหวี่ยงตัวไปที่ถงเอ๋อจับเขาขึ้นมาและกำลังจะพาเขาออกไปเมื่อตงหลินเดินไปดักหน้านางไว้อย่างรวดเร็วเพื่อหยุดนาง
นางจ้องมองเซี่ยโฮวโม่ด้วยดวงตาแดงก่ำด้วยความโกรธ “ใหเวลาหนึ่งวัน และข้าจะทำให้แผนที่หายไปจากหลังเขา!”
เซี่ยโฮวโม่นั่งบนเก้าอี้และเล่นกับแหวนหยกที่นิ้วหัวแม่มือของเขา เขาไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง
“ใต้เท้าเซี่ย ท่านเป็นขุนนางที่ได้รับการแต่งตั้งจากราชสำนัก ท่านจะเหยียบย่ำชีวิตผู้คนราวกับเป็นโคลนตมและขี้เถ้าได้อย่างไร!” ซูมู่เกอกัดฟันด้วยความโกรธและเกลียดชัง
“ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น” ในที่สุดเซี่ยโฮวโม่ก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่นาง
ซูมู่เกอพยักหน้าด้วยความเคารพ “ได้ ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น”