มันคือเวลาเที่ยงแล้ว?!
ท้องฟ้ามืดครึ้มอย่างไร้วี่แววว่าเป็นเวลาไหน ซูมู่เกอไม่รู้ว่านางจะตื่นตอนเที่ยงวัน และสิ่งเดียวที่นางจำได้คือเมื่อคืนนางนอนไม่ค่อยจะหลับ
“แล้ว เจ้ามีแผนรับมือกับน้ำท่วมแบบไหนกัน ท่านขุนนาง ซู?”
เซี่ยโฮวโม่เปลี่ยนหัวข้อการสนทนาของพวกเขา และซูมู่เกอฉลาดพอที่จะต่อกรกับเขา นางกล่าวว่า “ใต้เท้าเซี่ย โปรดติดตามข้าไปที่ห้องศึกษาและเราจะพูดคุยเกี่ยวกับรายละเอียดกันที่นั่นจะดีกว่า”
“เชิญ”
พวกเขาทั้งสองก้าวเข้ามาและท่านยายฟางจากไปหลังจากที่นางนำชาเข้าวางให้ทั้งสองแล้ว
แผนที่ภูมิประเทศโดยละเอียดของเขตโจวถูกเปิดต่อหน้าพวกเขาโดยซูมู่เกอ และมือของเธอก็ชี้ไปที่แม่น้ำมี่ไหลผ่านทั้งมณฑล
“ในความคิดของข้า มันเป็นการสร้างเขื่อนที่มีความสำคัญมากตอนนี้ และยกทำนบเขื่อนด้วยทรายและหิน…..”
ในตอนแรกเซี่ยโฮวโม่เพียงฟังด้วยท่าทีราวกับปีศาจที่ไม่ใส่ใจภาพพจน์ใด แต่แล้วใบหน้าของเขาก็จริงจังขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ซูมู่เกอวิเคราะห์สถานการณ์ของนางต่อไปเรื่อยๆ เขาคว้าถ้วยชาบนโต๊ะแล้วยกจิบ
“หน้าที่ของเราในตอนนี้คือหลีกเลี่ยงความสูญเสียที่เกิดจากน้ำท่วมอีกครั้งและการป้องกันโรคที่อาจเกิดขึ้นได้” หลังจากพูดจบซูมู่เกอก็หยิบถ้วยชาที่วางบนโต๊ะขึ้นดื่มมันจนหมด การ พูดมากๆ ทำให้นางกระหายน้ำ
เมื่อมองไปที่ถ้วยชาที่ว่างเปล่าที่ซูมู่เกอวางลง และเหลือบมองอีกถ้วยที่เหมือนยังไม่ได้สัมผัส ในที่สุดเซี่ยโฮวโม่ก็มองไปที่ซูมู่เกอซึ่งตอนนี้เหมือนกำลังดิ้นรนกับอะไรบางอย่างและคิ้วขมวดอยู่
“ปัญหาในปัจจุบันคือเรามีคนไม่เพียงพอ มีคนหนุ่มสาวและแข็งแรงน้อยเกินไปในมณฑล และเต็มใจที่จะมีส่วนร่วมน้อยมาก ซึ่งมันเป็นเรื่องค่อนข้างเร่งด่วนและจำเป็นต้องแก้ไข”
“ข้ามีผู้ชายเพียงพอ”
“ท่านพาคนมาด้วยเหรอขอรับ ใต้เท้าเซี่ย?” ซูมู่เกอสงสัย แต่ที่ปรึกษาหลี่บอกว่าใต้เท้าเซี่ยผู้นี้มากับกลุ่มคนเพียงไม่ถึงสิบคน
อย่างไรก็ตาม นั่นไม่มีความสำคัญในตอนนี้เมื่อเทียบกับคำพูดที่เขาเพิ่งสัญญา
“ขอบคุณมาก ใต้เท้าเซี่ย”
“ไม่เป็นไร”
“ข้าจะออกไปล่ะ” มีออร่ามหาศาลจากการปรากฏตัวของใต้เท้าเซี่ยคนนี้ ซึ่งทำให้ ซูมู่เกอรู้สึกอึดอัดด้วยแรงกดดันอย่างมาก นางไม่ชอบมัน
“ใต้เท้าซู เจ้ากำลังจะไปไหน?”
ด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเซี่ยโฮวโม่ยืนขึ้นและเดินไปที่ด้านข้างของซูมู่เกอก่อนที่เขาจะพูดจบ
“เมื่อวานตอนไปตรวจสอบผู้ประสบภัยน้ำท่วมในวัดซอมซ่อ ข้าพบว่าพวกเขาหลายคนป่วย ดังนั้นข้าจะไปที่นั่นอีกครั้งเพื่อตรวจคนไข้เหล่านั้น”
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปกับท่าน ใต้เท้าซู”
อะไร?! มีความไม่พอใจในหัวใจของซูมู่เกอ เหตุใดเจ้าหน้าที่เมืองหลวงคนนี้จึงออกมาจากที่ใดก็ไม่รู้จึงคอยรบกวนนางเช่นนี้ ทำไมไม่หาที่สบาย ๆ และน่าอยู่สำหรับตัวเอง!
“ตงลิน เจ้าเข้าใจคำพูดของใต้เท้าดซูหรือไม่?”
ตงหลินที่ยืนฟังการสนทนาของพวกเขาอยู่ด้านข้าง ตอบกลับว่า “ข้าเข้าใจขอรับ ใต้เท้า”
เซี่ยโฮวโม่มองไปที่ซูมู่เกอและพูดว่า “ใต้เท้าซู ไปกันเถอะ”
ซูมู่เกอคร่ำครวญด้วยความโกรธลึกลงไปในหัวใจของนาง นางหันซ้ายหันขวาและออกจากห้องศึกษา หลังจากที่นางดึงกล่องเครื่องมือแพทย์จากห้องของนาง นางมาที่ด้านนอกของเขตหย่าเหมิน
มีรถม้าเพียงคันเดียว
ระหว่างที่นางกำลังลังเลอยู่นั้น มีเสียงออกมาจากรถม้า ซึ่งซูมู่เกอรู้สึกไม่เต็มใจที่จะได้ยิน “ใต้เท้าซู เจ้ารออะไรอยู่ที่นั่น?”
ซูมู่เกอหายใจเข้าลึกๆ และปีนขึ้นไปบนรถม้า
มันไม่ใช่รถม้าขนาดใหญ่ และหุ่นที่เพรียวและสูงของเซี่ยโฮวโม่ก็กินพื้นที่ส่วนใหญ่ไปแล้ว ซูมู่เกอต้องบีบตัวเองให้พอดีกับที่นั่งในมุมด้านในสุด
กลิ่นชาจากชายคนนี้อบอวลไปทั่วรถม้า และซูมู่เกอก็ถูกล้อมรอบไปด้วย
ภายในรถม้าเซี่ยโฮวโม่นั่งอยู่ในความเงียบโดยหลับตาพริ้ม
ซูมู่เกอพยางยามสงบสติอารมณ์จากความโกรธก่อนหน้านี้ และเริ่มนึกถึงภาพเมื่อวานนี้ตอนที่นางกำลังรักษาคนข้า
มีสิ่งแปลกๆ….แต่บรรยากาศภายในรถม้าดูสบายๆ
เช่นเดียวกับซูมู่เกอหมกมุ่นอยู่กับความทรงจำของนาง รถม้าก็กระแทกกับบางสิ่งบางอย่างจนสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง นางเสียการทรงตัวและล้มหน้าคะมำไปข้างหน้า
“อ๊ะ!”
“ฮึ่มมม!”
เสียงครางสองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน
ซูมู่เกอยั้งร่างของนางด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างปิดจมูก
“มันเจ็บ….”
เมื่อมองลงไป เซี่ยโฮวโม่เห็นมือบอบบางจับอยู่ที่หน้าอกของเขาและเขาก็คิ้วขมวดเล็กน้อย
“เกิดอะไรขึ้น?” เซี่ยโฮวโม่ดึงม่านออกเล็กน้อยและมองออกไปข้างนอกรถม้า
“มันเป็นความผิดของข้าน้อยเองขอรับ มีแอ่งน้ำที่ข้าน้อยมองไม่เห็นและวิ่งผ่านมาโดยบังเอิญ ข้าน้อยขออภัย….”
“ระวังหน่อย”
“ขอรับ”
ซูมู่เกอยังไม่ได้ฟื้นตัวจากการกระแทกที่รุนแรงนั้นชั่วขณะจนกระทั่งนางพบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมแขนของเซี่ยโฮวโม่
นางรีบเอามือออกจากอกของเขา ดึงไปข้างหลังนาง และสาบานกับตัวเองโดยที่มืออีกข้างยังอยู่ที่จมูกของนาง
“ข้าน้อยขอโทษสำหรับความไม่สุภาพของข้าน้อยเมื่อครู่นี้”
เซี่ยโฮวโม่หลังตาลงอีกครั้งและพูดว่า “อย่าใส่ใจ”
รถม้าหยุดลงหลังจากนั้นไม่นาน
“ใต้เท้า เรามาถึงแล้วขอรับ”
เซี่ยโฮวโม่ลืมตาขึ้นและหายออกไปจากรถม้า เฉกเช่นแสงแวบผ่านหน้าซูมู่เกอไป แล้วก็เหลือเพียงนางที่นั่งอยู่ตัวคนเดียว เขาเร็วมาก!”
พร้อมด้วยกล่องเครื่องมือทางการแพทย์ในมือของนาง ซูมู่เกอกระโดดลงจากรถม้า
นางพาเขาไปยังวัดซอมซ่อที่ซึ่งผู้ประสบภัยน้ำท่วมทั้งหมดถูกรวบรวมให้พักที่นี่ จากนั้นก็พาเขาไปดูห้องรักษาผู้ป่วยชั่วคราว
“ใต้เท้าเซี่ย โปรดรอด้านนอกขอรับ”
“ทำไม?”
ทำไม? ก็เพราะเจ้าขวางทางข้านะสิ!
“ข้ากลัวว่าโรคบางอย่างอาจจะติด….”
“ไม่ต้องห่วง”
หลังจากนั้น เซี่ยโฮวโม่ก็ก้าวเข้าไปโดยไม่รอคำตอบจากซูมู่เกอเลย นางทำได้แค่เดินตามเขาเข้าไปอย่างไม่เต็มใจ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับตำแหน่งอันสูงส่งของราชสำนัก ดูเขาประพฤติตัว!
มีชายคนหนึ่งวิ่งมาหาซูมู่เกอทันทีที่เดินเข้ามา
“ใต้เท้า มี มีบางอย่างผิดปกติ! เด็กตกอยู่ในอันตราย!”
ซูมู่เกอมองชายตรงหน้านางและพบว่ามันคือผู้ส่งข่าวหย่าเหมิน หลี่ต้าเหมาที่ถูกขอให้ดูแลเด็กที่ป่วยเป็นไข้เมื่อวานนี้
“เกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนั้น?”
“เด็กคนนั้นไม่ได้ตัวร้อนมากเมื่อท่านกลับไปเมื่อคืนนี้ แต่เมื่อข้ามาหาเขาในเช้าวันนี้ ข้าพบว่าตัวเขาร้อนเหมือนเตาไฟและเขาก็ไม่ตอบสนองกลับข้าเลย”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ใบหน้าของนางแข็งกระด้าง ซูมู่เกอเดินไปหาเด็กพร้อมกล่องเครื่องมือแพทย์ของนาง ทิ้งเซี่ยโฮวโมไว้
นางรู้สึกถึงชีพจรของเด็ก และผิวหนังของเขาร้อนมากราวกับว่ามันจะลวกมือข้างนั้นได้เลย
สภาพชีพจรของเขาค่อนข้างอ่อนแอ ริมฝีปากของเขาแห้ง ทั้งตัวเป็นสีแดง และหัวใจของเขาเต้นเร็ว แต่เสียงชีพจรของอวัยวะอื่น ๆ ของเขาอ่อนแอมาก
เมื่อวานนี้นางได้สั่งยาต้านแบคทีเรียและยาต้านการอักเสบเพื่อลดไข้ของเด็กชาย ตามเวลาตอนนี้ เด็กควรพากินยาไปอย่างน้อยสี่ครั้ง แต่อาการเหล่านั้นก็ยังไม่หายไป แต่กลับกำเริบทำให้เด็กแย่ลง
นางหยิบยาเม็ดหนึ่งออกมาจากกล่องยาและป้อนกับให้กับเด็กชายคนนั้น
“ไปหาเหล้าแรงๆมา จากนั้นเช็ดตัวเขาเพื่อให้ตัวเขาเย็นลง”
เซี่ยโฮวโม่ซึ่งถูกซูมู่เกอเพิกเฉยตั้งแต่พวกเขาเข้ามาในห้องยืนอยู่ด้านข้างอย่างเงียบเชียบ และเฝ้าดูทุกช่วงเวลาของนาง
“ได้ ขอรับ ขาจะไปเดี๋ยวนี้”
ซูมู่เกอเปิดเสื้อผ้าของเด็ก วางหัวของนางแนบท้องของเขาและตั้งใจฟัง จากนั้นนางก็เอื้อมมือไปกดมัน
“มันแปลก ท้องของเขาดูใหญ่ขึ้นกว่าเมื่อวาน….”
ท้องของเด็กชายคนนั้นพองราวกับมีลูกแตงโมอยู่ในนั้น และไม่ใช่อาการท้องอืด มันเป็นอะไร? มีอาการท้องมานหรือ?
ซูมู่เกอรู้สึกถึงชีพจรของเขาอีกครั้งด้วยความระมัดระวัง และพบว่าสภาพชีพจรในปอดของเขายังไม่เสถียรราวกับว่าปอดถูกอันแน่นไปด้วยอากาศเสีย
“ใต้เท้าซู นี่ นี่คือเหล้ารสเข้มแรงที่ท่านขอ ข้าจะเช็ดตัวให้เด็กเดี๋ยวนี้ขอรับ”
“รอก่อน รอสักครู่”
ด้วยความห้าวหาญบนใบหน้าของนาง นางกดมือของนางหนักขึ้นที่หน้าท้องของเด็กคนนั้น
“อึกก เอออออ…..”
ทันใดนั้น เด็กที่อยู่ในลักษณะตัวงอก็อ้าปาก และอาเจียนออกมา “อั๊วะ!”
หน้าอกของซูมู่เกอแทบจะสั่นสะท้าน นางสวมถุงมือและเดินไปตรวจสอบ
อาเจียนมีสีแดงเข้ม เข้มมาก เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็น
ซูมู่เกอจุ่มมือที่สวมถุงมือลงไปแล้วดมกลิ่นอย่างมีสมาธิ
เมื่อเห็นเช่นนั้น เซี่ยโฮวโม่ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย และเกิดประกายอย่างผิดปกติในแววตาของเขา
“มันเป็นเลือดที่ออกมาคั่งอยู่ภายใน”
“เลือดคั่ง เลือดที่ไหลออกมาไม่หยุด?” ใบหน้าของหลี่ต้าเหมาอยู่ในความสับสน
“มันไม่ดีเลยที่เกิดขึ้นแบบนี้ แล้วก็ไม่รู้สภาพอวัยวะภายใจของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะต้องได้รับการผ่าตัด” ซูมู่เกอคว้าแปรงมาและจดใบสั่งยาสองสามใบ นางส่งใบสั่งทั้งหมดให้หลี่ต้าเหมาและขอให้เขาซื้อยาตามรายการนั้นมา
“ไปรับยามาสามชุด”
หลี่ต้าเหมาพยักหน้าในขณะที่เขาเข้าไปรับใบสั่งยา “ใต้เท้า ไม่ต้องกังวล ข้าจะนำยากลับมาให้โดยเร็วที่สุดขอรับ”
ซูมู่เกอยืนขึ้นพร้อมกับก้มหัวให้เขาเล็กน้อย
แม้ว่าเด็กจะได้รับการผ่าตัดที่ดีที่สุด นางไม่มีเครื่องมือสำหรับมันยกเว้นยางบางชนิด การผ่าตัดที่ไม่ได้เตรียมการทำโดยรีบร้อนอาจทำให้คนป่วยเสียชีวิตได้
เดินวนไปมา นางได้หยุดเดินและมองไปที่เซี่ยโฮวโม่หลังจากเดินเป็นวงกลมสองรอบในห้องนั้น
“ข้ามีเรื่องขอให้ท่านช่วย และท่านอยากให้ข้าทำความดีความชอบให้หรือไม่ ใต้เท้าเซี่ย?”
นางมีความรู้สึกนี้ออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้สามารถทำทุกอย่างที่นางขอได้ รวดเร็วและดี
เซี่ยโฮวโม่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและถามว่า “ใต้เท้าซู เจ้าต้องการขออะไร?”
“อย่างที่ท่านเห็นเด็กมีอาการป่วยแปลก ๆ ตอนนี้เราต้องหาสิ่งที่ผิดปกติกับเด็กในเวลาอันสั้นที่สุดเพื่อที่จะรักษาและเยียวยาเขาให้ได้ ข้าจะผ่าตัดให้เขา”
ใบหน้าของเซี่ยโฮวโม่ดูสับสน “ผ่า….ผ่าตัด?”
“ใช่ มันเป็นการบำบัดแบบหนึ่ง”
ซูมู่เกออธิบายโดยอ้อมในกรณีที่ใต้เท้าเซี่ยคนนี้แสดงปฏิกิริยามากเกินไปกับการรักษาด้วยวิธีเปิดท้องของใครคนหนึ่ง
“ใต้เท้าซู ต้องการให้ข้าทำอะไร?”
“ข้าต้องการเครื่องมือบางอย่าง อยากให้เตรียมไว้ให้ภายในเย็นวันพรุ่งนี้”
“ไม่มีปัญหา”
มันเป็นไปตามความคาดหมายของซูมู่เกอที่เซี่ยโฮวโม่เห็นด้วยกับนางโดยไม่ลังเลใดๆ
“ขอบคุณท่านมาก ใต้เท้าเซี่ย ข้าน้อยจะวาดเครื่องมือที่ต้องการให้เดี๋ยวนี้ขอรับ”
ซูมู่เกอไปที่ห้องแยกและขอให้คนนำแปรงและหมึกมาให้นาง จากนั้นนางก็วาดสิ่งที่นางต้องการลงบนกระดาษทีละขั้นตอน
ในขณะนี้ นางรู้สึกโชคดีที่นางรักการประดิษฐ์ตัวอักษรและภาพวาดหมึกในโรงเรียน แม้ว่าตอนนี้จะมีร่างกายที่แตกต่างกัน นางยังคงมีพื้นฐานในทักษะด้านนี้
ภาพที่นางวาดมีรายละเอียดมากโดยมีการทำเครื่องหมายทุกส่วนแม้แต่ส่วนเล็กๆ นางมีสมาธิมากและนางไม่ได้สังเกตเห็นเซี่ยโฮวโม่ที่ด้านหลังของนาง
มีทั้งความประหลาดใจและความสับสนในดวงตาสีดำของเขาเมื่อเซี่ยโฮวโม่มองไปที่ภาพวาด
หลังจากซูมู่เกอวาดเสร็จ ข้อมือของนางรู้สึกชา นางทำให้กระดาษแห้งด้วยพัด และเห็นเซี่ยโฮวโม่ยืนอยู่ข้างหลังนางเมื่อนางหันหัวไปโดยบังเอิญ
“นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการให้ข้าทำ?”
เซี่ยโฮวโม่คว้าภาพวาดแห้งจากโต๊ะและเขาไม่สามารถเข้าใจมันได้
“ขอรับ”
“จื่อชิว”
จื่อชิวที่เฝ้าอยู่นอกประตูเดินเข้ามา
“ใต้เท้า ท่านต้องการอะไรขอรับ?”
ด้วยสายตาของเขาอยู่ที่ภาพวาดเซี่ยโฮวโม่เปิดปากของเขาด้วยเสียงทุ้ม “เตรียมสิ่งเหล่านี้ให้พร้อมก่อนค่ำวันพรุ่งนี้”
จื่อชิวเข้ารับภาพวาดและมองภาพวาดที่อยู่บนกระดาษ สิ่งของที่อยู่บนนั้นไม่มีความคล้ายคลึงกับอาวุธที่ซ่อนอยู่หรือกริชใดๆเลย แต่เขาตอบว่า “ขอรับ”
จื่อชิวจากไป พร้อมกับนำภาพวาดไปด้วย
ก่อนที่ซูมู่เกอจะแสดงความขอบคุณเซี่ยโฮวโม่ นางเงยหน้าขึ้นและพบว่าเขาอยู่ตรงหน้านางแล้วโดยห่างกันไม่ถึงครึ่งก้าว
“ใต้เท้าเซี่ย ท่าน….”