ในหอบุปผชาติ เซี่ยโฮวคุณจ้องไปที่จิงหงส์ด้วยรอยยิ้มและดื่มเหล้าในถ้วย
จึงหงส์เฝ้ามองเซี่ยโฮวคุณด้วยความสับสน สงสัยว่าทําไมนางถึงพบแขกผู้สูงศักดิ์ มากที่สุดในคืนนี้ทั้งสองคน
“ราชาแห่งจินเล่าเรื่องตลกอะไรให้เจ้าฟังเมื่อกี้นี้”
“พระองค์จะเล่าเรื่องตลกอันใดให้หม่อมฉันฟังได้อย่างไรเพคะ? พระองค์ให้หม่อมฉันขับร้องเท่านั้น”
เซี่ยโฮวคุณไม่พอใจ เขามีความสุขกับการใช้ตะเกียบคีบเนื้อเข้าปากแทน “ชายที่มา พร้อมกับราชาแห่งจินในห้องนั้นค่อนข้าไม่คุ้นหน้านัก”
“เพค่ะ หม่อมฉันได้พบหน้าเขาเป็นครั้งแรก”
เซียโฮวคุณถามคําถามที่คลุมเครือ แต่ไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากจิงหงส์ เขาจึงปล่อยนางไป
“เขามาทําอะไรที่นี่?” เซี่ยโฮวโม่เป็นชายที่ละเว้นเรื่องนี้และไม่เคยปรากฏตัวในสถานที่เช่นนี้มาก่อน
หลังจากนั้นไม่นาน ทหารองค์รักษ์หยูเป่ยก็เดินเข้ามาในห้อง
“ฝ่าบาท คนของหม่อมฉันไม่สามารถติดตามราชาแห่งจินได้พะย่ะค่ะ และพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติในหอบุปผชาติ”
เมื่อนึกถึงทักษะวิชาตัวเบาของเซี่ยโฮวโม่ มันเป็นเรื่องปกติที่คนของเขาจะไม่ได้ร่องรอยของเขา
“ฝ่าบาท มันเป็นไปได้หรือไม่ที่ราชาแห่งจินมาที่นี่หลังจากทราบการมาของพระองค์”
“ตรวจสอบต่อไป”
“พะย่ะค่ะ”
“มันเป็นเรื่องส่วนตัวของหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่จําเป็นต้องรายงานให้พระองค์ทราบอย่างละเอียด ใช่หรือไม่?”
“เรื่องส่วนตัว? แม่ทัพหลินเป็นกระดูกสันหลังของแคว้นเรา ข้าต้องรู้ว่าใครคิดจะทําร้ายเขาหากเจ้าปกปิดเบาะแสและแม่ทัพหลินมีเหตุเป็นไปในภายหลัง เจ้าจะรับผิดชอบได้หรือไม่?”
ซูมู่เก๋อขมวดคิ้วและจับจ้องไปที่เซี่ยโฮวโม่ รู้สึกว่าตัวนางมึนเมามากขึ้นอีกครั้ง
“หม่อมฉันมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของขุนนางของท่านด้วยหรือ? ทําไมหม่อมฉันซึ่งเป็นหมอต้องแบกรับความรับผิดชอบแทนพระองค์ด้วยเพคะ?” ซูมู่เก่อสะดุดอย่างไม่มั่นคงแต่นางไม่กลัวรัศมีความเย็นชาของเซี่ยโฮวโม่
“มีกฏใดในแคว้นนี้หรือไม่? พระองค์ตั้งกฎเพื่อความสนุกในแคว้นฉ่หรือเพคะ?”
หลังจากตะโกนออกไป ซูมู่เก้อรู้สึกว่าความหงุดหงิดของนางหายไปมาก นางต้องทนกับความคับแค้นใจมาตลอดทั้งตั้งแต่ที่นางรักษานายหญิงแม่เฒ่าเพิ่ง
“เสร็จหรือยัง?” เซี่ยโฮวโม่เฝ้ามองนางอย่างเงียบๆ เขาไม่โกรธเลยและดูเหมือนจะสนใจนาง
ซูมู่เกือครุ่นคิดในใจ คิดว่าคนเหล่านี้เป็นพวกชอบเห็นความเจ็บปวดของคนอื่นจริงๆ
“หม่อมฉันยังมีสิ่งอื่นที่ต้องทํา ขอตัวลาเพคะ” นางหมุนตัวกลับไปเพื่อจะจากไป แต่ก็ ถูกดึงกลับเข้าสู่อ้อมกอดที่แข็งแกร่งของเขา
“อุ้ย!”
ซูมู่เก้อรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก พยายามที่จะกําจัดแขนของเขาที่รวบเอวนางไว้ออกไป
“ท่านทําอะไร? ปล่อยข้า!”
รู้สึกถึงเอวที่บอบบางของนาง เซี่ยโฮวโม่ยกแขนขึ้นเล็กน้อยและยกตัวซูมู่เก่อขึ้น ให้หน้าของนางมาอยู่ตรงหน้าเขา
ซูมู่เกือจ้องเขา “ท่าน ท่านเฉไฉ ปล่อยข้า!”
เซี่ยโฮวโม่กอดนางให้แน่นขึ้นและค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้นางอย่างช้าๆ
เมื่อมองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลา ซูมู่เกือรู้สึกว่าหัวใจของนางเต้นเร็วขึ้นและเร็วขึ้น
เช่นเดียวกับที่ปลายจมูกของพวกเขาแตะกัน ซูมู่เก๋อกัดฟันถอยออกอย่างรวดเร็วและกระแทกจมูกเขาอย่างแรง
“โอ้ย!”
เซี่ยโฮวโม่ครางเสียงต่ํา และซูมู่เก่อฉวยโอกาสนั้นที่จะผละออกจากเขาและมองเขาอย่างยั่วยุยืนห่างออกไปไม่กี่เมตร
เซี่ยโฮวโม่ก้าวเข้าไปหานาง แต่ละก้าวอย่างช้าๆและมั่นคงราวกับสัตว์ร้ายกําลังล่าเหยื่อของ มัน ค่อยๆใกล้เหยื่อของเขาอย่างช้าๆ
ซูมู่เก้อรู้สึกประหม่ามาก สงสัยว่าเมื่อกี้นางคงทําให้เขาโกรธ!
อากาศเย็นยะเยือกในทันที
“สาวน้อยผู้กล้าหาญ”
ซูมู่เกือยืนนิ่งและตั้งตรง ไม่เต็มใจที่จะสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง แต่เมื่อเซี่ยโฮวโม่เข้าใกล้ที่ละก้าวๆ อากาศรอบตัวนางก็ตึงเกินกว่านางจะหายใจได้
“บอกข้า ท่านต้องการอะไรกันแน่?!”
“คุณหนู คุณหนูเจ้าค่ะ ท่านเป็นอะไร?”
ซูมู่เก่อลืมตาขึ้นทันทีและเห็นแสงจันทร์เย็นๆ ม่านเตียงที่คุ้นเคยท่ามกลางความมืดสลัวนางหายใจเข้าลึกๆ ให้ตายเถอะ! ทําไมนางถึงได้ฝันถึงปีศาจเซียโฮวโม่?!
เพื่อไม่ให้เยวู่่เป็นกังวล นางจึงสงบลงและพูดเบาๆว่า “ไม่มีอันใด ข้าแค่ฝันร้าย เจ้ากลับไปพักผ่อนเถิด ไม่ต้องเฝ้าข้าหรอก”
เยวรูพูดเสียงกระซิบว่า “ข้าจะอยู่กับท่านเจ้าค่ะ คุณหนู เรียกหาข้าได้ทุกเมื่อที่ท่านต้องการนะเจ้าค่ะ”
ซูมู่เก๋อไม่ได้บังคับให้นางเข้านอนอีก
นางหลับตาลงและคําพูดของเซียโฮวโม่ยังคงวนเวียนอยู่ในห้วงคํานึงของนาง
“ห้ามเจ้าเข้าไปในหอบุปผชาติอีก”
นางจําได้ลางๆ ว่านี่เป็นคําพูดสุดท้ายที่เซี่ยโฮวโม่ทิ้งไว้ หลังจากที่เขาส่งนางกลับมาที่คฤหาสน์ซู ไม่ มันน่าจะเป็นคําสั่ง!
นางต้องบรรลุการรักษาอาการเจ็บป่วยของท่านแม่ทัพหลินให้ได้ในที่สุด เขาจะห้ามนางทํามากไปกว่านี้ได้อย่างไร!?
ถึงแม้นางสามารถทําการรักษากับความเจ็บป่วยตามสภาพของแม่ทัพหลินได้ แต่มันจะใช้เวลานานกว่านั้นมาก
ด้วยความโกรธซูมู่เก่อจึงกลิ้งตัวม้วนในผ้าห่มและหลับไป
เมื่อนางตื่นขึ้นมาในวันถัดไป มันก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว ซูมู่เกือขยี้ตาและขมวดคิ้ว รู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง
เยวู่่ผู้ที่เฝ้าอยู่นอกห้อง ได้ยินการเคลื่อนไหวจึงรีบเดินเข้าไปพร้อมกับน้ําร้อน
“คุณหนู ในที่สุดท่านก็ตื่นแล้ว นายหญิงกังวลใจมากจนแทบจะตามหมอมาดูท่านเจ้าค่ะ”
ซูมู่เก่อนวดขมับของนางและขอให้เยวู่่รินน้ําให้นางหนึ่งถ้วย หลังจากดื่มน้ําแล้ว นางก็รู้สึกสบายขึ้นมาก
“ข้าสบายดี บอกท่านแม่ว่าไม่ต้องห่วงข้า” หากคนอื่นรู้ว่านางมีอาการเมาค้าง มันอาจก่อปัญหาให้นางโดยไม่จําเป็น
“คุณหนูเจ้าค่ะ เมื่อวานนี้ท่านหายไปที่ใดมาเจ้าค่ะ? ท่านไม่ได้กลับมาหลังจากถึงเวลามืดแล้วข้ากังวลมากเจ้าค่ะ” ในขณะที่นางกําลังเป็นกังวล นางเข้ามาในห้องและพบว่าซูมู่เก๋อหลับอยู่บนเตียงแล้ว พร้อมกลิ่นแอลกอฮอล์ ซึ่งทําให้นางตกใจมาก
ซูมู่เก๋อหลบสายตาต่ําลงและจิบน้ําซุป “อา ข้าหมกมุ่นอยู่กับยาสมุนไพรที่ดีมากจนลืมเวลาไปข้าเหนื่อยมากและหลับไปทันทีที่กลับมา”
นางได้กลิ่นแอลกอฮอล์อย่างรุนแรงจากสมุนไพรปรุงยาเช่นนี้ได้อย่างไร? เยว่ไม่ได้ถามอะไรมากแต่ตัดสินใจที่จะติดตามซูมู่เกือในครั้งต่อไปที่นางจะออกจากคฤหาสน์!
“ท่านแม่เป็นอย่างไรบ้าง?” ตั้งแต่นางจ้าวกลับมาจากวัดลั่วหยิน นางก็อารมณ์ไม่ดีเลย
“ตอนนี้นายหญิงดูดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ พี่เหมยฮัวพบว่านายหญิงยิ้มเมื่ออยู่กับนายน้อยเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซูมู่เก๋อก็พยักหน้า นางไม่ต้องการให้นางจ้าวรู้สึกผิด ทรมานตัวเองด้วยความผิดของคนอื่น
หลังอาหาร ซูมู่เก๋อออกไปเดินเล่นในบริเวณบ้านพักของนาง
เมื่อวานนี้ นางไปที่หอบุปผชาติเพื่อหาเหตุแห่งอาการป่วยของแม่ทัพหลินว่าเกิดจากจิงหงส์หรือไม่
นางได้รับคําตอบหลังจากที่นางได้สัมผัสกับจิงหงส์เมื่อวานนี้ นางไม่ใช่สาเหตุ หากนางมีโรคติดต่อทางเพศที่ทําให้แม่ทัพหลินรับเชื้อมา นางจะมีอาการร้ายแรงกว่าของแม่ทัพหลินแต่ผิวพรรณของนางเรียบเนียนและร่างกายของนางไม่มีกลิ่นแปลกๆ
ในทางตรงกันข้าม สาวใช้ที่ชื่อเอ่อร์ต่างหากที่อาจเป็นสาเหตุของอาการเจ็บป่วยของแม่ทัพ หลิน
ในขณะใช้สมาธิในการขบคิด นางรู้สึกว่ามีบางอย่างพุ่งเข้าใส่นางอย่างฉับพลัน
ซูมู่เก่อก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติและพบว่ามีลูกบอลกระดาษอยู่ที่พื้นกลิ้งมาที่เท้าของนาง
ซูมู่เกือมองไปรอบๆ และไม่พบใคร นางรีบหยิบลูกบอลกระดาษขึ้นมาและเปิดมันออกดู
“นี่เอ๋อร์ตายแล้ว”
ทันใดนั้นซูมู่เกือวางหน้าเรียบเฉยและรีบเก็บลูกบอลกระดาษไว้
หลังจากกลับมาที่ห้องพัก นางเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชายและกําลังจะออกไป
“คุณหนู ท่านกําลังจะไปไหนเจ้าคะ? ข้าจะไปกับท่านด้วย” เมื่อเห็นเช่นนั้น เยวรู่จึงก้าวไปขวางหน้าและหยุดคุณหนูของนางไว้
ซูมู่เก่อขมวดคิ้ว “ไม่ได้”
“แต่คุณหนู ข้าเป็นห่วงท่านอยู่ที่นี่คนเดียว…”
ซูมู่เกือต้องการให้มันเงียบและเป็นความลับที่สุด ถ้านางจ้าวรู้ นางจะห้ามไม่ให้ออกไปจากคฤหาสน์อย่างแน่นอน “เยวู่่ ข้าต้องการออกไปข้างนอกเพราะมันเกี่ยวข้องกับคฤหาสน์ท่านแม่ทัพ เจ้ารู้หรือไม่ว่าผลที่ตามมาถ้าผู้ป่วยในคฤหาสน์ท่านแม่ทัพมีอันเป็นไปจะเป็นเช่นไร?”
เมื่อได้ยินคําพูดของนาง เยวู่่ก็หน้าซีดลงทันที
“คุณหนูเจ้าค่ะ ท่านหมายความว่ามีบางอย่างผิดปกติที่คฤหาสน์ท่านแม่ทัพ!”
ซูมู่เกือพยักหน้า “ข้าต้องคิดให้ออก เจ้าอยู่ที่นี่และดูแลท่านแม่และน้องชายของข้าให้ดีอย่าปล่อยให้นางอันและลูกสาวของนางมีโอกาสสร้างปัญหาได้”
เยวู่่พยักหน้า “คุณหนู ไม่ต้องกังวลเจ้าค่ะ ข้าจะดูแลโถงนี้อย่างดี!”
หลังจากออกมาจากลานดอกท้อบาน ซูมู่เก๋อออกจากคฤหาสน์ซูทางประตูหลัง
นางแปลกใจทันทีที่นางออกพ้นประตูไป นางอก็ถูกผู้ชายคนหนึ่งหยุดไว้ เมื่อมองขึ้นไปนางพบว่าเขาเป็นองครักษ์ของเซี่ยโฮวโม่ที่ชื่อตงหลิน
ตงหลินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ได้เห็นซูมู่เก๋อ เขาไม่ได้คาดหวังว่านางจะออกมาเร็วขนาดนี้ “ฝ่าบาทขอให้ข้ามารอรับคุณหนู ขอรับ”
ซูมู่เกือมองตรงไปที่เขา และถามตรงเข้าเรื่องทันที “ศพของนางอยู่ที่ไหน?”
“คุณหนูซู โปรดตามข้ามา”
ตงหลินพาซูมู่เก่อออกจากซอยตรงไปขึ้นรถม้าและมุ่งหน้าไปยังชานเมือง
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เมื่อวานนี้ หลังจากออกจากซอง ฝาบาทรับสั่งให้ข้าจับตาดูมีเอ๋อร์ต่อไป อย่างไม่คาดคิดมีเอ้อถูกฆ่าตายขณะที่นางอาบน้ํา เมื่อฆาตกรกําลังจะทําลายศพของนาง คนของเราก็คนพบได้ทันเวลาพอดีและหยุดชายฆาตกรไว้ได้”
มีเอ๋อร์เป็นผู้หญิงแม้ว่านางจะถูกจับตามองอย่างลับๆ แต่นางก็ไม่น่าจะถูกแอบตามดูขณะ อาบน้ํา ฆาตกรเลยต้องอาศัยโอกาสนั้นและฆ่านาง!
ช่างเป็นการกระทําที่หลักแหลมมาก!
รถม้าหยุดที่บ้านส่วนตัวในย่านชานเมืองหลังหนึ่ง ทั้งซอยแทบเกือบจะว่างเปล่า
ซูมู่เกือลงจากรถม้าและเดินตามตงหลินเข้าไปในบ้านด้านในสุด
บ้านหลังนี้มีขนาดเล็ก มีโต๊ะเพียงตัวเดียว ร่างของมีเอ่อร์นอนอยู่บนโต๊ะตัวนั้น
ซูมู่เก่อก้าวเข้าไปหาศพของนาง ยกเสื้อคลุมร่างของนางเปิดออกก็ได้เจอกับภาพที่ดวงตาของมีเอ๋อร์เบิกกว้างด้วยความตกใจและความกลัว นางไม่สามารถสงบสุขได้หลังจากถูกฆ่าตายอย่างคับแค้นใจ
ซูมู่เกือถอดเสื้อผ้าของนางออกและพบว่าร่างกายของนางเต็มไปด้วยทุ่มสีแดงและมีแผลคล้ําซึ่งดูน่าขยะแขยงมาก
“หลอดเลือกแดงใหญ่ของนางถูกตัดขาดและนางเลือดไหลจนตาย แผลเนียนและ เป็นการเชือดที่เดียวเหยื่อก็ตาย เขาต้องเป็นฆาตกรที่มีฝีมือมาก”
เมื่อได้ยินคําอธิบายของนาง ตงหลินประหลาดใจ เขารู้ว่าซูมู่เก้อมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม แต่เขาไม่คาดคิดว่านางจะเข้าใจการชันสูตรพลิกศพได้ดีขนาดนี้
“นางตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้ว” ตงหลินกล่าว
ซูมู่เก๋อตกใจเล็กน้อยและเอื้อมมือไปแตะหน้าท้องของมีเอ๋อร์ ทารกในครรภ์อายุสามเดือนกําลังค่อยๆสร้างรูปร่างเป็นมนุษย์ และท้องของหญิงตั้งครรภ์จะบวมขึ้นในระดับหนึ่งเมื่ออายุครรภ์เข้าเดือนที่สี่
“ใครเป็นพ่อของเด็ก?”
ตงหลินส่ายหัว “ไม่มีข้อมูล
“ท่านมีน้ําส้มสายชูและเหล้าหรือไม่?”
ตงหลินพยักหน้าและสั่งให้คนของเขาถือขวดน้ําส้มสายชูและเหล้าสองขวดเข้ามา
“ขออนุญาตขอรับ”
ซูมู่เกือเช็ดตัวของพี่เอ๋อร์ด้วยน้ําส้มสายชูก่อนลงมีดผ่าตัดหน้าท้องของนาง
ตงหลินสั่นสะท้านเมื่อเห็นนางเปิดท้องอย่างสงบนิ่ง
ซูมู่เกือใส่ใจอย่างเต็มที่จดจ่อกับการผ่าตัดของนางและดึงทารกในครรภ์ออกจากท้องของมีเอ้
“อ๊ก! อ๊วก!”
เมื่อมองไปที่สิ่งที่เต็มไปด้วยเลือด ตงหลินก็รู้สึกได้ถึงท้องที่ปั่นป่วนของเขา