รองเสนาบดีสํานักหมอหลวง หมอเฉินเย้ยหยันเล็กน้อย ฮึ หลังจากฝึกฝนแพทย์มาหลายปี เขาสามารถพูดได้อย่างแน่นอนว่าชายผู้นั้นมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว
ซูมู่เก๋อวางมือของนางบนผ้าฝ้ายที่ชุ่มเลือด นางหายใจเข้าลึกๆแล้วกระตุ้นความสามารถวิเศษในร่างกายนาง ในไม่ช้านางก็รู้สึกถึงกระแสความร้อนจากฝ่ามือของนาง
นางเงยหน้าขึ้นมองรองเสนาบดีสํานักหมอหลวง หมอเฉินด้วยสีหน้าจริงจังและเคร่งขรึม “เขาอยู่ในอาการช็อคไปชั่วครู่ เขายังไม่ตาย!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ รองเสนาบดีสํานักหมอหลวง หมอแนเบิกตากว้างด้วยความโกรธ เขาแค่เตือนนางด้วยความสงสาร นังเนรเจ้า!
หึ เขาจะรอดู เวลาที่นางร้องไห้และขอร้องอ้อนวอนเมื่อนางแพ้การแข่งขัน!
ดวงตาของเซี่ยโฮวโม่ตกลงไปที่มือของซูมู่เก๋อที่วางทับบนผ้าฝ้าย
ในขณะที่กําลังคิดว่าซูมู่เก๋อกําลังจะพ่ายแพ้ ซูมู่เก๋อโยนผ้าฝ้ายทิ้งแล้วลุกขึ้นไปหยิบยาบนโต๊ะ นํามาทาที่แผลและพันผ้าพันแผลไว้
“ดูเหมือนว่าเลือดจะหยุดแล้ว…….”
“โอ้ ใช่ มันหยุดไหลแล้วจริงๆ!”
ซูมู่เก๋อหยิบยาเม็ดสีดําออกมาจากชุดเครื่องมือแพทย์ให้ผู้ป่วยกิน หลังจากนั้นนางก็ตรงไปยังผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บอีกราย
มองไปที่ผู้ป่วยที่ถูกพันแผล รองเสนาบดีสํานักหมอหลวงหมอเฉินตาเบิกโพลงอีกครั้งด้วยความประหลาดใจ
“เป็นไปได้ยังไง…” เขาเห็นชัดเจนว่าชายคนนั้นหายใจเฮือกสุดท้ายและอาการเลือดออกไม่หยุดที่ต้นขาจนแทบไม่สามารถรักษาได้ นางจะห้ามเลือดได้อย่างไร!
หากมันไม่ได้อยู่ต่อหน้าองค์จักรพรรดิ เขาจะเดินออกไปและฉีกผ้าพันแผลออกดู!
ผู้ป่วยรายที่สองของซูมู่เก๋อถูกแทงที่หน้าอก ลูกศรที่แหลมคมแทงจากหน้าอกผ่านกระดูกทะลุออกไปที่ด้านหลังของเขา
การบาดเจ็บนี้ไม่สามารถรักษาได้ง่ายไปกว่าผู้บาดเจ็บคนก่อน!
ด้วยรูปลักษณ์ที่สงบ ซูมู่เก๋อหยิบมีดผ่าตัดออกมาจากชุดเครื่องมือแพทย์ของนางเพื่อตัดลูกศรที่ยื่นออกมาจากร่างกายทั้งสองด้านออก ด้วยใบมีดคมอบาด้วยผงห้ามเลือดที่แผล และให้ยาระงับความรู้สึกแก่ผู้ป่วยเพื่อให้เขาหมดสติชั่วคราว
หลังจากเขาหมดสติแล้ว ซูมู่เก๋อก็ค่อย ดึงลูกธนูออกจากอกของเขา
“ฉีด”
เลือดของผู้บาดเจ็บกระเซ็นไปทั่วใบหน้าของนาง!
ไม่มีเวลาเช็ดเลือดบนใบหน้า ซูมู่เก๋อพันบาดแผลอย่างรวดเร็วและเรียบร้อย
อีกด้านหนึ่ง จากเยวพันแผลของผู้ป่วยคนที่ห้าเสร็จพอดี
เมื่อสังเกตเห็นว่าซูมู่เก๋อย้ายไปยังคนปวยคนที่สามแล้ว จางเยวทําผงยาหกใส่จมูกคนป่วยโดยไม่ได้ตั้งใจ
“…ฮัดเช่ย เอิ่ม อะ-แฮม”
จางเยว่ก็รู้สึกตัวและรีบเดินต่อไป
เมื่อเทียบกับจางเยว่ ซูมู่เก้อสงบกว่ามาก นางแสดงให้เห็นถึงความมั่นคงและจริงจังเกินวัยซึ่งทําให้เซี่ยโฮวรุยประหลาดใจ
ซูมู่เก๋อกําลังย้ายจากคนป่วยที่ยากที่สุดไปง่าย ดังนั้นนางจึงเร็วขึ้นและเร็วขึ้น
ในขณะที่จางเยว่ทําจากง่ายไปยาก ทําให้ช้าลงเรื่อยๆและทําผิดพลาดมากขึ้นเรื่อยๆ
รองเสนาบดีสํานักหมอหลวง หมอเฉินซึ่งเดิมมั่นใจว่าประสบความสําเร็จแน่ ค่อยๆหน้าเศร้าลง
เมื่อทรายในนาฬิกาไหลอย่างรวดเร็วจึงเหลือเวลาอีกเพียงสองในสิบของเวลาที่กําหนด
เข้าใกล้ผู้ป่วยรายที่เจ็ดของนาง ซูมู่เก๋อพบว่าบาดแผลของเขาอักเสบและเนื้อเน่า ต้องตัดเนื้อเน่าออกไม่งั้นการติดเชื้อจะลุกลาม
“ยาแก้อักเสบ…”
ซูมู่เก๋อหมุนตัวกลับไปหายาแก้อักเสบ ในขณะที่นางยื่นมือออกไปก็มีอีกมือรีบเอื้อมหยิบขวดยานั้นที่ควรจะอยู่ในมือของนางไป
มือของนางหยุดกลางอากาศเบาๆ แล้วซูมู่เก๋อขมวดคิ้วและกลับไปหาคนป่วยของนางโดยไม่สนใจท่าทางยั่วยุของจางเยว่ จากนั้นนางก็ไปเปิดชุดเครื่องมือแพทย์ของนางหยิบมีดผ่าตัดออกมาและเริ่มเฉือนเนื้อเน่าออก
มียาต้านการอักเสบบางชนิดในชุดเครื่องมือแพทย์ของนาง แต่ก็ไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตามยังคงสามารถรับมือกับสถานการณ์ปัจจุบันได้
มันเป็นการแข่งขัน ไม่มีใครอยากแพ้!
“ปุง!”
เสียงฆ้องและกลองดังขึ้น
“หมดเวลา!”
ซูมู่เก๋อพันผ้าพันแผลบนมือที่บาดเจ็บแล้วก้าวออกไปยืนด้านข้าง
อย่างไรก็ตาม จางเยวหลังจากเสียงฆ้องและกลองดังขึ้นแล้วก็ยังคงขยับมือของเขาต่อ เมื่อรองเสนาบดีสํานักหมอหลวง หมอเฉินส่งเสียงดังด้วยความไม่พอใจ เขาจึงยอมถอยอย่างไม่เต็มใจจากผู้ป่วย
เซี่ยโฮวรุยที่นั่งพิงเก้าอี้ที่ดูเหมือนหลับไปแล้ว
ขันทีอีก้าวเข้าไปหาองค์จักรพรรดิและเรียกเบาๆ “ฝ่าบาท การแข่งขันสิ้นสุดแล้วพะย่ะค่ะ”
เซี่ยโฮวรุยดูเหมือนจะตื่นขึ้นและส่งเสียงดังอย่างไม่พอใจ
“ดี มันจบแล้ว เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม หมอหลวงของจักรวรรดิควรไปตรวจสอบ
แพทย์อาวุโสห้าคนของสํานักหมอหลวงของจักรวรรดิได้รับเลือกให้เป็นผู้ตัดสิน
“ฝ่าบาท หม่อมฉันสงสัยว่าหมอหลวงของจักรวรรดิจะตัดสินใจได้อย่างไร?”
จํานวนผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาโดยซูมู่เก๋อและจางเยวภายในเวลาที่กําหนดมีทั้งหมดเจ็ดคน แต่อาการผู้ป่วยของซูมู่เก๋อนั้นยากกว่า ในแง่นี้ผู้ชนะควรเป็นซูมู่เก๋อ
อย่างไรก็ตาม มันไม่ชัดเจนว่านางได้รับการรักษาแบบขอไปทีหรือไม่ ดังนั้นพวกเขาจึงแก้ผ้าพันแผลออก
นี่เป็นคนที่ได้รับบาดเจ็บมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
หมอหลวงที่มีผมสีขาวครึ่งหัวยกคางขึ้นแล้วพูดว่า “เรามีกฏของเราเอง คุณหนูซู ไม่ต้องกังวล เราจะไม่มีอคติ”
“ฝ่าบาทเพค่ะ ขอโปรดทําให้มั่นใจด้วยเถิดเพค่ะว่าหมอหลวงจะไม่ทําร้ายผู้ป่วย” ซูมู่เก๋อก้าวไปข้างหน้าและร้องขออย่างใจเย็น
เซี่ยโฮวรุยหรี่ตา
“ในฐานะผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ หลักการสําคัญที่สุดสําหรับเราคือการให้ความสําคัญกับผู้ป่วยเป็นอันดับแรก หากพวกเขาเจ็บปวดเป็นครั้งที่สองเนื่องจากการแข่งขัน ข้ายินดีที่จะยกเลิกการแข่งขัน”
เมื่อกล่าวจบ ซูมู่เก๋อก็บีบมือภายใต้แขนเสื้อของนางแน่น
ฉับพลันโถงทั้งโถงก็เงียบลงพร้อมกับอากาศที่ค่อยๆเย็นลง มีเพียงเซี่ยโฮวโม่เท่านั้นที่มีสีหน้าและเพลิดเพลินกับเหล้าบนโต๊ะ
ด้วยรอยยิ้มขี้เล่นบนใบหน้าของเขา เซี่ยโฮวคุณหมุนถ้วยเหล้าในมือเล่นต่อไป
“ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าจะต้องโดนตัดมือและไม่ฝึกฝนทางการแพทย์อีกเลย เจ้าได้คิดทบทวนมันหรือไม่?”
นั่งอยู่ท่ามกลางฝูงชน ซูหลุนไม่เคยคาดหวังว่าซูเก๋อจะโง่ขนาดนี้
นางกําลังเล่นกับไฟ! นางจะคาดเดาความคิดในใจของจักรพรรดิได้อย่างไร!
เขาลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่ไม่กล้าลุกขึ้นหลังจากอยากจะทําอยู่หลายครั้ง จะเกิดอะไรขึ้นถ้าองค์จักรพรรดิพิโรธและลงโทษเขาพร้อมกับลูกสาวของเขา!?
“ฝ่าบาท หม่อมฉันมันใจเพค่ะ”
“ดี ในกรณีนี้ ขันทีอี”
“พะย่ะค่ะ”
“ซูมู่เก๋อแพ้”
ทันที่คําพูดของเซี่ยโฮวรุยออกมา ซูมู่เก้อรู้สึกได้ทันทีว่าสายตาทุกคู่ตกอยู่ที่ตัวนาง
ได้รับความสงสารหรือการหัวเราะเยาะ อย่างไรก็ตาม ซูมู่เก้อไม่สนใจ
ขันที่อีรุ้งานสั่งให้ทหารองค์รักษ์นําโต๊ะกลมเล็กๆ มาให้ซูมู่เก๋อ
“ซูมู่เก๋อ ยอมรับความพ่ายแพ้สําหรับการเดิมพันซะ เจ้าแพ้ เจ้าจะต้องถูกลงโทษ”
องค์รักษ์ก้าวเข้าไปหาซูมู่เก๋อ ดึงมือของนางวางไว้บนโต๊ะ
เซี่ยโฮวซีนั่งอยู่ที่ด้านหลังอยากออกมาด้านหน้า แต่ถูกเซี่ยโฮวหยินหยุดไว้
“เจ้ากําลังจะทําอะไร น้องเก้า? เจ้าเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าซูมู่เก๋อจะไม่แพ้ ตอนนี้นางแพ้การแข่งขันและท่านพ่อต้องตัดมือของนางทิ้ง เจ้าคิดว่าท่านพ่อจะปล่อยนางไปเพียงเพราะเจ้าออกไปอ้อนวอนแทนนางงั้นรึ?”
เซี่ยโฮวซีมองไปมีเซี่ยโฮวหยินด้วยใบหน้าซีดเซียว แต่นางก็ยังพูดออกมาว่า “ท่านพ่อ คุณหนูซูช่วยชีวิตหม่อมฉันไว้ เพื่อเห็นแก่หม่อมฉัน โปรดอภัยให้นางด้วยเพค่ะ!”
“เพื่อให้รางวัลแก่ผู้ชนะและลงโทษผู้แพ้ ข้ามักจะรักษากฏอย่างเคร่งครัด เพื่อให้รางวัลและการลงโทษ” เซี่ยโฮวรุยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เสด็จพ่อ ได้โปรด หม่อมฉันขอร้อง…”
สนมฉินยกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย หลังจากรับใช้เซี่ยโฮวรุยมาหลายปี นางรู้อารมณ์ของเขาเป็นอย่างดี ตอนนี้เขาถ้าเขาไม่มีความสุขน้ำเสียงไม่เป็นแบบนี้ “องค์หญิงเก้าเหนื่อยแล้ว พา นางไปพักผ่อน”
“เพค่ะ”
นางกํานัลในวังสองคนเดินเข้าหาเซี่ยโฮวซีและบังคับนางออกไปทันที
“ดําเนินการเกี่ยวนี้!” เสียงแหลมของขันที่อีดังขึ้นในท้องพระโรง ซึ่งดูรุนแรงเป็นพิเศษ
ซูมู่เก๋อหลับตาลง
มีดในมือของผู้คุมยกสูงและเหวี่ยงเข้าหามือของซูมู่เก๋อด้วยความเร็วที่มองเห็นได้
“ช้าก่อน!”
เมื่อใบมีดกําลังจะสัมผัสมือของซูมู่เก๋อ เซี่ยโฮวรุยก็พูดขึ้น
อากาศที่แข็งตัวในโถงดูเหมือนจะละลายในทันที
“ฮ่าๆๆๆๆๆ” เซี่ยโฮวรุยหัวเราะดังๆ ซึ่งดังก้องไปทั่วห้องโถง
“สาวน้อย เจ้ากล้าหาญมาก!” เซี่ยโฮวรุยแสร้งทําเป็นจริงจังและจ้องไปที่ซูมู่เก๋ออย่างจงใจ
ซูมู่เก๋อมองไปที่มีดที่อยู่เหนือมือของนางเพียงไม่กี่เซนติเมตรและถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ในที่สุดนางก็ชนะพนัน
เซี่ยโฮวโม่ค่อยๆวางแก้วเหล้าในมือลง และทันทีที่แก้วถึงพื้นโต๊ะมันก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทันที
“เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะสับมือของเจ้าออกจริงๆหรือ?”
ซูมู่เก๋อคุกเข่าลงที่กลางห้องโถงและก้มศีรษะหน้าผากจรดพื้น “หม่อมฉันเชื่อว่าฝ่าบาทเป็นราชาที่ทรงรักผืนแผ่นดินของพระองค์และราษฎรของพระองค์เพคะ”
เซี่ยโฮวรุยหัวเราะอีกครั้ง “ข้าจะไม่เข้าข้างเจ้าถ้าเจ้าทําให้ข้าผิดหวัง!”
ก่อนที่รองเสนาบดีสํานักหมอหลวง หมอเฉินจะยิ้มด้วยความพอใจ สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ทําให้เขาสับสนอยู่พักหนึ่ง องค์จักรพรรดิทรงหมายถึงอะไร?
จางเยว่รู้สึกงงงวยและมองไปที่หมอเฉิน
เซี่ยโฮวรุยโบกมือ “หมอ แค่ทําตามที่เด็กสาวบอก อย่าทําร้ายผู้บาดเจ็บอีก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้บรรดาแพทย์ของจักรวรรดิก็รู้สึกงุนงงเล็กน้อย พวกเขาจะรู้วิธีการรักษาโดยไม่ตรวจดูบาดแผลได้อย่างไร?
“พะย่ะค่ะ แพทย์อาวุโสตอบรับคํามั่นไป แต่พวกเขาไม่เต็มใจเห็นด้วย พวกเขาเดินไปหาผู้ป่วยและถามคําถามจางเยว่เป็นครั้งคราว
“ ข้าอยากรู้ คุณหนูซู เจ้าสามารถเริ่มการรักษาจากผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บน้อยที่สุดได้ ทําไมเจ้าถึงเลือกคนที่บาดเจ็บหนักที่สุดก่อน?” เซี่ยโฮวคุณถาม
ซูมู่เก๋อก้มหน้ามองต่ำและกล่าวว่า “ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สุดคือผู้ปวยหนัก อาการบาดเจ็บของพวกเขาอาจรักษาได้ยากกว่าก็จริง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หากหม่อมฉันรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยก่อน ผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสมีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตลงก่อนที่ยังไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีเพคะ”
“เจ้าหมายความว่ามันผิดที่ให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บน้อยที่สุดก่อน ใช่หรือไม่?”
“ไม่ใช่แน่นอนเพค่ะ ไม่ว่าจะทําการรักษาอย่างไร ทุกวิธีล้วนเป็นการช่วยชีวิตคนด้วยวิธีที่แตกต่างกัน”
คําตอบนี้ทําให้เซี่ยโฮวคุณไม่สามารถหักล้างได้
“พี่สองสนใจที่จะรักษาและช่วยชีวิตผู้ป่วยหรือไม่?” เซี่ยโฮวโม่ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ข้าไม่มีความสามารถขนาดนั้น แค่อยากรู้”
หลังจากพูดคุยกันสักครู่ ผลก็ออกมา
“ฝ่าบาท เราได้ผลการแข่งขันแล้ว พะย่ะค่ะ”
เซี่ยโฮวรุยอาจจะหมดเรี่ยวแรงไปแล้วในตอนนี้และดูเหมือนจะเหนื่อยและอ่อนแอกว่ามาก
“เจ้าประกาศผลได้”
“คุณหนูซูและจากเยวีรักษาผู้ป่วยได้เจ็ดคนเท่ากัน แต่ตามความรุนแรงของอาการผู้ป่วยแล้ว คุณหนูซูมีมากกว่า”
“พูดได้ว่า คุณหนูซูเป็นผู้ชนะงั้นสิ?”
“พะย่ะค่ะ”
เซี่ยโฮวรุยมองไปที่ซูมู่เก๋อ เมื่อเขากําลังจะพูดจู่ๆ เขาก็รู้สึกปวดจี๊ดในหัวใจของเขา ตาของเขาเบิกกว้างทันทีและหมุนค้าง!
“อ๊ะ!”