บทที่ 78 : ท่านไม่กลัวรี?
ไม่จนกระทั่งซูมู่เก๋อกลับไปที่ลานดอกท้อ นางจึงนําคําเชิญงานล่าสัตว์ทั้งสองใบออกมาและวางไว้บนโต๊ะ
เมื่อมองแวบแรกไม่มีความแตกต่างระหว่างคําเชิญทั้งสอง แต่เมื่อดูใกล้ ๆ พบว่าดอกไม้ที่ฝังไว้ที่มุมล่างขวาของคําเชิญนั้น แตกต่างกัน
คําเชิญที่ฮูหยินหลินมอบให้นางคือดอกโบตั๋นสีทอง แต่คําเชิญของสาวใช้ตัวน้อยในวังนั้นเป็นดอกกล้วยไม้สีขาวตามจันทรคติ
“คุณหนูเจ้าค่ะ นี่เป็นคําเชิญไปงานงานชุมนุมล่าสัตว์หรือเจ้าค่ะ?”
เยวรูเข้ามาในห้องพร้อมกับน้ำชาและพูดด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นคําเชิญบนโต๊ะ
“เจ้าจําได้ด้วยหรือ?”
เยวรูพยักหน้า “ข้าน้อยเห็นยู่เอ๋อร์ของคุณหนูสองอวดโฉมเมื่อไม่กี่วันก่อน จึงได้รับรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เจ้าค่ะ คุณหนู ข้าน้อยเคยได้ยินจากยู่เอ๋อร์ว่าคําเชิญร่วมงานชุมนุมล่าสัตว์นี้หายากมาก ผู้ที่สามารถเข้าร่วมได้ส่วนใหญ่เป็นขุนนางและตระกูลชนชั้นสูงของเมืองหลวง”
ซูมู่เก๋อรินชาให้ตัวเองโดยไม่สนใจอะไรมาก “งานชุมนุมล่าสัตว์นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อการล่าสัตว์ใช่หรือไม่?”
“ไม่แน่ใจเจ้าค่ะ นายหญิงและสาว ๆ บางคนที่ไม่ชอบวิ่งเล่นจะมารวมตัวกันเพื่อเพลิดเพลินกับทิวทัศน์และพูดคุยกันเจ้าค่ะ”
พูดตรงไปตรงมา มันเป็นการนัดบอดที่คลุมเครือ
“คุณหนูเจ้าค่ะ เมื่อถึงเวลานั้น ท่านและนายหญิงจ้าวต้องแต่งตัวให้พวกเขาประทับใจ!”
เมื่อเห็นเยวรูพูดเหมือนแทบจะตะคอกเพื่อแสดงความไม่พอใจของนาง ซูมู่เก๋อรู้สึกขบขัน
ชุมนุมล่าสัตว์จะจัดขึ้นในต้นเดือนหน้า ซึ่งหลังจากนี้อีกสิบวัน ท่านแม่ของนางสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเองว่าจะเข้าร่วมหรือไม่ สําหรับนาง นางจะคิดเรื่องนี้ในภายหลัง
หลังจากอาบน้ำยาเป็นเวลาสามวัน องค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยไม่ได้ถูกล้างพิษ แต่เขามีชีวิตชีวาและกระปรี้กระเปร่ากว่าเดิมมาก
ซูมู่เก๋อหยิบกระเป๋าเข็มเงินออกมาจากชุดเครื่องมือแพทย์ของนางและหันไปมองที่องค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุย เป็นเวลาสามวันแล้ว ที่รองเสนาบดีสํานักหมอหลวง หมอเฉินยังไม่หายจากอาการป่วย ดังนั้นการรักษาต่อไปนี้จะต้องดําเนินการโดยซูมู่เก๋อเพียงลําพัง
“ฝ่าบาทเพค่ะ โปรดถอดเสื้อคลุมของพระองค์เพื่อที่หม่อมข้าจะได้ทําการฝังเข็ม เพค่ะ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ขันทีอีก้าวเข้าไปหาเพื่อช่วยองค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยถอดเสื้อคลุมของเขา
“มันจะเจ็บเล็กน้อยเมื่อสอดเข็มเข้าไป เพค่ะ ฝ่าบาท โปรดทรงผ่อนคลายและไม่กลัวอันใด”
องค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยรู้สึกสนุกที่ได้ยินน้ำเสียงปลอบโยนของนาง “ข้าจะไม่กังวลใจ”
“หม่อมข้าให้การรักษาด้วยการฝังเข็มเพื่อขับพิษในร่างกายของฝ่าบาทลงไปที่เท้าเพคะ ดังนั้นเท้าของฝ่าบาทจะอึดอัดเล็กน้อยก่อนที่จะล้างพิษออกไป แต่มันจะหายไปอย่างสมบูรณ์หลังจากนั้น” ในขณะที่พูด ซูมู่เก๋อสอดเข็มเงินเข้าไปในร่างกายของจักรพรรดิ
องค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยรู้สึกเจ็บเล็กน้อยที่คอตามมาด้วยความรู้สึกเสียวซ่า ทําให้กล้ามเนื้อของเขาตั้งขึ้นในทันที
“ฝ่าบาท โปรดทรงผ่อนคลายเพคะ อาการไม่สบายจะหายไปในไม่ช้า” เสียงของนางนุ่มนวล แต่ทรงพลัง องค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยค่อยๆผ่อนลมหายใจและรู้สึกสบายขึ้นมาก
องค์จักรพรรดิผู้ซึ่งนอนอยู่บนเตียงโดยหันหลังให้ซูมู่เก๋อ มองไม่เห็นเทคนิคของนาง แต่ขันทีอีซึ่งยืนอยู่ข้างๆ เห็นได้ชัดว่าการใช้เข็มแม่นยําและมีทักษะของซูมู่เก๋อ ในวังหลวงและจักรวรรดิทั้งหมดของแคว้นนุ่ มีแพทย์เพียงไม่กี่คนที่มีความเชี่ยวชาญในการฝังเข็ม เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเทคนิคการฝังเข็มที่เชี่ยวชาญของซูมู่เก๋อมาก่อน แต่เขาแทบไม่อยากเชื่อเลยจนกว่าจะได้เห็นมันด้วยตัวเองในตอนนี้
ในขณะที่ด้านหลังขององค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยถูกปกคลุมไปด้วยเข็มสีเงิน
ซูมู่เก๋อเอื้อมมือไปเช็ดเม็ดเหงื่อบนหน้าผากของนาง
“ฮืม…”
ทันทีที่ซูมู่เก๋อหมุนตัวกลับ องค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยครวญครางด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับค่อยๆ เกร็งกล้ามเนื้อของเขา
“ฝ่าบาท พระองค์ทระเป็นอันใด?” เมื่อเห็นสิ่งนี้ ขันทีอีรีบเข้ามาดูและสอบถาม “คุณหนูซู มีปัญหาเกี่ยวกับการฝังเข็มหรือไม่?”
ซูมู่เก๋อขมวดคิ้ว “ขันทีอี โปรดมั่นใจ มันเป็นครั้งแรกที่องค์จักรพรรดิขับพิษจากเลือดและกระดูกด้วยเข็ม ความรู้สึกไม่สบายจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เจ้าค่ะ”
“เอ่อ!”
องค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยงอหลังของเขาอย่างกะทันหัน ทําให้เข็มเงินบางส่วนหลุดออกจากหลังของเขา และบางเล่มก็แทงลึกเข้าไปเนื้อของเขาจนงอ!
“ฝ่าบาท! ข้าควรทําอย่างไร?”
ซูมู่เก๋อก้าวไปข้างหน้าและดึงเข็มสีเงินบนร่างขององค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยออก หากไม่มีความอดทนเพียงพอ ตราบใดที่เขารู้สึกตึงเครียดในระหว่างการรักษาด้วยการฝังเข็ม กล้ามเนื้อของเขาจะเกร็งกระชับได้ง่ายและร่างกายของเขาก็แข็งทื่อ มันไม่เพียงแต่จะสูญเสียผลการรักษา แต่ยังอาจนําไปสู่ความผิดปกติและความไม่ลงรอยกันของลมปราณและเลือดอีกด้วย!
เข็มเงินถูกดึงออกทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการต่อสู้ของเขาในตอนนี้ แผ่นหลังของจักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยถูกทิ่มแทงด้วยบาดแผล เลือดไหลหลายจุดซึ่งดูน่ากลัว
“ฝ่าบาท อย่าทรงทําให้หม่อมข้าตกใจ!” ขันทีอีรู้สึกกังวลมาก จนตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงและเขามองไปที่ซูมู่เก๋อด้วยความโกรธ
“คุณหนูซู เกิดอะไรขึ้นฮะ?”
ซูมู่เก๋อลูบจุดต้าซุยของจักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยด้วยความขมวดคิ้ว หลังจากนั้นไม่นาน องค์จักรพรรดิก็ค่อยๆฟื้นคืนสติ
ขันทีอีรีบเข้ามาช่วยองค์จักรพรรดิลุกขึ้นพิงหมอนนุ่มๆ
จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยต่อสู้ดิ้นรนด้วยสายตาอันเฉียบคมของเขาที่จ้องมองไปยังซูมู่เก๋อ
รู้สึกได้ถึงสายตาอันเฉียบคม ซูมู่เก๋อบิดริมฝีปากแน่นและคุกเข่าลงที่หน้าแท่นบรรทมขององค์จักรพรรดิ
“ซูมู่เก๋อ เจ้ากล้าฆ่าข้าได้อย่างไร?!”
“หม่อมข้าไม่กล้าเพค่ะ ฝ่าบาท”
“เจ้าไม่กล้างั้นเหรอ?! เจ้ากําลังทําอะไรในตอนนี้?! เข้ามานี่”
“ฝ่าบาท ราชาแห่งจินขอเข้าเฝ้า พะย่ะค่ะ ”
ก่อนที่องค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยจะพูดจบ พระองค์ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงของขันทีที่เฝ้าอยู่ด้านนอกประตู
จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยเหล่มองซูมู่เก๋ออย่างเย็นชา
“ให้เขาเข้ามา”
” พะย่ะค่ะ”
เซี่ยโฮวโม่ได้ยินเสียงคํารามของเซี่ยโฮวรุยที่ด้านนอกประตูในตอนนี้ เขาเข้าไปในห้อง มองไปที่ซูมู่เก๋อที่คุกเข่าอยู่บนพื้น และคํานับองค์จักรพรรดิ
“เสด็จพ่อ”
องค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยตะคอกอย่างเย็นชา “เจ้าช่างมาได้ทันเวลาพอดี! เจ้ารู้ไหมว่านางเกือบจะฆ่าข้าแล้ว!” เขายังคงจําความรู้สึกหมุนเวียนในสมองได้อย่างชัดเจน ความรู้สึกของชีวิตของเขาที่ถูกควบคุมและความไร้พลังของเขาทําให้จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยหงุดหงิดมาก!
ซูมู่เก๋อเงยหน้าขึ้นมองดวงตาที่โกรธเกรี้ยวขององค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยอย่างใจเย็น
“หม่อมข้าไม่มีเจตนาที่จะฆ่าพระองค์เพค่ะ ฝ่าบาท พระองค์เพิ่งมีอาการคล้ายจะเป็นลมหมดสติจากการฝังเข็ม ซึ่งเป็นผลมาจากสุขภาพที่ไม่ดีของพระองค์”
“เจ้าหมายความว่าตอนนี้ข้าเกือบจะเป็นลมเพราะข้าอ่อนแอ!?” คําอธิบายของซูมู่เก๋อไม่ได้ทําให้อารมณ์ขององค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยเย็นลง
เซี่ยโฮวโม่มองไปที่ซูมู่เก๋อและพบว่านางค่อนข้างสงบและเรียบง่าย นางไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้านางทําให้องค์จักรพรรดิหงุดหงิดหรืออย่างไร? หรือนางเชื่อว่าเขาจะช่วยนางได้อย่างแน่นอน?
อย่างไรก็ตาม ข้อสันนิษฐานหลังทําให้เสี่ยโฮวโม่ยิ้มเล็กน้อย
“เสด็จพ่อ ซูมู่เก๋อกําลังพูดความจริง พะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินคําพูดของเซี่ยโฮวโม่ องค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยมองไปที่เขา “ข้าสงสัยว่าเมื่อใดที่เจ้าเริ่มเข้าใจเรื่องการรักษา”
เซี่ยโฮวโม่รักษาสีหน้าของเขา “ในเมืองชุนหยาง หม่อมข้าได้รับบาดเจ็บโดยบังเอิญ และคุณหนูซูก็ปฏิบัติกับหม่อนข้าด้วยวิธีนี้ พะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ องค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยโล่งใจเล็กน้อยจากสีหน้าแข็งกร้าวของเขา
“นั่นเป็นความจริงหรือ?”
” พะย่ะค่ะ”
ซูมู่เก๋อประหลาดใจ เมื่อไหร่ที่นางรักษาเซี่ยโฮวโม่ในเมืองชุนหยาง?
ในอีกความคิด นางเดาว่าเซี่ยโฮวโม่แค่หาข้อแก้ตัว ดังนั้นนางจึงไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป
“ซูมู่เก๋อเนื่องมาจากราชาแห่งจิน ข้าจะเชื่อเจ้าอีกครั้ง แต่ถ้าถ้าเจ้ากล้าที่จะไม่ซื่อสัตย์ต่อข้า ข้าจะไม่ปล่อยตระกูลซูทั้งหมด!” ดวงตาขุนของจักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยเต็มไปด้วยความเย็นชา
ซูมู่เก๋อจับมือของนางไว้ในแขนเสื้อ “ฝ่าบาทเพค่ะ หม่อมข้าเป็นหมอที่ฝึกฝนรักษาด้วยอาชีพแพทย์ไม่ใช่นางฟ้าที่ร่ายเวทย์มนตร์ ไม่ว่าหมอจะเชี่ยวชาญแค่ไหน เขาไม่สามารถรักษาโรคได้หากไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ป่วย”
“โอ้ นี่เจ้ากําลังโทษว่าข้าไม่ร่วมมือกับเจ้า?”
ซูมู่เก๋อก้มหัวลงอย่างเงียบ ๆ
“เจ้าเด็กน้อย เจ้ากล้ามาก!”
ในชั่วพริบตา ซูมู่เก๋อรู้สึกว่าอากาศเย็นยะเยือกกระจายไปทั่วทั้งห้อง
“ฝ่าบาท หากพระองค์ไม่สามารถแบกเข็มได้ครั้งละมาก ๆ หม่อมข้าจะใช้น้อยลงในครั้งต่อไปเพค่ะ แต่ด้วยวิธีนี้กระบวนการบําบัดจะใช้เวลานานขึ้น”
“ฮัม” จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยเห็นด้วย ด้วยน้ำเสียงต่ำ
“ลุกขึ้น”
“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเมตตา เพคะ”
“ไหนๆเจ้าก็อยู่ที่นี่ในวันนี้แล้ว อย่าเสียเวลา เริ่มใหม่อีกครั้ง”
จักรพรรดิเซี่ยโฮวโม่เดินไปที่เก้าอี้ข้างๆ และนั่งลง ซูมู่เก๋อลุกขึ้นเปิดชุดเครื่องมือแพทย์ของนาง หยิบผ้าฝ้ายออกมาแล้วจุ่มลงไปในแอลกอฮอล์เพื่อเช็ดเลือดที่หลังของจักรพรรดิเซี่ยโฮวรุย
“ฝ่าบาท โปรดทรงผ่อนคลายเพคะ การกระวนกระวายมีแต่จะทําให้การฝังเข็มส่งผลให้เป็นลมหมดสติอีกครั้ง เพคะ”
“ ข้ารู้”
ซูมู่เก๋อฆ่าเชื้อเข็มเงินและเริ่มสอดเข้าไปในจุดฝังเข็มที่คอของจักรพรรดิเซี่ยโฮวรุย
บางทีการเตรียมจิตใจในครั้งนี้ องค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยรู้สึกว่ามันไม่อึดอัดเหมือนเมื่อครั้งก่อน และซูมู่เก๋อใช้เข็มเพียงหนึ่งในสาม
มองไปที่ซูมู่เก๋อ เซี่ยโฮวโม่พบว่านางจริงจังดูน่าสนใจ
หลังจากสอดเข็มเงินเล่มสุดท้ายแล้ว และเห็นว่าองค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยไม่มีอาการที่ไม่พึงประสงค์ใดๆ ซูมู่เก๋อลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ซูมู่เก๋ออกมาจากตําหนักหยางอี้ การได้ออกไปสูดอากาศข้างนอก นางรู้สึกโชคดีมาก
“ทําไม? เจ้ากลัวหรือไม่?”
เซี่ยโฮวโม่ตามนางออกมาจากตําหนักหยางอี้และอดไม่ได้ที่จะยิ้ม เมื่อเห็นนางกําลังงุนงง
ซูมู่เก๋อเรียกความรู้สึกตัวของนางกลับมา และเร่งฝีเท้าเพื่อให้ไปไกลจากตําหนักหยางอี้
“เจ้าไม่เคยเกรงกลัวฝ่าบาทเลยหรือ?!”
มันเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการให้ความช่วยเหลือองค์จักรพรรดิก็เหมือนกับการไปพบเสือและความคิดขององค์จักรพรรดิเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยากที่สุด
“อะไรที่ต้องกลัว?”
ซูมู่เก๋อตระหนักว่าองค์จักรพรรดิเป็นคนที่น่ากลัว เขามีความรู้สึกแบบเดียวกับนางได้ยังไง!
ทั้งสองเดินไปจนสุดประตูพระราชวัง เป็นอีกครั้ง ซูมู่เก๋อรู้สึกอายที่พบว่าไม่มีรถม้านอกวังเพื่อส่งนางกลับ!
หลังจากขึ้นมาแล้ว เซี่ยโฮวโม่เห็นซูมู่เก๋อยืนอยู่นอกประตูพระราชวังพร้อมกับเม้มริมฝีปากของนางด้วยความโกรธเกรี้ยวและรู้สึกมีความสุขมากขึ้น
“ตงหลิน ไปขับรถม้าของข้ามาที่นี่”
ตงหลินมองไปที่ซูมู่เก๋อและรีบเดินออกไป
ในขณะที่ซูมู่เก๋อรู้สึกหดหูที่จะเดนิผ่านถนนสายนี้ รถม้าก็แล่นผ่านนางไปอย่างช้าๆ
นางก้าวออกไปเพื่อหลักทาง แต่รถม้าหยุดข้างๆนาง
ตงหลินยิ้ม “ฝ่าบาททรงรับสั่งให้หม่อมข้าส่งท่านกลับจวน เชิญขึ้นรถม้าขอรับ คุณหนูซู”
ซูมู่เก๋อมองขึ้นไปและพบว่ารถม้าสีดําสนิทมีป้ายชื่อตําหนักของราชาแห่งจินอยู่ด้านนอก ไม่มีอะไรพิเศาเกี่ยวกับมันจากรูปลักษณ์ของมัน
เมื่อพิจารณาว่าความสัมพันธ์ระหว่างเซี่ยโฮวโม่และนางเป็นเพียงการใช้ประโยชน์จากกันและกัน นางรู้สึกว่าไม่จําเป็นต้องให้เกียรติขนาดนี้!
จากนั้นซูมู่เก๋อก็ก้าวเหยียบและเข้าไปในรถม้า
“ขอบคุณสําหรับการแก้ไขปัญหานี้ให้ข้า”
ซูมู่เก๋อยกม่านประตูเพื่อเข้าไปในรถม้า ทันทีที่นางเข้าไป นางได้กลิ่นชาหอมจาง ๆ
ไม่มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับรถม้าคันนี้เมื่อมองจากภายนอก แต่ความงามที่ซ่อนอยู่ภายในนั้นยอดเยี่ยมมาก
พรมขนสัตว์ใต้เท้าของนางเป็นสีขาวละเอียดและนุ่ม ทําให้นางรู้สึกเหมือนเหยียบฝ้าย นอกจากนี้ยังมีโต๊ะน้ำชาขนาดเล็กพร้อมชุดน้ำชา กลิ่นของชาน่าจะมาจากกาน้ำชานี้
ขณะที่ซูมู่เก๋อนั่งด้านในสุดและเอื้อมมือไปรินชาให้ตัวเอง ทันใดนั้น ม่านประตูก็ถูกยกขึ้นและมีร่างสูงเพรียวเข้ามา
เมื่อเห็นเขา ซูมู่เก๋อตัวแข็งที่อ มือของนางที่ถือกาน้ำชาแข็งเกร็ง