บทที่ 75 : พิษ
ด้วยความประหลาดใจที่เห็นสนมฉินและเซี่ยโฮวคุณมา ขันทีอีรู้สึกตัวทันทีและก้าวเข้าไปหาโค้งคํานับ
“พระสนมฉิน องค์ชายสอง ขอถวายบังคมพะย่ะค่ะ”
เมื่อเห็นประตูปิดนางสนมฉินก็จ้องไปที่ขันทีอี
“ข้าได้ยินว่าองค์จักรพรรดิทางฟื้นแล้ว ข้ากังวลมาก ข้าและองค์ชายสองจึงมาขอเข้าเฝ้า ทําไมเจ้าไม่อยู่รับใช้ภายในขันทีอี? องค์จักรพรรดิทรงรับสั่งกับผู้ใด?”
ขันทีอีหัวเราะ “นั่นเป็นสิ่งที่ดีมากสําหรับท่าน พระสนมฉิน องค์เหนือหัว ทรงฟื้นแล้วและตอนนี้พระองค์อยู่ข้างในกับราชาแห่งจิน พะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยโฮวคุณก็เผยให้เห็นความไม่พอใจในดวงตาของเขา เจ้าจิ้งจอกเซี่ยโฮวโม่ทําลายแผนการของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าและมักจะเป็นคนเอาความดีความชอบไป!
“ราชาแห่งจินต้องเป็นห่วงเสด็จพ่อด้วยเช่นกัน ข้ารู้สึกละอายใจจริงๆ ที่ได้เป็นแค่เจ้าชาย” ในขณะที่พูดเซี่ยโฮวคุณเดินไปที่ห้อง เมื่อเห็นสิ่งนี้ขันทีอีรีบก้าวไปหน้าเขา เพื่อหยุดเขา
“องค์ชายสอง รอสักครู่…”
ในห้อง ซูมู่เก๋อและเซี่ยโฮวโม่ได้ยินการเคลื่อนไหวที่ด้านนอก
ซูมู่เก๋อมองไปที่เซี่ยโฮวโม่ แล้วมองไปที่เซี่ยโฮวรุยที่ยังไม่ได้สติ
เซี่ยโฮวโม่มองมาที่ซูมู่เก๋อ
“ข้าจะออกไปดูด้านนอก” เขาลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ประตู
เมื่อได้ยินเสียงเบิดและปิดประตู ซูมู่เก๋อตระหนักว่าเซี่ยโฮวโม่ออกจากห้องไปแล้ว นางเงยหน้าขึ้นและก็พบกับดวงตาที่เฉียบคมคู่หนึ่ง….
เมื่อเปิดประตู เซี่ยโฮวโม่เดินออกจากห้องไป
เมื่อเห็นเซี่ยโฮวโม่ออกมา สนมฉินและเซี่ยโฮวคุณมองหน้ากันอย่างเงียบๆ
“น้องเก้า เสด็จพ่อเป็นอย่างไรบ้าง?” เซี่ยโฮวคุณก้าวเข้าไปหาและถาม
เซี่ยโฮวโม่ด้วยท่าทางเย็นชา ไม่สนจคําถามของเซี่ยโฮวคุณ “เสด็จพ่อให้ข้ามา ถามสนมฉันว่าทําไมถึงกบฏต่อพระประสงค์ของพระองค์”
เมื่อได้ยินเช่นนี้สนมฉินสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“เสด็จแม่ทําเพื่อเสด็จพ่อ…”
ดวงตาอันเฉียบคมของเซี่ยโฮวโม่ปักลงที่เซี่ยโฮวคุณเหมือนลุกศร
“พี่สอง ท่านหมายความว่า ท่านทําอะไรก็ได้ด้วยการกล่าวอ้าวเรื่องดูแลเสด็จพ่องั้นหรือ?”
ในชั่วพริบตา เซี่ยโฮวคุณมองอย่างร้ายแรง
“ข้าจะอธิบายกับเสด็จพ่อด้วยตัวข้าเอง ออกไปให้พ้นทางของข้า!”
เซี่ยโฮวคุณยังคงนิ่ง
“เสด็จพ่อตรัสว่า…”
“ตรัสว่าอะไร?”
“ออกไปจากตรงนี้ซะ!”
“ !!”
สนมฉินและเซี่ยโฮวคุณตัวสั่นด้วยความโกรธ
สนมฉินก้าวไปข้างหน้าด้วยน้ำตาคลอเบ้า “ฝ่าบาทเพค่ะ หม่อมฉันกังวลและร้อนใจเกี่ยวกับพระวรกายของพระองค์จนทําผิดพลาดไป ครั้งนี้โปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพค่ะ ฝ่าบาท”
“นางสนมฉิน อย่ารบกวนการพักผ่อนของเสด็จพ่อ”
เห็นทั้งสองฝ่ายหยุดนิ่ง ขันทีอีไม่รู้สถานการณ์ข้างในห้อง เข้าใจว่าเขาไม่สามารถปล่อยให้สนมฉินและองค์ชายรองเข้าไปในห้องตอนนี้ได้
สนมฉินและเซี่ยโฮวคุณจะเต็มใจจากไปโดยไม่เข้าใจสถานการณ์ข้างในได้อย่างไร!?
แต่ถ้าพวกเขายืนกรานที่จะอยู่ตรงนี้ พวกเขากลัวว่าองค์จักรพรรดิจะรําคาญพวกเขาจ ริงๆ…….
เมื่อเห็นทางทางดิ้นรนของสนมฉิน ขันทีอีก้าวเข้าหาและกระซิบว่า “ พระสนมฉิน ฝ่า บาทเพิ่งตื่นขึ้นมา ตอนนี้ข้ากลัวว่าพระองค์จะยังทรงรําคาญพระทัย โปรดมาเข้าเฝ้าในภายหลังเถิด เนื่องจากพระสนมทําไปด้วยทรงห่วงใยในองค์เหนือหัว พระองค์จะไม่เข้าใจได้อย่างไร?”
น้ำตายังคงไหลคลออยู่ในดวงตาของสนมฉิน ซึ่งดูเหมือนน่าสงสาร
“เจ้าพูดถูก ขันทีอี ข้าช่างโง่นัก”
สนมฉันมองอย่างลับๆที่เซี่ยโฮวคุณ ผู้ยกเสื้อคลุมขึ้นอย่างรู้ทันและคุกเข่าลงทันทีพร้อมกับก้มหัวคํานับสามครั้งไปที่ประตู
“เสด็จพ่อ โปรดถนอมพระวรกายด้วยพะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะมาขอเข้าเฝ้าในครั้งต่อไป”
“โปรดอภัยหม่อมฉันด้วย หม่อมฉันขอทูลลา”
สนมฉินและเซี่ยโฮวคุณจากไปอย่างไม่เต็มใจ
เมื่อเซี่ยโฮวโม่กลับเข้าไปในห้อง เขาเห็นซูมู่เก๋อคุกเข่าอยู่หน้าเตียงและขมวดคิ้วเล็กน้อย
“โม่เอ๋อร์ เจ้ากล้าดียังไง!” เสียงแหบต่ำทําให้ฝีเท้าของเซี่ยโฮวโม่หยุดลง
เซี่ยโฮวรุยซึ่งนอนอยู่บนเตียง ได้ลุกขึ้นนั่งแล้วในตอนนี้
เซี่ยโฮวโม่ลดสายตาลงและคุกเข่าข้างหนึ่งที่หน้าเตียง
“เสด็จพ่อ ลงโทษหม่อมฉันเถิดพะย่ะค่ะ”
เซี่ยโฮวรุย ด้วยความหดหูใจ อ้าปากค้าง “การกระทําของเจ้า! เจ้ามั่นใจในตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ! ไม่มีใครทําให้ข้าเป็นอิสระจากความกังวลใจได้เลย!” ด้วยคําพูดเหล่านี้ เขาต้องรู้สถานการณ์ด้านนอกนั่นแล้ว
เซี่ยโฮวโม่ตอบโดยไม่ลังเล
“หม่อมฉันไม่อยากเห็นสุขภาพของเสด็จพ่อแย่ลงทุกวัน พะย่ะค่ะ”
เซี่ยโฮวรุยมองไปที่ทั้งสองด้วยสายตาเลือนราง แต่ไม่ใช่ด้วยความชื่นชม เขารู้สึกเห นื่อยและพูดว่า “เจ้าต้องการบังคับข้าด้วยงั้นรึ?”
เซี่ยโฮวโม่เริ่มจริงจัง “หม่อมฉันไม่กล้า เสด็จพ่อ”
ในตอนนี้ ซูมู่เก๋อหวังว่านางจะหายไปจากห้องนี้ทันที นางไม่ควรได้ยินบทสนทนาระหว่างพ่อกับลูกชาย ไม่ นางไม่อยากได้ยิน
“เจ้าช่วยให้ข้าฟื้นหรือไม่?”
ทันใดนั้นซูมู่เก๋อตระหนักได้ว่าองค์จักรพรรดิกําลังถามนาง
“เพค่ะ ฝ่าบาท”
“ฝ่าบาท พระวรกายของพระองค์อ่อนแอเช่นนี้ไม่ได้เกิดจากความเจ็บป่วย…”
“มันเป็นพิษ” ซูมู่เก๋อถูกเซี่ยโฮวรุยขัดจังหวะก่อนที่นางจะพูดจบ
ซูมู่เก๋อรู้สึกประหลาดใจที่องค์จักรพรรดิทรงทราบ
เมื่อเห็นเซี่ยโฮวโม่ประหลาดใจ นางตระหนักว่าเขาไม่รู้เรื่องนี้เช่นกัน
จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยส่ายหัว บ่งบอกว่านางไม่น่ารู้เรื่องนี้ หรือทั้งสองคนไม่น่าจะต้องรู้
“ข้าปกปิดเรื่องนี้มานานแล้ว แต่ในที่สุดเจ้าก็รู้”
ซูมู่เก๋อเม้มริมฝีปากของนางและกล่าวว่า “ราชาแห่งจินทรงเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของพระองค์เพค่ะ ตอนนี้พวกเขาอยู่บนเรือลําเดียวกัน มันจึงสมเหตุสมผลที่จะทําหลุดพ้น”
“แม้แต่หมอหลวงก็ไม่มีเงื่อนงํา เจ้ามีวิธีแก้ไขหรือ?” จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยกล่าวอย่างสบายๆ ด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าสามารถล้างพิษให้เสด็จพ่อได้หรือไม่?” เซี่ยโฮวโม่ถาม
ซูมู่เก๋อพยักหน้าช้าๆ ซึ่งทําให้จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยประหลาดใจ
“เจ้าหมายความว่าเจ้าสามารถล้างพิษให้ข้าได้งั้นหรือ?”
ซูมู่เก๋อพยักหน้าหนักแน่นมากขึ้นในครั้งนี้ “แม้ว่าพิษในร่างกายของฝ่าบาทจะแทรกซึมเข้าในกระแสเลือดแล้ว มันไม่ใช่ว่าจะรักษาไม่หายเพคะ”
ได้ยินคําพูดของนาง จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยเปิดเผยความหวังในดวงตาที่สลัวและไร้ชีวิตชีวาของเขา
“เจ้าจริงจังใช่หรือไม่?
“หม่อมฉันมกล้าหลอกหลวงเบื้องสูงเพค่ะ ฝ่าบาท!”
“ตกลง ข้าจะให้โอกาสเจ้า หากเจ้าสามารถล้างพิษให้ข้าได้ ข้าจะตอบแทนคุณอย่างงาม”
ซูมู่เก๋อกลอกตาอย่างลับๆในใจ ดูเหมือนว่านางขอร้องให้ได้รับการรักษาจากเขา
“หม่อมฉันจะทําให้ดีที่สุด เพค่ะ”
“เจ้าเป็นผู้กําชัยชนะในการแข่งขันวันนี้ และข้าจะไม่ผิดสัญญา” จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยมองนางอย่างลึกซึ้งและพูดช้าๆ
“เพค่ะ” ซูมู่เก๋อไม่มีความตั้งใจที่จะขอร้องให้จางเยว่ วันนี้จึงคิดริเริ่มเสนอบทลงโทษ ถ้าผู้แพ้เป็นนางละก็มือของนางขาดไปแล้ว!
“จากนี้ไป ให้ข้ายังรักษาจากหมอเฉิน”
“เพค่ะ ฝ่าบาท”
“เจ้าออกไปได้”
เมื่อรู้ว่าองค์จักรพรรดิมีเรื่องจะคุยกับเซี่ยโฮวโม่ตามลําพัง ซูมู่เก๋อลุกขึ้นและถอยออกไปทันที
เดินออกจากประตูพร้อมชุดเครื่องมือแพทย์ นางรู้สึกได้ถึงสายลมที่พัดเบาๆ ซึ่งทําให้นางรู้สึกหนาวสั่นเล็กน้อย ตอนนั้นเองที่นางรู้ว่าเสื้อผ้าของนางเปียกไปด้วยเหงื่อเย็น
นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางเลือกนั้นผิดหรือถูก แต่ตอนนี้นางได้ตัดสินใจแล้ว นางควรจะเดินหน้าต่อไป
แม้ว่าสนมฉินจะถูกปฏิเสธโดยคําพูดของเซี่ยโฮวโม่ แต่นางก็ไม่มีวันปล่อยมันไปง่ายๆ
เมื่อเห็นซูมู่เก๋อออกมาจากห้องบรรทมขององค์จักรพรรดิ นางกํานัลที่ซุ่มซ่อนตัวอยู่ และสังเกตการณ์อยู่นอกห้องก็เดินไปที่ตําหนักจ้าวเหอทันที
หลังจากที่ซูมู่เก๋อออกไป เซี่ยโฮวรุยก็ขอให้เซี่ยโฮวโม่นั่งที่หน้าเตียงของเขา
“ใครวางยาพิษเสด็จพ่อ?”
เมื่อมองไปที่เซี่ยโฮวโม่ เซี่ยโฮวรุยชายตามองยิ้มๆ
“มีการผสมยาพิษในมื้ออาหารและน้ำชาที่ข้าทานทุกวัน มีกี่คนในแคว้นฉู่สามารถทําเช่นนั้นได้?”
“เขาอยู่ในวังมานานกว่าทศวรรษ…”
เซี่ยโฮวโม่ขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับคําตอบในใจของเขา
……………..
หลังจากถูกส่งออกมาที่ประตูพระราชวัง ซูมู่เก๋อพบว่าซูหลุนกลับบ้านไปแล้ว โดยไม่รอนาง
ยืนอยู่นอกประตูวังที่ว่างเปล่า ซูมู่เก๋อทําอะไรไม่ถูกจริงๆ เนื่องจากจักรพรรดิไม่ได้ส่ง รถม้าไปส่งนางด้วยเช่นกัน
เป็นทางเลือกสุดท้าย ซูมู่เก๋อทําได้เพียงเดินไปที่ถนนและเช่ารถม้าเดินทางกลับ
มันเพิ่งผ่านมาเป็นเวลาเที่ยงวัน ถนนก็เต็มไปด้วยคนเดินเท้า
ด้วยความกระตือรือร้นที่จะคนหาพิษของจักรพรรดิ ซูมู่เก๋อตรงไปที่ตัวแทนเช่ารถม้า
“ฮืม ของราคาถูก วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ตัวแทนเช่ารถม้าอยู่ที่แผงขายของที่มุมถนน ทันที่ที่ซูมู่เก๋อเดินผ่านไป นางเห็นชายร่างกํายําโบกไม้ซึ่งหนากว่าแขนของนางและฟาดชายคนหนึ่งล้มลงกับพื้น
ยิ่งนางเข้าใกล้ ยิ่งนางมองร่างที่อยู่บนพื้นได้ชัดเจน มันเป็นเด็กชายอายุสิบสามขวบ
เมื่อเห็นท่อนไม้อันหนักหน่วงฟาดเข้าที่ตัวของเขา นางกลัวว่ากระดูกของเขาจะหัก
ไม่นานผู้สังเกตการณ์กลุ่มหนึ่งก็มาล้อมพวกเขา ชี้และพูดคุยกัน
“ผู้เฒ่าจางคนที่สามกลับมาแล้ว คนงานหนุ่มสาวหลายคนถูกเขาทุบตีจนตายไปกว่าครึ่ง โดยไม่ได้รับค่าจ้างใดๆ เด็กคนนี้ต้องถูกเขาใส่ร้ายด้วยเป็นแน่ เขาไม่เพียงให้ทําทุกสิ่ง แต่ยังถูกทุบตีอย่างหนักด้วย”
“นั่นเรื่องจริง! ใครไม่รู้จักผู้เฒ่าจางคนที่สามในตัวแทนเช่ารถม้าแห่งนี้บ้าง?! ข้าแค่รู้สึกสงสารเด็กคนนี้”
ซูมู่เก๋อฟังผู้สังเกตการณ์ที่มองชายร่างกํายําอย่างดูถูกเหยียดหยาม แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดพูดคุยกันอย่างตื่นเต้นและไม่พอใจ ไม่มีใครมีความตั้งใจอย่างมุ่งมั่นและช่วยเด็ก
ซูมู่เก๋อมองเด็กน้อยที่ขดตัวอยู่บนพื้นโดยใช้มือลูบหลังศีรษะ
แม้จะเจ็บปวดจนทนไม่ไหว เขาไม่ได้เปล่งเสียงเลย
บางที่สัมผัสได้จากความดื้อรั้นของเขา ซูมู่เก๋อเดินเข้าไปในฝูงชน ก่อนที่ชายผู้แข็งแกร่งจะตีอีกครั้ง นางคว้าไม้ไว้
ผู้เฒ่าจางคนที่สามหยุดชั่วคราวและมองไปที่ซูมู่เก๋อ เมื่อเห็นนางแต่งตัวเป็นหญิงสาวที่บอบบาง เขาเผยให้เห็นการสั่นไหวของความชั่วร้ายในดวงตาของเขา
“เจ้ากําลังทําอะไร สาวน้อย?”
ซูมู่เก๋อปล่อยไม้ด้วยท่าทางเย็นชา “เขาเป็นคนรับใช้ที่ท่านซื้อมาใช่หรือไม่?”
“ไม่”
“แล้วเขาเป็นใครสําหรับท่าน?”
ผู้เฒ่าจางก้าวเข้ามาใกล้ซูมู่เก๋อด้วยรอยยิ้มสกปรกและน่ากลัว “ทําไมเจ้าถามข้าเช่นนั้นล่ะ สาวน้อย?”
“ถ้าท่านทุบตีผู้บริสุทธิ์โดยไม่มีเหตุผล ท่าจะถูกจําคุก” ซูมู่เก๋อกล่าวด้วยท่าทางเย็นชา ทําให้ผู้เฒ่าจางที่อยากจะเข้าใกล้นางหยุดการเคลื่อนไหว และสงสัยว่าดวงตาของหญิงสาวที่มีเสน่ห์น่ากลัวขนาดนี้ได้อย่างไร?!
“เขาขโมยของของข้า! ห้าเหลียง!”
“ข้า ข้าไม่ได้ทํา เงินนั้น ท่านนําไปเล่นการพนันและเสีย…” เด็กชายบนพื้นพยายามที่จะพูด
“ไอ้สารเลว! แกกล้าปฏิเสธได้ยังไง?! ข้าจะข้าแก!” ผู้เฒ่าจางจ้องมองเขาอย่างดุร้ายและไม้ในมือของเขาก็กําลังจะฟาดลงไป