เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่15 รู้ผล

ตอนที่15 รู้ผล

หลังจากเกิดเสียงของการปะทะพลังกันขึ้นก็มีใครบางคนกระเด็นออกมาจากสนามประลอง นั้นก็คือ อี้หยงที่ตอนนี้อยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส แต่ยังไม่จบเท่านั้นไป๋หลงก็กระเด็นออกจากสนามประลองเช่นกัน สภาพไม่ต่างจากอี้หยง เสื้อผ้าฉีกขาด บนตัวมีร่องรอยบาดแผล ที่เกิดจากการปะทะของพลังที่ต่างชั้นกันเกินไป ไป๋หลงเลยบาดเจ็บมากกว่าอี้หยง

อสูรทุกตนล้วนแต่ตกตะลึงกับภาพตรงหน้า ไม่มีใครคาดคิดว่าอี้หยงจะบาดเจ็บถึงเพียงนี้ มู่จินเมื่อเห็นอี้หยงและนายน้อยไป๋หลงกระเด็นออกนอกลานประลองพร้อมกันจึงเริ่มทำการประกาศผล

การประลองระหว่าง อี้หยงและนายน้อยไป๋หลง กระเด็นออกนอกสนามพร้อมกัน เพราะฉะนั้นผลที่ได้คือ เสมอ !!

มู่จินกลาวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดังทำให้สัตว์อสูรทุกตัวรู้ผลในการประลอง ไม่นานก็เกิดเสียงวิพากย์วิจาณ์กันยกใหญ่

” บ้าน่า นายน้อยอายุยังไม่ถึง7ปีเลยด้วยซ้ำ สามารถทำให้ท่านอี้หยงบาดเจ็บถึงเพียงนี้ ถึงจะพูดไม่ได้เต็มปากว่าชนะก็เถอะ ” สัตว์อสูรตนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทีตื่นเต้น

” ใช้อย่างที่เจ้าว่า ลองคิดดูถ้านายน้อยอายุมากกว่านี้หล่ะ จะพัฒนาไปถึงไหนกันข้าละอยากรู้จริงๆ ” สัตว์อสูรอีกตนกล่าวเสริม ตอนนี้ทั้งสนามต่างพากันพูดคุย ยกย่องและนับถือไป๋หลงที่สามารถทำได้ถึงเพียงนี้

ตอนนี้ไป๋หลงเริ่มลุกขึ้นมาด้วยท่าทีทุรักทุเร เพราะอาการบาดเจ็ยที่ได้จากการต่อสู้ อี้หยงก็เริ่มจะขยับร่างกายได้บางส่วนเนื่องจากอาการบาดเจ็บ

“ข้าอี้หยงขอยอมแพ้ และจะขอติดตามนายน้อยไป๋หลงจนกว่าชีวิตข้าจักดับสูญ ชีวิตของข้าคือของท่าน ” อี้หยงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่มุ่งมั่นและนับถือไป๋หลงเป็นอย่างมาก ส่วนพวกหัวหน้าทิศทั้ง4 ที่เหลืออยู่อีก3 ต่างก้มหัวแบะยอมรับนายน้อยผู้นี้ทันที โดยเฉพาะไท่ซู่ที่รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของนายน้อยไป๋หลง จึงทำให้มันคิดนับถือไป๋หลงอยู่ในใจ

ไป๋หลงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินลากสังขารขึ้นมาบนเวทีอีกครั้ง

” ข้าไป๋หลง ขอประกาศ ให้อสูรเขตนอกสามารถเข้ามาอาศัยในเขตชั้นในได้หรือใครอยากจะอยู่เขตนอกต่อข้าก็ไม่บังคับ อีกอย่างห้ามอสูรที่แข็งแกร่งกว่ารังแก ผู้ที่ไร้ทางสู้ หากข้ารู้ ข้าจะจัดการขั้นเด็ดขาด พวกเจ้าล้วนเป็นเผ่าพันธ์เดียวกันจงรักและสามัคคีกันเอาไว้เป็นดีสุด ใครมีปัญหายกมือขึ้นแล้วก้าวมาข้างหน้า อีกอย่างถ้าพวกเจ้าตกลงอะไรกันไม่ได้ก็ใช้ลานประลองตรงนี้ในการตัดสิน ” ไป๋หลงกล่าวจบก็มีอาการหอบเล็กน้อยเนื่องจากการต่อสู้ที่ใช้พลังเกินตัวทำให้ไป๋หลงสภาพดูไม่ดีเลย

สัตว์อสูรทุกตนที่ได้เห็นการประลองของไป๋หลงและการมีความยุติธรรมการมีความเมตตา ทำให้ไม่มีใครคัดค้าน เมื่อไป๋หลงเห็นเช่นนั้นก็ประกาศต่อทันที

” เรื่องที่มีทั้งหมดข้าก็ได้พูดออกมาแล้ว เชิญพวกท่านกลับไปทำหน้าที่ของตนเองต่อเถิด ” ไป๋หลงกล่าวจบสัตว์อสูรทั้งหมดก็แยกย้ายกันไปเรื่อยๆ ยกเว้นไท่ซู่ที่ตอนนี้กำลังเดินมาหาไป๋หลง

” นายน้อยไป๋หลงข้าขอประทานอภัยอย่างสูงที่ข้าแสดงกริยาแบบนั้นออกไป” ไท่ซู่กล่าวออกมาด้วยความสำนึก ไป๋หลงพยักคอแล้วยิ้มให้

“ข้าไท่ซู่ ขอติดตามนายน้อยไป๋หลงและจักจงรักภักดีต่อนายน้อยแต่เพียงผู้เดียว พลังของข้าคือของท่าน ชีวิตของข้าคือของท่านเช่นกัน!! ” ไท่ซู่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคารพต่อไป๋หลง

“อะไรกันท่านก็เป็นคนที่นิสัยดีนิ ฮ่าๆๆ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความขบขัน ไท่ซู่ได้ยินเช่นนั้นก็หน้าแดงในทันที

ส่วนหัวหน้าทิศที่เหลือทั้งสอง ก็ทำแบบเดียวกับไท่ซู่ เช่นกันเพราะเห็นความสามารถของไป๋หลงแล้วพวกมันจึงไม่มีข้อกังขาแก่นายน้อยผู้นี้

“งั้นเอาล่ะ พวกท่านก็ไปพักผ่อนรักษาบาดแผลซะเถอะข้าก็จะไปพักผ่อนเช่นกัน ” ไป๋หลงกล่าวจบก็เดินหายเข้าไปในประตู คฤหาสน์ ทันที ก่อนที่ไป๋หลงจะกระอักเลือกออกมาคำโต ข้าต้องแข็งแกร่งขึ้นไปอีกเพื่อวันข้างหน้า ไป๋หลงเพียงรู้สึกได้ว่าอนาคตข้างหน้าจะต้องลำบากและเกิดเรื่องขึ้นอีกมากมาย

ส่วนหัวหน้าทิศทั้ง4 ก็ต่างพากันแยกย้ายกลับที่ของตน

3 วันผ่านไป…

ณ.ตำหนักตระกูลชุน

” นี้ข้าเห็นเจ้าวันๆเอาแต่นั่งเหม่อ มองออกนอกหน้าต่างตลอดตั้งแต่ที่ศิษย์ต้องไป๋หลงกลับไป หรือเจ้าจะ…” ชุนไห่กล่าวเว้นช่วงไว้เพื่อให้ชุนยี่โต้ตอบออกมา

“จะ จะอะไรน้องก็แค่นั่งคิดเรื่อยเปื่อยเท่านั้นแหละ เชอะ!! ” ชุนยี่กล่าวจบก็สะบัดหน้าหนีทันที

“ข้าก็แค่ล้อเจ้าเล่นเอง ฮ่าๆๆ ” ชุนไห่ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงขบขัน

” ว่าก็ว่าเถอะ นี้ชุนยี่ เจ้าคิดว่า ศิษย์น้องไป๋หลง เป็นคนลบตระกูลชินออกไปใช่รึเปล่า? ” ชุนไห่ กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

” ไป๋หลงเป็นถึงบุตรของเทพอสูรไป๋หยาง แต่อายุแค่นี้ สามารถทำได้ขนาดนี้เลยหรือ อาจจะมีคนคอยช่วยอยู่ก็ได้ ” ชุนยี่กล่าวพลางครุ่นคิด

” ชู่วว!! ชุนยี่เจ้าอย่าพูดดังสิเรื่องนี้ท่านพ่อสั่งเอาไว้ว่าห้ามพูดเรื่องนี้เด็ดขาด” ชุนไห่กล่าวเตือนชุนยี่ด้วยความเป็นห่วง

” ข้าขอโทษ ”

“เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว” ชุนไห่นำมือมาลูบหัวชุนยี่ก่อนจะเดินไปที่สวนหลังตระกูล

ณ.ป่าอสูร

ตู้มม!! นักรบที่แท้จริงขั้นที่1

2

3

4

“ในที่สุดข้าก็สามารถมาอยู่ขั้นนี้ได้สักที ” เป็นเสียงของเด็กหนุ่มที่มีผมยาวสดำสลวยดวงตาสีแดงสดใสราวกับอัญมณี ผิวสีขาวนวลดุจหิมะ เด็กหนุ่มผู้นี้ก็คือไป๋หลงที่ หลังจากรักษาบาดแผลเสร็จก็ตรงดิ่งมายังหอฝึกคัมภีร์ทันที จนเวลาล่วงเลยผ่านไป3วัน ไป๋หลงฝึกฝนวิชาต่างๆ หลายแขนง ทั้งค่ายกล กระบวนท่าดาบต่างๆ แต่ที่ไป๋หลงยังฝึกไม่สำเร็จก็คือ อาวุธจิตวิณญาน ไป๋หลงลองดูหลายครั้งถึงแม้จะเห็นว่าเป็นสีขาวผสมสีทองลวดลายสวยงามเป็นอย่างมาก อีกเล่มนึง เป็นดาบสีดำสนิท แผ่ไอแห่งความตายตลอดเวลา แต่น่าแปลกที่ไป๋หลงไม่ได้รับแรงกระทบเลยแม้แต่น้อย

ถึงแม้ไป๋หลงจะเห็นดาบ2เล่มที่อยู่ภายในจิตวิณญานแต่ไม่สามารถนำออกมาได้ เสมือนว่ามันยังไม่ยอมรับไป๋หลงอย่างแท้จริง แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรกันในเมื่อมันอยู่ในจิตวิณญานของตนเองแท้ๆ แต่ไม่สามารถนำออกมาได้ ทำให้ไป๋หลงรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก

“เฮ้อ..คิดมากไปก็ไม่ได้อะไรชั่งมันก็แล้วกันไปอาบน้ำดีกว่า ” ไป๋หลงกล่าวจบก็เดินออกนอกหอคัมภีร์ทันทีมุ่งตรงไปยังห้องของตนเองทันทีเพื่อไปอาบน้ำ

หลังจากไป๋หลงอาบน้ำเสร็จก็นั่งอ่านตำราทั่วไปเรื่อยๆ ฆ่าเวลา จนไป๋หลงอ่านตำราเกี่ยวกับสมุนไพรจบก็ฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้

” ในป่าอสูรจะมีสมุนไพรบ้างรึเปล่าลองหาดูก็แล้วกัน ” ไป๋หลงกล่าวจบก็กระโดดลงทางหน้าต่างแล้วพุ่งตัวเข้าไปในป่าอสูรทันที เมื่อเห็นว่าอยู่ห่างคฤหาสน์ ไป๋หลงก็หยุดแล้วเปลี่ยนเป็นเดินแทน เหตุผลที่ไป๋หลงทำแบบนี้ก็เพราะว่า เวลาเขาจะออกไปไหนจะมีสัตว์อสูรคอยตามตลอดทั้งๆที่บอกว่าไม่เป็นอะไร แต่สัตว์อสูรพวกนั้นบอกว่าเป็นคำสั่งของท่านไป๋หยาง ไป๋หลงเลยปล่อยเลยตามเลย

“เอาล่ะ เริ่มจากทางนั้นก็แล้วกัน ” ไป๋หลงกล่าวจบก็เดินช้าๆสำรวจพื้นที่โดยรอบ เพื่อมองหาสมุนไพร ไป๋หลงเดินวนหาอยู่พักใหญ่ก็ไม่เจอ ไป๋หลงเลยตัดสินใจแอบเข้ามาในเมืองจรัสแสงซึ่งคราวนี้ ไป๋หลงไม่ได้ใส่หน้ากากอสูร และใส่เสื้อผ้าชั้นดี จึงถูกมองว่าเป็นพวกลูกคุณหนูจากตระกูลใหญ่

ไป๋หลงสังเกตุเห็นว่า การค้าครึกครื้นกว่าแต่ก่อนจึงถามพ่อค้าที่ขายของเก่าอยู่ข้างริมทาง

“นี้ท่านลุงๆ ทำไมการค้าที่นี้ถึงครึกครื้นเพียงนี้ ” ไป๋หลงเอ่ยถามชายชราที่ขายของเก่าอยู่

เมื่อชายชราสังเกตุชุดที่ไป๋หลงใส่จึงตอบกลับไปด้วยความมีมารยาทเพราะไม่อยากมีเรื่องกับพวกตระกูลใหญ่ๆ

“เรียน นาย น้อย ข้าคิดว่าท่านคงไม่ใช่คนของเมืองนี้ เอางี้ข้าจะเล่าให้ท่านฟัง เมื่อไม่นานมานี้มีบุคคลปริศนาที่คาดว่าน่าจะเป็นคนของเทพอสูรที่อยู่ภายในป่าอสูรมาล้างบางพวก ตระกูลชินจนหมดสิ้น ทำให้พวกชาวบ้านและพ่อค้าดีใจเป็นอย่างมาก เพราะว่าพวกตระกูลชินนั้นทั้งเก็บภาษีเกินราคา

ข่มขู่ เรียกข้าคุ้มครอง และก็อื่นๆอีกมาย เพราะเหตุนี้เมื่อตระกูลชินหายไปทำให้ชาวบ้านลืมตาอ้าปากได้ ” ชายชราที่ขายของเก่า อธิบายจบ ไป๋หลงก็ยิ้มอยู่ในใจก่อนจะเอ่ยขอบคุณ

“ขอบคุณท่านลุงว่าแต่ท่านขายอะไรบ้างรึ ” ไป๋หลงกล่าวถามด้วยความสงสัย เมื่อชายชราที่เป็นคนขายของเก่าได้ยินเช่นนั้นจึงเริ่มพูดชักจูงให้ดูสินค้าของตน

“เรียนนายน้อย ของทั้งหมดที่ข้ามีนั้นล้วนเป็นของเก่าทั้งสิ้น แต่ก็มีบางชิ้นที่คุณภาพยังดีอยู่ มีทั้งตำรา คัมภีร์เก่าๆ อาวุธ แล้วก็พวกข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ

ขณะที่ชายชรากำลังกล่าวอธิบายสินค้าแก่ไป๋หลงอยู่นั้น ก็มีเสียงเล็กๆของเด็กผู้หญิงดังขึ้น

” ท่านตา ข้ากลับมาแล้ว ข้าหาสมุนไพรเจอด้วยล่ะถ้าเอาไปขายน่าจะได้เงินดีอยู่ วันนี้เราต้องได้กินของอร่อยๆแน่นอน ” เด็กสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงใสแจ้วแก่ผู้เป็นตาซึ่งเป็นชายชราที่ขายของเก่าอยู่

” นี้เจ้ามันอันตรายที่จะไปคนเดียวข้าสั่งห้ามเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่าแถวนั้นมันอันตราย ” ชายชรากล่างดุแก่ผู้เป็นหลานของตน

“ท่านตาข้าก็แค่อยากให้พวกเราอยู่ดีกินดีข้าไม่เหลือใครแล้วยกเว้นท่าน หื่อๆๆ ” เด็กสาวคนนั้นร้องไห้ออกมา หน้าตาจัดว่าสวยกว่าบุตรของชาวบ้านทั่วไปโตขึ้นจะต้องสวยสง่างามและเป็นที่หมายปองของเหล่า บุรุษเป็นแน่แท้

“เอาล่ะ เหมยอี้ ทีหลังเจ้าห้ามไปที่แถวนั้นเด็ดขาดเข้าใจไหม ” ชายชรากล่าวออกมาด้วยความเป็นห่วง

” ขะ ข้าเข้าใจแล้ว หือๆๆ!! ” เหมยอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่พยามข่มตัวเองไม่ให้ร้องออกมา

ไป๋หลงที่เห็นเช่นนั้นก็แอบอมยิ้ม และนับถือชายชราตรงหน้าที่มีหัวใจที่มีความเมตตาอารีและห่วงหลานสาวอย่างแท้จริง

” เอ่อ..ถ้าข้าจะขอซื้อของในร้านของท่านทั้งหมดรวมถึงสมุนไพรที่ หลานสาวของท่านเก็บมาด้วย ได้หรือไม่ ” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูอบอุ่นและยิ้มอ่อนๆให้ชายชราตรงหน้า เมื่อชายชราได้ยินดังนั้นก็กล่าวออกมาด้วย ตื่นเต้นและดีใจ

” จะ จริงรึ ที่ท่านจะซื้อของทั้งร้านค้ารวมทั้ง สมุนไพรที่หลานค้าเก็บมาด้วย ”

“จริงแท้แน่นอนข้าเป็นคนไม่ผิดคำพูดเชิญ ว่าราคามาได้เลย อ้อ อีกอย่างแม่หนูน้อย ข้าขอถามอย่างนึงได้รึเปล่า ” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงหยอกล้อและยิ้มอ่อนๆให้ ทำให้เหมยอี้หน้าแดงขึ้นสีทันทีเพราะไป๋หลงนั้น ถ้ามองดูใกล้ๆจะรู้ว่างดงามรางเทพบุตร

” ข้าไม่ได้ชื่อ แม่หนูน้อย ข้าชื่อ เหมยอี้ อายุ5ปีแล้วด้วย!! ” เหมยอี้ถึงจะหน้าแดงขึ้นสีแต่ก็พยามไม่แสดงอาการ

” นี้เจ้าอย่าเสี… ” ชายชราว่าจะพูดสั่งสอนเหมยลี้แต่พูดไม่ทันจบไป๋หลงก็ยกมือห้ามเอาไว้

” ไม่เป็นไรๆ ฮ่าๆ เจ้าตลกดีน่ะ ข้าชอบ ” ไป๋หลงกล่าวพลางหัวเราะด้วยน้ำเสียงขบขันเมื่อเหมยอี้ได้ยินเช่นนั้นหน้าแดงขึ้นสีไปอีก

“เอาล่ะๆ งั้น เหมยอี้ เจ้าเก็บสมุนไพรมาจากที่ใดรึ? ” ไป๋หลงกล่าวถามแก่เหมยอี้

“ข้าเก็บมาจากทางด้านทิศตะวันออกของเมืองจรัสแสงใกล้ๆกับป่าอสูร ” เหมยอี้กล่าวจบก็จ้องมองหน้าไป๋หลงอีกครั้ง

“ทำไมหน้าข้ามีอะไรติดอยู่รึไง ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความสงสัย

” ปะ เปล่าสักหน่อย “เหมยอี้กล่าวจบก็เดินไปหาตา ของตัวเองทันที

“นายน้อยทั้งหมด 1เหรียญเพชรกับอีก36 เหรียญทอง” เมื่อชายชรากล่าวจบไป๋หลงไม่รอช้านำเงินออกมาจากแหวนมิติ

“นี้ค่าสินค้าของท่าน “ไป๋หลงกล่าวจบนำเงินออกมา10เหรียญเพขรให้ชายชราในทันมี

” นะ นายน้อยนี้มันมากเกินไปข้ารับไว้ไม่ได้ “ชายชรากล่าวจบก็เตรียมนำเงินที่เหลือมาคืน แต่ไป๋หลงปฏิเสธทันที

“ท่านรับไว้เถอะ ถือเป็นค่าข้อมูลที่เหมยอี้ให้ข้าก็แล้วกัน”

ไป๋หลงกล่าวจบก็นำของทั้งหมดลงแหวนมิติทันทีก่อนจะหายไปจากสายตาของชายชราและเหม่ยอี้ทันทีเพราะมีคนกลุ่มนึงที่แอบสะกดรอยตามเขาอยู่จึงไม่อยากให้ชายชรากับเหมยอี้ต้องโดนลูกหลง ก่อนจะมีเสียงดังขึ้นข้างหลังไป๋หลงเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง

จงหยุด!!!!

จบ.

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท