เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่11 ปะทะ

ตอนที่11 ปะทะ

หลังจากไป๋หลงมาหน้าถึงตระกูลชิน ก็มีพวกทหารยามที่รักษาการอยู่เข้ามาถาม

” พวกเจ้า เป็นใครมีธุระอะไรกับตระกูลชิน “ทหารยามนายหนึ่งจ้องมองมาที่ไป๋หลงด้วยความดูถูกเพราะเสื้อผ้าที่ใส่และหน้ากากอสูรทำให้ทหารยามต่างมองด้วยสายตาเหยียดหยาม ไป๋หลงไม่ได้สนใจกับสายตาเหล่านั้นแม้แต่น้อย รวมทั้งมู่จินและมู่หลานตอนนี้กำลังเดือดดาลที่มีคนใช้สายตาแบบนี้มองมาที่นายน้อยของตน แต่ก็ต้องข่มความโกรธนี้ไว้

“ข้ามาหาผู้นำตระกูลชิน!! ” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา เมื่ทหารเหล่านั้นได้ยินสิ่งที่ไป๋หลงพวกมันต่างพากันหัวเราะเยอะ

” ฮ่าๆๆ คนอย่างเจ้าเนี้ยนะจะมาพบกับตระกูลที่ยิ่งใหญ่ ” ทหารยามนายหนึ่งกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน แต่ไป๋หลงหาได้สนใจไม่

“ข้าจะพบแล้วจะทำไม? ” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆสร้างความไม่พอใจแก่พวกทหาร

” นี้เจ้า กล้าพูดกับพวกข้าจนนี้ไม่กลัวตายรึ!! ” น้ำเสียงของทหารนายหนึ่งกล่าวออกมาด้วยความเดือดดาล

” คำพูดนี้มันเหมาะสำหรับพวกเจ้ามากกว่า ถ้ายังไม่หลีกข้าจะสังหารพวกเจ้าทั้งหมด” ไป๋หลงกล่าวออกมาอย่างเย็นชา

” ฮ่าๆ คนชั้… ” ทหารนายนั้นพูดไม่ทันจบก็โดนมู่จินที่ทนไม่ไหวใช้ดาบตัดหัวของทหารนายนั้น จนเลือด พุ่งกระฉูดไปทั่วสร้างความตกตะลึงและเคียดแค้น ไป๋หลงเป็นอย่างมาก

” จะ เจ้ากะ กล้ามากที่ทำกับคนของตระกูลชินพวกเจ้าไม่ได้ตายดีแน่” นายทหารคนนั้นกล่าวจบก็วิ่งเข้าไปรายงายเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับชินหลงที่เป็นผู้นำตระกูลทันที

” ทะ ท่านผู้นำตระกูลมีคนมาท่านและได้สังหารคนของเราไปแล้ว1คนท่านได้โปรดล้างแค้นให้กับพวกข้าด้วย” ทหารยามนายนั้นกล่าวออกมาด้วยความหวาดกลัว

“อะไรน่ะ!! นี่เจ้าบอกว่ามีคนมาสังหารคนของข้าอย่างงั้นรึ มันเป็นใคร พาข้าไปหามันเดี๋ยวนี้ ส่วนท่านบอกให้ผู้อาวุโสทั้ง6และคนของตระกูลของเราเตรียมพร้อมไว้เผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน

“ข้าทราบแล้วท่านชินหลงโปรดวางใจ ” ชายชรายกยิ้มที่มุมปากก่อนจะเดินออกมาจากห้อง

ชินหลงเดินตาม ทหารยามนายนั้นมาถึงหน้าประตูก็เจอกับไป๋หลง มู่จินและมู่หลาน ที่ ยืนรอตนอยู่แบบไม่สะทกสะท้าน

“พวกเจ้า3คนกล้าดียังไงมาสังหารคนของข้า!! ” ชินหลงกล่าวด้วยความเดือดดาลก่อนจะระเบิดพลังระดับจักรพรรดิออกมา

ตู้มม!!

พลังระดับจักรพรรดิ ขั้นที่1 ระเบิดออกมาสร้างความกดดันให้ทหารยามบริเวณนั้นกระอักเลือดออกมาเพราะทนแรงกดดันเพราะความต่างชั้นของพลังไม่ไหว ชินหลงมองทั้ง3 คนด้วยสายตาตกตะลึงที่ทั้งสามคนไม่โดนผลกระทบจากแรงกดดัน แถมยังไม่สามารถตรวจสอบพลังของทั้ง3คนได้

” พวกเจ้าเป็นใครที่มาหาเรื่องตระกูลข้า ” ชินหลงกล่าวด้วยความเดือดดาล

” หาเรื่อง ? หึ ใครกันแน่ที่หาเรื่อง ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความเย็นชา

ชินหลงได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วเพราะความสงสัยก่อนจะเอ่ยถาม

“ข้าไปหาเรื่องพวกเจ้าตอนไหนกัน ” ชินหลงตอบออกมาด้วยความสงสัย

“ถ้ายังไม่รู้ข้าจะบอกให้ คืนสัตว์อสูรทุกตนที่เจ้าจับมาจากป่าอสูรทั้งหมดก่อนที่ตระกูลเจ้าจะล่มสลาย

ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความเย็นชา ชินหลงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ระเบิดพลังออกมาด้วยความโกรธ

ตู้มมม!!

“จะทำให้ตระกูลข้าล่มสลายงั้นรึน่าขำสิ้นดี ส่วนพวกสัตว์อสูรมันก็แค่พวกที่อ่อนแอไร้ประโยชน์ ข้าก็แค่นำมันมาใช้ประโยชน์เท่านั้นเอง ฮ่าๆๆ เหตุใดข้าต้องทำตามที่เจ้าบอก ฝันไปเถอะ ” ชินหลงกล่าวออกมาด้วยความเยอะเย้ย

“ได้ในเมื่อเจ้าเลือกแบบนี้ข้าก็จะสนองให้ อ้อ อีกอย่าง เจ้ารู้จักชินจ้าวใช่หรือไม่!! ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความเย็นชา พลางมองไปที่ใบหน้าของชินหลงที่ตอนนี้ เริ่มสับสน

“ทำไมเจ้ารู้จักบุตรของข้า หรือว่าเจ้าเอาเขาไปซ่อนไว้ ” ชินหลงกล่าวออกมาด้วยความเดือดดาล

” ฮ่าๆๆ ซ่อนงั้นรึ มันกล้ามากที่ทำร้ายสหายข้าและเกือบจะทำสำเร็จแต่เสียดายที่มันยังไม่ได้ทำสำเร็จเพราะข้าไปเจอพวกมันซะก่อนข้าเลยสังหารพวกมันทั้งหมด ซึ่งแน่นอนรวมถึงชินจ้าว ลูกของเจ้าด้วย ” ไป๋หลงกล่าวจบ ชินหลงตอนนี้ในสมองขาวโพลน คิดอะไรไม่ออก บุตรเพียงคนเดียวของมันโดนสังหารไปซะแล้ว ทำให้มันถึงกับตะลึง โดยระเบิดความโกรธออกมา

เจ้าตายยยยยยยยยย!!!

ชินหลงกล่าวออกมาด้วยความเคียดแค้นเป็นอย่างมาก ไป๋หลงก็ยกยิ้มมุมปาก

” ผู้อาวุโสทั้งหมดจัดการกับสหายของมัน ข้าจะจัดการเจ้าสวะที่ฆ่าลูกชายข้าเอง ” ชินหลงกล่าวจบก็พุ่งไปหาไป๋หลงในทันที ไป๋หลงไม่รอช้าหลบหมัดที่อัดแน่นไปด้วยพลังก่อนจะใช้ บาทาอัสนี เตะสวนกลับเข้าที่ชายโครงแต่ชินหลงใช้มือป้องกันการโจมตีของไป๋หลงไว้ได้

ตัดมาทางด้านมู่จินและมู่หลาน

” มู่หลานเจ้ารู้ใช้ไหมว่าสัตย์อสูรทั้งหมดอยู่ไหน ” มู่จินผู้เป็นพี่กล่าวถามแก่มู่หลานผู้เป็นน้อง

“ข้าสามารถจับสัมผัสอ่อนๆได้ทางด้านทิศใต้ของตระกูลชิน ” มู่หลานกบ่าวตอบ

” ดี เจ้าไปช่วยสัตย์อสูรพวกนั้นแล้วใช้ ประตูมิติ ที่ข้ามอบไว้ให้เจ้าก่อนมาหานายน้อยที่ตระกูลชุนเจ้าจำได้ใช่หรือไม่ ”

“ขอรับท่านพี่ โปรดรักษาตัว ” มู่หลานกล่าวจบก็พุ่งทะยานหายไปสร้างความแปลกใจแก่พวกผู้อาวุโสทั้ง6คน

” ดูเหมือนว่า เพื่อนเจ้าจะหนีไปซะแล้วน่ะ ฮ่าๆๆ ” ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าวขึ้น

” นั้นมันก็แล้วแต่ท่านจะคิดเรามาเริ่มศึกของเรากันเถอะ “มู่จินกล่าวบอกแก่ผู้อาวุโสก่อนจะระเบิดพลังจักรพรรดิขั้นที่7 ออกมา ซึ่งสร้างความตกตะลึงให้กับเหล่าผู้อาวุโสทั้ง6คน มู่จินสำรวจพลังของผู้อาวุโสทั้งหมดแล้วก่อนจะถอนหายใจออกมาเพราะ ผู้อาวุโสที่มีพลังเยอะที่สุดคือ ราชันนักรบที่แท้จริงขั้น6

ส่วนที่เหลือก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่

“พวกท่านอย่าไปกลัวเรามีกำลังเยอะกว่าสามารถจัดการมันได้แน่ ” ผู้อาวุโสที่ดูแล้วมีความรู้ที่สุดกล่าวออกมา

” เป็นอย่างที่ท่านว่าทำให้มันรู้สำนึกซะว่ามาหาเรื่องผิดคนซะแล้ว ” ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าวเสริม

” ดีงั้นพวกเราเข้าไปพร้อมกัน” ผู้อาวุโสกล่าวจบก็มุ่งเป้าไปที่มู่จินทันที

ตัดมาทางด้านมู่หลาน

“หืม? ”

” คงจะเป็นที่นี้แหละน่ะ ” มู่หลานกล่าวออกมา มีประตูสีดำขนาดใหญ่ที่ทำจากแร่พิเศษที่ทำให้พวกอสูรอ่อนแรง แต่มันใช้ไม่ได้กับมู่หลานเพราะมู่หลานเดิมทีเป็นลูกครึ่งระหว่างมนุษย์และอสูร ลูกที่เกิดจากการข้ามสายพันธ์มีโอกาศรอดต่ำมากมีโอกาศตายถึง 99 เปอร์เซ็นแต่เด็กที่รอดมาได้จะแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก มู่หลานต่อยประตูที่ทำจากแร่พิเศษจนร้าว จึงทำให้เห็นสภาพข้างใน มู่หลานถึงกับตกตะลึงในสิ่งที่เห็น

” นี่มัน… ”

ตัดมาทางด้านไป๋หลง ที่ตอนนี้กำลังปะทะอยู่กับผู้นำตระกูลชิน นั้นคือ ชินหลง

” สงสัยข้าคงต้องเอาจริงซะแล้วเพราะถ้าขืนไม่เอาจริงมีหวังพลาดท่าแน่” ไป๋หลงพูดจบก็ห่อหุ้มร่างกายด้วยสายฟ้า กายาอัสนี สามารถเพิ่มความเร็วให้กับผู้ใช้ได้หลายเท่าตัว

ชินหลงคิวขมวดก่อนที่จะเริ่มใช้วิชาบางอย่าง

” หึ ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีดีกว่าที่เห็นแต่น่าเสียดายเพราะเมื่อไหร่พลังเจ้าหมดนั้นก็คือเวลาตายของเจ้า รับไปซะ หมัดทะลายวิณญาณ ” ชินหลงกล่าวจบก็ห่อหุ้มไอพลังสีม่วง ก่อเกิดเป็นรูป งูพิษ พันที่มือขวา ก่อนที่จะพุ่งไปหาร่างของไป๋หลง

ไป๋หลงเห็นเช่นนั้นก็ไม่รอช้าใช้วิชา ย่างก้าวอัสนีบวกกับกายอัสนี เพิ่มความเร็วหลายเท่าตัวแต่ก็ใช้พลังไปไม่น้อยเพื่อแลกกับความเร็วที่ได้มาตอนนี้ใช้พลังไปแล้ว3ส่วนใน10 นี้เป็นครั้งแรกที่ไป๋หลงนั้นใช้พลังเยอะขนาดนี้ ตอนนี้ไป๋หลงเห็นการเคลื่อนไหวของชินหลงเป็นภาพสโลว์ หมัดที่ชินหลงต่อยออกมา อยู่ดีๆก็เหมือนต่อยเข้ากับอากาศ ไป๋หลงอ้อม มาด้านหลังก่อนจะใช้เท้าเตะเข้าที่ลำตัวของชินหลงจนกระเด็นติดกำแพง

ตู้มมมม!!

เสียงของชินหลงที่กระแทกเข้ากับกำแพง สร้างความตกตะลึงให้กับเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายที่เหลืออยู่เพราะ ตอนนี่เหลือผู้อาวุโสอยู่4 คน โดนมู่จินสังหารไปแล้วสองเพราะความ เย่อหยิ่ง

” บัดซบเป็นไปไม่ได้ข้าผู้นี้ เนี้ยหน่ะ เจ้าต้องชดใช้ ” ชินหลงกล่าวจบก็เรียกศาสาตร์ตราจิตวิณญาณออกมา ไป๋หลงยังคงแสดงสีหน้านิ่งไม่วิตกกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น อาวุธวุธของชินหลงนั้นอยู่ระดับขั้น ราชา มีรูปลักษณะเป็นเคียว

“เจ้าจะต้องตายอย่างทรมาน ” ชินหลงกล่าวจบก็พุ่งเข้าไปหาไป๋หลงในทันที

ไป๋หลงหยิบกระบี่เล่มหนึ่งที่ได้มาจากมู่จิน เพราะกระบี่เหมันต์ได้มอบให้ชุนยี่ไปแล้ว ไป๋หลง ไม่รอช้านำกระบี่ขึ้นมาปะทะกับศาสตร์ตราจิตวิณญาณของชินหลง ก็เกิดเสียง พลังทั้งอาวุธทั้งสองปะทะกัน

ตู้ม!!!

เปร้ง!!!

เสียงอาวุธทั้งสองปะทะกันดังสนั่นไปทั่วเรื่องนี้รู้ไปถึงหูเจ้าเมืองจรัสแสง

ณ.ที่ตั้งของเจ้าเมืองจรัสแสง

“เจ้าว่าอะไรน่ะมีคนกำลังต่อสู้กันอยู่กับตระกูลชิน ” น้ำเสียงของชายวัยกลางคนกล่าวขึ้นด้วยความแปลกใจ

“ใช่ขอรับ ข้าให้สายของข้าไปสืบและดูเหตุการณ์มาแล้ว ตอนนี้เหตุการณ์กำลังจะย่ำแย่ข้าเกรงว่าถ้าปล่อยไว้นานอาจจะส่งผลกระทบต่อเมืองจรัสแสงขอรับ ” ชายชุดดำกล่าวออกมาด้วยความเคารพ

” บอกให้ทุกคนเตรียมเราจะมุ่งหน้าไปตระกูลชิน ” ชายกลางคนที่เป็นเจ้าเมืองจรัสแสงออกคำสั่งแก่ชายชุดดำ

ตัดมาทางด้านไป๋หลง ตอนนี้ร่างกายของชินหลงเกิดอาการชาตามร่างกายจนขยับตัวลำบาก ส่วนไป๋หลงยังคงยืนอยู่อย่างมั่นคงแต่ตอนนี่พลังหายไปถึง6ส่วนทำให้ไป๋หลงเริ่มคิดที่จะจบการต่อสู้นี้สักทีแต่ทันใดนั้นเองร่างกายของไป๋หลงก็ขยับไม่ได้ขึ้นมาสร้างความแปลกใจให้แก่ไป๋หลงเป็นอย่างมาก

” ฮ่าๆๆ เจ้ากำลังสงสัยอยู่สิน่ะว่าทำไมเจ้าถึงขยับตัวไม่ได้ข้าจะบอกให้เป็นของขวัญก่อนลงนรกก็แล้วกัน วิชาที่ข้าใช้คือ วิชาค่ายกลตรึงวิณญาณ ผู้ที่อยู่ในเขตรแดนนี้จะไม่สามารถขยับตัวได้ ซึ่งเจ้าก็มาติดกับข้าพอดีทีนี้เจ้าได้ตาย ไปขอ ขมา ลูกชายข้าใน นรกซะ วิชาต้องห้ามเปลวเพลิงทมิฬ เป็นวิชาต้องห้ามเป็นวิชาที่กลืนกินอายุขัยของผู้ใช้ ชินหลงลอยตัวขึ้นไปกลางอากาศ เหนือหัวชินหลงนั้นมี เปลวเพลิงทมิฬ ขนาดใหญ่ ดูแล้วสามารถรับรู้ถึงพลังทำลายล้างของมันได้

มู่จินที่เห็นนายน้อยเสียท่า จึงพยามเข้าไปช่วยแต่โดน ผู้อาวุโสทั้ง4ขัดขวางอย่างสุดกำลัง

“เอาล่ะ ตายไปซะ รับไปเปลวเพลิงทมิฬ ” ชินหลังกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งด้วยความเหนื่อยล้าที่สูญเสียอายุขัยของตนจนเกือบหมด บอลเพลิงขนาดใหญ่พุ้งเข้ามาที่ไป๋หลง ไป๋หลงยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะโดนเปลวขนาดใหญ่กลืนกินหายไป จนเกิดเสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังสนั้นเมืองจรัสแสง

ตู้มมมมมมมมมมมมมม!!!

จบ…

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท