เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่13 หมื่นกระบี่สยบเทวา

ตอนที่13 หมื่นกระบี่สยบเทวา

หลังจากไป๋หลงคุยกับไปหย่างเสร็จก็เดินออกจากห้องไปหา หน่านเหอ และบุตรของนาง หน่านเหิง ที่คนเคยช่วยไว้ไป๋หลงเข้ามาในห้องรักษาตัวของพวกสัตว์อสูรเมื่อสัตว์อสูรเหล่านั้นเห็นไป๋หลงเดินมาก็ทำความเคารพด้วยความนับถือทันที

“คาราวะนายน้อย ” สัตว์อสูรทุกตนกล่าวออกมาอย่างพร้อมเพียง ไป๋หลงส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินไปหา หน่านเหอ ทันที เมื่อไป๋หลงเดินมาถึงก็เห็นไป๋เหิงเดินมาเกะขาไป๋หลงทันที ไป๋หลงส่งยิ้มให้ทำให้หน่านเหิงหน้าแดงและไปมุดหน้าอยู่ในอ้อมกอดของหน่านเหอ

” ท่านเป็นเช่นไรบ้าง ” ไป๋หลงกล่าวถามออกมาด้วยความเป็นห่วง

” เรียนนายท่านข้า อาการดีขึ้นมาแล้วโดยเฉพาะหน่านเหิงนางฟื้นตัวได้เร็วจนวิ่งเล่นได้แล้ว ” หน่านเหอกล่าวออกมาด้วยความนอบน้อม

“ข้าขอโทษด้วยที่มิอาจช่วยสามีของท่านได้ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความเสียใจ

“นายน้อยโปรดอย่ากล่าวเช่นนั้นแค่ท่านช่วยพวกเรา ให้ออกมาจากที่เช่นนั้น ข้าก็รู้สึกขอบคุณท่านมากแล้ว หน่านเหอกล่าวออกมาด้วยความรอบน้อม

ไป๋หลงยืนขึ้นก่อนจะกล่าวอะไรบางอย่าง

“พวกท่านทุกคน พรุ่งนี้ข้ามีเรื่องจะบอกกับพวกท่าน พวกท่านไม่จำเป็นต้องออกไปอาศัยเขตนอกป่าอสูรอีกต่อไปจะไม่มีสัตว์อสูรตนใดสามารถทำร้ายหรือเอาเปรียบพวกท่านได้ ข้าขอให้ทุกท่านไปรวมกันอยู่แถวลานประลองตอนเที่ยงตรง ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสัตว์จริง ทำให้สัตว์อสูรทุกตนที่ฟังรวมถึง หน่านเหอด้วยเช่นกันที่ตกตะลึงในคำพูดของไป๋หลง

” นี้ๆ เจ้าว่าจะสามารถทำแบบนั้นได้จริงๆรึ เรามันก็แค่อสูรชั้นปลายแถวเท่านั้นแหละ ไม่มีทางที่ได้มาอยู่เขตรในหรอก ” เสียงสัตว์อสูรตนหนึ่งกล่าวขึ้น

” มันก็ไม่แน่หรอกเพราะข้าอยู่มาเป็น100 ปี ไม่รู้ทำไมแต่ข้ารู้สึกเชื่อมั่นในคำพูดที่ ผู้เยาว์คนนั้นกล่าวออกมา ข้าก็ไม่เข้าใจตนเอง ” สัตว์อสูรที่มีรูปร่างคล้ายเต่ากล่าวขึ้น

เสียงการพูดคุยของสัตว์อสูรต่างๆนาๆ ทั้งดีใจและไม่เชื่อในคำพูด ไป๋หลง เดินออกจากห้องในทันทีเจอมู่จินที่กำลังรออยู่

” คาราวะ นายน้อย ไม่ทราบว่า ท่านต้องการให้ข้าทำสิ่งใด ” มู่จินรู้สึกแปลกใจที่ไป๋หลง เรียกตนให้ออกมาพบ เพราะส่วนใหญ่ไป๋หลงจะไม่เรียกสัตว์อสูรไปพบถ้าไม่จำเป็น

” เอ่อ.. ท่านช่วยไปบอกกับสัตว์อสูรเขตรนอกและเขตในและพวกอสูรทั้งหมดมารวมตัวที่ลานประลองก่อนเที่ยงตรงได้หรือไม่ ? ” ไป๋หลงกล่าวออกมาเช่นนี้ ทำให้มู่จินแปลกใจเล็กน้อยจึงเอ่ยถาม

” นายน้อยท่านต้องการต้องการทำอะไรกันแน่ ?” มู่จินกล่าวออกมาด้วยความสงสัย

” พรุ่งนี้เจ้าก็รู้เองแหละ ฝากจัดการเรื่องที่บอกด้วยล่ะ ” ไป๋หลงกล่าวอย่างมีเลศนัยก่อนจะหันหลังให้มู่จินแล้วเดินจากไป ทำให้มู่จินรู้สึกว่าพรุ้งนี้ต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในป่าอสูรอย่างแน่นอน ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆแน่ มู่จินเลิกคิดไร้สาระและทำตามที่ไป๋หลงบอกในทันที

ตอนนี้ไป๋หลงมุ่งหน้าไปยังหอคัมภีย์เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตนเอง ให้เร็วที่สุด ส่วนเรื่องกำไลที่เริ่มแตกร้าว ไป๋หลงยังไม่ได้บอกแก่ไป๋หยาง เพราะคิดว่าค่อยบอกหลังจากจบเรื่องนี้ ผ่านไปสักพัก ไป๋หลงก็เดิน มาถึงหน้าหอคัมภีย์ สัตว์อสูรสองตนที่ทำหน้าที่ รักษาความปลอดภัยเช่นเดิมเห็นไป๋หลงเดินมา พวกมันก็ทำความเคารพด้วยความนับถือและยกย่อง

“คาราวะนายน้อย วันนี้ท่านก็จะมาฝึกวิชาเหมือนเคยสินะขอรับ ” สัตว์อสูรตนนั้นกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ให้ความเคารพ

” ใช่แล้ว พรุ่งนี้พวกท่านอย่าลืมไปที่รวมตัวที่ลายประลองก่อนเที่ยงล่ะ ” ไป๋หลงส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินเข้าหอคัมภีย์ ทิ้งให้อสูรที่เป็นทหารยาม มองหน้ากันด้วยความงุนงง

“เอาล่ะเพื่อวันพรุ่งนี้ข้าจะต้องเรียนวิชาจากชั้นที่10ให้ได้ ” ไป๋หลงกล่าวกับตัวเองจบก็เดินไปเลือกหาวิชาที่บนชั้น10 แต่ไม่มีวิชาไหนที่ไป๋หลงสนใจสักนิด ไป๋หลงเดินรอบชั้น10 ไปเรื่อยๆ ทันใดนั้นก็มีหนังสือที่ดูเก่าแก่ล่วงลงมาจากชั้นวาง ไป๋หลงหยิบขึ้นมาก่อนจะรู้สึกแปลกใจกับชื่อวิชา หมื่นกระบี่สยบเทวา

เป็นชื่อวิชาที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนอีกอย่างหนังสือเล่มนี้หล่นลงมาได้อย่างไรในเมื่อไม่มีลมหรืออะไรในห้องนี้ยกเว้นไป๋หลง ไป๋หลงจึงหยุดคิดไร้สาระและนำหนังสือเล่มนั้นลงมาและเข้าไปในห้องฝึกทันทันที

ไป๋หล๋งเปิดตำราเล่มนั้นอ่าน รู้สึกแปลกใจกับเนื้อหาข้างในแต่ไม่ทันไรไป๋หลงก็ได้ยินเสียง เสียงหนึ่งดังขึ้น

“เจ้าหนู เจ้าอย่าวางข้าไว้บนพื้นข้ารู้สึหนาวแปลก ” เสียงที่พูดออกมาเป็นเสียงของชายแก่ชราไม่ผิดแน่ ไป๋หลงได้นินเช่นนั่นก็ตื่นตัวกระโดดขึ้นจากพื้นตั้งท่าสู้ในทันที

” ท่านเป็นใคร ออกมาเดี๋ยวนี้!! ” ไป๋หลงกล่าวด้วยความตกตะลึงที่มีคนอยู่ในห้องนี้ด้วยทั้งๆที่ตนนั้นจับสัมผัสของสิ่งมีชีวิตไม่ได้เลยในห้องคัมภีย์สร้างความตกตะลึงแบะหวาดระแวงเป็นอย่างมาก

” นี้เจ้าหนู ไม่ต้องตั้งท่าสู้ขนาดนั้นข้าได้ ข้าอยู่ข้างล่างนี้หันมาดูข้า ข้าคือตำราที่เจ้าหยิบมาไงรีบๆเอาข้าขึ้นมาจากพื้นได้แล้วข้าหนาวจะตายยุแล้ว ถึง ข้าจะเคยตายมาแล้วก็เถอะน่ะ ฮ่าๆๆ ”

“หนังสือพูดได้? ” ไป๋หลงกล่าวขึ้นด้วยความงุนงง

” บ้ะ ไอเจ้าหนูนี้ ถ้าข้าไม่ได้อยู่ในหนังสือ ข้าสั่งสอนเจ้าไปนานแล้ว ” เสียงของชายแก่ชรากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“งั้นท่านก็อยู่ตรงนั้นไปซะเถอะข้าไปเลือกตำราเล่มอื่นที่พูดไม่ได้แบบท่านดีกว่า ” ไป๋หลงกล่าวจบก็หันหลังเตรียมที่จะเดินออกจากห้องเสียงของชายชราก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง

“เดี๋ยวก่อนใจเย็นๆข้าแค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้นเองฮ่าๆๆ จริงจังไปได้ข้าอยู่แต่ในห้องนี้มาเป็น100ปีมีเจ้าคนแรกนี้แหละที่ข้าคุยด้วยข้าใช้พลังเฮือกสุดท้ายทำให้ตัวเองหล่นลงมาข้างหน้าเจ้าเพราะข้าเห็นเจ้า เลือกดูตำราวิชาอยู่แต่ก็ไม่มีวิชาที่เจ้าชอบใช่ไหมล่ะ ” ชายชรากล่าวออกมาด้วยน้ำสียงขบขัน

“ก็ใช่เป็นอย่างที่ท่านว่า ท่านพูดอย่างกับว่าวิชาของท่านมีค่าพอให้ค่าลองฝึกอย่างงั้นแหละ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ เมื่อชายชราได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก

” หึ ได้ ข้าจะบอกให้เจ้าฟัง วิชา หมื่นกระบี่สยบเทวา เป็นวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของกระบวนท่ากระบี่ทั้งหมดไงล่ะ เป็นไงล่ะรู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของวิชานี้หรือยังล่ะ ” ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ

” ท่านอย่ามาโกหกข้าให้ยาก วิชาที่แข็งแกร่งที่สุดมิใช่ กระบี่ตัดสวรรค์หรอกรึ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความสงสัย

” ห้ะ!!! เจ้าโง่รึเปล่าเอาวิชาระดับเทพของข้าไปเทียบกับวิชกิ้กก็อกนั้นหน่ะ ข้าจะบอกอะไรให้เมื่อ1000 ปีก่อนข้าคือยอดยุทธ์ที่เชี่ยวชาญและแข็งแกร่งด้านกระบี่เป็นอันดับ1ของยุทธภพ ” ชายชรากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองเล็กน้อย

ตอนนี้ไป๋หลง กำลังตกตะลึงในคำพูดของชายชราเป็นอย่างมาก วิชากระบี่ตัดสวรรค์ที่มีอำนาจพลังทำลายล้างสูงโดนชายชราผู้นี้เรียกว่าวิชากิ้กก็อก ทำให้ไป๋หลงสับสนมิใช่น้อย

“ถ้าสิ่งที่ท่านพูดมาเป็นความจริงแล้วท่านที่เป็นถึงอันดับ1 ด้านกระบี่ถึงได้ตายลงล่ะ ” ไป๋หลงกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย เมื่อชายชราได้ยินเช่นนั้นเสียงก็เงียบไปทำให้ไป๋หลงรู้สึกแปลกใจ ก่อนที่ชายชราจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ ข้าโดนศิษย์รักของตัวเองทรยศหักหลัง เพราะความลุ่มหลงในอำนาจของมันมันจึงลงมือฆ่าได้แม้กระทั่งอาจารย์ตนเอง!! ”

เสียงของชายชราเต็มไปด้วยความโกรธแค้นทำให้ไป๋หลงรู้สึกผิดที่ถามไม่เข้าเรื่อง

“ข้าขอโทษท่านด้วยที่ถามท่านเช่นนั้น ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยเคารพ ก่อนจะหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาก่อนจะมีแสงสว่างจ้า หนังสือเล่มนั้นกลายเป็นแสงแล้วหายไปในตัว ไป๋หลงทันที

” อะไรเกิดอะไรขึ้น ท่านหายไปไหน” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความกังวล

“ข้าไม่ได้ไปไหน หรอก ข้าอยู่ในจิตสำนึกของเข้านี้แหละ ” ชายชร่ากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“เรียนท่านผู้อาวุโสข้าชื่อไป๋หลฝ ไม่ทราบว่า.. ”

“ข้าชื่อ ขงจือ นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปข้าจะเป็นอาจารย์ของเจ้าและเรื่องที่ข้าเล่าไปเจ้าอย่าได้เก็บมาใส่ใจ ” ขงจือกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเริงร่า

” ลูกศิษย์ ? ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความงุนงง

” เจ้าจะงงทำไมข้าเลือกเจ้ามาเป็นผู้สืบทอดวิชากระบี่ของข้าไงล่ะ” ขงจือกล่าวออกมาพลางสังเกตุอาการของไป๋หลง

“เอาล่ะเจ้าไม่ต้อง งง เรื่องอื่นช่างมันก่อนเวลายังมีอีกเยอะ ”

ไป๋หลงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกไปยังไงซะไป๋หลงก็ต้องการพลังที่ใช้ในวันพรุ้งนี้จึงไม่ปฏิเสธ อีกอย่าง ก็อยากจะรู้ว่าการฝึกวิชาหมื่นกระบี่สยบเทวาจะเป็นแบบไหน

“ขอรับท่านอาจารย์ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความนอบน้อม

“ดีๆเยี่ยม เอาล่ะข้าจะสอนวิชากระบี่หมื่นสวรรค์ให้เจ้าทั้งหมดมี3ขั้นเท่านั้น ถึงฟังดูน้อยแต่คนที่จะฝึกวิชานี้ขั้นนึงก็ไม่ต่ำกว่าร้อยปีกันทั้งนั้น ถ้าเป็นอัจฉริยะ ก็ไม่เกิน100ปี ” ขงจืนกล่าวอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง จนไป๋หลงที่ฟังแอบคิดไปว่านี้มันวิชาบ้าอะไรถึงได้ฝึกนานเพียงนี้

“อะไรน่ะท่านอาจารย์แล้วข้าล่ะ ไม่ฝึกเป็นชาติเลยรึไงกัน ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความเหนื่อยใจ

” ใช่ ถ้าเจ้าตัวคนเดียว แต่เจ้ามีข้าอยู่ไม่เกิน1ปีทุกคนจะสยบแทบเท้าเจ้า ฮ่าๆๆ ” ขงจือกล่าวออกมาอย่างขบขัน

” ฟังดูยิ่งใหญ่จังเลยน้าา ” ไป๋หลงกล่าวออกมาพรางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

“เอาล่ะเลิกคิดไร้สาระได้แล้วข้าจะเริ่มสอนแล้ว ” ขงจือกล่าวบอกแก่ไป๋หลง

“ขอรับท่านอาจารย์ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความนอบน้อม

ไป๋หลงที่ตอนนี้กำลังฝึกวิชาหมื่นกระบี่สยบเทวา ขั้นที่1 หลอมรวม ขั้นที่2 ก่อเกิด ขั้น3 สมบูรณ์

ไป๋หลงฝึกอย่างหนักหน่วงจนไม่ได้นอนเลยทั้งคืนจนมาถึงวันที่ไป๋หลงได้บอกกล่าวแก่อสูรทุกตน ตอนนี้ขงจือกำลังตกตะตึงบางอย่างที่ยากจะอธิบาย

” จะ จะ เจ้า ฝึกขั้นที่1หลอมรวม สำเร็จแล้ว ไม่มีทาง เด็กอย่างเจ้าทำไมถึง ” ขงจือกล่าวออกมาด้วยความตกตะลึง พลางชื่นชม

“อ่าว ก็ข้าทำตามที่ท่านบอกทุกอย่างเลยนิ เพราะข้ามีอาจารย์ที่มีความสามารถที่สุดในยุทธภพเลยน่ะ ขืนใครรู้เข้าเสียชื่ออาจารย์แน่เลย ” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียง ล้อเลียนพลางชื่นชม ขงจือที่ฟังอยู่รู้สึกดีไม่น้อย

” ฮ่าๆ มันแน่อยู่แล้วแล้ว ” ขงจือกล่าวออกมาอย่างพากภูมิใจ อาจารย์หลงตัวเองจังเลยน้า ไป๋หลงกล่าวออกมาเบาๆแต่ขงจือเกือบจะได้ยิน

“เจ้าว่าอะไรนะ ? ”

” เปล่าๆ ท่านอาจารย์ ข้าแค่บ่นกับตัสเองเท่านั้น ” ไป๋หลง กล่าว กลบเกลื่อน

“เอาล่ะท่านอาจารย์ข้าขอพักฟื้นตัว เพื่อเวลาไม่กี่ชั่วยามข้างหน้านี้ ข้าเกรงว่าข้าจะต้องใช้พลังอย่างมากเลยทีเดียว ” ไป๋หลงกล่าวจบก็หยิบโอสถ ฟื้นฟูมา2เม็ดแล้วนำเข้าปากทันที ขงจือได้ยินเช่นนั้นจึงไม่ได้พูดรบกวนสมาธิไป๋หลง

ตัดมาทางด้านลานประลองในป่าอสูร

” นี้ๆ ข้าได้ยินว่านายน้อยมีเรื่องมาบอก แล้วทำไมให้พวกเขตรนอกเข้ามาด้วยล่ะข้าไม่เข้าใจจริงๆ ” สัตว์อสูรตนหนึ่งกล่าวขึ้น

” ข้าก็ไม่รู้ ดูพวกนั้นสิเจ้าเห็นไหม ที่ยืนอยู่4ตนใกล้ลานประลองหนะ ” สัตว์อสูรอีกตนบอกกล่าว

“ข้าได้ยินมาว่าม้นไม่ค่อยชอบนายน้อยผู้นี้เท่าไหร่ อีกอย่างทั้ง4ตนนั้น ยังเป็นหัวหน้า4ทิศของป่าอสูร คนที่1 ดูแลทางป่าทิศเหนือ คนที่2 ดูแลทางทิศใต้ คนที่3 ดูแลทิศตะวันออก ส่วนคนสุดท้ายแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม ดูแลทิศตะวันตก ” เสียงสัตว์อสูรกล่าวอธิบายจนทำให้ สัตว์อสูรตนอื่นๆได้ยินไปด้วย

“อย่างงี้นี้เอง อ้ะ นายน้อยมาแล้ว ” สัตว์อสูรตนนั้นสังเกตุเห็นไป๋หลงเดินมาทุกตนล้วนคุกเข่ายกเว้น หัวหน้า4ทิศ ไม่คุกเข่าให้ ยกเว้นเทพอสูรไป๋หยาง

ไป๋หลงเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจ

” เอาล่ะวันนี้ข้าบุตรของเทพอสูรไป๋หยาง ข้าไป๋หลงมีเรื่องมาแจ้ง ใครที่มีปัญหาก็เชิญที่ลานประลองเพื่อตัดสินกับข้า หวังว่าทุกท่านคงจะเข้าใจ ” ไป๋หลงกล่าวจบพลางสำรวจมีสัตวอสูรที่แบ่งพรรคแบ่งฝ่ายอยู่คือที่สังเกตุเห็น ฝ่ายเขตรนอก และ เขตรใน เขตรนอกประมาณหมื่นกว่าตน ส่วนเขตรในก็ประมาณ เกือบหมื่น ไป๋หลงสังเกตุเจ้าแห้งที่ตอนนี้เป็นสหายตนไปแล้วอยู่กลุ่มเขตรในแต่ ไม่ค่อยจะมีคนคุยด้วยเท่าไหร่ พวกองค์รักษ์ ก็มาอยู่รอบตัวไป๋หลงเผื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดส่วนไป๋หยางมองดูจากด้านบนเพื่อไม่ให้สัตว์อสูรสังเกตุเห็น

” เอาล่ะข้าจะเปลี่ยนแปลงการปกครองใหม่ ฟังให้ดีพวกที่อยู่เขตรนอกทุกตน นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกท่านจะไม่ต้องอยู่เขตรนอกอีกต่อไปสามารถเข้ามาอยู่เขตรในได้หรือใครอยากจะอยู่เขตรนอกเหมือนเดิมข้าก็ไม่บังคับ” ไปหลงพูดเสียงดังเพื่อให้สัตว์อสูรทุกตนได้ยินชัดเจน ทันใดนั้นเอง หนึ่งในหัวหน้า4 ทิศ ก็กระโดดขึ้นมาบนเวที

“ข้าขอคัดค้าน!! อีกอย่างท่านไม่มีสิทธิมาเปลี่ยนแปลงกฏแบบนี้ถ้าพวกข้าไม่ยอมรับ ” อสูรตนนั้นร่างสูงใหญ่กล่าวมาด้วยน้ำเสียงเย้อหยิ่ง จนสัตว์อสูรที่รู้สึกดีกับไป๋หลง ไม่ชอบหน้าสัตว์อสูรตนนี้สักเท่าไหร่

“ไม่ทราบว่าท่านคือ? ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

” หึ ข้าคือ หัวหน้าทิศเหนือ ไท่ซู่ ที่ควบคุมดูแลทางด้านทิศเหนือ แต่ข้าจะะไม่ดูแลเขตรนอกเพราะพวกมันมีแต่ขยะยังไงล่ะมีแต่จะเป็นภาระ ” ไท่ซู่พูดโดยน้ำเสียงเย้ยหยัน จนองค์รักษ์ จะเข้าไปควบคุมตัวแต่ไป๋หลงสั่งห้ามไว้

“อย่างงั้นรึ แล้ว ท่านคิดว่าข้าผู้นี้เป็นขยะหรือไม่ ไม่ต้องเกรงใจพูดออกมาเลย ” ไป๋หลงพูดด้วยน้ำเสียงเรียนๆ สร้างความแตกตื่นให้กับสัตว์อสูรทุกตนเป็นอย่างมาก

” หึ การที่ท่านจะเปลี่ยนแปลงการปกครองเพื่อช่วยเหลือพวกขยะ ท่านก็เหมือนขยะเช่นกัน ” ไท่ซู่ กล่าวออกมาด้วยท่าทีอวดเบ่งไม่ให้เกียรติ ไป๋หลงแม้แต่น้อย ไป๋หลงหาได้สนใจไม่ สร้างความไม่ชอบใจแก่ไท่ซู่เป็นอย่างมาก

” เอาล่ะเรามาเริ่มการประลองกันเถอะ มู่จินท่านให้สัณญานเริ่มการประลอง ” ไป๋หลงกล่าวจบองค์รักษ์ ทุกคนเดินลงมาข้างสนามเพื่อดูแลความปลอดภัย

” ถือว่าท่านแน่มากที่กล้ามาสู้กับข้า ”

” รอดูไปซะ!! ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความเย็นชา ทำให้ไท่ซู่ รู้สึกเย็นวาบ

เริ่มการประลองได้!!

“เอาล่ะข้าจะต่…. ” ไท่ซู่ กล่าวมันทันจบก็เหมือนมีบางอย่างมาฟาดใส่ลำตัว

” ท่านไม่ได้ยินหรือท่าน ไท่ซู่ การประลองเริ่มขึ้นแล้ว แล้วก็ล่วงไปซะ บาทาอัสนี ” ไป๋หลงเตะทีเดียวหัวหน้าฝ่ายเหนือกระเด็ดติดกำแพงทันที

ตู้มมม !!

คนต่อไป…

จบ..

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท