เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่37 วิกฤติ 2

ตอนที่37 วิกฤติ 2

ภายในห้องสีทองตระกาลตาแห่งหนึ่งประดับไปด้วยอัญมณีมากมายแห่ง ในห้องนั้นมีบุรุษผู้หนึ่งซึ่งกำลังจิบชาพร้อมกับดวงตาสีทองคู่งามกำลังอ่านคำภีร์ก่อนคิ้วทั้งสองจะขมวดเข้าหากัน

” ใครกันที่บังอาจเข้ามาภายในราชสำนักโดยที่ข้าไม่อณุญาติ..ขอดูหน้ามันผู้นั้น

หน่อยเถอะ!! ” เสียงที่พูดออกมานั้นแฝงไปด้วยโทสะเล็กน้อย

” หืม? เผ่าอสูรมาทำอะไรที่นี้…ไม่ได้มีเจตนาร้ายสะด้วย มีเป้าหมายอันใดกัน.. ”

ไป๋หลงกำลังคุยอยู่กับซานอี้ทันใดนั้นก็เปิดความผิดปกติขึ้นภายในร่างกายของไป๋หลง..เหมือนมีบางอย่างกำลังจะระเบิดออกมา

” อึก!!…ทะ..ทำไมข้าถึงรู้สึกเหมือนมีพลังมหาศาลกำลังประทุอยู่ในร่าง” ไป็หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง เมื่อซานอี้เห็นเช่นนั้นก็กล่าวถามด้วยความเป็นห่วงทันที

” ไป๋หลงเจ้าเป็นอะไร..หน้าของเจ้าดูซีดเซียวมากเจ้าเป็นอะไร? ”

ขณะซานอี้กำลังถามด้วยความเป็นห่วงนั้น ปรากฎชายชุดดำ4-5คน กำลังล้อมไป๋หลงอยู่เมื่อซานอี้เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกแปลกใจทันที

” นายน้อย..ไม่มีเวลาแล้วรีบมากับพวกเราส่วนอู้เฉียงเราให้คนของเราพาเขากลับไปที่ป่าอสูรเช่นกัน ” ชายชุดดำกล่าวด้วยความรีบร้อน

” พวกท่านคือ.. ” ไป๋หลงกล่าวไม่ทันจบก็หมดสติไปในทันที

ขณะนั้นเองมีเสียงที่ทรงพลังดังขึ้น

” พวกเจ้าจะพาเขาไปไหน? ”

เมื่อเหล่าชายชุดดำทั้ง5คนเห็นดังนั้นก็ตกตะลึงในทันทีมันไม่คิดว่าจะมาเจอกับตัวตนที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้

” พวกเรากำลังจะพานายน้อย ไปที่ป่าอสูรเพราะตอนนี้นั้นพลังของนายน้อยที่เคยถูกผนึกไว้กำลังจะคลายออก ข้าอธิบายท่านได้เพียงเท่านี้… ” หนึ่งในชายชุดดำกล่าวขึ้น เมื่อหวงหลงได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าให้

” ข้าจะตามพวกเจ้าไปด้วย ” สิ้นเสียงของหวงหลงมันก็กลายเป็นแสงแล้วเข้าไปในตัวไป๋หลงทันที ชายชุดดำทั้ง5 ต่างไม่มีทางเลือก จึงต้องนำตัวไป๋หลงพร้อมกับหวงหลงที่ตามมาด้วยไป

ส่วนซานอี้นั้นกำลังสับสนเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ไป๋หลงเป็นใคร? ผนึกพลังที่กำลังจะคลายออกคืออะไรกันแน่ ขณะนั้นหนึ่งในชายชุดดำกล่าวขึ้น

” แม่นางน้อย โปรดเก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วย ” ชายชุดดำกล่าวจบไม่รอให้นางตอบใดๆทั้งสิ้น ก็หายไปในทันที

หวงหลงถามเกี่ยวกับความเป็นมาของไป๋หลงเพราะหวงหลงนั้นกำลังพยามที่จะคลายผนึกความทรงจำบางอย่างของไป๋หลงแต่ไม่เป็นผลเพราะพลังที่ขวางกั้นไว้ทำให้หวงหลงตกตะลึงเป็นอย่างมาก

ถึงแม้ไป๋หลงหมดสติอยู่แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยันดังขึ้น

” โถ๋ๆๆ..ดูสิท่านมังกรทองผู้ยิ่งใหญ่ ไม่สามารถคลายพลังนั้นได้…ข้าจะบอกให้เท่าที่ข้ารู้นายท่านของข้าไม่ได้เป็นมนุษย์ขั้นต่ำ..หึ!! ”

หวงหลงได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้มีความโกรธคืองแม้แต่น้อยแต่เต็มไปด้วยความสงสัย

” ข้าไม่ถามเจ้าหรอกไอแมวปากเสีย.. ” หวงหลงกล่าวยอกย้อนในทันที หลิงหลุนได้ยินเช่นนั้นก็ใบหน้าบิดเบี้ยวแต่ไม่ได้เอ่ยอันใดขึ้น

ผ่านมา2ชั่วยาม ในที่สุดก็มาถึงป่าอสูร ตอนนี้ป่าอสูรนั้นเต็มไปความวุ่นวาย

” นี้ท่านเจอนายน้อยไป๋หลงแล้วหรือ? ” เสียงของสัตว์อสูรตนหนึ่งกล่าวออกมาด้วยความเป็นห่วง

” อืม..ตอนนี้ไม่มีเวลาแล้วอีกไม่กี่ชั่วยามจะถึงเที่ยงคืนแล้วถ้าถึงเที่ยงคืนก่อนค่ายกล สยบนภาเสร็จละก็…เรื่องใหญ่แน่ ”

เมื่อสัตว์อสูรตนนั้นได้ยินเช่นนั้นก็หลีกทางทันที

ตึง!! เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างของไป๋หลงกำลังโดนอุ้มอยู่ในสภาพหมดสติ เมื่อไป๋หยางเห็นเช่นนั้นก็รีบวิ่งมาดูในทันที

” พวกเจ้าไปช่วยเหล่าผู้อาวุโส เตรียมค่ายกลนภาได้แล้ว ตาม อู้เฉียงกับอู้หยางมาด้วย ” ไป๋หยางกล่าวจบ พวกชายชุดดำเหล่านั้นก็หายไปในทันที ไป๋หยางเปลี่ยนสายตาเป็นแปลกใจทันที

” ออกมาได้แล้วข้ารู้เจ้าอยู่ในร่างของไป๋หลง1ในสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ มังกรทองหวงหลง!! ” ไป๋หยางสมารถสัมผัสถึงหวงหลงได้เพราะพลังของหวงหลงนั้นเป็นเอกลักษณ์ในด้านธาตุแสง ทำให้ ไป๋หยางที่เป็นธาตุ ปติปักษ์ กับธาตุแสงทำให้ไป๋หยางรู้ได้ทันที

” หืม?..สมแล้วที่เป็นเทพอสูรไป๋หยาง..เอาละมาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าเจ้าหนูนี้เป็นใคร ”

หวงหลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงใคร่รู้

” ข้าไม่สามารถบอกได้..ข้าเพียงบอกได้เพียงว่าไป๋หลงนั้นไม่ใช่ทั้งมนุษย์และสัตว์อสูรอีกไม่นานเจ้าจะรู้ ”

ไป๋หยางกับหวงหลงคุยกันอยู่นั้นอู้เฉียงและอู้หยางผลักประตูเข้ามาทันที

” ไป๋หลงเป็นเช่นไรบ้างแล้ว..นี้มันเกิดอะไรขึ้น? ” อู้เฉียงกล่าวอย่างกระวนกระวาย อู้หยางก็อยากรู้เช่นเดียวกัน ทั้งสองรอฟังคำตอบทันใดนั้นผู้อาวุโสคนหนึ่งโผล่ออกมาจากเงาของอู้เฉียง

” ท่านไป๋หยาง..ทุกอย่างพร้อมแล้ว ” ผู้อาวุโสคนนั้นกล่าวด้วยถ้าทีนอบน้อม

” อืม..ข้าจะพาไป๋หลงไปเดี๋ยวนี้ อู้เฉียง อู้หยาง เรื่องงนี้ข้าไว้จะอธิบายทีหลังแต่ตอนนี้ข้าต้องการพลังจากพวกเจ้า ”

อู้เฉียงและอู้หยางได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าทันทีเพราะพวกเขาทั้งสองไม่เคยเห็นไป๋หยางร้อนรนและกังวลถึงเพียงนี้

” เจ้าก็มาด้วย..พลังของเจ้าก็เป็นสิ่งจำเป็น ” ไป๋หยางหันไปพูดกับหวงหลง เมื่อหวงหลงได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า

ตอนนี้ลานกล้างที่เคยเป็นลานประลองมีเสาหินสีดำ6 เสาล้อมรอบสนามประลองแห่งนี้ พร้อมกับลวดลายอักขระต่างๆ ที่ดูแล้วให้ความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ไป๋หยางนำร่างของไป๋หลง วางไว้ตรงกลางของเสาทั้ง6ต้นทันที

” ท่านไป๋หยางอีก10ลมหายใจจะเที่ยงคืนแล้ว!!.. ” ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าวขึ้น ไป๋หยางได้ยินเช่นก็กล่าวออกมาด้วยเสียงที่ดังกังวาลเพื่อให้ทุกคนที่นี้ได้ยิน

เปิดค่ายกลสยบนภา เดี๋ยวนี้!!

สิ้นเสียงของไป๋หยาง เสาหินสีดำทั้ง6เปล่าแสงสีฟ้าขึ้นก่อนจะครอบคลุมหมดทั้งสนามประลองแห่งนี้ ทันใดนั้นเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง บริเวณสนามประลอง

ครืนๆๆ!!

” เกิดอะไรขึ้น..” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยความตกตะลึง ตอนนี้ร่างของไป๋หลงลอยขึ้นจากพื้นอยู่กลางอากาศ แสงสีขาวและสีดำประทุออกมาจากร่างของไป๋หลงพุ่งตรงไปยังท้องฟ้าทันที

แสงสีดาวและสีดำผสานกลมเกลียวกันก่อนจะปะทะกับม่านพลังอย่างจังจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

ตู้มมมมม!!

ผ่านที่เห็นนั้นสร้างความตกตะลึงให้กับเหล่าผู้อาวุโส เผ่าอสูรเป็นอย่างมากภาพที่เห็นคือม่านพลังเริ่มมีรอยร้าว แต่พลังทั้งสองสายนั้นมันยังไม่หยุด กลับกันมันทรงพลังมากยิ่งขึ้น

” บัดซบ!! พลังของค่ายกลยังอ่อนเกินไป..ทุกคฟังข้าถ่ายโอนพลังที่มีไปยังม่านพลัง..ถ้าคิดว่าไม่ไหวแล้วให้หยุดเพราะมันจะดึงพลังของพวกเจ้าเป็นจำนวนมากในการสร้างเสริมความแข็งแกร่งให้กับม่านพลัง”

ไป๋หยางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงวิตกกังวล หลังจากทุกคนได้ยินเสียงของไป๋หยางทุกคนทำตามโดยไม่มีข้อกังขาใดๆทั้งสิ้นเพราะไป๋หยางนั้นถือเป็นคนที่นิสัยดีและไม่หลงระเริงในอำนาจ ทำให้สัตว์อสูรทุกตน ให้ความเคารพแก่ไป๋หยาง

ตอนนี้สัตว์อสูรทุกตนเอามือแตะค่ายกลและถ่ายพลังส่งไปในทันทีหวงหลงก๋ไม่เว้น ทันใดนั้นหวงหลง รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างเพราะพลังของตนนั้นถูกดึงดูดไปอย่างรวดเร็วตอนนี้สัตว์อสูรส่วนใหญ่สลบหรือไม่ก็กระอักเลือกออกมาแล้วเพราะเกือบจะโดนดึงพลังไปทั้งหมด ตอนนี้ไป๋หยางใบหน้าซีดเซียว ราวกับพลังใกล้จะสูญสิ้น

” นะ…นั้นมันอะไรกัน!! ปีก6 คู่ แถมสียังเป็นขาวและดำ ระดับพลังนี้มัน ” ผู้อาวุโสคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความตกตะลึง

อู้เฉียงตกตะลึงไม่แพ้กันเพราะปีกทั้ง6คู่นั้นงอกออกมาจากแผ่นหลังของไป๋หลงตอนนี้ไป๋หลงนั้นไร้สติมันสามารถรับรู้เรื่องราวภายนอกได้ ทันใดนั้นเสียงของฟีนิกช์ ดังขึ้น

” เจ้าสามารถช่วยสหายของเจ้าได้ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเขาจะต้องตายเพราะพลังของตัวเองเป็นแน่ แต่ข้าตอบแทนนั้น.. ” ฟีนิกช์ กล่าวไม่ทันจบอู้เฉียงก็กล่าวขึ้นมาทันที

” ข้าตกลงได้โปรดบอกวิธีมาด้วยถ้าข้ามาด้วยไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ได้หรือแม้แต่ชีวิตของข้า ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่มุ่งมัน ฟินิกช์ได้ยินเช่นนั้นก็อดจะชื่นชมและประหลาดใจไม่ได้

” ทำไมละเขามีค่ามากขนาดนั้นเลยรึ.. ” ฟีนิกส์กล่าวถามออกมา

” ถ้าไม่มีเขาก็ไม่มีข้าในวันนี้..อีกอย่างเขาคือสหายคนเดียวของข้า ”

ฟีนิกช์ได้ยินดังนั้นแอบยิ้มที่มุมปากถ้าอู้เฉียงได้เห็นนั้นรับรองว่าต้องประหลาดใจเป็นแน่แท้ แต่นี้เพียวคุยกันผ่านจิตสัมผัสเท่านั้นทำใหู้้เฉียงไม่สามารถเห็นหน้าของ ฟีนิกช์ได้

” เอาละข้าจะบอกวิธี..ขึ้นไปบนลานประลองนั้น แล้วข้าจะให้พลังที่สามารถช่วยสหายของเจ้าได้ ”

อู้เฉียงได้ยินเช่นนั้นก็ก้าวขึ้นไปบนลานประลองในทันทีซึ่งแน่นอนการจะฝ่าเข้าไปได้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยความช่วยเหลือของฟีนิกช์ ทำให้อู้เฉียงผ่านม่านพลังของค่ายกลเข้าไปได้

” เจ้าจะทำอะไร!! ”

ไป๋หยางกล่าวออกมาด้วยความตกตลึง เพราะไป๋หยางนั้นไม่คิดว่าจะมีคนฝ่าเข้าไปได้แต่นั้นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคืออู้เฉียงจะทำอะไร สัตว์อสูรทุกตน อู้หยาง แม้กระทั่งหวงหลงยังแปลกใจในการกระทำของอู้เฉียง

” ข้าจะช่วยเขาเอง ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม

” เอาล่ะ ข้าจะถ่ายทอดวิชานี้ให้เจ้ารับไป… ” ฟีนิกช์กล่าวจบก็ถ่ายทอดวิชานี้ผ่านจิตสำนึกของอู้เฉียงในทันที อู้เฉียงสัมผัสถึงวิชาฟีนิกช์ ถ่ายทอดมาให้ได้ ก่อนเขาจะกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม

เพลิงสวรรค์หวนคืน!!

จบ..

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท