เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่60 เกินไป?

ตอนที่60 เกินไป?

” จงคุกเข่า!! บัญญัติแห่งราชันย์!! ”

ตึง!!

ผู้อาวุโสทั้ง 12 ที่มีระดับพลังไม่ต่ำกว่า ราชันย์นักรบ!! ต้องคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมๆกัน สร้างความตกตะลึง!!ให้แก่เจ้าสำหนักหมื่นกระบี่เป็นอย่างมาก…ผู้อาวุโสทั้ง12นั้นต่างพยามใช้พลังทั้งหมดออกมาแต่ ก็มิสามารถลุกขึ้นยืนขึ้นได้ ยิ่งขัดขืนเหมือนกับแรงกดดันจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าด้วยซ้ำ!!

” บัดซบ!! นี้มันวิชาอะไรกันแน่..เหตุใดถึงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ” เสียงของหนึ่งในผู้อาวุโสที่คุกเข่าลง กล่าวขึ้นด้วยความตกตะลึง

” เจ้าเด็กนี้เป็นใครกันแน่….”

ไป๋หลงเห็นเช่นนั้นก็กล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มทันที…

” ความสามารถแค่นี้…พอที่จะผ่านการทดสอบของท่านหรือไม่ท่านเจ้าสำนัก ” ไป๋หลงกล่าวพลางชำเลืองมองไปยังผู้อาวุโสทั้ง12ที่คุกเข่าอยู่ต่อหน้าตน..

” เยี่ยม!! พอได้แล้วเจ้าผ่านการทดสอบ!! เจ้าผ่าน ” เจ้าสำนักพูดด้วยน้ำเสียงชื่นชมและแปลกใจมิใช่น้อย

ไป๋หลงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็สลายแรงกดดันทั้งหมดออกทันทีก่อนจะเอามือขวาที่ยกขึ้นข้างไว้ มาไว้ข้างลำตัวอีกครั้งนึง… ผู้อาวุโสทั้ง12คนนั้นต่างลุกขึ้นมาและจดจ้องไป๋หลงด้วยสายตาที่ยำเกรง มากขึ้น…

” เจ้ามีนามว่าอะไรอย่างงั้นรึแล้ว มาที่นี้ด้วยเหตุอันใดกัน ” เจ้าสำนัก เริ่มกล่าวเข้าประเด็นในทันที

ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้มกล่าวขึ้น..

” ท่านเจ้าสำนัก ดูท่าท่านจะจำข้าไม่ได้จริงๆสินะ!! ข้า ก็คือไป๋หลง คนที่เคยเข้ารับการทดสอบเป็นศิษย์ของที่นี้ แม้แต่ท่านก็ยังจำไม่ได้เหรอ..ท่านผู้อาวุโสท่านคือคนที่คุมสอบข้าตอนที่ข้า ทดสอบระดับพลัง ” ไป๋หลงกล่าวเชิงน้อยเนื้อต่ำใจและติดตลก..

แต่ผู้อาวุโสและเจ้าสำนักที่ได้ยินเช่นนั้นต่างใบหน้าบิดเบี้ยวในทันที…

” ไม่มีทาง!!… ข้าจำได้ว่า เด็กที่ชื่อไป๋หลงนั้น เด็กกว่านี้หลายเท่านัก อีกทั้งฝีมือไม่มีทางเลยที่จะเทียบกันได้เลย ” ผู้อาวุโสที่เป็นคนทำการทดสอบที่ศิลาวัดพลังกล่าวออกมา…

” ผู้อาวุโสกง..ที่พูดมาเป็นเรื่องจริงใช่หรือไม่? ” เจ้าสำนักกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย..

” เป็นเช่นนั้นเจ้าสำนัก…ส่วนเจ้าอย่ามาโกหก!! ไป๋หลงนั้นเดินทางไปยังที่ราชวังขององค์จักรพรรดิ์ ถังหน่านเหิง เมื่อ 3เดือนที่แล้วไม่มีทางเลยที่เจ้าจะเป็นคน คนเดียวกับไป๋หลงคนนั้น ”

ผู้อาวุโสกงกล่าวออกมาพลางเร่งพลังไว้จนถึงขีดสุดเผื่อเกิดเหตุที่ไม่คาดฝัน….

” ผู้อาวุโสกง..ใจเย็นลงก่อน.. เอาละในเมื่อเจ้าบอกว่าเจ้าชื่อ ไป๋หลง งั้นจงพิสูจน์ว่าเจ้าคือ คนคนเดียวกับเด็กที่ชื่อไป๋หลงเมื่อ3 เดือนก่อน!! ”

เจ้าสำนักกล่าวออกมาพลางสังเกตุพฤติกรรมของไป๋หลงว่ามีพิรุธอันใดหรือไม่..แต่ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆทั้งจังหวะการเต้นของหัวใจยังคงที่ไม่ได้ร้อนรนแม้แต่น้อย…

” ย่อมได้ในเมื่อท่านต้องการแบบนั้น.. ” ไป๋หลงกล่าวออกมาก่อนจะพูดคุยกับหลิงหลุนภายในจิต..

” หลิงหลุนข้าต้องการให้ท่านช่วยออกมาหน่อยได้หรือไม่!!…เรื่องทั้งหมดจะได้ง่ายขึ้น ”

” ได้ขอรับนายท่าน..ข้าจะทำให้พวกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงต้องหมอบกราบแทบเท้าท่านโทษฐานที่กล้าสงสัยในตัวท่าน!! ” หลิงหลุนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองเล็กน้อยที่กล้ามีคนสงสัยในตัวนายของตน

” เดี๋ยวไม่ใช่แบบนั้น!!….. ” ไป๋หลงกล่าวไม่ทันจบหลิงหลุนก็ออกมาจากดวงจิตของไป๋หลงและคืนร่างเดิมที่เป็นพยัคฆ์สวรรค์ในทันที..

แสงสว่างสาดส่องไปทั่วห้องแห่งนี้ บรรยากาศภายนอกเริ่มแปรปรวน และมีเมฆหมอกสีดำก็ตัวเหนือ สำนักหมื่นกระบี่ พร้อมกับเสียงของสายฟ้าที่ดังออกมาเป็นระยะๆ

เปรียง!!

เหล่าศิษย์มากมายต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น..ทั้งๆที่เมื่อกี่แดดยังร้อนจ้าอยู่เลยแถมยังไร้ซึ่งหมู่เมฆ แต่ที่น่าแปลกคือ เมฆเหล่านี้รวมตัวกันเหนือ สำนักแห่งนี้เท่านั้น ส่วนรอบนอกนั้น ไม่มีแม้แต่หมู่เมฆด้วยซ้ำไป

” เกิดบ้าอะไรขึ้น!! ความรู้สึกที่น่าหวาดหวั่น และน่าสยดสหยองนี้คืออะไรกัน รู้สึกอึดอัด พลังทั่วร่างกำลังปั่นป่วน นี้มันเกิดอะไรขึ้น!! ” เสียงของศิษย์ในสำนักกล่าวขึ้นด้วยความวิตกกังวล

” ใช่ๆข้าก็รู้สึกได้เช่นกัน.. ”

” ข้ากลัวความรู้สึกแบบนี้ข้าไม่ชอบเลย..ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย ”

เหล่าศิษย์มากมายต่างพากันวิตกกังวลว่ามันเกิดเหตุอันใดขึ้นผู้อาวุโสและเหล่าอาจารย์กว่า300 ชีวิต ต่างสัมผัสได้ เป็นความรู้สึกที่บอกว่า ไม่ควรเข้าไปยุ่งด้วยอย่างเด็ดขาด!!

ภายในห้องของเจ้าสำนักตอนนี้เป็นภาพที่ใครเห็นแล้วจะต้องไม่เชื่อสายตาตัวเองอย่างแน่นอน… ผู้อาวุโสทั้ง12ตอนนี้นั้นต่างหมอบราบลงกับพื้นพร้อมกับสำรอกโลหิตออกมาไม่เว้นแม้แต่เจ้าสำนักที่สำรอกโลหิตกองโตออกมา พลังภายในปั่นป่วนไปหมดไม่สามารถรวบรวมพลังได้แม้แต่น้อย…

ถ้าเทียบกับแรงกดดันของไป๋หลงเมื่อกี้แล้วต่างกันอย่างกับฟ้าและเหวลึก…พลังของไป๋หลงเมื่อครู่นั้นคือการโจมตีทางจิตใจโดยตรงโดยไม่เกี่ยงเรื่องระดับพลัง ผู้ที่มีจิตใจอ่อนแอ แม้ระดับพลังอยู่ขั้น จักรพรรดิ์ ก็สามารถโดน บัญญัติแห่งราชันย์!! สั่งให้คุกเข่าได้เช่นกัน…

กลับกันถึงแม้ระดับพลังอ่อนด้วยแต่มีจิตใจดุจหินผาก็ไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายคุกเข่าได้ เป็นวิชาที่เน้นโจมตีที่จิตใจโดยตรง…จนทำให็อีกฝ่ายสยบแทบเท้าเรา

แต่พลังของหลิงหลุนที่เป็น1ในสัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ ไม่สามารถใช้กฏเกิณฑ์ มาใช้ในการคิดได้ หลิงหลุนเพียงออกมาก็สามารถสร้างแรงกดดันที่มหาศาลได้ด้วยรูปลักษณ์แววดาสีแดงฉานราวกับมัจจุราช ขนาดตัวที่ใหญ่มหึมา สายฟ้าสีน้ำเงินเข้มแล่นอยู่รอบตัวพร้อม ปลดปล่อยกลิ่นอายออกมาและแรงกดดันเพียง1ใน10 ออกมา ทำให้ผู้อาวุโสทั้งหมดและเจ้าสำนักหมอบราบลงกับพื้น….

” เป็นแค่มนุษย์ชั้นต่ำ!! ริอาจมาสงสัยในตัวนายท่านของข้า พวกเจ้ามันก็แค่มดปลวกเท่านั้น!! จำใส่สมองอันน้อยนิดของพวกเจ้าไว้สะ!! ”

หลิงหลุนกล่าวออกมาด้วยความเกรี้ยวกราดและใช้น้ำเสียงที่ดุดัน..ด้วยขนาดที่ใหญ่มหึมา ทำให้ยิ่งเพิ่มความน่าเกรงขามเข้าไป…

” ดะ ได้โปรดอภัย!!ให้พวกเราด้วยท่านเทพพยัคฆ์ พวกข้ามีตาหามีแววไม่ ” ผู้อาวุโสกง กล่าวออกมาด้วย ความไร้ซึ้งเรี่ยวเเรงและพละกำลัง เหมือนกับเป็นชายชราแก่ๆที่ใกล้จะถึงฝั่งเต็มทน…

” ขะ..ข้าเจ้าสำนักหมื่นกระบี่ มีนามว่า หวังหย่ง!! ขออภัยในเรื่องที่เกิดขึ้นโปรดระงับโทสะของท่านลงเถิด ”

หลิงหลุนได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวขึ้นผ่านจิตกับไป๋หลงด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นทันทีราวกับหวังอะไรบางอย่าง…

” นายท่านข้าทำได้ดีหรือไม่!! ข้าทำให้พวกที่สงสัยในตัวนายท่านได้รับโทษแล้ว ดีหรือไม่!! ”

ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นถึงกับกุมขมับในทันทีก่อนจะตอบออกมาด้วยน้ำเสียงแห้งๆ…

” เอ่อ..เจ้าทำดีมากแต่มันเกินไปนิดนึงนะ ข้าว่าเจ้าควร เบาๆลงกว่านี้อีกสักหน่อยก็ดี ”

หลิงหลินได้ยินเช่นก็ตาลุกวาวในทันที ก่อนจะกระดิกหางไปมาราวกับดีใจคำชมที่ออกมาจากปากของไป๋หลง…

” เอาละ…เจ้ากลับเข้ามาได้แล้ว ไว้ข้าจะเรียกเจ้าออกมาใหม่เมื่อยามจำเป็น ”

“ขอรับ นายท่าน..ท่านเรียกข้าได้เสมอ ข้าพร้อมที่จะรับใช้ท่านเสมอ ” หลิงหลุนกล่าวจบ ก็กลายเป็นแสงแล้วกลับเข้ามาในตัวไป๋หลงในทันที…

แรงกดดันทั้งหมดพลันสลายหายไปในทันทีทุกอย่างล้วนกลับเป็นปกติ จนศิษย์ภายนอกเกิดความสงสัยกันยกใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น..

ไป๋หลงมองภาพเบื้องหน้าที่ผู้อาวุโสทั้ง12และเจ้าสำนักพยามลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบากพลางเช็ดเลือดที่มุมปากและปรับพลังให้คงที่…

ไป๋หลงยิ้มเจือนๆออกมาเกาหัวพลางกล่าวออกมา…

” ข้าต้องขออภัยด้วย…เมื่อกี้อาจจะเกินไปสักนิดนึงตามจริงข้าเพียงจะให้ออกมายืนยันว่าข้าคือไป๋หลงคนเดียวกันกับเมื่อตอนนั้นแค่นั้นเอง… ”

ผู้อาวุโสทั้ง12นั้นต่างสถบกันในใจออกมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย…

” นึดหน่อยบ้านเจ้านะสิ!! “

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท