เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่73 แร่ศักดิ์สิทธิ์ 2 จบ

ตอนที่73 แร่ศักดิ์สิทธิ์ 2 จบ

หลังจากได้รับรายงานหัวหน้าตระกูลทั้ง11 ก็มุ่งหน้าไปที่หลุมขนาดใหญ่ที่เคยเป็นที่ตั้งของตระกูลชิน หลี่หยาง กระโดดลงมาในหลุมพร้อมกับหัวหน้าตระกูลที่เหลือ ชุนเปียวซึ่งก็รู้สึกสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ใดที่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้….หลี่หยางมุ่งหน้าผ่านอุโมงค์มาก็เจอเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น สร้างความเดือดดาลให้กับหลี่หยางเป็นอย่างมากผู้ซึ่งเป็นตระกูลอันดับ1 แต่กลับเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้

แม้กระทั่งวางเวรยามเอาไว้กว่าร้อยคนแต่มิอาจจับกุมผู้บุกรุกได้ยิ่งสร้างความอับอายเป็นอย่างมากเพราะเวรยามร้อยกว่าคนที่มีระดับราชันนักรบขั้น1!! เป็นอย่างต่ำยังมิอาจหยุดยั้งเรื่องท่เกิดขึ้นมาได้…หลี่หยางในตอนนี้เต็มไปด้วยความอับอายและโทสะอย่างถึงที่สุด…

” ไม่มี!!…หายไปหมดสิ้นแร่ทุกชิ้นโดนเอาออกไปทั้งหมดไม่เหลือแม้แต่น้อยมันผู้ใดกันที่กล้าทำเช่นนี้ ข้าจะฉีกร่างมันเป็นหมื่นๆชิ้น…พวกเจ้าทุกคนเร่งสืบหาข้อมูลซะว่า มีคนแปลกหน้าเข้ามาในบริเวณพื้นที่นี้หรือไม่…ถ้าไม่ได้ข้อมูลอย่ากลับมาให้ข้าเห็นหน้าอีก….ไสหัวไปซะ!! ”

หลี่หยางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดังกึกก้องพร้อมกับใช้พลังชนชั้นระดับจักรพรรดิ์แฝงไว้ในคำพูดทุกประโยคเวรยามร้อยกว่าคนเมื่อได้ยินเช่นนั้นต่างขนลุกและกล่าวตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นกลัว..

” ขอรับ นายท่าน.. ”

เวรยามร้อยกว่าคนต่างพากันแยกย้ายหาข้อมูลในทันที…เหลืือไว้แต่เพียงหัวหน้าตระกูลทั้ง11 ที่มีแต่ความเงียบเท่านั้นที่เข้ามาปกคลุม…จนในที่สุดก็มีเสียงๆนึงดังขึ้นทำลายความเงียบสงัดลงนั้นก็คือชุนเปียวนั้นเองผู้นำระกูลอันดับ 2 ในทวีปจรัสแสง!! รองจากตระกูลหลี่เพียงเรื่อง ทรัพยากรและโอสถ เท่านั้น….

” ไม่คิดเลยว่า..ท่านหลี่หยางจะทะลวงเข้าสู่ระดับจักรพรรดิ์ขั้นที่7!! ได้แล้วข้าขอแสดงความยินดีด้วยแต่เวลานี้ในเมื่อยังหาตัวการไม่เจอ..ข้าว่าเราก็แยกย้ายกันก่อนเถอะ!!…อีกอย่างตามที่ข้าได้ยินตอนคนในหน่วยรักษาความปลอดภัยของท่านกล่าวขึ้นข้าก็เอะใจเล็กน้อย… ”

หลี่หยางเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็คิ้วขมวดเข้าหากันในทันที…

” ท่านชุนเปียว…มีอะไรก็บอกมาอย่าปล่อยให้เวลาสูญเปล่าข้ายังต้องไปตามหาตัวการที่ทำเรื่องเช่นนี้มาลงโทษให้สาสม!! กับความผิดที่มันได้ก่อขึ้น.. ”

ชุนเปียวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมเล็กน้อย…

” พวกเราที่อยู่ที่นี้ทั้งหมดต่างอยู่ระดับชนชั้นจักรพรรดิ์ทั้งสิ้นถูกหรือไม่!! ”

” ก็ใช่..ถูกของท่านแล้วมันเกี่ยวข้องกันอย่างไรล่ะ..ท่านชุนเปียว ” เสียงที่กล่าวถามออกมาด้วยความสงสัยซึ่งก็คือ ตระกูลลำดับที่ 10 ตระกูลหลง หลงเซี่ยวไป๋ เป็นตระกูลที่มั่งคั่งด้านโอสถแต่ด้านทรัพยากรและกำลังคนนั้นน้อยกว่าตระกูลอื่นๆ ทำให้ต้องอยู่ลำดับที่10 มาช้านาน…

เหล่าผู้นำตระกูลต่างรู้สึกสงสัยในคำพูดของชุนเปียวทั้งสิ้น…ชุนเปียวนั้นเป็นที่รู้ในเมืองจรัสแสงว่า เป็นผู้ที่มีความเฉลียวฉลาดและมีปัญญาอย่างท่วมท้น จนได้รับการขนานนามว่า จอมปราชญ์!! ทำให้เหล่าผู้นำตระกูลต่างรอฟังคำพูดของชุนเปียวอย่างตั้งใจไม่เว้นแม้แต่หลี่หยาง…

หลี่หยางแม้เป็นเจ้าอารมณ์แต่มิได้โง่เขลา..หลายครั้งหลายคราปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลทำให้ตระกูลอื่นๆมิอยากสานสัมพันธ์ด้วย..ถ้ามีก็แค่พวกตระกูลที่หวังผลประโยชน์เท่านั้นหลี่หยางแม้ไม่ชอบหน้าชุนเปียวที่ขัดขวางแผนการตน…แต่มิได้เกรียจถึงขนาดจ้องเอาชีวิตเพราะการสูญเสียย่อมมิใช่สามัญและอาจทำให้พวกตระกูลที่หวังผลประโยชน์ ใช้เวลาช่วงนั้นฉวยโอกาศโค่นล้มตระกูลหลี่ก็เป็นได้…

ถึงกระนั้นหลี่อย่างก็ยอมรับในความสามารถของชุนเปียวในด้านนี้…

” พวกท่าน ลองคิดตามข้าดู…พวกเราต่างอยู่ชนชั้นระดับจักรพรรดิ์!!แต่มิอาจทนแรงกดดันนี้ได้เพียงแค่100อึดใจ!!ก็ต้องจำเป็นต้องล่าถอย ด้วยการใช้อาวุธอักขระชั้นสูงในการลงมาและกลับขึ้นไป…แต่เมื่อตอนที่หน่วยรักษาความปลอดภัยได้รายงานมา ว่า มีบางอย่างบินขึ้นมาด้วยความเร็วและหายไปบนท้องฟ้า…อย่างน้อยระดับพลังก็มิใช่สามัญ!! ” ชุนเปียวกล่าวพลางหันหน้ามองเหล่าผู้นำตระกูลก่อนจะกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม..

” ข้าว่าอาจจะมิใช่มนุษย์ก็เป็นได้!!…และระดับพลังย่อมมากว่าพวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี้ด้วยซ้ำ ระยะทางที่เราก้าวเข้ามา และอุโมงค์นี้อีก ต่อให้เป็นข้าหรือท่านหลี่หยาง..ก็มิอาจเข้ามาได้ถึงขนาดนี้ถ้ามีแรงกดดันประหลาดที่จะเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ก้าวเข้ามาเรื่อยๆ…เพราะฉะนั้นข้าขอเตือนไว้ว่า ควรสืบหาข้อมูลให้ดีมิเช่นนั้น อาจหมายถึงการล่มสหลาย หากทำอะไรมิเข้าท่า…เรื่องทั้งหมดที่กล่าวมาขอให้พวกท่านคิดทบทวนด้วย โดยเฉพาะด่านหลี่หยาง..ข้าขอตัวก่อน ” ชุนเปียวกล่าวจบก็เดินจากไปในทันที

เหล่าผู้นำตระกูลที่เหลือต่างมองหน้ากันไปมาและตกอยู่ในความเงียบสงัดอีกครั้งก่อนจะแยกย้ายกันไปกลับตระกูลของตน…ส่วนหลี่หยางยืนอยู่และกำลังขบคิดบางอย่างก่อนจะกลับขึ้นมาบ่นปากหลุม

…………………………………………………………………

ตอนนี้ขงจือถ้ามีกายเนื้อคงจะอ้าปากค้างแข็งและตะลึงจนถึงสุดขีด…

ทะลวงเข้าขั้นราชันย์นักรบขั้น 1 !!

2

3

4

5

6

7

8

ราชันย์นักรบขั้นที่8!!

” ถึงขีดสุดแล้วสินะแบบนี้ต้องปรับพลังและความเสถียรให้มากกว่านี้…ไม่น่าเร่งดูดซับเร็วเกินไปเลย แต่ไม่เป็นไร ยังไงแร่พวกนี้ก็มีประโยชน์กับข้าในอนาคตแน่นอน…ระดับพลังสูงขึ้นแร่พวกนี้ก็จะส่งผลน้อยลงกว่าจะถึงระดับจักรพรรดิ์ละนะ…เอาละอู้เฉียงข้าคิดว่า ข้าจะสร้างเมืองที่อสูรและมนุษย์อยู่ด้วยกันได้เจ้าว่า ข้าควรเริ่มจากส่วนไหนดี.. ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงละลื่นหลังจากผ่านการดูดซับพลังมาและแร่พวกนี้ยังเหลืออีกเป็นตันๆ ภายในแหวนมิติ..

อู้เฉียงแม้จะตกตะลึงกับการเพิ่มระดับพลังที่ออกจะโกงและเอาเปรียบเช่นนี้แต่ที่ตกใจยิ่งกว่าคือการจะสร้างเมืองนั้นถือว่าไม่ยากแต่การจะให้สัตว์อสูรและมนุษย์อยู่ร่วมกันแทบจะเป็นไปไม่ได้ด้งยซ้ำ…

” ให้ตามเถอะเจ้ามันจะโกงเกินไปแล้วนะไอวิธีเพื่มพลังของเจ้านะ…ส่วนเรื่องเมืองข้าต้องรู้ก่อนว่าเหตุใดอยู่ๆเจ้าถึงคิดเช่นนั้น ” อู้เฉียงกล่าวถามด้วยความสงสัย และกำลังสมานบาดแผลภายในอย่างช้าๆผ่านเปลวเพลิงแห่งการรักษาของเฟิงห๋วง..

ขงจือเมื่อเห็นการดูดซับพลังจากแร่งศักดิ์ศิทธิ์ก็ตกตะลึงเป็นอย่างมากก่อนจะรวมพลังแล้วสร้างร่างจิต วิญญานและโผล่ออกมาต่อหน้าไป๋หลงนี้เป็นครั้งแรกที่ไป๋หลงได้เห็นร่างเต็มของอาจารย์ตน…

” ศิษย์รักของอาจารย์…เจ้าพอจะแบ่งแร่ศักดิ์สิทธิ์ให้ข้าได้บ้างหรือไม่?สักนิดก็ยังดี ” ขงจือกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม และคำพูดอันที่แสนจะแปลกประหลาดทำให้ไป๋หลง รู้สึกคลื่นไส้ในทันที…

” เหอะ!!… ไม่มีทางทีถึงช่วงอันตรายละไม่เคยช่วยข้าเลยพอทีนี้กลับทำมาพูดดีข้าไม่ให้..ชัดหรือไม่ข้า….ไม่…ให้ ”

ขงจืบใบหน้าเขียวคล้ำในทันที…กำหมัดแน่น ไป๋หลงเห็นเช่นนั้นก็กล่าวเชิงยั่วประสาท

” เป็นแค่ร่างวิญญานจะทำอะไรข้าได้แน่จริงก็สั่งสอนข้าซะสิ..ท่าน..อา…จารย์ ”

ขงจือเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ฟาดมือลงบนศรีษะไป๋หลงในทันที…แต่มิใช่การฟาดมือธรรมดาแต่มันกลับแฝงไว้ด้วยพลังแปลกประหลาดบางอย่าง…คราแรกไป๋หลงมิได้คิดจะหลบแม้แต่น้อยแต่สัญตชาติญานการรับรู้ถึงอันตรายของไป๋หลงทำให้ไป๋หลงกระโดดออกมาได้ทันท่วงที…

ตึง!!

ที่ที่ไป๋หลงเคยอยู่เป็นหลุมรอยรูปฝ่ามือขนาดใหญ่ขึ้น..ขงจือเห็นเช่นนั้ก็กล่าวสวนกลับในทันที…

” โถ่วๆ…ศิษย์ข้าเจ้าจะหลบทำไมหละข้าแค่กะจะสั่งสอนเบาๆเท่านั้นเอง… ”

ไป๋หลงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ใบหน้าบิดเบี้ยวในทันที…ก่อนจะสถบออกมา

” สั่งสอนบ้านท่านนะสิ!!..นี้ท่านกะเอาถึงตายเลยมิใช่รึไง.. ”

จบ….

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท