เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่87 ขึ้นฝั่ง 3 จบ

ตอนที่87 ขึ้นฝั่ง 3 จบ

” ข้าเรียกมันสั้นๆว่า ศาสตร์ตราอัสนี!!! ”

ไป๋หลงในยามนี้ราวกับเทพอัสนีลงมาจุติตั้งแต่หน้าอกลงมาถูกปรกคลุมไปด้วยอัสนีสีแดงฉานราวกับโลหิต..ผู้อาวุโสต่างแข็งค้างแม้แต่หวังฟางยังอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านกับความร้อนจากอัสนีที่แผ่ออกมาแต่กลับตกตะลึงยิ่งกว่าเด็กสาวที่อยู่บนหัวของไป๋หลงมิได้แสดงท่าทีทรมานหรือเจ็บปวดแม้แต่น้อยราวกับกำลังนอนเล่นเสียมากกว่า…..

” นะ..นี้เจ้าบรรลุแก่นแท้แห่งอัสนีได้แล้วอย่างงั้นรึ? ” เจ้าสำนักอัสอัสนีกล่าวด้วยความตกตะลึง..

ไป๋หลงส่ายหน้าก่อนจะสลายพลังอัสนีทั้งหมดทิ้งไป..

” เปล่าเลยขอรับ..ข้าเพียงประยุกต์ใช้อัสนีในรูปแบบนี้เท่านั้นถึงแม้จะเป็นรูปแบบพลังป้องกันแต่ก็ขึ้นอยู่กับระดับของตัวผู้ใช้เช่นกันยิ่งระดับพลังสูงเท่าไหร่พลังป้องกันก็จะสูงตามระดับผู้ใช้!! ” ไป๋หลงกล่าวอธิบายโดยรวมอย่างละเอียด..

จี้กงที่เฝ้าดูอยู่ยังอดไม่ได้ที่จะทึ่งกับความสามารถในการประยุกต์ใช้พลังในด้านต่างๆไม่จำกัดอยู่แต่ภายในกรอบเผ่าเทพบางตนยังเทียบไม่ได้กับความสามารถของไป๋หลงก่อนจะจับตามองเด็กหนุ่มร่างผอมบางผมสีม่วงอ่อนเพราะจี้กงสัมผัสพลังได้ถึง2เผ่าพันธ์ในตัวของเด็กหนุ่มนั่นแต่ก็มิได้เอ่ยบอกกับไป๋หลง…ส่วนฟาได้แจ่จ้องมองไป๋หลงด้วยแววตาที่ยากจะอธิบายในตัวตนของไป๋หลง…

ไป๋หลงอธิบายและให้คำชี้แนะแก่เจ้าสำนักอัสนีซึ้งเจ้าสำนักอัสนีไม่ได้รู้สึกอับอายแม้แต่น้อยถึงแม้จะเป็นการแนะนำจากผู้เยาว์ก็ตามที…คราแรกเหล่าผู้อาวุโสไม่เห็นด้วยที่ได้รับการชี้แนะจากผู้เยาว์แต่ก็ต้องจำยอมในที่สุดจนกระทั้งเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงบ่าย…

” ไป๋หลง…เจ้าช่วยประลองกับข้าจะได้หรือไม่!! ” หวังฟางเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินมาหาไป๋หลง…เป็นเรื่องที่หวังฟางจะยอมรับได้ยากว่าจะมีบุคคลที่เก่งกาจกว่านางแม้อยู่ในวัยเดียวกันการต่อสู้จึงเป็นทางเดียวที่หวังฟางจะยอมรับได้…

เจ้าสำนักอัสนีและเหล่าผู้อาวุโสต่างรู้ดีอยู่แก่ใจว่าหวังฟางนั้นเป็นคนยังไงจึงมิได้เอ่ยปาก…กลับกันสายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ไป๋หลง..เจ้าสำนักอัสนีเมื่อเห็นเช่นนั้นก็กล่าวขึ้นในทันที

” อย่าได้รีบร้อนไปยังไง..พวกเจ้าก็ต้องได้เจอกันอยู่แล้วในการสอบเข้าสถาบันเทพมาร!! ” เจ้าสำนักอสนีกล่าวขึ้น..

” แต่ว่า.. ” หวังฟางกำลังจะเอ่ยต่อไป่หลงก็กล่าวขึ้นในทันที..

” ไม่เป็นไรขอรับอีกไม่นานก็จะถึงฝั่งพวกเราก็แยกกันแล้วสู้กระชับสายสัมพันธ์เอาไว้…ก็ไม่เสียหาย ” ไป๋หลงเอ่ยพลางหันไป๋หาหวังฟางก่อนจะปริยิ้มอ่อนๆให้..

หวังฟางพลันหน้าแดงขึ้นตามความเป็นจริงแล้วหวังฟางนั้นยังไม่ลืมเรื่องที่ไป๋หลงอุ้มตนขึ้นมาบวกกับใบหน้าอันหล่อเหลาราวกับเทพบุตรผมยาวสีดำสลวยดวงตาสีแดงทับทึมผิวขาวเนียลดุจสตรีขัดกับบุคคลิก การต่อสู้โดยสิ้นเชิง…หวังฟางพยามทำสีหน้าให้กลับมาเป็นเช่นเดิมก่อนจะกล่าวตอบกลับไป

” ใช่แล้วท่านอาจารย์ข้าเพียงแค่อยากวัดฝีมือตัวเองเท่านั้น..”

” งั้นข้าก็ขอร่วมด้วย.. ” เสียงที่เอ่ยขึ้นนั้นก็คือเสียงของเหอจิงหัวบุรุษร่างใหญ่กำยำใบหน้าคมคาย

” ข้าก็จะเอาด้วย… ” เสียงเด็กผู้หญิงร่างเล็กนั้นก็คือศิษย์น้องเล็กของกลุ่ม

เด็กหนุ่มที่เอาแต่นิ่งเงียบอยู่ตลอดเวลาแต่รู้สึกบางอย่างแปลกที่ออกมาจากตัวไป๋หลงจึงตัดสินใจที่จะพิสูจน์บางอย่าง..

” ข้าขอร่วมด้วย.. ” เด็กหนุ่มร่างผอมบางกล่าวขึ้นแววตาสีน้ำตาลเส้นผมสีม่วงอ่อน..

หวังฟาง เหอจิงหัว และ ศิษย์น้องเล็ก ต่างแปลกใจมิใช่น้อยที่คนนิ่งเงียบอย่าง ต๋าเฉิงจะขอเข้าร่วมด้วยเช่นนี้..

” ต๋าเฉิง..หาได้ยากมากเลยนะที่เจ้าจะต่อสู้เช่นนี้มีอะไรน่าสนใจหรือเตะตาเจ้าเข้าละ.. ” เหอจิงหัวกล่าวขึ้นกับต๋าเฉิง

ต๋าเฉิงเพียงเพียงยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัยก่อนจะกล่าวขึ้น..

” ข้าแค่เจอบางอย่างที่น่าสนใจ…ท่านรอดูก็แล้วกัน ”

ไป๋หลงสัมผัสได้ถึงความรู้สึกแปลกๆก่อนจะตรวจสอบระดับพลังขอต๋าเฉิงแต่ก็ต้องคิ้วขมวดเมื่อไม่สามารถวัดระดับพลังต๋าเฉิงได้ราวกับมีพลังบางอย่างมาปกปิดไว้…

ต๋าเฉิงเมื่อรู้ว่าไป่หลงแอบตรวจสอบระดับของตนก็ยกยิ้มขึ้น…ไป๋หลงได้เห็นรอยยิ้มของต๋าเฉิงเป็นเพียงรอยยิ้มจาง..ทำให้ไป๋หลงอดที่จะตกตะลึงไม่ได้..

” นายท่านระวังตัวด้วย!! เด็กหนุ่มที่ท่านสบตาด้วยนั้นเป็นลูกครึ่งมารกับอสูร!! ”

อ่าเป่าอสรพิษ7สีเชื่อสายโบราณที่ไป๋หลงทำสัญญาด้วยกล่าวขึ้น..ภายในจิตสำนึกของไป๋หลง..ไป๋หลงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เบิกตากว้างในทันที…

” ขอบใจเจ้ามาก..ข้าจะระวังตัว ” ไป๋หลงกล่าวตอบอาเป่าก่อนจะเอ่ยขึ้นพลางยิ้มขึ้นที่มุมปาก…

” อีกไม่นานก็จะถึงฝั่งแล้วให้สู้กับพวกเจ้าทุกคนข้าว่าคงจะไม่ทันการเอาเป็นว่าถ้าพวกเจ้าต้องทะลายการป้องกันของข้าให้ได้ดีหรือไม่ถ้าทำให้ข้าถอยหลังได้ออกจากจุดนี้ถือว่าพวกเจ้าชนะ… ”

หวังฟางหันไปหาจิงเหอ..ตาเฉิงและศิษย์น้องเล็กทั้งหมดล้วนไม่ขัดข้องผู้อาวุโสและเจ้าสำนักก็มิได้กล่าวสิ่งใดเพียงเฝ้ามองเท่านั้น..

” ตกลง..เริ่มได้เลย ข้าจะเป็นฝ่ายเริ่มคนแรก ” หวังฟางเอ่ยขึ้นก่อนจะเร่งเร้าพลังขึ้น..ไอเย็นแผ่ออกมาปลกคลุมไปทั่วเรือ..

” รับมือ…หอกน้ำแข็ง!! ”

ไป๋หลงรีดเค้นพลังออกมาสร้างม่านพลังสีทองก่อรูปร่างเป็นรูปปีกขนาดยักษ์ขึ้นโอมร้อมไป๋หลงไว้…

” เทวาพิทักษ์!! ”

หอกน้ำแข็งนับร้อยพุ่งเข้าใส่ม่านพลังสีทองรูปปีกสีทองขนาดยักษ์เป็นกระบวนท่าป้องกันที่ราฟาเอลเคยสอนไป๋เมื่อครั้งยังอยู่ในด่านทดสอบและฝึกฝน..ต๋าเฉิงเห็นเช่นนั้นก็คิ้วขมวดในทันที..

ตู้มม!!

หอกน้ำแข็งไม่สามารถพังทะลายการป้องกันของไป๋หลงได้ทิ้งไว้แค่เศษของหอกน้ำแข็งที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ..

” เป็นกระบวนท่าที่ป้องกันและน่าทึ่งมาก..ข้าแพ้แล้ว ” หวังฟางเอ่ยขึ้นยอมรัมความพ่ายแพ้นี้เพราะตนนั้นใส่พลังเต็มสิบส่วนไปกับหอกน้ำแข็งแต่มิอาจสร้างความร่องรอยได้แม้แต่น้อย…

” ต่อไปๆ ข้าๆ ” ศิษย์น้องเล็กของกลุ่มเอ่ยขึ้น…

เฟยเฟยนั่งมองอยู่ริมเรือพลางกินขนมที่ไป๋หลงให้อย่างสบายใจขณะนั้นเองก็มีซุ่มเสียงนึงดังขึ้นภายในหัวของเฟยเฟย…

” บุตรแห่งข้าเจ้าอยู่ที่ไหน!! ”

ไป๋หลงเรียกใช้เทวาพิทักษ์อย่างต่อเนื่องจนมาถึงคนสุดท้าย…ต๋าเฉิง

” คนสุดท้ายคือเจ้าแล้ว…มีอะไรก็อย่ายั้งไว้มิฉะนั้นจะเสียใจ ” ไป๋หลงจงใจเอ่ยขึ้นเพื่อยั่วยุแต่ดูเหมือนจะไร้ผล…

” ไม่จำเป็นต้องยั่วยุข้าหรอก…การป้องกันของเจ้าข้าจะทำลายมันเดี๋ยวนี้!! ” ต๋าเฉิงเอ่ยจบ..บรรยากาศรอบๆนิ่งสงบก่อนจะเดินมาอย่างช่วงช้าจนเข้ามาประชิดกับม่านพลังของไป๋หลงก่อนจะนำมือขวามาแตะ..หวังฟางเบิกตากว้างในทันทีไม่เว้นแม้แต่เจ้าสำนักที่กำลังจะพุ่งมาหยุดแต่ก็ไม่ทันการ..

” หัตถ์ มารกลืนกิน!!. ”

อยู่ๆม่านพลังสีทองของไป๋หลงก็เกิดรอยร้าวและถูกดูดเข้าไปในมิติอันดำมืด…ไป๋หลงใบหน้าบิดเบี้ยวในทันทีก่อนจะสถบออกมา..

” บัดซบนี้มัม… ”

ณ. สำนักวารีพิสุทธ์

” เป็นความจริงอย่างงั้นรึที่เจ้าพบเจอเด็กหนุ่มที่ชื่อไป๋หลง” เสียงที่กล่าวขึ้นด้วยความแปลกใจนั้นก็คือเสียงของชวี่เอ๋อ เจ้าสำนักวารีพิสุทธิ์..

” ใช่ขอรับ..ข้าเกือบจะสังหารมันได้แล้วแท้ๆ!! ” หลี่อานกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง..ชวี่เอ๋อได้ยินเช่นนั้นก็ใบหน้าบิดเี้ยวในทันที..

” อย่าได้ทำเช่นนั้นเป็นอันขาด!! ”

หลี่อานได้ยินเช่นนั้นก็คิ้วขมวดในทันที..

” ทำไมกันท่านอาจารย์? ”

ชวี่เอ๋อได้ยินเช่นนั้นก็แผดเสียงขึ้นมาในทันทีพร้อมกับปลดปล่อยแรงกดดันระดับจักรพรรดิ์ที่แท้จริงออกมา!!

” ไม่ใช่เรื่องของเจ้ารีบเตรียมตัวได้แล้ว!!…เวลาสอบเข้าสถาบันเทพมารใกล้เข้ามาแล้ว..และจงจำไว้อย่าได้แตะต้องเด็กที่ชื่อไป๋หลงเด็ดขาด…”

หลี่อานถูดแรงกดดันระดับจักรพรรดิ์ที่แท้จริงกดทับกระอักโลหิตออกมาคำโตก่อนจะกล่าวขึ้น..

” ขะ..ข้าเข้าใจแล้วท่านอาจารย์ ”

ชวี่เอ๋อสลายแรงกดดันออกทั้งหมดก่อนจะมุ่งตรงกลับไปยังห้องทำงานเพื่อติดต่อใครบางคน…

เมื่อเห็นว่าชวี่เอ๋อเดินจากไปหลี่อานก็สถบออกมาด้วยควาแค้นใจในทันที…

” บัดซบ!!…ถ้าเจอกันครั้งหน้าข้าจะสังหารเจ้าให้จงได้ไป๋หลง ”

จบ….

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท