” หัตถ์ มารกลืนกิน!!. ”
ไป๋หลงรับรู้ได้ถึงสัญชาตญาณอันตราย!!กระโดดถอยห่างออกมาในทันทีม่านพลังปีกสีทองขนาดใหญ่โดนดูดหายเข้าไปในพริบตา…
” ชั่งเป็นพลังธาตุแสงที่น่าลิ้มลองเพิ่มอีกยิ่งนัก..เป็นพลังธาตุแสงที่บริสุทธิ์เกินกว่าจะมีในตัวมนุษย์ทั่วไป!! หรือว่าสิ่งที่ข้าคิดเอาไว้จะเป็นจริง… ”
ต๋าเฉิงกล่าวคาดการณ์ภายในจิตใจมิได้พูดออกมาพลางทำสีหน้าราวกับกระหายอะไรสักอย่างราวกับพวกหิวกระหายและจ้องมองไปทางไป๋หลง..
ตึง!!
น้ำแข็งอันเกิดจากพลังของหวังฟางห่อหุ้มต๋าเฉิงไว้ก่อนที่หวังฟางจะกล่าวขึ้น…
” เจ้าคิดจะทำอะไรของเจ้ากัน!! ข้าบอกเจ้าแล้วใช่ไมต๋าเฉิงว่าวิชานั้นมันอันตรายและไม่ควรนำมาใช้อย่างยิ่ง… ”
หวังฟางกล่าวไม่ทันจบเจ้าสำนักอัสนีก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ..
” ต๋าเฉิงข้าเคยสั่งห้ามเจ้าแล้วใช่หรือไม่!!? ว่าห้ามใช้พลังนี้เด็ดขาด!! แต่เจ้าก็ยังทำลงไปจนได้…เจ้าจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของข้าเป็นเวลา1เดือน.. ”
ต๋าเฉิงได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวขึ้นก่อนจะจดจ้องไปที่ไป๋หลง…
” ข้ายอมรับบทลงโทษนั้น…ข้าชนะใช่หรือไม่ไป๋หลง ”
ไป๋หลงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างไปจากเดิมเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยแววตาที่แฝงควมเย็นชาไว้…
” ใช่แล้วเจ้าชนะ…เจอกันในการสอบเข้าสถาบันเทพมารก็แล้วกันข้าจะให้เจ้าได้เห็นอะไรบางอย่าง..อ้อใช่ที่ท่านเจ้าสำนักอัสนีเคยถามไว้ว่าเกิดอะไรขึ้น..เมื่อไม่นานมานี้สำนักวารีพิสุทธิ์มาหาเรื่องสำนักหมื่นกระบี่ทำเอาศิษย์สายนอกและสายในบางคนบาดเจ็บพอสมควรถึงแม้จะเรียกว่าการประลองกระชับไมตรีก็ตามจนเกิดปัญหาขึ้น…จนตอนนี้ทั้งสองสำนักใกล้จะแตกหักกันเต็มที!! ”
เจ้าสำนักอัสนีได้ยินเช่นนั้นก็เบิกตากว้างในทันที…
” เป็นเรื่องจริงอย่างงั้นรึ!!..ที่เจ้าบอกมา ”
ไป๋หลงเพียงพยักหน้าให้เท่านั้นก่อนจะหันไปสบตากับต๋าเฉิงแล้วเดินจากไปจี้กง ฟา ส่วนเฟยเฟยก็นั่งกุมหัวก่อนจะเอ่ยโผลงขึ้น..
” มา ม๊า กำลังมา!! ”
ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็สั่นสะท้านในทันทีเพราะไม่คิดว่าจะได้เจอกันเร็วขนาดนี้และไม่ได้ทราบถึงเจตนาของราชันย์มังกรเพลิง!! ว่าต้องการสิ่งใด มาดีหรือไม่ดีกันแน่ ไม่มีทางจะทราบเจตนาที่แท้จริงของการมาในครั้งนี้ได้…
” เราต้องรีบแล้ว!!.. ” ไป๋หลงกล่าวพึมพำก่อนจะเดินลงมาจากชั้นบนระหว่างทางก็ได้พูดคุยกับเหล่าศิษย์สำนักอัสนีบางคน..ผู้คนในเรือเมื่อเห็นไป๋หลงต่างยกย่องเชิดชูและนับถือไป๋หลงอย่างถึงที่สุด..ในขณะนั้นเองระหว่างทางเจ้าของเรือรำนี้ก็ตรงเข้ามาหาไป๋หลงเป็นชายวัยกลางคนหนวดเครายาวเฟื้อยก่อนจะเอ่ยขึ้น..
” เอ่อ..ท่านเทพกระบี่หลังจากขึ้นฝั่งแล้วท่านมีแผนที่จะพักที่ไหนหรือ?ข้าสามารถแนะนำที่พักให้ท่านได้เป็นที่พักชั้นดีราคาไม่แพงจนเกินไป..นั้นก็คือโรงเตี๋ยมแสงจันทร์ ” สาเหตุที่เจ้าของเรือกล่าวขึ้นเช่นนี้เพราะต้องการสร้างไมตรีอันดีและทดแทนบุญคุณในส่วนหนึ่ง…
ไป๋หลงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนนั้นยังไม่มีเงินมีแค่สมันไพรและแร่ศักดิ์ศิทธิ์!! ที่มีมูลค่ามหาศาลซึ้งไป๋หลงไม่คิดที่จะนำแร่ศักดิ์ศิทธิ์นี้ไปลงขายหรือประมูลเด็ดขาดเพราะมันอันตรายจนเกินไป…อาจทำให้เกิดสงครามก็เป็นได้..
” ข้ายังไม่ได้คิดเรื่องที่พักเลยแม้แต่น้อยอีกอย่างเรียกข้าว่า ไป๋หลงเถอะ เรียกเทพกระบี่มันดูแปลกๆแล้วก็ขอบใจท่านที่บอกกล่าวท่าน… ” ไป๋หลงกล่าวขึ้น..
” ข้ามีนามว่า กุนเชียง เป็นเจ้าของเรือรับขนส่งสินค้าลำนี้ ข้าขอบใจท่านมากที่ทำให้เรือของเรารอดพ้นจากอันตรายมาได้…” กุนเชียงกล่าวชื่นชมไป๋หลงด้วยความนับถือจากใจจริงเมื่อไป๋หลงเห็นเช่นนั้นก็รีบกล่าวขึ้นในทันทีเพราะเวลาของไป๋หลงในตอนนี้มีไม่มากแล้ว…
” ข้าขอบใจท่านมากที่บอกเรื่องเกี่ยวกับที่พักให้พวกข้าได้ทราบข้ามีธุระด่วนข้าขอตัวก่อน… ” ไป๋หลงกล่าวด้วยความรีบร้อนก่อนจะเดินหายไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับจี้กง ฟา และเว่ยเว่ยที่ตามมาติดๆ
” นี้ท่านเรือจะถึงฝั่งในอีก2ชั่วยามนี้แล้วท่านจะไปไหน..” กุนเชียงกล่าวขึ้นด้วยความสงสัยแต่ไป๋หลงก็หายไปเสียแล้ว…
ภายในห้องพักของไป๋หลง…
” อู้เฉียงไปกันได้แล้ว..เราต้องรีบขึ้นฝั่งเดี๋ยวนี้!! ” ไป๋หลงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงรีบร้อนพลางกังวลบางอย่างถึงแม้ไป๋หลงจะมั่นใจในฝีมือตนเองมากแค่ไหน..แต่ไป๋หลงในยามนี้มิใช่คู่มือสัตว์อสูรที่มีพลังระดับเกือบทัดเทียม1ในสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างหลิงหลุน..ซึ้งไป๋หลงไม่ทราบถึงเจตนาที่แท้จริงของการมาของราชันย์มังกรเพลิง!! ทำให้ไป๋หลงต้องรีบเดินทางไปยังสถาบันเทพมารให้เร็วที่สุด…
อู้เฉียงได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวขึ้นด้วยความสงสัยในทันที…
” เกิดอะไรขึ้นอย่างงั้นรึ? แล้วเรือยังไม่ถึงฝั่งเจ้าจะไปเช่นไร เจ้าบอกเองไม่ใช่เหรอว่าจะไม่ใช้ปีกในที่ที่มีผู้คนมากมายเช่นนี้…”
ไป๋หลงตอบจับมืออู้เฉียงก่อนจะเริ่มอธิบายเรื่องราวคร่าวๆ..
” ตามมา..ข้ามีวิธี!! ” ไป๋หลงกล่าวขึ้นพร้อมกับใช้วิชาตัวเบาในการรอบไปข้างหลังเรือที่ไม่มีผู้คนอยู่…ก่อนไ๋ป๋หลงจะเอ่ยเรียกบางอย่าง
” อาเป่า..จงออกมา!! ”
อสรพิษยักษ์7สีเชื้อสายโบราณถูกเรียกออกมาจากตราประทับอสูรที่ไป๋หลงได้ทำไว้…
” มีอะไรอย่างงั้นรึนายท่าน?ที่เรียกข้าออกมาเช่นนี้ ” อาเป่ากล่าวถามไป๋หลงซึ้งคือผู้เป็นนาย อู้เฉียงตกตะลึงเล็กน้อยเพราะอู้เฉียงในยามสามารถสัมผัสพลังที่อาเป่าปลดปล่อยออกมาได้ก่อนที่จะทำจิตให้สงบลง…
” พาพวกเราขึ้นฝั่งเดี๋ยวนี้…” ไป๋หลงกล่าวขึ้น
อาเป่าได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวตอบรับในทันที…
” รับบัญชา!! นายท่านและสหายของนายท่านขึ้นมาบนแผ่นหลังของข้าได้เลย ”
อาเป่าเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงและทิ้งห่างจากเรือเรื่อยๆจนไม่สามารถมองเห็นเรือได้ด้วยตาเปล่า..และมุ่งหน้าขึ้นฝังในทันที….
” นี้เจ้าคิดอะไรอยู่ถึงใช้กระบวนท่าที่รุนแรงและอันตรายเช่นนั้น!! ” เสียงของเจ้าสำนักอัสนีแผดเสียงที่แฝงไปด้วยพลังชนชั้นระดับจักรพรรดิ์ ทำให้พลังของ ต๋าเฉิงและศิษย์โดยรอบปั่นป่วนในทันที….
” ไป๋หลงมีบางอย่างที่พวกท่านไม่เข้าใจแต่พลังธาตุแสงของไป๋หลงข้าต้องยอมรับเลยว่าชั่งลึกล้ำเสียจนข้าเกือบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่.. ” ต๋าเฉิงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีทีท่าจะสำนึกผิดแม้แต่น้อย
หวังฟาง เหอจิงหัว และศิษย์น้องเล็กกลับมาจากการตามหาไป๋หลงก่อนจะเอ่ยรายงานแก่เจ้าสำนัก..
” พวกเราตามหาไป๋หลงจนทั่วเรือรำนี้แล้วแต่ไม่แม้แต่เงาของไป๋หลงแม้แต่น้อยเป็นไปได้ว่าไป๋หลงจะออกจากเรือลำนี้ไปเรียบร้อยแล้ว.. ” เจ้าสำนักอัสนีได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวขึ้น..
” อะไรนะ!! ”
บริเวณใกล้ท่าเรือ..ไป๋หลงอู้เฉียง ฟา จี้กงและเว่ยเว่ย ขึ้นฝั่งภายในเวลาไม่กี่ร้อยอึดใจด้วยความเร็วระดับนี้ไป๋หลงตกตะลงมิใช่น้อยเพราะความเร็วเกือบจะเทียบเท่ากับการใช้ปีกของตัวเองด้วยซ้ำ..
” เว่ยเว่ย มะม๊า อยู่ใกล้ๆนี้หรือไม่? ” ไป๋หลงกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่ระแวงเล็กน้อย…เว่ยเว่ยสายหน้าเป็นการให้คำตอบทำให้ไป๋หลงเบาใจขึ้น…
” นายท่านข้าขอไปสำรวจบริเวณรอบๆนี้สักหน่อยเพื่อความปลอดภัยเดี๋ยวข้ากลับมา.. ” จี้กงเอ่ยขึ้นไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจเจตนาของจี้กงได้ภายในทันที…
” ได้แต่จงระวังตัวเอาไว้ด้วยถึงแม้เจ้าจะเป็นเผ่าเทพทหารสวรรค์!! แต่ในพื้นที่ระแวกนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของพวกมารอย่าได้ทำอะไรบู่มบ่ามเป็นอันขาด…แล้วเจอกันที่โรงเตี๋ยมแสงจันทร์ ”
” รับบัญชานายท่าน.. ”
ฟึบ!!
จี้กงกล่าวจบก็หายไปในทันทีในขณะนั้นเองอู้เฉียงก็กล่าวขึ้น..
” เอาเป็นว่าเราไปหาโรงเตี๋ยมแสงจันทร์กันดีกว่าดูจากเมื่อกี้ผู้คนมากมายหลั่งไหลมาที่นี้เพราะที่นี่เป็นสถานที่พักสำหรับรอการเปิดรับสมัครของสถาบันเทพมาร…”
ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็คล้อยตามองอู้เฉียงก่อนจะเอ่ยเหน็บแนมขึ้น..
” หืม?..ไม่คิดว่าเจ้าจะเริ่มรู้จักการวิเคราะห์เป็นด้วย..เอาหละเดินทางเข้าตัวเมืองกันได้แล้วดูท่าแล้วน่าจะใหญ่กว่าเมืองจรัสแสงราวๆ5เท่าละมั้ง!!”
อู้เฉียงอดไม่ได้ที่จะหมั่นไส้ไป๋หลงแต่ก็มิได้กล่าวสิ่งใด..
ระหว่างทางเดินนั่นเองไป๋หลงกล่าวถามฟาถึงเรื่องบางอย่าง..
” ฟา…เจ้าจำเรื่องที่เกิดขึ้นที่พระราชวังขององค์จักรพรรดิ์ถังหน่านเหิงได้หรือไม่ว่าคืนนั้นเจ้าพยามจะทำอะไรข้า? ” ไป๋หลงกล่าวขึ้นดวยความสงสัยเพราะในยามนั้นไป๋หลงไม่สามารถขัดขืนฟา ได้แม้แต่น้อย..
อู้เฉียงได้ยินเช่นนั้นก็ปิดปากเกือบจะหลุดหัวเราะออกมาส่วนฟาหน้าแดงระเรื่อในทันทีก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นๆ..
” คะ..คือว่าคืนนั้นมัน…คือพลังแฝงของข้าเมื่อยามใดก็ตามที่ดวงจันทร์เต็มดวง เนตรจันทรา!! ของข้าจะตื่นขึ้น ทำให้ข้ามีพลังในการปิดกั้นพลังของคนที่ข้าสัมผัสตัวซึ่งแน่นอนว่าเอลฟ์ทั่วไปไม่มีความสามารถเช่นนี้ จะมีก็แต่ ราชวงศ์ชั้นสูงของเอลฟ์เท่านั้น!! ”
ไป๋หลงหยุดเดินและหันมองฟาด้วยใบหน้าที่ตกตะลึง..
” เมื่อกี้เจ้าว่าอะไรนะ!! ”
จบ…