เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่111 ชายชราและเด็กหนุ่ม

ตอนที่111 ชายชราและเด็กหนุ่ม

ไป๋หลงสัมผัสได้ถึงกระบี่ที่ตรงมาก่อนจะใช้มือจับอย่างง่ายดายรางกับจับไม้จิ้มฟัน…ก่อนที่ไป๋หลงจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและหนักแน่น…

” มีขอรับ สหายข้ามีสตรีแสนสวยมาบอกชอบขอรับ!!!! ”

ไป๋หลงตอบกลับไปหน้าตาเฉยราวกับเป็นเรื่องธรรมดาสามัญพลางก่อนจะนำเอากระบี่ไม้ปักลงพื้น…ท่ามกล่างสายตานับร้อยการกระทำของไป๋หลงถือว่าบ้าบิ่นเป็นอย่างมาก….แต่ฝีมือถือว่าเป็นของจริงจนอาจารย์หญิงและชายชราร่างเล็กถึงกับตกตะลึงชั่วขณะนึง

เห็นได้ชัดว่าไป๋หลงมิได้โคจรพลังใดๆมาตั้งรับกระบี่ไม้เล่มนั้นเพียง..ใช้มือเพียงข้างเดียวหยุดกระบี่ไม้เอาไว้ได้…แต่นั้นยังไม่ใช่ที่สุด อาจารย์เสี่ยวจือเป็นถึงชนชั้นจักรพรรดิ์ ขั้น3!!! เห็นได้ชัดว่าไป๋หลงมีความแข็งแกร่งเทียบเท่า!!!…

แต่นั้นกลับเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ยากก่อนที่อาจารย์ทั้งสองหันมาสบตากันและเตรียมสอบระดับพลังของไป๋หลงแต่กลับมิอาจสัมผัสได้เพราะพลังของไป๋หลงถูกปกปิดเอาไว้ซึ้งเป็นเรื่องปกติทั่วไปที่ชาวยุทธ!!! พึงกระทำเพื่อหลีกเลี่ยงและสามารถป้องกันศัตรูได้เช่นกัน!!!

แต่แม้กระทั้งชนชั้นจักรพรรดิ์2คนยังมิอาจเตรียจสอบระดับพลังของเด็กนั่นได้สร้างความตกตะลึงอยู่ไม่น้อย คำเดียวเท่านั้นที่อาจารย์ชายชราร่างเล็กกับอาจารย์หญิงผู้สง่างามคิดได้ สัตว์ประหลาด!!!

สายตาทุกคู่กลับจดจ้องไปยังผู้อาวุโสว่าจะกระทำสิ่งใดต่อจากนี้เห็นได้ชัดว่าไป๋หลงทำกริยาไม่เหมาะสม..ทางด้านอู้เฉียงแทบอยากจะเอาหน้ามุดดินซะให้รู้แล้วรู้รอด..ทางฝ่ายหญิงที่บอกชอบอู้เฉียงได้ยินไป๋หลงประกาศกร้าวออกมายิ่งทำให้นางเขิลอายขึ้นไปอีก…

” อุหว้า…ดูท่าเทพสังหารไป๋หลงผู้นี้มิได้เกรงกลัวอาจารย์แม้แต่น้อย…แต่น่าแปลกที่ตัวเองนั้นมีความแข็งแกร่งถึงเพียงนั้นแต่กลับไม่โอ้อวดและข่มเหงผู้อื่นแม้แต่น้อย!! แต่กลับอยู่นิ่งเฉยราวกับมหาสมุทรที่สงบนิ่ง…ถ้ามหาสมุทรพิโรธจะเป็นยังไงกันนะ แค่คิดข้าก็กลัวแล้ว.. ” สหายในกลุ่มของสตรีที่บอกชอบอู้เฉียงกล่าวขึ้น

” จินเฉา…เจ้าคิดเหมือนข้าเลยดูเหมือนการผูกสัมพันธ์เอาไว้ก็ไม่เสียหายเท่าไหร่..เจ้าติดว่าไง เสี่ยวชา รู้สึกว่าคนที่เจ้าชอบจะเป็นสหายคนสนิทของเทพสังหารไป๋หลงนิ จะเอายังไงละ? ” หญิงสาวร่างสูงโปร่งเอ่ยขึ้นถามความคิดเห็นของสหายตน..

” ยังไงก็ได้ที่ข้าสามารถใกล้ชิดเขาได้ข้าก็ยินดี.. ” เสี่ยวชาตอบกลับพลางส่งแววตาหวานไปทางอู้เฉียง…

……………………………………………………………….

ระหว่างนั้นเองอาจารย์เสี่ยวจือก็กล่าวขึ้น….

” หยุดเรื่องไร้สาระไว้เท่านี้..ฟังต่อได้แล้วอย่างที่ข้าได้บอกไปอีก1 เดือนข้างหน้าหอคอยเทพสถิตจะเปิดออกและพวกเจ้าสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ในหอคอยแต่..ข้อสำคัญข้าอยากจะแจ้งให้พวกเจ้ารู้!!! ” อาจารย์เสี่ยวจือกล่าวออกด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากขึ้น

” ระวังตัวเองเอาไว้ให้ดี..ในหอคอยพวกอาจารย์ไม่สามารถตามเข้าไปได้ ศิษย์ทั้ง 4ชั้นปี ไม่ว่าจะเป็นะดับ 1 หรือ จนกระทั่งถึง 10 ก็จะเข้าไปในหอคอยเหตุการณ์ที่เลี่ยงไม่ได้คงจะเป็น…การประทะกันของกองกำลังต่างๆ ที่พวกศิษย์ชั้นปีอื่นเป็นผู้นำกลุ่ม…ข้าจึงอยากให้พวกเจ้าจับกลุ่มกันไว้ และอย่างสุดท้าย ”

อาจารย์เสี่ยวจือราวกับครุ่นคิดบางอย่างก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้งแต่ชายชราร่างเล็กกลับสะกิดเป็นนัยน์ว่าตนจะเป็นคนพูดทำให้อาจารย์เสี่ยวจือหลีกทางให้…ก่อนที่ชายชราร่างเล็กจะประกาศด้วยเสียงกึกก้องออกมาต่างกับรูปร่างหน้าและหน้าตาลิบลับ…

” เอาละพวกเจ้าที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ใครจะก่อตั้งของกำลังของตนเอง…ยกมือขึ้นและประกาศชื่อกองกำลังของตัวเองออกมาข้าจะจัดทำการลงทะเบียนและรายงานไปยังสถาบันสาขาหลัก!!!!…หากยังคิดไม่ได้ก็มาบอกข้าได้ในภายหลัง… ”

เหล่าศิษย์ต่างมองหน้าตากันเลิ่กลั่ก…แต่ไป๋หลงกลับแสยะยิ้มเพราะนี้ก็เป็นการดีเหมือนกันที่จะหาคนที่มีฝีมือและไว้ใจได้มาอยู่ในกองกำลังของตนไป๋หลงทำการยกมือขึ้นก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น….

” ข้า ขอจัดตั้งกองกำลังของตัวเอง!!! ”

ชายชราร่างเล็กกลับปริยิ้มขึ้นราวกับรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วไป๋หลงเองรู้สึกถึงสายตาอันแปลกประหลาดที่ชายชราเล็กมองมาที่ตน…

เหล่าศิษย์ต่างหันไปจับจ้องยังไป๋หลง…

” เทพสังหารไป๋หลงก่อตั้งกองกำลังของตัวอย่างงั้นรึ ”

” ข้าควรเข้าหรือไม่เข้าดี..แต่ถ้าได้คงจะดีอยู่ไม่น้อย ”

” ข้าอยากจะจัดตั้งกองกำลังของตัวเองขึ้นมามากกว่าแต่คงต้องรอดูไปก่อน!! ”

เหล่าศิษย์มากมายต่างแสดงความคิดเห็นออกมาอย่างหลากหลายก่อนชายชราร่างเล็กจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงราวกับแฝงไว้ด้วยเลศนัยบางอย่าง..

” เงียบก่อน!!!….เอาละเจ้าจะก่อตั้งกองกำลังของตัวเองขึ้นงั้นสินะ ดูจากที่เจ้าประกาศมากออกมาแล้วเจ้าคงจะเป็นหัวหน้ากองกำลังงั้นสินะ…แต่การที่จัดตั้งกองกำลังได้นั้นเจ้าต้องผ่านการประเมิณซะก่อนซึ้งก็คือเจ้าต้องต่อสู้กับอาจารย์ในสถาบันเพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่งของการเป็นผู้นำ…หากไม่ผ่านการประเมินข้าจะไม่อนุญาติให้จัดตั้งกองกำลังเด็ดขาด…เพราะนั่นเท่ากับว่าเจ้าแบกรับความคาดหวังและชีวิตของสหายในกองกำลังหากไร้ซึ้งพลัง…ผลที่ตามามิอาจจะคาดการได้!!! ”

ชายชรากล่าวพลางเดินตรงมาที่ไป๋หลงด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ..ไป๋หลงแทบจะสัมผัสไม่ได้ด้วยซ้ำหากไร้ซึ้งตาเทพ!!!..นั้นแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาเลย แม้แต่เสี่ยวจืออาจารย์สาวยังอดที่จะแปลกประหลาดไม่ได้ที่ผู้อำนวยศิษย์สายนอก!!! จะออกมาด้วยตัวเองเช่นนี้….

ไป๋หลงจดจ้องไปยังชายชราร่างเล็กอย่างไม่วางตาเห็นได้ชัดว่าไป๋ไม่มีทีท่าประหมาดแม้แต่น้อย…อู้เฉียงและเว่ยเว่ยต่างเข้าใจถึงเจตนาของไป๋หลงจึงถอยห่างออกมา..

เหล่าศิษย์มากมายต่างเข้าใจตรงกันโดยมิได้นัดหมายว่าต่อจากนี้จะเกิดการต่อสู้ที่ดุเดือดขึ้นอย่างแน่นอน..จึงพากันถอยห่างออกไปจนหมดและพื้นที่ตรงนั้นกลายเป็นลานกว้างในทันที

” เจ้าเข้าใจแล้วใช่ไหม..ในสิ่งที่ข้าพูดข้ารู้ว่าเจ้าแข็งแกร่งแต่เจ้ายังมิอาจแบกรับชีวิตคนเป็นสิบเป็นร้อยเป็นพันได้หากเจ้ายังแข็งแกร่งไม่เพียงพอ!!!…นี้คือคำถามครั้งสุดท้ายเจ้าแน่ใจใช่หรือไม่!!! ”

ชายชรากล่าวพลางปล่อยจิตคุกคามมุ่งตรงไปยังไปหลง..ไป๋หลงเพียงระเบิดพลังออกมาปะทะกับจิตคุกคามจนเกิดเป็นคลื่นกระแทกจนบรรยากาศรอบๆสั่นไหว!!! เหล่าศิษย์ต่างขนลุกซู่ เพราะอยู่ๆบรรยากาศก็เย็นลงอย่างไร้สาเหตุ…

” นี้ไงจินเฉา…มหาสมุทรกำลังจะพิโรธแล้ว!! ” หญิงสาวสหายของ เสี่ยวชาเอยขึ้นอย่างชอบใจ..

” ข้ารู้ดีว่าข้าแข็งแกร่งไม่เพียงพอต่อการรับผิดชอบชีวิตของผู้อื่น..เพราะฉะนั้นข้าจะไม่ให้ผู้อื่นฝากชีวิตไว้กับข้า..เพราะชีวิตของใครเป็นของผู้นั้นต้องรักษาด้วยตนเอง..ข้าจะฝึกกองกำลังของข้าให้กล้าแกร่งที่สุด!!! ในของกำลังของข้า มีอยู่ 3 ข้อที่ต้องละลึกไว้ ห้ามตาย!!! ถ้าคิดว่าจะตายให้หนีไปซะ!! และ ซ่อนตัวในเงามืด เฝ้ารอเวลา เมื่อพร้อมก็บดขยี้พวกมันให้หมด!!!! ”

ไป๋หลงประกาศกร้าวออกมาแววตากลับไปเป็นดั่งเมื่อก่อนเป็นแววตาที่เฉยชาราวกับทุกสิ่งทุกอย่างนั้นไม่อยู่ในสายตาของไป๋หลงแม้แต่น้อย….ทุกคำพูดทุกถ้อยคำถูกจาลึกลงไปในก้นบึ้งภายในจิตใจของเหล่าศิษย์ ณ ที่แห่ง นี้เกือบทั้งหมด!!! ราวกับเป็นประกาศิตจากสวรรค์…

เสี่ยวจือผู้เป็นอาจารย์ยังอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านกับจิตวิญญาณอันแรงกล้าของไป๋หลง…ชายชราร่างเล็กรับรู้ถึงเจตจำนงที่แท้จริงของไป๋หลงก่อนจะปรับระดับพลังให้พอดีกับระดับพลังที่ไป๋หลงควรจะเป็น…

” และพื่อสิ่งนั้น ข้าคงต้องแสดงฝีมือทั้งหมดให้ท่านได้เห็นถูกหรือไม่!!! ” ไป๋หลงเอ่ยขึ้นด้วยแววตาอันเฉยชา..

” ย่อมเป็นเช่นนั้น..เอาละเริ่มได้เลย!! ”

ชายชรากล่าวขึ้นพลางปลดปล่อยพลังออกมา..ไป๋หลงปลดปล่อยเงามืดออกมาก่อนจะครอบคลุมไปทั่วลานแห่งนี้ก่อนจะมีเงาสีดำผุดขึ้นมาจากความว่างเปล่าก่อรูปร่างเป็นคน จำนวนคร่าวๆเกือบหนึ่งร้อยตน นี้คือกระบวนท่าใหม่ที่ไป๋หลงได้เรียนรู้เพียงครึ่งหนึ่ง!!!…ตอนจักรพรรดิ์เงารุ่นแรกถ่ายทอดวิชามาที่ตน..ทำให้เกิดนิมิตภาพซึ้งเมื่อครั้งจักรพรรดิ์เงายังไม่ถูกจองจำ อาณาเขตจักรพรรดิ์เงานั้นเกือบจะสามารถครอบคลุมพื้นที่ของสถาบันได้แทบทั้งหมดแะทหารเงาอีกนับหมื่นตน!!! นั้นคือขีดความแข็งแกร่งของจักรพรรดิ์เงารุ่นแรก..ซึ้งไป๋หลงในยามนี้ทำได้แค่เศษ หนึ่งในหมื่นด้วยซ้ำ!!

อาณาเขตจักรพรรดิ์เงา!!!

ชายชราร่างเล็กมิได้แตกตื่นแต่อย่างใดก่อนจะกวาดแขนเป็นวงกล้าง..

” มังกรสยายปีก!!! ”

ตู้ม!!!!

ทหารเงาทั้งหมดถูกทำลายในทันทีเหลือเพียงแค่ความว่างเปล่าแต่ไป๋หลงมิได้แสดงสีหน้าออกมาแม้แต่น้อย….

จบ..

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท