ไป๋หลงสัมผัสได้ถึงกระบี่ที่ตรงมาก่อนจะใช้มือจับอย่างง่ายดายรางกับจับไม้จิ้มฟัน…ก่อนที่ไป๋หลงจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและหนักแน่น…
” มีขอรับ สหายข้ามีสตรีแสนสวยมาบอกชอบขอรับ!!!! ”
ไป๋หลงตอบกลับไปหน้าตาเฉยราวกับเป็นเรื่องธรรมดาสามัญพลางก่อนจะนำเอากระบี่ไม้ปักลงพื้น…ท่ามกล่างสายตานับร้อยการกระทำของไป๋หลงถือว่าบ้าบิ่นเป็นอย่างมาก….แต่ฝีมือถือว่าเป็นของจริงจนอาจารย์หญิงและชายชราร่างเล็กถึงกับตกตะลึงชั่วขณะนึง
เห็นได้ชัดว่าไป๋หลงมิได้โคจรพลังใดๆมาตั้งรับกระบี่ไม้เล่มนั้นเพียง..ใช้มือเพียงข้างเดียวหยุดกระบี่ไม้เอาไว้ได้…แต่นั้นยังไม่ใช่ที่สุด อาจารย์เสี่ยวจือเป็นถึงชนชั้นจักรพรรดิ์ ขั้น3!!! เห็นได้ชัดว่าไป๋หลงมีความแข็งแกร่งเทียบเท่า!!!…
แต่นั้นกลับเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ยากก่อนที่อาจารย์ทั้งสองหันมาสบตากันและเตรียมสอบระดับพลังของไป๋หลงแต่กลับมิอาจสัมผัสได้เพราะพลังของไป๋หลงถูกปกปิดเอาไว้ซึ้งเป็นเรื่องปกติทั่วไปที่ชาวยุทธ!!! พึงกระทำเพื่อหลีกเลี่ยงและสามารถป้องกันศัตรูได้เช่นกัน!!!
แต่แม้กระทั้งชนชั้นจักรพรรดิ์2คนยังมิอาจเตรียจสอบระดับพลังของเด็กนั่นได้สร้างความตกตะลึงอยู่ไม่น้อย คำเดียวเท่านั้นที่อาจารย์ชายชราร่างเล็กกับอาจารย์หญิงผู้สง่างามคิดได้ สัตว์ประหลาด!!!
สายตาทุกคู่กลับจดจ้องไปยังผู้อาวุโสว่าจะกระทำสิ่งใดต่อจากนี้เห็นได้ชัดว่าไป๋หลงทำกริยาไม่เหมาะสม..ทางด้านอู้เฉียงแทบอยากจะเอาหน้ามุดดินซะให้รู้แล้วรู้รอด..ทางฝ่ายหญิงที่บอกชอบอู้เฉียงได้ยินไป๋หลงประกาศกร้าวออกมายิ่งทำให้นางเขิลอายขึ้นไปอีก…
” อุหว้า…ดูท่าเทพสังหารไป๋หลงผู้นี้มิได้เกรงกลัวอาจารย์แม้แต่น้อย…แต่น่าแปลกที่ตัวเองนั้นมีความแข็งแกร่งถึงเพียงนั้นแต่กลับไม่โอ้อวดและข่มเหงผู้อื่นแม้แต่น้อย!! แต่กลับอยู่นิ่งเฉยราวกับมหาสมุทรที่สงบนิ่ง…ถ้ามหาสมุทรพิโรธจะเป็นยังไงกันนะ แค่คิดข้าก็กลัวแล้ว.. ” สหายในกลุ่มของสตรีที่บอกชอบอู้เฉียงกล่าวขึ้น
” จินเฉา…เจ้าคิดเหมือนข้าเลยดูเหมือนการผูกสัมพันธ์เอาไว้ก็ไม่เสียหายเท่าไหร่..เจ้าติดว่าไง เสี่ยวชา รู้สึกว่าคนที่เจ้าชอบจะเป็นสหายคนสนิทของเทพสังหารไป๋หลงนิ จะเอายังไงละ? ” หญิงสาวร่างสูงโปร่งเอ่ยขึ้นถามความคิดเห็นของสหายตน..
” ยังไงก็ได้ที่ข้าสามารถใกล้ชิดเขาได้ข้าก็ยินดี.. ” เสี่ยวชาตอบกลับพลางส่งแววตาหวานไปทางอู้เฉียง…
……………………………………………………………….
ระหว่างนั้นเองอาจารย์เสี่ยวจือก็กล่าวขึ้น….
” หยุดเรื่องไร้สาระไว้เท่านี้..ฟังต่อได้แล้วอย่างที่ข้าได้บอกไปอีก1 เดือนข้างหน้าหอคอยเทพสถิตจะเปิดออกและพวกเจ้าสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ในหอคอยแต่..ข้อสำคัญข้าอยากจะแจ้งให้พวกเจ้ารู้!!! ” อาจารย์เสี่ยวจือกล่าวออกด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากขึ้น
” ระวังตัวเองเอาไว้ให้ดี..ในหอคอยพวกอาจารย์ไม่สามารถตามเข้าไปได้ ศิษย์ทั้ง 4ชั้นปี ไม่ว่าจะเป็นะดับ 1 หรือ จนกระทั่งถึง 10 ก็จะเข้าไปในหอคอยเหตุการณ์ที่เลี่ยงไม่ได้คงจะเป็น…การประทะกันของกองกำลังต่างๆ ที่พวกศิษย์ชั้นปีอื่นเป็นผู้นำกลุ่ม…ข้าจึงอยากให้พวกเจ้าจับกลุ่มกันไว้ และอย่างสุดท้าย ”
อาจารย์เสี่ยวจือราวกับครุ่นคิดบางอย่างก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้งแต่ชายชราร่างเล็กกลับสะกิดเป็นนัยน์ว่าตนจะเป็นคนพูดทำให้อาจารย์เสี่ยวจือหลีกทางให้…ก่อนที่ชายชราร่างเล็กจะประกาศด้วยเสียงกึกก้องออกมาต่างกับรูปร่างหน้าและหน้าตาลิบลับ…
” เอาละพวกเจ้าที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ใครจะก่อตั้งของกำลังของตนเอง…ยกมือขึ้นและประกาศชื่อกองกำลังของตัวเองออกมาข้าจะจัดทำการลงทะเบียนและรายงานไปยังสถาบันสาขาหลัก!!!!…หากยังคิดไม่ได้ก็มาบอกข้าได้ในภายหลัง… ”
เหล่าศิษย์ต่างมองหน้าตากันเลิ่กลั่ก…แต่ไป๋หลงกลับแสยะยิ้มเพราะนี้ก็เป็นการดีเหมือนกันที่จะหาคนที่มีฝีมือและไว้ใจได้มาอยู่ในกองกำลังของตนไป๋หลงทำการยกมือขึ้นก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น….
” ข้า ขอจัดตั้งกองกำลังของตัวเอง!!! ”
ชายชราร่างเล็กกลับปริยิ้มขึ้นราวกับรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วไป๋หลงเองรู้สึกถึงสายตาอันแปลกประหลาดที่ชายชราเล็กมองมาที่ตน…
เหล่าศิษย์ต่างหันไปจับจ้องยังไป๋หลง…
” เทพสังหารไป๋หลงก่อตั้งกองกำลังของตัวอย่างงั้นรึ ”
” ข้าควรเข้าหรือไม่เข้าดี..แต่ถ้าได้คงจะดีอยู่ไม่น้อย ”
” ข้าอยากจะจัดตั้งกองกำลังของตัวเองขึ้นมามากกว่าแต่คงต้องรอดูไปก่อน!! ”
เหล่าศิษย์มากมายต่างแสดงความคิดเห็นออกมาอย่างหลากหลายก่อนชายชราร่างเล็กจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงราวกับแฝงไว้ด้วยเลศนัยบางอย่าง..
” เงียบก่อน!!!….เอาละเจ้าจะก่อตั้งกองกำลังของตัวเองขึ้นงั้นสินะ ดูจากที่เจ้าประกาศมากออกมาแล้วเจ้าคงจะเป็นหัวหน้ากองกำลังงั้นสินะ…แต่การที่จัดตั้งกองกำลังได้นั้นเจ้าต้องผ่านการประเมิณซะก่อนซึ้งก็คือเจ้าต้องต่อสู้กับอาจารย์ในสถาบันเพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่งของการเป็นผู้นำ…หากไม่ผ่านการประเมินข้าจะไม่อนุญาติให้จัดตั้งกองกำลังเด็ดขาด…เพราะนั่นเท่ากับว่าเจ้าแบกรับความคาดหวังและชีวิตของสหายในกองกำลังหากไร้ซึ้งพลัง…ผลที่ตามามิอาจจะคาดการได้!!! ”
ชายชรากล่าวพลางเดินตรงมาที่ไป๋หลงด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ..ไป๋หลงแทบจะสัมผัสไม่ได้ด้วยซ้ำหากไร้ซึ้งตาเทพ!!!..นั้นแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาเลย แม้แต่เสี่ยวจืออาจารย์สาวยังอดที่จะแปลกประหลาดไม่ได้ที่ผู้อำนวยศิษย์สายนอก!!! จะออกมาด้วยตัวเองเช่นนี้….
ไป๋หลงจดจ้องไปยังชายชราร่างเล็กอย่างไม่วางตาเห็นได้ชัดว่าไป๋ไม่มีทีท่าประหมาดแม้แต่น้อย…อู้เฉียงและเว่ยเว่ยต่างเข้าใจถึงเจตนาของไป๋หลงจึงถอยห่างออกมา..
เหล่าศิษย์มากมายต่างเข้าใจตรงกันโดยมิได้นัดหมายว่าต่อจากนี้จะเกิดการต่อสู้ที่ดุเดือดขึ้นอย่างแน่นอน..จึงพากันถอยห่างออกไปจนหมดและพื้นที่ตรงนั้นกลายเป็นลานกว้างในทันที
” เจ้าเข้าใจแล้วใช่ไหม..ในสิ่งที่ข้าพูดข้ารู้ว่าเจ้าแข็งแกร่งแต่เจ้ายังมิอาจแบกรับชีวิตคนเป็นสิบเป็นร้อยเป็นพันได้หากเจ้ายังแข็งแกร่งไม่เพียงพอ!!!…นี้คือคำถามครั้งสุดท้ายเจ้าแน่ใจใช่หรือไม่!!! ”
ชายชรากล่าวพลางปล่อยจิตคุกคามมุ่งตรงไปยังไปหลง..ไป๋หลงเพียงระเบิดพลังออกมาปะทะกับจิตคุกคามจนเกิดเป็นคลื่นกระแทกจนบรรยากาศรอบๆสั่นไหว!!! เหล่าศิษย์ต่างขนลุกซู่ เพราะอยู่ๆบรรยากาศก็เย็นลงอย่างไร้สาเหตุ…
” นี้ไงจินเฉา…มหาสมุทรกำลังจะพิโรธแล้ว!! ” หญิงสาวสหายของ เสี่ยวชาเอยขึ้นอย่างชอบใจ..
” ข้ารู้ดีว่าข้าแข็งแกร่งไม่เพียงพอต่อการรับผิดชอบชีวิตของผู้อื่น..เพราะฉะนั้นข้าจะไม่ให้ผู้อื่นฝากชีวิตไว้กับข้า..เพราะชีวิตของใครเป็นของผู้นั้นต้องรักษาด้วยตนเอง..ข้าจะฝึกกองกำลังของข้าให้กล้าแกร่งที่สุด!!! ในของกำลังของข้า มีอยู่ 3 ข้อที่ต้องละลึกไว้ ห้ามตาย!!! ถ้าคิดว่าจะตายให้หนีไปซะ!! และ ซ่อนตัวในเงามืด เฝ้ารอเวลา เมื่อพร้อมก็บดขยี้พวกมันให้หมด!!!! ”
ไป๋หลงประกาศกร้าวออกมาแววตากลับไปเป็นดั่งเมื่อก่อนเป็นแววตาที่เฉยชาราวกับทุกสิ่งทุกอย่างนั้นไม่อยู่ในสายตาของไป๋หลงแม้แต่น้อย….ทุกคำพูดทุกถ้อยคำถูกจาลึกลงไปในก้นบึ้งภายในจิตใจของเหล่าศิษย์ ณ ที่แห่ง นี้เกือบทั้งหมด!!! ราวกับเป็นประกาศิตจากสวรรค์…
เสี่ยวจือผู้เป็นอาจารย์ยังอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านกับจิตวิญญาณอันแรงกล้าของไป๋หลง…ชายชราร่างเล็กรับรู้ถึงเจตจำนงที่แท้จริงของไป๋หลงก่อนจะปรับระดับพลังให้พอดีกับระดับพลังที่ไป๋หลงควรจะเป็น…
” และพื่อสิ่งนั้น ข้าคงต้องแสดงฝีมือทั้งหมดให้ท่านได้เห็นถูกหรือไม่!!! ” ไป๋หลงเอ่ยขึ้นด้วยแววตาอันเฉยชา..
” ย่อมเป็นเช่นนั้น..เอาละเริ่มได้เลย!! ”
ชายชรากล่าวขึ้นพลางปลดปล่อยพลังออกมา..ไป๋หลงปลดปล่อยเงามืดออกมาก่อนจะครอบคลุมไปทั่วลานแห่งนี้ก่อนจะมีเงาสีดำผุดขึ้นมาจากความว่างเปล่าก่อรูปร่างเป็นคน จำนวนคร่าวๆเกือบหนึ่งร้อยตน นี้คือกระบวนท่าใหม่ที่ไป๋หลงได้เรียนรู้เพียงครึ่งหนึ่ง!!!…ตอนจักรพรรดิ์เงารุ่นแรกถ่ายทอดวิชามาที่ตน..ทำให้เกิดนิมิตภาพซึ้งเมื่อครั้งจักรพรรดิ์เงายังไม่ถูกจองจำ อาณาเขตจักรพรรดิ์เงานั้นเกือบจะสามารถครอบคลุมพื้นที่ของสถาบันได้แทบทั้งหมดแะทหารเงาอีกนับหมื่นตน!!! นั้นคือขีดความแข็งแกร่งของจักรพรรดิ์เงารุ่นแรก..ซึ้งไป๋หลงในยามนี้ทำได้แค่เศษ หนึ่งในหมื่นด้วยซ้ำ!!
อาณาเขตจักรพรรดิ์เงา!!!
ชายชราร่างเล็กมิได้แตกตื่นแต่อย่างใดก่อนจะกวาดแขนเป็นวงกล้าง..
” มังกรสยายปีก!!! ”
ตู้ม!!!!
ทหารเงาทั้งหมดถูกทำลายในทันทีเหลือเพียงแค่ความว่างเปล่าแต่ไป๋หลงมิได้แสดงสีหน้าออกมาแม้แต่น้อย….
จบ..