เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่133 สมบัติแห่งโซโลม่อน

ตอนที่133 สมบัติแห่งโซโลม่อน

ณ ปากทางเข้าหอคอยเทพสถิต..

เวลานี้กองทัพหุ่นอักขระ..รวมถึงผู้อาวุโสนับร้อยคนต่างประจัญหน้ากับมารตนหนึ่งรูปร่างสมส่วนเส้นผมสีขาวยาวดวงตาสีแดง กำลังยืนเด่นอยู่หน้าประตูพร้อมกับปลดปล่อยระดับพลังที่สูงล้ำออกมาพร้อมกับ ร่างของไป๋หลงที่หมดสติอยู่!!!

” ส่งตัวศิษย์คนนั้นมาให้เราเดี๋ยวนี้!! ” หนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยขึ้นพลางเตรียมพร้อมรับมือสั่งให้หุ่นอักขระ ปิดล้อมบริเวณนั้นทั้งหมด…

ซึ้งระดับพลังของหุ่นอักขระแต่ละตัวนั้น..จะขึ้นอยู่กับแร่ที่ใช้ในการสร้างซึ้ง ระดับของหุ่นอักขระรูปร่างคล้ายมนุษย์ มีระดับพลังอยู่ที่ราชันย์นักรบ…

” ได้แต่ข้าจะใช้มันเป็นตัวประกันก่อนที่จะออกจากสถาบันได้..หากพวกเจ้าตุกติก มันได้ตายคามือของข้าแน่!! ” มารผมขาวกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ภายในใจกลับกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูกเพราะตัวมันสัมผัสได้ถึง..

บางสิ่งที่มีพลังเหนือกว่าตัวเองเป็นร้อยเท่ากำลังมุ่งหน้ามาทางนี้…

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้…

” อะไรนะท่านจะให้ข้าใช้ท่านเป็นตัวประกันหลังจากออกไปจากหอคอย..แบบนั้นมัน ”

มารผมขาวตกตะลึงกับแผนการสุดระห่ำของไป๋หลง..

” เบลท่านอย่าลืมว่าข้าได้ความทรงจำช่วงนั้นกลับมาแล้ว..ได้โปรดทำตามที่ข้าบอก.หากเมื่อตอนนั้นท่านคิดจะสังหารกองกำลังของข้าแล้ว..ท่านก็คงไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้!! ”

ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น..มารผมขาวได้ยินเช่นนั้นก็ทรุดเข่าลง..ใบหน้าขาวซีดเมื่อมันนึกถึงตอนนั้นตัวมันก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว งูยักษ์สีดำ กับ สัญลักษณ์แปลก…

” ขะ..ข้าเข้าใจแล้ว ”

ไป๋หลงยังกล่าวกำชับต่อ…

” อีกเรื่อง…อย่าลืมว่าต้องรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ให้กับชวี่เอ๋อฟังว่าอย่างไร? ”

มารผมขาวได้ยินก็รีบกล่าวตอบออกมาในทันที..

” ไป๋หลงหลบหนีไปได้ ด้วยกระบวนท่าที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อีกทั้งยังสังหาร ราเวน ด้วยพลังที่แสดงออกมาอย่างมากล้นทำให้ ข้าไม่อาจติดตามตัวไปได้ ”

ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเบาๆก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง..

” ดี..เอาละออกไปกันได้แล้ว ”

มารผมขาวและไป๋หลงก้าวข้ามประตูไปพร้อมกัน…

…………………………………………………….

ณ ปัจจุบัน…

หลังจากศิษย์และอาจารย์บริเวณนั้นเห็นการปรากฏตัวขึ้นโดยฉับพลันอีกทั้งร่างของศิษย์ภายในสถาบันยังหมดสติอยู่…ผู้อาวุโสบริเวณนั้นจึงรีบไปแจ้งต่อหน่วยรักษาความปลอดภัยในทันที…

สถานการณ์ปัจจุบัน หุ่นอักขระ จำนวนกว่า200ตัวถูกนำมาปิดทางหนีออกจนหมด..ตามจริงแล้วด้วยพลังของมารผมขาวการจะทำลายหุ่นอักขระนั้นไม่ใช่เรื่องยากแต่เป็นม่านพลังที่คุ้มกันสถาบันแห่งนี้….

” เจ้าไม่รู้หรืออย่างไร ว่าสถาบันเทพมารแห่งนี้เป็นกลางห้ามใช้พลังต่อสู้กับเผ่าพันธุ์อื่นโดยเด็ดขาด!! ”

ผู้อาวุโสชุดสีน้ำเงินเอ่ยขึ้น..มารผมขาวเพียงยิ้มเยาะออกมา..

” แล้วคิดว่าข้าเป็นศิษย์ของสถาบันนี้หรืออย่างไร..ถอยไป!! ”

ตึง!!

เบลปลดปล่อยพลังออกมาหมายจะข่มขู่..ผู้อาวุโสต่างถอยไปกันคนละก้าวโดยไม่รู้ตัว..หุ่นอักขระเกิดรอยร้าว!! เพียงแค่โดนพลังสะกดข่มเท่านั่น…แสดงให้เห็นถึงความต่างของพลังอย่างชัดเจน!!

เวลานี้เหล่าผู้อาวุโสระดับสูงและระดับผู้อำนวยการต่างอยู่ในห้องประชุมพิเศษเพื่อหาลือเรื่องคืนจันทราทมิฬ..จนเหลือเพียงแค่ผู้อาวุโสระดับล่างเท่านั้น..

” ก็ได้พวกเราถอย!! ” ผู้อาวุโสที่ดูท่าทางจะเป็นผู้นำกล่าวขึ้น..

” ตะ..แต่ว่า ”

” ไม่มีแต่ชีวิตของของเด็กคนนั้นสำคัญที่สุด!! ”

แต่แล้วอยู่ๆตัวแปรสำคัญที่ไม่คาดคิดไป๋หลงที่แกล้งสลบอยู่ลืมตาโพลงขึ้นในทันที..

” ปะ..ป๋า!!! ”

ไป๋หลงใบหน้าขาวซีดในทันทีก่อนจะหันมามองหน้า เบล ที่แสดงสีหน้าบิดเบี้ยวออกมายิ่งกว่าไป๋หลงเสียอีก…

” นี้มันอะไรกัน!! ตัวตนระดับนี้มาอยู่ในที่แบบนี้ได้ยังไงเป็นไปไม่ได้!! ”

เว่ยเว่ยเมื่อเห็นไป๋หลงในสภาพนั้นก็บัลดาลเพลิงโทสะออกมา..

ตึง!!

เว่ยเว่ยพุ่งเข้าไปยังตำแหน่งของไป๋หลงในทันทีโดยที่เบล ไม่อาจตามความเร็วของ เว่ยเว่ยได้ทัน ก่อนจะฉีกกระชากแขนของเบลที่กำลังแสดงการจับกุมไป๋หลงเอาไว้จนขาดกระเด็น!!

” บัดซบ!! แบบนี้ไม่ดีแน่!! ” เบล สถบออกมาก่อนจะทำการกลับคืนร่างมาร รูปลักษณ์ มีปีกสำดำทมิฬสองคู่ ทั้งตัวปกคลุมไปด้วยเกร็ดสีขาว ลำตัวค่อยๆเหยียดยาว ก่อนจะกลับคืนร่างที่แท้จริง…

มังกรขาว!!

” อย่าคิดว่าจะหนี!! ”

เว่ยเว่ยกำลังจะดีดตัวขึ้นไปแต่โดนไป๋หลงจับแขนเอาไว้..

” อย่า..เดี๋ยวปะป๋า จะอธิบายทีหลังเรากลับกันได้แล้ว…อ้อแล้วก็ไปเที่ยวกันตามที่ปะ ป๋า เคย ให้สัญญาไว้ ”

เว่ยเว่ยเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ดวงตาสีแดงทับทิมเบิกกว้างก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงใสแจ้ว..

” เย้ๆ ไปกันๆ เว่ยเว่ยอยากกินขนม ”

ไป๋หลงกล่าวจบก็เดินจูงเเขนเว่ยเว่ย ออกไปราวกับพ่อลูกอ่อน..

ทิ้งให้เหล่าผู้อาวุโสนับร้อยต่างงุนงง กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น..

” พวกเจ้าไปตามจับมันมาให้ได้..จับเป็นไม่ได้..ก็จับตาย!! ”

” ขอรับ!! ”

ผู้อาวุโสอีกคนมองแผ่นหลังของไป๋หลงก่อนจะถอนหายใจออกมา..

” นี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!! ”

………………………………………………….

ณ โลกเบื้องล่าง

บัลลังก์โลกันต์พังทลายลง สองสตรีจดจ้องกันด้วยแววตาที่เฉียบคม..ซึ้งแน่นอนว่าต่อให้สู้แลกชีวิตกันจริงๆก็ไม่มีใครสังหารใครได้เพราะ แดนนรกหรือ ที่ผู้ปกครองแดนนรกจะได้รับความสามารถคือ ความเป็นอัมตะ แต่ถ้าออกนอกแดนนรกความสามารถนี้จะไม่มีผลในทันที..

” เป็นไงยังจะสู้กันต่อรึป่าว? ”

ฮาเดสกล่าวพลางเสยผมสีดำพลางยกยิ้ม…

” พอแล้วใครจะสู้กับตัวบ้าพลังอย่างเจ้ากัน!!..บัลลังก์ข้าชดใช้มาเดี๋ยวนี้ ”

พญายมสาวน้ำตาคลอเบ้าเพราะบัลลังก์สุดหวงตอนนี้ถูกทำลายจนย่อยยับจากเศษเสี้ยวพลัง..ที่ถูกปลดปล่อยออกมา…

” เอาเถอะๆ ที่ข้ามาที่นี้ตามความจริงข้ามาเพื่อบอกเรื่องเกี่ยวกับโซโลม่อน..ที่ยัดเยียดให้พวกเราสองคนทำหน้าที่ปกครองในแดนนรก!! ”

พญายมสาวเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่มีความจริงจังขึ้นของฮาเดส..จึงตั้งใจรับฟังในทันที..

” ทำไม..เจ้าบ้านั่นมีเรื่องอะไรที่ยังไม่ได้บอกข้าอีก? ”

ฮาเดชเมื้อได้ยินเช่นนั้นก็เดินไปนั่งใกล้กับพญายมสาว..

” โซโลม่อนฝากมาบอกว่า..แต่ก็นะเป็นคำขอเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อนก็นานเอาการอยู่…ซึ้งสาเหตุที่ข้าไม่อยากให้เจ้าขึ้นไปข้างบนในตอนนี้ไม่ใช่เพราะหน้าที่…แต่รอบางอย่าง!! ”

พญายมสาวได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วแนบแน่น..

” หมายความว่ายังไง? ”

ฮาเดชเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวอธิบายต่อในทันที…

” จะมีใครบางคนเข้ามาในแดนนรกแห่งนี้เพื่อมาขอกุญแจจากพวกเราสองคน..ซ้ำยังระบุด้วยว่าเป็นเด็กหนุ่มสายเลือดผสม!! ซึ้งกุญแจที่เจ้ากับข้ามีกันคนละ1 ดอก ซึ้งน่าจะหมายถึงกุญแจที่ใช้ปลดผนึกหอคอยบางแห่งในโลกเบื้องบน..เมื่อครั้งที่เทพมารคนก่อนเดินทางมาในนรกด้วยตนเอง เพื่อฝากกุญแจไว้กับพวกเรา!! ”

พญายมสาวได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วแนบแน่นก่อนจะเบิกตากว้าง..

” อะไรนะ!!…นั่นมันไม่เท่ากับเอาชีวิตมาทิ้งรึยังไงข้าบอกได้เลยหากดวงวิญญาณ ที่นี้เห็นกายเนื้อของเด็กหนุ่มนั่นเมื่อไหร่ พวกมันจะทำทุกวิถีทางเพื่อได้ร่างนั้นมา..แม้แต่เทพมารคนก่อนที่เดินทางมาถึงสภาพก็ดูไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!! อีกอย่าง โซโลม่อนรู้ได้อย่างไรกัน? ”

ฮาเดชยืนขึ้นก่อนจะสร้างภาพมายาขึ้นในอากาศที่ว่างเปล่า..

” ที่เจ้าเห็นอยู่ก็คือ สมบัติของโซโลม่อน ที่เจ้านั่นได้บอกข้ามา..ซึ้งมีของสามสิ่งเท่านั้นที่เกิดขึ้นจากพลังของตัวโซโลม่อน หนึ่ง ดวงตาแห่งโซโลม่อน สอง ปัญญาแห่งโซโลม่อน และสามกุญแจแห่งโซโลม่อน!!! ”

ฮาเดสสร้างภาพมายาต่อไปพร้อมกับเล่าเรื่องก่อนจะสร้างภาพมายาบางอย่างขึ้น..

” เจ้าก็รู้ว่า โซโลม่อนเป็นตัวตนก้ำกึ่งระหว่างเทพและปีศาจ..เวลาโซโลม่อนมาเจอพวกเราก็จะแปรเปลี่ยนไปตามรูปลักษณ์ที่อยากจะเป็น และภาพนี้คือ ตัวจริงของโซโลม่อน!! ”

พญายมสาวเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ดวงตาเบิกกว้างก่อนจะยืนขึ้นในทันที..

” นะ..นี้มัน!! ”

จบ…

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท