เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่ 372 รอยยิ้มที่หวนกลับมา

ตอนที่ 372 รอยยิ้มที่หวนกลับมา

หลังจากที่เกิดเรื่องหลายๆอย่างขึ้นนั้นทำให้การป้องกันของประตูสวรรค์นั้นดูเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด..ทหารสวรรค์ประมาณ 30กว่าคนต่างจับกลุ่มพูดคุยกัน..ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น..ซึ่งระดับความแข็งแกร่งแต่ละคนนั้นอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งพอสมควร

“ ตอนนี้แดนมนุษย์กำลังตกอยู่ในความวุ่นวายกำลังพลของแดนสวรรค์ถูกเกณฑ์เอาไปร่วมสงครามกว่าครึ่ง..ข้าไม่อยากจะคิดเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับ..พวกเราที่เป็นผู้เฝ้าประตูสวรรค์คงโดนโจมตีเป็นที่แรกแน่ๆ..หากเราโดนโจมตีขึ้นมาแย่แน่”

“ เจ้าอย่าพูดอะไรไร้สาระ ในเมืองหลวงยังมีท่านทหาเทพทั้ง 4 คอยคุ้มครองแดนเทพ. คงไม่มีใครโง่พอที่จะบุกมายังแดนสวรรค์หรอก.. ”

ทหารเทพรักษาประตูสวรรค์บางคนจับกลุ่มคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นต่างๆนาๆ โดยระดับความแข็งแกร่งของทหารเทพเหล่านี้อยู่ที่ชนชั้นเทพสงครามขั้นที่ 9

หากเป็นที่แดนมุษย์ก็อาจจะเป็นถึงเทพยุทธ์แต่ที่นี่คืออยู่ในระดับมาตฐานเท่านั้น..แต่ในขณะนั้นเองทหารเทพเหล่านั้นก็ต่างรู้สึกถึงบางอย่างได้พร้อมกันกำลังออกมาจากทางเชื่อมระหว่างแดนมนุษย์และเเดนเทพ..

ทหารเทพทั้งหมดต่างชักกระบี่พร้อมกับเร่งเร้าพลังออกมาในทันที..

“ เจ้าเป็นใคร เผยตัวออกมาเดี๋ยวนี้ โทษของการลักลอบเข้าแดนสวรรค์มีโทษสูงถึงประหารชีวิต เผยตัวตนของเจ้าออกมาซะ!!! ”

ไม่นานก็มีสตรีผู้หนึ่งก้าวเท้าออกมาจากทางเชื่อมเส้นผมสีดำนัยน์ตาสีทองอัมพันผิวกายขาวเนียนดุจหยก..

อาภรณ์ที่สวมใส่อยู่ถูกถักทอด้วยด้ายแห่งสวรรค์เผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกายได้อย่างชัดเจนถึงความงาม…เหล่าทหารเทพต่างแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา..

ไม่ใช่เพราะความงามแต่เป็นตัวตนของนาง!!!

“ ทะ..ท่านเมดูซ่า!! ”

“ แหมๆ จำข้าได้ซะด้วย นานแล้วนะที่ข้าไม่ได้กลับมาแดนสวรรค์แห่งนี้ ยังคงสว่างตาไม่เคยเปลี่ยน งั้นก็ง่ายหน่อย ข้ามาเอาของบางอย่างแล้วจะรีบกลับไปในทันที..ไม่ต้องห่วงข้าไม่ฆ่าพวกเจ้าหรอกนะ..ถ้าไม่มาขวางทางข้าละก็.. ”

เหล่าทหารเทพต่างเกิดความลังเลใจและสั่นสะท้านไปทั้งตัวเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่แผ่ออกมาพวกมันนั้นมั่นใจเลยว่า ในที่นี่ไม่มีใครที่จะต่อกรกับเมดูซ่าได้อย่างแน่นอนยกเว้นมหาเทพทั้ง4

“ ตะ..แต่ว่า..ท่านถูกสั่งห้ามกลับมาแดนสวรรค์.. ”

“ อ่อ..ถ้าเป็นแบบนั้น ท่านจ้าวสวรรค์คนใหม่อนุญาติข้าให้กลับขึ้นมาแล้ว เพื่อมาเอาของบางอย่าง ซึ่งแน่นอนว่า..เจ้าจะไม่เชื่อในสิ่งที่ข้าพูดก็ได้..แต่การที่เจ้าขัดต่อประสงค์จ้าวสวรรค์..ก็มีโทษร้ายแรงเช่นกัน.. ”

เมดูซ่าพูดด้วยสีหน้าที่ยิ้มเย็นราวกับราชินีน้ำแข็ง..เหล่าทหารสวรรค์ต่างไม่มีทางเลือกจำต้องเปิดทางให้กับเมดูซ่า…การห้ามเมดูซ่าไม่ให้เข้าไปก็ไม่ต่างจากการขัดประสงค์ของจ้าวสวรรค์..ซึ่งแน่นอนว่าย่อมไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน..

“ ถือว่าตัดสินใจได้ดี..”

ทหารเทพต่างถอนหายใจอย่างหนักหน่วงหลังจากที่เมดูซ่าเดินจากไป..ทั้งความกดดันบรรยากาศมันทั้งน่ากลัวและน่าอึดอัด…

“ เกือบไปแล้ว…หากเป็นคำสั่งของจ้าวสวรรค์ก็ไม่มีปัญหา..น่ากลัวเหมือนที่เขาล่ำลือกันจริงๆ..แต่ความงามของนางนั้นก็เป็นของจริงเช่นกัน.. ”

แน่นอนว่าในเวลาต่อมาการกลับมาของเมดูซ่านั้นถูกประกาศให้รับรู้ทั่วทั้งแดนเทพ..อย่างรวดเร็วเพียงแค่ไม่กี่ชั่วยามมหาเทพทั้ง4และเทพระดับสูงก็รับรู้ได้ถึงการมาของนาง

……………………………………………………..

ณ ตำหนักแห่งแสง…

“ ข้าคิดแล้วว่าเจ้าต้องมาที่นี่..เมดูซ่า ไม่เจอกันนานนะ..บาดแผลที่ซุสทำเอาไว้ดูเหมือนจะหายไปแล้วสินะ..แล้วนั่นเจ้าคิดจะเอาของชิ้นนั้นไปอีกอย่างงั้นเหรอ… ”

สตรีเลือนผมสีทองนัยน์ตาสีทองอัมพันใส่เกราะทองเต็มตัวอีกทั้งยังมีมหาเทพอีก 3 ตนนอกเหนือจากอาเธน่า…คอยยืนอยู่ด้านหลัง..

“ ดูท่าบาดแผลที่ข้าสร้างเอาไว้จากอัสนีศักดิ์สิทธิ์คงจะไม่พอสั่งสอนเจ้าสินะ..เมดูซ่า สาเหตุที่เจ้ากลับมาที่นี่คืออะไร!! แล้วใครเป็นคนรักษาบาดแผลที่ข้าสร้างเอาไว้!! ”

มหาเทพทั้ง4 ต่างมาอยู่พร้อมหน้ากัน ณ ตำหนักแห่งนี้เพราะพวกตนนั้นรู้ว่าเมดูซ่ากลับขึ้นมาก็จะต้องมุ่งหน้ามาที่นี่อย่างแน่นอน จากการรายงานข่าวของเทพผู้พิทักษ์ประตู..ซึ่งในตอนนี้เมืองหลวงของแดนเทพหากไม่นับมหาเทพสูงสุดที่พักรักษาตัวอยู่ และมิคาเอล รวมถึงมหาเทพทั้งสี่ คงไม่มีใครต่อกรกับนางได้ในสภาพสมบูรณ์เต็มร้อย…

“ ข้าไม่มีหน้าที่ ที่จะต้องตอบคำถามพวกเจ้า..ข้าแค่มาเอาสิ่งที่เป็นของข้าตั้งแต่แรก แล้วข้าจะออกไปจากแดนเทพในทันที..ข้าไม่ได้อยากต่อสู้กับพวกเจ้าอย่างน้อยก็ในตอนนี้ล่ะนะ..โพไซดอน ซุส ฮาเดส แล้วก็อาเธน่า…จริงสิ ฮาเดสเจ้ารู้รึยังว่า โซโลม่อนกลับมาแล้ว… ”

“ อะไรนะ— ”

ฮาเดสเผลอตัวพูดออกไปตามอารมณ์..หลังจากที่ได้ยินเมดูซ่าพูดแบบนั้นหัวใจของฮาเดสนั้นก็เต้นอย่างไม่เป็นจังหวเ..พร้อมกับความรู้สึกที่เจ็บปวดลึกจากข้างใน…

แน่นอนว่าซุส โพไซดอน และอาเธน่าต่างเห็นท่าทางของฮาเดสนั้นได้อย่างชัดเจน…

“ อีกอย่างข้าได้รับอนุญาติจากไป๋หลงให้ขึ้นมายังแดนสวรรค์..ซึ่งตัวข้าในตอนนี้ก็เป็นหนึ่งในแม่ทัพของไป๋หลงในสงครามในครั้งนี้..หากข้าบาดเจ็บขึ้นมาแล้วต่อสู้ไม่ได้..พวกเจ้าก็จะกลายเป็นกบฏในทันที…เพราะที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อสิ่งนี้เท่านั้น..แต่หากพวกเจ้าขัดขวาง.. ”

“ ได้ตกลงเจ้านำของสิ่งนั้นไปได้..แต่หากเจ้าโกหกพวกเราละก็ข้านี่แหละจะเป็นคนตามล่าเจ้าเอง!! ”

“ อาเธน่านี่เจ้ายอมรับอย่างงั้นเหรอ… ”

ซุสพูดขึ้นด้วยท่าทีที่ไม่ชอบใจนัก..แต่การจะลงมือบู่มบ่ามก็ไม่ได้เช่นกันหากเมดูซ่าเป็นแม่ทัพของไป๋หลงจริงนั่นก็หมายความว่านางจะเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้…ในฐานะพันธมิตรที่แข็งแกร่งเลยก็ว่าได้

“ วาจาของเจ้ายังคงทำให้พวกเราต้องยอมจำนนต่อเจ้าโดยไม่มีทางเลือกจริงๆสินะ..ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้เจ้าก็ไม่เคยเปลี่ยน…”

โพไซดอนกล่าวขึ้นด้วยท่าทีสงบพร้อมกับพิจารณาเมดูซ่าไปในตัว…

“ นั่นสิ..จะเป็นแบบนั้นรึเปล่านะ..ขอบใจที่รับฟังข้าทำให้ข้าไม่ต้องมาต่อสู้ในศึกที่ไร้สาระ..ขอบคุณนะ..คำพูดพวกนี้ไม่เหมาะกับข้าจริงๆนั่นแหละ.. ”

เมดูซ่าหยิบของชิ้นนั้นออกมาจากกล่องพร้อมกับรอยยิ้มที่งดงามและสดใสหาใดเปรียบ..ชั่วระยะเวลานั้นราวกับว่าเวลาในตำหนักแห่งแสงถูกหยุดลงด้วยรอยยิ้มที่สดใสและงดงามของนาง..

มหาเทพทั้ง4 ต่างแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมาเป็นครั้งแรกในรอบหลายพันปี…

“ นี่นาง..ยิ้มแบบนั้นก็เป็นด้วยอย่างงั้นเหรอ.. ”

“ ข้าก็ไม่รู้… ”

“ ใบหน้าตายด้านของนางมีรอยยิ้มที่งดงามแบบนี้ซ่อนอยู่ด้วยอย่างงั้นเหรอ..ข้ามั่นใจได้เลยว่าหากทหารเทพได้เห็นรอยยิ้มนั้นคงจะหลงไปในเสน่ห์หาของนางเป็นแน่!!!.. ”

แต่ดูเหมือนว่าจะมีแค่อาเธน่าเท่านั้นที่รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก…

“ ในที่สุด..เจ้าก็เจอแล้วสินะสิ่งที่เจ้าอยากจะปกป้องและดูแลเอาไว้…ดูเหมือนตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเจ้าเปลี่ยนไปมากเลยทีเดียว.. ”

ขณะนั้นเองที่เมดูซ่ากำลังจะกลับก็กล่าวบางอย่างขึ้น…

“ พวกเจ้าคงจะรู้อยู่แล้วว่า เบลเซบับกำลังจะฟื้นคืนชีพแล้วแล้ว ไม่เกิน4วันสงครามใหญ่จะเกิดขึ้นเป็นแน่..ไม่แน่ว่านี่อาจจะเป็นสงครามแร็คนาร็อคครั้งที่สองก็เป็นไปได้..อีกอย่างโซโลม่อนเองก็เข้าร่วมสงครามในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน..ในฐานะแม่ทัพของไป๋หลงด้วยเช่นกัน… ”

“ !!!!!! ”

คนที่รู้สึกตกตื่นตะลึงมากที่สุดดูเหมือนจะเป็นฮาเดส…เทพแห่งความตายได้ยินเช่นนั้นก็ขอตัวออกไปในทันที..

ซึ่งแน่นนอนว่าที่ที่นางจะไปก็คือ นครอันธกาลแห่งความมืดเพื่อพบใครบางคน…

ส่วนซุสและโพไซดอนเมื่อเห็นสายตาของอาเธน่าและเมดูซ่าที่มีต่อกันพวกตนจึงตัดสินใจออกไปจากที่แห่งนี้ในทันทีพร้อมกัน เพื่อให้พวกนางพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว…

“ อะไรกัน เจ้าดูสงบกว่าที่คิดไว้นะ..ซุส ข้านึกว่าเจ้าจะพูดเรื่องบาดแผลที่หายไปของเมดูซ่าซะอีก… ”

โพไซดอนพูดขึ้นในขณะที่กำลังเดินอยู่บนอากาศกับซุส..

“ ใครจะไปรู้ว่านางทำหน้าตาแบบนั้นก็เป็นด้วย..แต่เอาเถอะนางก็รับโทษมามากจนเกินพอแล้วเหมือนกัน เรื่องที่มันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป.. ”

“ ถ้าเจ้าไม่มีบุตรหรือไม่มีภรรยาข้านึกว่าเจ้าจะตกหลุมรักรอยยิ้มของนางไปซะแล้วนะ.. ”

“ โพไซดอน!! นี่เจ้า!!! ”

“ ข้าไปล่ะ..แยกกันตรงนี้.. ”

โพไซดอนพูดจบก็เปลี่ยนสภาพร่างกายเป็นน้ำหายไปในทันทีกลับคืนสู่ท้องสมุทรเบื้องล่าง..

“ เจ้านี่มัน…กวนประสามข้าจริงๆ..แต่ว่า.. ”

ซุสนึกย้อนกลับไปที่รอยยิ้มของเมดูซ่า ก็พลันใจเต้นผิดจังหวะ..ซุสพลันใบหน้าขาวซีดในทันที ก่อนจะรวบรวมอัสนีศักดิ์ไว้ที่หมัดข้างขวา..

และหมัดนั้นที่ถูกอัดแน่นไปด้วยพลังของชนชั้นมหาเทพก็ถูกเหวี่ยงใส่หน้าของตนเองในทันที..

ตู้มมม!!!

เรียกได้ว่าเป็นการต่อยเรียกสติที่หากคนธรรมดาโดนเข้าละก็ได้ไปเฝ้ายมบาลเป็นแน่แท้

จบตอน

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท