ผมคิดว่าพี่ฉินนั้นเป็นคนสติไม่ดีคนหนึ่ง แต่ว่าความจริงนั้นพิสูจน์ได้ว่าผมคิดผิดไป เธอไม่ใช่คนสติไม่ดี เธอเป็นคนบ้าเลยต่างหาก
เหมือนกับที่เธอทำอยู่ในตอนนี้ หลังจากที่ปิดเสียงเพลงในห้อง ในห้องตอนนี้ก็เงียบสนิท จากนั้นก็เอามือถือออกมา นั่งอยู่ข้างกายผม กดเบอร์โทรศัพท์ต่อตรงไปหาตั่นโก๋ซูน
“คุณทายสิว่าฉันอยากจะทำอะไร?”
พูดจบ ไม่ทันจะรอผมตอบกลับ ปีศาจตัวนี้ก็เข้ามาจูบที่ใบหน้าของผมหนึ่งที
ขณะที่กำลังจูบผมอยู่นั้น เธอก็ใช้นิ้วกดเรียกสาย
หลังจากเสียงเรียก ‘ตู๊ด’ดังขึ้นสองครั้ง โทรศัพท์ก็ถูกรับขึ้นมา
เธอต้องบ้าไปแล้วจริงๆ
“ตั่นโก๋ซูนฉันอยู่ในผับ มีผู้ชายกำลังลูบคลำฉันมานานเกินครึ่งชั่วโมงแล้ว น้ำสาดออกมาไหลออกมาหมดแล้ว ฉันบอกเขาไปแล้วว่าฉันเป็นผู้หญิงของคุณ คุณมาจัดการ!”
พูดจบ เธอก็พรมจูบไปบนใบหน้าของผม และใช้ลิ้นที่เปียกชื้นเลียหน้าของผม
เธอกระตุ้นผม และยิ่งรอคอยที่จะได้เห็นเรื่องตลกของผม
นี่ช่างน่าสนใจจริงๆ
แต่เรื่องที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือเสียงคนในสายโทรศัพท์ตอบกลับมา “ถ้าอย่างงั้นช่วยผมบอกกับเขาที ไม่ว่าคุณจะให้เขาไปเท่าไหร่ ผมจะจ่ายให้สองเท่า ให้เขาช่วยฆ่าคุณให้ตายที”
พูดจบ โทรศัพท์ก็ถูกตัดสาย ‘ตู๊ดตู๊ด’แล้ว
นี่ช่างเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจเรื่องหนึ่งทีเดียว แต่ว่านี่เป็นความอึดอัดของพี่ฉินเธอเอง
เหมือนว่าความอึดอัดนี้ไม่มีทางที่จะยอมรับได้ ดังนั้นเธอที่ใบหน้าเย็นชากดสายติดต่ออีกครั้ง แต่ว่าโทรศัพท์ถูกปฏิเสธ
เสียงดัง ‘เพล้ง’ขึ้นมา มือถือไอโฟนที่แสนแพงถูกเธอเขวี้ยงแตกไม่เหลือชิ้นดีพริบตาเดียว เธอพิงมาที่บ่าของผม ร้องไห้พรั่งพรูออกมาทั้งหมดราวกับสายฝน
ผมรู้สึกสับสน ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าสองสามีภรรยาคู่นี้เล่นเกมอะไรที่ชาวบ้านชาวช่องเขาไม่เล่นกันอยู่ได้
“คุณเองก็ไม่รู้จักปลอบใจฉันเลย คุณใช่ผู้ชายอยู่หรือเปล่า!”
พี่ฉินตำหนิผมอย่างต่อเนื่อง นี่ทำให้ผมรู้สึกน้อยใจมาก
“ผู้หญิง พวกเราทำแบบนี้ไม่ค่อยเหมาะหรือเปล่า? คุณตามผู้ชายของคุณมาฆ่าผม สุดท้ายเขาดันจ่ายผมสองเท่าเพื่อให้ผมเล็งคุณแทน ตอนนี้คุณกลับมาร้องไห้ จากนั้นก็มาพิงบ่าผมร้องได้ แถมยังมาว่าผมว่าไม่ปลอบคุณ ผมอยากจะถามคุณจริงๆเลย คุณคิดอะไรอยู่กันแน่?”
“คุณยังเป็นสตรี ครอบครัวของคุณทั้งหมดเป็นสตรี บรรพบุรุษแปดชั่วอายุคนของคุณเป็นสตรี!”
ผมขี้เกียจที่จะโต้เถียงกับผู้หญิงบ้าอย่างเธอ
ผ่านเป็นเวลานาน เธอร้องไห้จนพอใจ ผมเองก็ไม่ได้ปลอบโยนเธอ ในที่สุดเธอก็หยุดร้องไห้ จากนั้นก็ให้ผมช่วยไปหยิบเหล้ามา
ไม่เลวเลย เป็นการขอให้ช่วย ท่าทางของเธอนั้นช่างมีมารยาทมาก
ดังนั้นผมจึงไปที่เคาน์เตอร์บาร์อีกครั้งเพื่อไปหยิบเบียร์มาสองขวด จากนั้นผมก็รับผิดชอบเปิดฝาส่วนเธอนั้นรับผิดชอบกระดกเข้าไป ขนาดกระดกเข้าไปแล้วหกขวด ตอนเธอเริ่มจะกระดกหมดขวดเป็นขวดที่เจ็ด อ้วกก็พุ่งทันที อ้วกออกมาเละเทะไปหมด
แต่ว่ามองดูแล้วเธอนั้นช่างเป็นคนที่มีท่าทีสุภาพมาก ขนาดทนไม่ไหวแล้วเธอก็ยังใช้มือปิดปากไว้ จนในที่สุดก็หาถังขยะได้ถึงจะเริ่มอ้วกสาดออกมา
ผู้หญิงคนนี้มีเรื่องราว เสเพลและมีมารยาท บ้าคลั่งและเศร้าโศก นี่เหมือนกับว่าในตัวเธอนั้นมีทั้งนางฟ้าและปีศาจอาศัยเรื่องในร่างเดียวกัน ผลัดกันมาคุมร่างกายนี้สลับกันไปมาเป็นครั้งคราว
พูดอย่างเปิดเผย ผมมองเธอแล้วมีความเหมือนว่าจะเป็นโรคจิตเภทอยู่หน่อยๆ
หลังจากที่เธออ้วกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็ช่วยเธอเทน้ำแก้วหนึ่ง หลังจากที่เธอเช็ดหน้าเรียบร้อยแล้ว ก็พูด ‘ขอบคุณ’กับผมออกมา
หลังจากเอาไปล้างบ้วนปากเรียบร้อย อีกครึ่งที่เหลือทั้งหมดก็ถูกเธอดื่มเข้าไปในท้อง สีหน้าของเธอค่อยๆดูดีขึ้นมาหน่อย
“ฉันชื่อซูเสี่ยวฉิน ตั่นโก๋ซูนนั้นเป็นรักแรกของกันและกัน ตอนสมัยมหาลัยพวกเรารู้จักกัน…….”
เสียงขาดๆหายๆ ซูเสี่ยวฉินเล่าเรื่องระหว่างเธอกับตั่นโก๋ซูนให้ผมฟัง
จากสิ่งที่เธอพูดออกมา เธอกับตั่นโก๋ซูนนั้นเป็นนักเรียนมัธยมปลาย เธอหัวไม่ค่อยดี ส่วนตั่นโก๋ซูนนั้นหัวดี จากนั้นตอนสอบเข้ามหาลัย เพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกัน ตั่นโก๋ซูนนั้นสมัครใจที่จะอยู่ร่วมกับเธอ สองคนสมความปรารถนาได้เข้ามหาลัย จนกระทั่งจบการศึกษา
แม้กระทั่งหลังจากที่ได้งาน พวกเขาสองคนก็อยู่แผนกเดียวกัน นี่เป็นความสัมพันธ์ที่รักกันอย่างดูดดื่ม ทำเอาผมที่ฟังอยู่นั้นรู้สึกอิจฉาตาร้อนขึ้นมาเลยทีเดียว
แต่ก็มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ตั่นโก๋ซูนเข้าเวรอยู่ที่แผนก ซูเสี่ยวฉินนั้นกลับบ้านคนเดียว บนถนนถูกหัวหน้านักเลงเจอเข้า จากนั้นเรื่องราวต่อจากนั้นยังคงทำร้ายจิตใจของซูเสี่ยวฉินนั้นบอบช้ำไม่มีที่สิ้นสุด และยังคงเหลือรอยแผลยาวเกือบยี่สิบเซนติเมตรทิ้งไว้บนขาเล็กๆของเธอ
หลังจากที่ตั่นโก๋ซูนรู้เรื่องเข้า ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา และขัดขวางไม่ให้คนอื่นไปแจ้งความ เขาไม่อยากให้ชื่อเสียงของซูเสี่ยวฉินต้องพังป่นปี้
เขารู้ว่าพี่ใหญ่ของนักเลงคนนั้นเป็นใคร เขาจึงหิ้วปังตอไป จนเจอฝั่งตรงข้าม
คืนนั้น เรื่องอังเอิญก็คือหัวหน้านักเลงคนนั้นกำลังดื่มเบียร์อยู่กับผังเจี้ยนจวิน
หลังจากที่ตั่นโก๋ซูนมาถึงตัวของหัวหน้านักเลงคนนั้น ก็ควักมีปังตอแหลมคมออกมาจากเอว ไม่พูดไม่จาแม้แต่คำเดียวกระโดดตรงเข้าไปฟัน เข้าไปฟันหัวหน้านักเลงคนนั้นที่หัวจนขาด เหมือนลูกบอลกลิ้งตกลงมา และคนที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างผังเจี้ยนจวินนั้น ก็ถูกเลือดสาดเต็มร่างกายไปหมด
พริบตาเดียว ลูกน้องทั้งหมดก็ตามผังเจี้ยนจวินออกมา ต้องการฟันเขา
และตั่นโก๋ซูนเขาก็ขว้างมีดปังตอออกไปตรงๆ จากนั้นก็หมอบลงไปกับพื้น
ตอนที่ทุกคนทั้งหมดคิดว่าเขาอยากร้องขอความเมตตา รวมถึงผังเจี้ยนจวินเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันตอนนั้น ตั่นโก๋ซูนก็ยกนิ้วทั้งสองขึ้นมาจากพื้น
จนกระทั่งตอนนี้ทุกคนถึงจะสังเกตเห็น นิ้วชี้และนิ้วกลางที่มือซ้ายของเขานั้นหายไปแล้ว เฉือนออกไปแล้ว……
“คุณรู้หรือเปล่าว่าทำไมสองนิ้วนั้นถึงหลุดไป?”
ซูเสี่ยวฉินพิงมาที่ไหล่ของผม บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มที่แสนขมขื่น ไม่รอให้ผมตอบเธอก็พูดตอบคำถามตัวเองออกมา : “ตอนที่เขาดึงมีดออกมา ไม่ระวังเลยเฉือนนิ้วตัวเองออกไป”
“ตอนที่ทุกคนคิดว่าเขาจะต้องยกนิ้วออกมา เขาเองก็คิดว่าทุกคนคงจะเดาว่าคงจะเอานิ้วที่ขาดยกขึ้นมาแบบนั้น แต่สิ่งที่เขาทำหลังจากนั้น คุณเดาไม่ถูกแน่นอน”
ซูเสี่ยวฉินออกจากหัวไหล่ของผม หยิบบุหรี่สองมวนออกจากในกล่องบุหรี่ของผม จุดไฟด้วยกัน จากนั้นส่งหนึ่งมวนเข้าปากของผม
ตอนที่ผมสูดเข้าไปได้ครึ่งทาง เธอนั้นอยู่ดีๆก็พูดกับผมออกมาประโยคหนึ่ง “เขากินนิ้วนั้นเข้าไป”
ประโยคนี้ ทำผมระคายเคืองจนไอสำลักออกมา จนถึงขั้นที่ปอดเกือบจะสำลักออกมาด้วย
ผมไม่เข้าใจเลยว่านี่เป็นคนประเภทไหนกันแน่ ถึงจะดุดันได้ถึงขนาดนี้ ถึงขนาดที่ผมยังสามารถจินตนาการฉากในตอนนั้นออกมาได้ นั่นต้องมีเสียง ‘ก็อบแก๊บ’ ‘ก็อบแก๊บ’
ท่าทางของการเคี้ยวนิ้วตัวเองที่มีเลือดสดอยู่เต็มปาก จะต้องน่าสยดสยองและน่ากลัวมากแน่ๆ
“ท้ายที่สุด ผังเจี้ยนจวินไม่ได้ฆ่าเขา และยังให้เขาอยู่ข้างกาย เขานั้นฉลาดมาก เขาเองก็พึ่งพาความฉลาดนั้น ประสบความสำเร็จในการช่วยผังเจี้ยนจวินยึดครองมาได้หลายเขตอิทธิพล เหยียบย่ำหัวหน้ามาหลายคน……”
ซูเสี่ยวฉินยังพูดต่อ แต่ว่าผมกลับไม่เห็นว่าตั่นโก๋ซูนนั้นใช้ความฉลาดอะไรในการยึดเขตอิทธิพล บนเขตแดนนี้มีคนมากมาย และใช่ว่าใครจะฉลาดกว่าใครเสมอไป แต่เทียบเรื่องความโหดเหี้ยม ผมคิดว่าคงมีไม่กี่คนที่จะโหดเหี้ยมเท่าตั่นโก๋ซูนคนนี้ได้ขนาดนิ้วที่ถูกตัดของตัวเองยังพูดออกมาได้ว่ากินเข้าไป ช่างเป็นคนที่เหี้ยมโหดที่กินเข้าไปจริงๆ ถ้าหากว่าใช้ให้คนเหี้ยมโหดแบบนี้ไปต่อกรคนอื่นละก็ ใครจะสามารถรับได้ ใครจะกล้ารับได้?!
คืนนี้ ซูเสี่ยวฉินนั้นพูดกับผมมากมาย จนสุดท้ายพูดถึงความรู้สึกของพวกเขา
ตั้งแต่ตั่นโก๋ซูนเริ่มติดตามผังเจี้ยนจวิน เขาก็ไม่แตะต้องเธออีกเลย
ตอนแรกซูเสี่ยวฉินนึกว่าตั่นโก๋ซูนกังวลว่าจะทำลายความภูมิใจในตัวเองของเธอ กลัวว่าเธอยังหวาดกลัวเรื่องที่ถูกข่มขืนนั้นอยู่ แต่หลังจากนั้นเธอก็รู้ว่าเธอคิดผิด บางทีมันอาจจะถูก แต่อย่างน้อยที่สุดคือตอนที่เธอพบก็ผิดไปเรียบร้อยแล้ว
เพราะว่าตั่นโก๋ซูนนั้นไปชอบผู้หญิงคนอื่นเรียบร้อยแล้ว ผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเคยฆ่าคนเพื่อเธอคนนั้น ไปชอบผู้หญิงคนอื่นแล้ว!
ผมคิดว่า สองสามีภรรยาบ้าคู่นี้ไปแล้ว คนหนึ่งเพื่อผู้หญิงของตัวเองไปฆ่าคน ฆ่าเสร็จสุดท้ายแล้วดันไปชอบผู้หญิงคนอื่น ส่วนอีกคนเสเพลและมีมารยาทพร้อมกัน ทั้งบ้าคลั่งและเศร้าโศกในเวลาเดียวกัน
สองสามีภรรยาคู่นี้ บ้าไปแล้วจริงๆ..